เอี๊ยด !
จู่ๆ รถพอร์เชอร์ 911 ก็ขับกวัดแกว่งไปมา และเบรกอย่างกะทันหันจนเกิดเสียงดัง
หลังจากขับกวัดแกว่งเป็นระยะทางหลายสิบเมตร เหตุการณ์ทุกอย่างก็กลับสู่ภาวะปกติ
ฉู่เจียนเจียนั่งหลังตรงอยู่บนที่นั่งคนขับ มือทั้งสองข้างจับพวงมาลัยแน่น
สีหน้าของเธอตื่นตระหนกและมีเหงื่อไหลท่วมตัว
เกือบไปแล้ว
เมื่อกี้เกือบไปแล้ว !
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว รถอาจจะพลิกคว่ำไปแล้ว
ฉู่เจียนเจียสูดหายใจลึก แล้วหันไปมองเฉินตงอย่างรู้สึกผิด : “ขอโทษด้วยคุณเฉิน คุณบังคับฉันเองนะ ฉันเพียงแค่อยากจะเจรจาธุรกิจอย่างจริงจังกับคุณเท่านั้น”
เฉินตงในเวลานี้ นอนเอนศีรษะลงไปบนเบาะเรียบร้อยแล้ว
บนใบหน้าของเขายังคงฉาบไปด้วยสีแดงระเรื่อของความมึนเมาอยู่ และหมดสติไปเรียบร้อยแล้ว
เมื่อครู่ตอนที่ยาในตัวของเฉินตงกำลังออกฤทธิ์ หลังจากที่ฉู่เจียนเจียตื่นตระหนก เธอก็รีบลงมืออย่างเด็ดขาดในทันที
เธอตีจนกระทั่งเฉินตงหมดสติไป
ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่ช่วงหลายสิบเมตรที่รถขับกวัดแกว่งไปมาเท่านั้น
ในขณะที่กำลังตื่นตระหนก ฉู่เจียนเจียไม่อาจคิดหาวิธีอื่นเพื่อจะมาหยุดยั้งได้ทันจริงๆ
คงไม่สามารถปล่อยให้เฉินตงทำอะไรลงไปโดยขาดสติได้หรอกจริงไหม ?
เธอไม่ใช่จางหยู่หลันเสียหน่อย
“จางหยู่หลัน วิธีการของตระกูลจางของเธอมันสกปรกจริงๆ !”
ฉู่เจียนเจียกล่าวดูถูกตระกูลจางไปหนึ่งประโยค จากนั้นจึงเร่งความเร็วเครื่องของรถพอร์เชอ911ขึ้นอีกครั้ง
……
คืนนี้ เมืองทั้งเมืองกำลังถูกคลื่นใต้น้ำโหมกระหน่ำ
โจวเย่นชิวอยู่ในอารมณ์โกรธและหงุดหงิดเป็นอย่างมาก เขาใช้อำนาจและกำลังทั้งหมดที่เขามี เพื่อสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่ตึกยู่ฉวนให้ถึงที่สุด
เรื่องนี้ เกี่ยวพันถึงชีวิตของเฉินตง
อีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่านักฆ่าทั้งสิบกว่าคนนั้น ต่างพุ่งเป้ามาที่เฉินตงเพียงคนเดียว
ถ้าหากไม่สามารถสืบให้กระจ่างได้
ตระกูลเฉินคงจะต้องโกรธเขาเป็นฟืนเป็นไฟอย่างแน่นอน
ถึงขั้นว่า คนที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ทุกคน ก็ไม่อาจหนีจากความรับผิดชอบครั้งนี้ไปได้
ต่อให้เป็นตระกูลจางและตระกูลฉู่ก็ตาม !
มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้โจวเย่นชิวยังรู้สึกโชคดีนั่นก็คือ คุนหลุนและกูหลังพยายามต่อสู้อย่างถึงที่สุดจนสามารถปกป้องเฉินตงให้หนีออกไปได้
ฉู่เจียนเจียเองก็สามารถพาตัวเฉินตงออกไปจากเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานได้อย่างปลอดภัย
ในที่สุด หน่วยข่าวกรองก็รายงานกลับมาว่า ฉู่เจียนเจียพาเฉินตงไปส่งยังโรงพยาบาลลี่จิงเรียบร้อยแล้ว และคนก็อยู่ในอาการปลอดภัย
หลังจากได้ยินข่าวนี้ โจวเย่นชิวก็รู้สึกโล่งใจไม่น้อย
แต่เขาก็ยังคงนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น
ภายในเทียนเก๋อถูกทำความสะอาดจนหมดจด
โจวเย่นชิวไม่กล้าหยุดพัก เขารีบมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลลี่จิงตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ทันที
เฉินตงนอนอยู่ปนเตียงผู้ป่วย ยังคงหมดสติอยู่
ฉู่เจียนเจียคอยนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ ส่วนอีกฝั่งหนึ่งคือผู้อำนวยการหลิวและทีมแพทย์ชั้นแนวหน้า
การพยายามช่วยเหลือเกือบครึ่งคืน ทำให้ผู้อำนวยการหลิวและทีมแพทย์ชั้นนำต่างก็อยู่ในสภาพที่อ่อนเพลียไม่น้อย
“คุณหนู เฉินตงเป็นหลานเขยของผม ผมใช้ทีมแพทย์ชั้นยอดที่มีทั้งหมดในโรงพยาบาลเพื่อให้การช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว คุณวางใจเถอะ”
ผู้อำนวยการหลิวพูดกับฉู่เจียนเจีย
ด้านหนึ่งคือพูดเพื่อปลอบประโลม แต่อีกด้านหนึ่งก็พูดเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของแทนกู้ชิงหยิ่ง
อย่างไรเสีย สำหรับผู้อำนวยการหลิวแล้ว การที่ชายหญิงเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยภาวะฉุกเฉินตามลำพัง ก็ถือเป็นเรื่องน่าแปลกอยู่ดี
อีกทั้งรูปร่างหน้าตาของฉู่เจียนเจีย ก็ไม่ด้อยไปกว่ากู้ชิงหยิ่งเลย
“ขอบคุณผู้อำนวยการกับทีมแพทย์ทุกท่านมากค่ะ”
ฉู่เจียนเจียลุกขึ้นโค้งคำนับด้วยท่าทีอ่อนแรง
“คุณดูแลเฉินตงมาทั้งคืนแล้ว ผมจะรีบติดต่อให้คู่หมั้นของเขามาที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุด”
ผู้อำนวยการหลิวพูดพลาง ก็พาคณะแพทย์เดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไป
ฉู่เจียนเจียนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยความอ่อนเพลีย เธอนั่งมองเฉินตงและเหม่อลอยไป
ทันใดนั้นเอง เธอก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในรถขณะที่พาเฉินตงมาส่งที่โรงพยาบาลเมื่อคืน
จากนั้นใบหน้าของเธอก็เริ่มแดงโดยไม่รู้ตัว มือทั้งสองข้างกุมเข้าหากัน
แต่เมื่อมองดูผ้าพันแผลที่พันอยู่บนร่างกายของเฉินตง เธอก็กัดริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอเอาไว้แน่น จากนั้นจึงกระซิบออกมาเบาๆ
“คุณถามฉันเพียงว่าทำไมตอนนั้นฉันถึงเข้าไปรับมีดแทนคุณ แล้วคุณล่ะ เพราะอะไรถึงเข้าไปรับมีดแทนฉันด้วย ?”
เมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ฉู่เจียนเจียก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมา
ตอนนั้นเธอให้สัญชาตญาณทั้งหมดที่มีเพื่อปกป้องเฉินตงที่กำลังอ่อนแออยู่
แต่ตอนนั้นเฉินตงเองไร้ซึ่งเรี่ยวแรง แต่ทำไมยังรับมีดแทนเธออีก
ถ้านี่เป็นสัญชาตญาณจริงๆ ต้องเป็นสัญชาตญาณที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน ?
ผ่านไปสักพัก ประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเปิดออก
คนที่วิ่งเข้ามาคนแรกก็คือกู้ชิงหยิ่ง
เมื่อเห็นเฉินตงที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ดวงตาของกู้ชิงหยิ่งก็แดงก่ำในทันที เธอปาดน้ำตาแล้วโน้มตัวลงข้างเตียง จากนั้นจึงกระซิบเบาๆ ว่า : “เฉินตง……”
คนที่เดินตามเข้ามาติดๆ คือท่านหลงที่มีสีหน้าเคร่งเครียด
ทันทีที่เขาก้าวเข้ามาก็ทำให้ฉู่เจียนเจียรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
เธอรีบถามกู้ชิงหยิ่งทันที : “ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณคือ ?”
“เธอคือคู่หมั้นของคุณชาย”
ท่านหลงหันไปมองฉู่เจียนเจีย : “คุณหนูตระกูลฉู่ ?”
“ฉันคือฉู่เจียนเจีย คุณคือ ?”
ฉู่เจียนเจียมองท่านหลงอย่างสงสัย
“กระผมแซ่หลง” ท่านหลงยิ้มเล็กน้อย “เป็นคนรับใช้ของเจ้าบ้าน
“สวัสดีค่ะท่านหลง” ฉู่เจียนเจียรีบกล่าวทักทาย
ตอนนี้เอง กู้ชิงหยิ่งที่กำลังโศกเศร้าเสียใจอยู่ก็ยืนขึ้นมา
เธอรีบหันไปพยักหน้าเพื่อแสดงความขอบคุณฉู่เจียนเจียทันที : “ขอบคุณมากที่ช่วยเฉินตงไว้”
ระหว่างทางที่มา เธอได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทั้งหมดอย่างละเอียดจากปากของท่านหลงแล้ว
แน่นอนว่า สิ่งที่ท่านหลงรู้มาทั้งหมด ก็ได้ยินมาจากปากของคุนหลุนและกูหลัง
ใครจะไปคิดว่า งานเลี้ยงจะกลายเป็นการลอบสังหารไปได้ ?
กู้ชิงหยิ่งไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจะน่ากลัวและอันตรายขนาดไหน
เป็นเพราะเธอรู้ดีว่า ไม่เพียงแค่เฉินตงเท่านั้นที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่ในโรงพยาบาล แม้กระทั่งคุนหลุนและกูหลังเอง ตอนนี้ก็พักอยู่ในห้องพักผู้ป่วยที่อยู่ข้างๆ ในโรงพยาบาลลี่จิงเช่นกัน
“เป็นสิ่งที่ฉันสมควรทำอยู่แล้วค่ะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่างานเลี้ยงจะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ เป็นความผิดของเจียนเจียเอง”
ฉู่เจียนเจียโค้งคำนับ ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“เรื่องนี้ยังไม่เกี่ยวอะไรกับคุณชั่วคราว”
ท่านหลงพูดออกมาอย่างสงบ แต่น้ำเสียงกลับเย็นชาและเข้มงวด : “กระผมจะต้องสืบหาความจริงออกมาให้ได้ จะไม่ยอมปล่อยคนที่กล้าทำร้ายคุณชายให้ลอยนวลไปได้เด็ดขาด”
ฉู่เจียนเจียรู้สึกตกใจและไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก
ยังไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ชั่วคราว แต่ถ้าหากสืบพบเบาะแสอะไรแล้วล่ะก็ ตระกูลฉู่ก็หนีไม่พ้นเช่นกัน !
เธอเข้าใจความหมายของสิ่งที่ท่านหลงพูดดี แต่เหตุการณ์ดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ให้เธอพูดอะไรไปมากกว่านี้ก็คงไม่มีความหมาย
ตอนนี้เอง
ประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเปิดออกอีกครั้ง
โจวเย่นชิวรีบเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ
เมื่อเห็นท่านหลงยืนอยู่ในห้อง เขาก็ตกใจจนหน้าซีดเผือดทันที : “ท่านหลง……”
“กระผมรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว”
ท่านหลงเอ่ยถามเขาอย่างเย็นชาว่า : “ตอนนี้คุณมาทำอะไรที่โรงพยาบาล ?”
“ฉัน ฉันมาเยี่ยมคุณเฉิน” โจวเย่นชิวอยู่ในท่าทีตื่นตระหนก
ท่านหลงแสดงความไม่พอใจออกมา : “คุณไม่รู้สึกว่าการมาเยี่ยมครั้งนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นหรอกหรือ ? เหตุการณ์เกิดขึ้นที่หมู่ตึกยู่ฉวนของคุณ เรื่องเร่งด่วนขนาดนี้ คุณควรจะเอาเวลาไปรีบสืบหาความจริงออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อมาอธิบายให้คุณชายฟัง !”
น้ำเสียงที่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง ทำให้รู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง
โจวเย่นชิวรีบอธิบาย : “ท่านหลง หลังจากเกิดเรื่องขึ้น ผมก็รีบถ่ายทอดคำสั่งในทันที ผมให้หน่วยข่าวกรองภายใต้บังคับบัญชาของผมรีบสืบสวนอย่างเต็มกำลังตั้งแต่เมื่อคืนนี้ แต่น่าเสียดายที่ข้อมูลของผู้กระทำผิดเข้าถึงยากเกินไป”
“นักฆ่าสิบกว่าคน เกินครึ่งที่ถูกคุนหลุนและกูหลังฆ่าตาย แต่ที่เหลืออีกสองสามคน ขณะที่ถูกคุนหลุนและกูหลังจับกุมตัวเอาไว้ ก็ได้กัดยาพิษที่แอบซ่อนเอาไว้ที่ฟันเพื่อฆ่าตัวตาย ดังนั้นหากต้องการสืบหาความจริงให้กระจ่าง ก็คงต้องใช้เวลา”
“นักฆ่ากล้าตาย ? !”
ท่านหลงขมวดคิ้วแน่น จากนั้นแววตาจึงฉาบไปด้วยประกายของความดุดัน : “กระผมและคุณชาย รวมไปถึงเจ้าบ้าน ไม่มีเวลามานั่งรออย่างใจเย็น เวลาของคุณมีไม่มากแล้ว ถ้าหาตัวผู้บงการออกมาไม่ได้ เช่นนั้นทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จะต้องถูกจัดการทั้งหมด !”
“ฆ่าให้หมด ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว !”
เปรี้ยง !
โจวเย่นชิว กู้ชิงหยิ่ง และฉู่เจียนเจียต่างตกตะลึง
ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะต้องถูกจัดการทั้งหมด
นั่นไม่ได้หมายรวมถึงตระกูลจางและตระกูลฉู่ด้วยหรอกหรือ ?
ต้องชดใช้ด้วยชีวิตอย่างนั้นหรือ ?