The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – บทที่ 207 โอกาสพิสูจน์ตนเอง ไม่มีเบาะแสแม้แต่น้อย

บทที่ 207 โอกาสพิสูจน์ตนเอง ไม่มีเบาะแสแม้แต่น้อย

ภายในเครื่องบินส่วนตัว บรรยากาศเงียบสงัด

เสียงดังอึกทึกของเครื่องบินรบเหมือนกับเสียงสวดมนต์ที่ดังอื้ออึงอยู่ในหู

“คุณปู่……”

ใบหน้าของจางหยู่หลันซีดเผือดจนไม่หลงเหลือสีแดงอยู่เลยแม้แต่น้อย เธอรีบจับแขนของปู่เอาไว้แน่น

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางรู้สึกสับสน และแววตาของเขาก็ดูลนลาน

เขาเป็นถึงเจ้าบ้านตระกูลจาง ถึงแม้ว่าฐานะของตระกูลจางในเมืองหลวงจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุด แต่ก็ไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน

เมื่อมองออกไปที่กระบอกปืนของเครื่องบินรบที่อยู่นอกหน้าต่าง

ดูราวกับปากของสัตว์ร้ายที่ลึกเข้าไป ทำให้ไม่ต้องรู้สึกสงสัยเลยว่า มันจะสามารถกลืนกินเครื่องบินเข้าไปทั้งลำได้หรือไม่

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางสูดหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง จากนั้นจึงกำหมัดทั้งสองข้าง แล้วก้มศีรษะพูดออกมาอย่างเคร่งเครียดว่า : “เลี้ยวหัวกลับแล้วลงจอด !”

เครื่องบินรบทั้งสองลำขนาบเครื่องบินส่วนตัวไปตลอดทางจนกระทั่งลงจอด จากนั้นจึงบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า แล้วหายลับไปในกลีบเมฆ

ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที

แต่กลับทำให้หลังของคุณท่านใหญ่ตระกูลจางเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

เขาหัวเราะเยาะตัวเอง : “คิดไม่ถึงเลยว่า ชาตินี้ฉันจะได้ลิ้มรสชาติของการที่มีเครื่องบินรบ คอยบินขนาบข้างมาเช่นนี้”

จางหยู่หลันพูดอย่างหวาดกลัว : “คุณปู่ พวกเรา พวกเราจะทำเช่นไรดีคะ ?”

“ในเมื่อเรื่องนี้พวกเราไม่ได้เป็นคนก่อ เมื่อความจริงทุกอย่างกระจ่างแล้ว พวกเราก็จะสามารถกลับไปได้”

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางอยู่ในท่าทีสงบ : “หยู่หลันไม่ต้องเป็นห่วง มือของหลานที่ผลักเขาออกไป อย่างมากก็แค่ทำให้ความสัมพันธ์ของตระกูลจางของพวกเรากับเฉินตงจบสิ้นลงก็เท่านั้น เพียงแค่ชดเชยให้นิดหน่อยก็คงเพียงพอ แต่คนที่เขาต้องการจะเอาชีวิตจริงๆ ในครั้งนี้ก็คือคนที่ลอบสังหาร !”

หลังจากที่ได้ยิน

จางหยู่หลันก็รู้สึกใจชื้น

แต่เมื่อนึกถึงท่าทีที่ตัวเธอเองแสดงออกเมื่อคืนนี้ เธอก็รู้สึกผิดขึ้นมา : “ขอโทษด้วยค่ะคุณปู่ เป็นความผิดของหนูเอง”

หลังจากที่ตระกูลหลี่แห่งเมืองหลวงเกิดเรื่องขึ้น

ตระกูลจางเป็นตระกูลที่มั่งคั่งตระกูลแรกในเมืองหลวง ที่ตัดสินใจเดินทางมาหาเฉินตง

ทั้งๆ ที่มีไพ่ใบงามถืออยู่ในมือแล้วแท้ๆ แต่ทุกอย่างกลับพังไม่เป็นท่า

อีกทั้งเรื่องนี้ จางหยู่หลันก็มีส่วนอย่างมาก

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางรู้สึกหดหู่ในใจ แต่ก็ยังส่ายหัวเพื่อแสดงออกว่าไม่เป็นไร

ประตูเครื่องบินเปิดออก

“ไปกันเถอะ”

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางลุกขึ้น

ขณะที่ทั้งสองปู่หลานกำลังเดินลงมาจากเครื่องบิน

ท่านหลงก็ยืนรออยู่ด้านล่างด้วยตัวคนเดียวนานแล้ว

“ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับทั้งสองท่านกลับมาเมืองนี้อีกครั้ง”

ท่านหลงก้าวขึ้นไปข้างหน้า ยกมือขึ้นคารวะพลางพูดด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า : “ท่านหลง หากคุณต้องการให้พวกเราอยู่ต่อ ทำเพียงแค่บอกกล่าวกันดีๆ ก็พอแล้ว ถึงขั้นต้องใช้เครื่องบินรบเลยหรือ ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านหลงจางหายไปในทันที : “ถ้าไม่ใช่เพราะส่งเครื่องบินรบไปรับ ป่านนี้เครื่องบินคงจะบินไปถึงเมืองหลวงแล้วกระมัง ?”

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางมีท่าทีอึดอัด

“ก่อนที่เรื่องทุกอย่างจะกระจ่าง กระผมหวังว่าคุณท่านใหญ่ตระกูลจาง จะพาหลานสาวที่น่ารักของท่าน กลับไปพักอยู่ที่หมู่ตึกยู่ฉวนตามเดิม”

เสียงของท่านหลงฟังดูจริงจัง : “มิเช่นนั้น เมื่อครู่ที่เครื่องบินรบแสดงความเคารพนั้น แต่ทหารที่อยู่ด้านหลัง กระผมเองก็ไม่กล้ารับประกัน”

น้ำเสียงที่ฟังดูเย็นชาทำให้รู้สึกเสียวสันหลัง

“แต่ถึงอย่างไร ฉันเองก็เป็นถึงเจ้าบ้านตระกูลจาง ต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือ ?” คุณท่านใหญ่ตระกูลจางทำสีหน้าเศร้าหมอง

แต่ท่านหลงกลับยิ้มอย่างเย้อหยัน : “ตระกูลจางแห่งเมืองหลวง ตระกูลที่เติบโตมาได้เพราะอาศัยพวกเต้นกินรำกิน ถือว่ามีหน้ามีตามากนักหรือ ?”

“แก……” คุณท่านใหญ่ตระกูลจางโกรธจนเลือดขึ้นหน้า

ในสมัยโบราณ อาชีพนักแสดงถือเป็นอาชีพชั้นต่ำ

คำพูดของท่านหลง เป็นการดูถูกตระกูลจางที่สง่างามของเขาว่าเป็นพวกชั้นต่ำ

“กลับหมู่ตึกยู่ฉวน !”

เสียงเคร่งขรึมของท่านหลงดังขึ้น

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางโกรธจนใบหน้าเขียวคล้ำ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมพยักหน้าอย่างไม่มีทางเลือก : “รบกวนท่านหลงแล้ว”

หลังจากมองดูสองปู่หลานตระกูลจางเดินทางออกจากสนามบินไปแล้ว

สีหน้าของท่านหลงก็ดูเคร่งเครียดขึ้น : “ทุกคนคิดว่าคุณชายเป็นผู้สืบทอดมรดกที่เติบโตอยู่ด้านนอก ทำให้ถูกมองว่าต่ำชั้นกว่าผู้สืบทอดมรดกที่เติบโตภายในบ้านพวกนั้นอย่างนั้นหรือ ? มีดที่แทงคุณชายในครั้งนี้ หากไม่มีใครออกมาชดใช้แล้วล่ะก็ เลือดก็จะต้องล้างด้วยเลือด !”

คำพูดเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรง

ตามความเห็นของท่านหลงแล้ว การที่เฉินตงถูกลอบสังหารในครั้งนี้ ถึงแม้จะตกอยู่ในอันตรายไม่น้อย แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่จะได้พิสูจน์ตัวเองที่หาได้ยากยิ่ง !

อาศัยเหตุการณ์ในครั้งนี้ แสดงให้คนทั้งโลกเห็นว่า ตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลเฉินของเฉินตงในบ้านตระกูลเฉินนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร

เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นในตระกูลหลี่ ทำให้เฉินตงเป็นที่จับตามองของตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงไม่น้อย

มีทั้งคนที่รู้สึกหวาดกลัวและคนที่ต้องการจะผูกมิตร……ทำให้ตระกูลใหญ่ต่างมีลับลมคมใน

เป็นเพราะตระกูลใหญ่ที่มั่งคั่งรู้ดีว่า ผู้ที่จะได้รับตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉินนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน เป็นเรื่องยากที่จะใกล้ชิดและมีปฏิสัมพันธ์ได้

อีกทั้งผู้สืบทอดมรดก “นอกคอก” ของตระกูลเฉินคนหนึ่ง อยู่ท่ามกลางตระกูลใหญ่ที่มีลับลมคมในเหล่านั้น จึงเห็นได้ชัดว่าสามารถ “ประสบความสำเร็จ” ได้ง่ายยิ่งกว่าผู้สืบทอดมรดกจริงของตระกูลเฉินเสียอีก

นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางมาของตระกูลจางและตระกูลฉู่ ซึ่งส่งผลให้เกิดการลอบฆ่าครั้งนี้ขึ้น

ไม่เพียงแต่ท่านหลงที่รู้สึกเช่นนี้เท่านั้น แม้แต่เฉินเต้าหลินเองก็ออกคำสั่งมาแล้วด้วยตนเองตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา

ให้ใช้โอกาสในครั้งนี้ ประกาศให้ตระกูลใหญ่เหล่านั้นได้รู้ว่า ต่อให้เป็นผู้สืบทอดมรดก “นอกคอก” ของตระกูลเฉิน ก็ไม่ใช่คนที่พวกปลายแถวอย่างพวกเขาจะเข้ามาแตะต้องได้ตามอำเภอใจ !

หากการลอบฆ่า ไม่สามารถสืบหาความจริงให้กระจ่างได้

เช่นนั้น เลือดก็ต้องล้างด้วยเลือด !

ให้คนเหล่านั้นได้รู้ว่า ในฐานะที่เฉินตงเป็นผู้สืบทอดมรดก เพียงแค่มีดเล่มเดียวที่ทำร้ายเขา ก็สามารถทำให้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต้องชดใช้ด้วยชีวิต !

ให้คนเหล่านั้นหวั่นเกรง หวาดกลัว และไม่กล้ากระทำการโดยประมาทกับเฉินตงอีก !

หมู่ตึกยู่ฉวน

โจวเย่นชิวรีบร้อนจนกระทั่งศีรษะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ และหายใจเหนื่อยหอบ

เขาดูรายงานที่ทยอยส่งเข้ามาทีละฉบับและโกรธจนกัดฟันแน่น

“ไอ้พวกขยะ ไอ้พวกไม่ได้เรื่อง !”

ปัง !

โจวเย่นชิวตะโกนด่าทอออกมา จากนั้นจึงโยนข้อมูลทั้งหมดลงถังขยะ

“เวลาหนึ่งคืน หนึ่งคืนเต็มๆ ยังหาเงื่อนงำอะไรไม่เจออีก แล้วจะให้ฉันเลือกขยะอย่างพวกแกเอาไว้ทำไมกัน ?”

ด้วยนิสัยและอารมณ์โดยปกติของโจวเย่นชิวแล้ว เป็นการยากที่จะเห็นเขาตะโกนด่าทอในลักษณะเช่นนี้

แสดงให้เห็นว่าครั้งนี้เขารู้สึกร้อนใจเหมือนถูกไฟลนก้นแล้วจริงๆ

เป็นเพราะโจวเย่นชิวรู้ดีว่า คำพูดที่ท่านหลงพูดว่า “ฆ่าให้หมด ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว” หมายรวมถึงตัวเขาด้วย !

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าผู้บงการในการลอบสังหารครั้งนี้ ได้มีการวางแผนมาเป็นอย่างดี นักฆ่าทั้งสิบกว่าคน เป็นนักฆ่ากล้าตายทั้งหมด เมื่อนักฆ่าสิบกว่าคนตายไป เบาะแสทั้งหมดก็แทบจะไม่หลงเหลืออยู่อีกเลย

ก๊อกๆ !

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“ใคร ?”

โจวเย่นชิวตะโกนด้วยความรำคาญ

“ประธานโจว ฉัน ฉู่เจียนเจียเองค่ะ”

โจวเย่นชิวมีท่าทีอ่อนโยนลงเล็กน้อย จากนั้นจึงพูดว่า : “คุณหนูฉู่ เชิญเข้ามาครับ”

ฉู่เจียนเจียผลักประตูเดินเข้ามา

“ได้เบาะแสบ้างหรือยังคะ ?”

โจวเย่นชิวชี้ไปยังกองข้อมูลที่กองอยู่บนพื้น : “เมื่อนักฆ่ากล้าตายสิบกว่าคนนั้นตายไปหมด เบาะแสก็ไม่หลงเหลืออีก สิ่งที่หน่วยข่าวกรองของผมสืบหามาได้ ก็เป็นข้อมูลเพียงผิวเผินเท่านั้น ไม่สามารถสาวไปถึงตัวผู้บงการได้”

ฉู่เจียนเจียขมวดคิ้วแน่น จากนั้นจึงถอนหายใจออกมา : “วางใจเถอะค่ะ ฉันติดต่อกลับไปที่ตระกูลแล้ว และสั่งให้หน่วยข่าวกรองของตระกูลฉู่ช่วยสืบหาอีกแรงแล้ว”

“เกรงว่าคงจะยากสักหน่อย”

โจวเย่นชิวถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ : “อีกฝ่ายไม่ปล่อยให้เรามีโอกาสสืบหาความจริงให้กระจ่างได้ คุณเชื่อหรือไม่ว่า นักฆ่ากล้าตายสิบกว่าคนเหล่านั้น ไม่ว่าสุดท้ายการลอบสังหารจะทำได้สำเร็จหรือไม่ พวกเขาก็จะกัดยาพิษในปากแล้วกลืนลงท้องเพื่อฆ่าตัวตายอยู่ดี ?”

ฉู่เจียนเจียพยักหน้าแล้วยิ้มเบาๆ : “ประธานโจวพูดถูกต้อง แต่ใครล่ะที่สามารถรวบรวมนักฆ่ากล้าตายจำนวนสิบกว่าคนได้ อีกทั้งยังกล้าเสียสละชีวิตคนนับสิบ และกล้าที่จะลองดีกับผลที่ตามมาจากการท้าทายตระกูลเฉิน ? อย่างน้อยตระกูลฉู่ของเราก็คงไม่กล้า”

โจวเย่นชิวผงะไปชั่วครู่ รู้สึกเหมือนตื่นจากฝัน

“ขอบคุณคุณหนูฉู่มากที่เตือนสติ ตอนนี้ผมพอจะรู้ทิศทางแล้ว การสืบหาน่าจะง่ายขึ้นมาก”

ฉู่เจียนเจียพยักหน้า : “ตอนนี้พวกเราต่างก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ตระกูลจางเองก็คงกำลังใช้หน่วยข่าวกรองด้วยเช่นกัน”

โจวเย่นชิวมีท่าทีตื่นเต้น……

เวลาบ่าย

ในที่สุดเฉินตงก็ฟื้นขึ้นมา

เมื่อเขาหันมองกู้ชิงหยิ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกงุนงงเล็กน้อย : “คุณรู้เรื่องแล้ว ?”

“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ฉันจะไม่รู้ได้อย่างไร ?”

ใบหน้าของกู้ชิงหยิ่งเต็มไปด้วยความเป็นห่วง เธอหยิกแขนของเฉินตงแรงๆ หนึ่งครั้งด้วยความโกรธ : “คนโง่ ทำไมถึงทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายขนาดนี้นะ ? ตอนนี้คุณไม่รู้หรืออย่างไรว่า ไม่ได้มีแม่ของคุณเพียงคนเดียวเท่านั้นนะที่เป็นห่วงคุณ ?”

คิดว่าผมโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ !

เฉินตงรู้สึกจนใจ ใครจะไปรู้ล่ะว่า งานเลี้ยงจะกลายเป็นการลอบสังหารไปได้ ?

เพียงแต่ว่า เมื่อมองดูกู้ชิงหยิ่งที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง จู่ๆ เฉินตงก็นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะหมดสติไป

เขาตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะหนึ่ง

เมื่อคืนกับฉู่เจียนเจีย……หรือว่า……

จู่ๆ เฉินตงก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท