The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – บทที่ 211 ร่วมธุรกิจเพียงอย่างเดียว

บทที่ 211 ร่วมธุรกิจเพียงอย่างเดียว

ตุ๊บ !

ฉู่เจียนเจียกำหมัดแน่น จากนั้นจึงต่อยเข้าไปที่ใบหน้าของเฉินตง

เฉินตงตัวเอียง แล้วส่งเสียงร้องดัง “โอ๊ย” ออกมา

เขารู้สึกว่าหัวของเขาสั่นในทันที จนแทบจะหมดสติ

“แบบนี้แหละค่ะ”

ฉู่เจียนเจียกลับไปนั่งที่เก้าอี้ : “แต่ว่าวันนั้น ฉันต่อยคุณจนสลบ แต่ครั้งนี้ฉันออมแรงเอาไว้”

เฉินตงลูบใบหน้าที่ถูกต่อยของเขา จากนั้นจึงมองไปที่ฉู่เจียนเจียอย่างขมขื่น : “คุณแค่พูดก็พอแล้วนี่ ทำไมจะต้องต่อยผมอีกครั้งด้วย ?”

ฉู่เจียนเจียทำท่าทีเย็นชา : “ถ้าคืนนั้นไม่ใช่เพราะมีตอบโต้ได้ทันเวลา ต่อยคุณให้สลบไปเสียก่อน คุณคงจะได้ทำอะไรเกินเลยแล้วจริงๆ”

“ฉันมาหาคุณเพื่อที่จะเจรจาธุรกิจ ตั้งแต่เล็กจนโตไม่มีใครกล้าทำกับฉันแบบนี้ ตอนนี้ร่างกายของคุณฟื้นฟูแล้ว จะไม่ยอมให้ฉันต่อยเพื่อระบายอารมณ์หน่อยหรือ ?”

เฉินตง : “……”

มันก็จริง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าฟังดูมีเหตุผลขึ้นมา

แต่เขาเองก็ได้รู้จักฉู่เจียนเจียในมุมมองใหม่

ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแต่เย็นชาเท่านั้น แต่เธอยังเป็นคนที่มีอารมณ์แข็งแกร่งอีกด้วย

เขารู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก

ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย แต่เฉินตงกลับรู้สึกโล่งใจ

ยังดีที่ไม่ได้ทำเรื่องอะไรเกินเลย

มิเช่นนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าตนเองจะไปสู้หน้ากับกู้ชิงหยิ่งได้อย่างไร

“คุณเรียกฉันมา เพื่อถามแค่นี้หรือ ?”

ฉู่เจียนเจียเลิกคิ้วถาม มือทั้งสองข้างกอดอก

เฉินตงพยักหน้า

“คนบ้า !”

เมื่อเห็นสีหน้าเบื่อหน่ายของฉู่เจียนเจีย เฉินตงก็รีบหลบสายตาทันที

เรื่องที่เขาต้องการแน่ใจมากที่สุด ตอนนี้เขาแน่ใจแล้ว ไม่ว่าฉู่เจียนเจียจะมองเขาอย่างไร เขาก็ไม่ได้สนใจ

สักพัก เฉินตงจึงเอ่ยถามขึ้นว่า : “จริงสิ คุณบอกว่าต้องการเจรจาธุรกิจ มันคือธุรกิจอะไรกันแน่ ?”

ในที่สุดก็เข้าเรื่องเสียที !

ฉู่เจียนเจียรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก

คำถามของเฉินตงทำให้เธอรู้สึกโล่งใจขึ้นมาได้อีกครั้ง

ครั้งนี้เธอเป็นตัวแทนของตระกูลฉู่เดินทางมาหาเฉินตง จริงๆ แล้วมีจุดประสงค์เช่นเดียวกับตระกูลจาง คือต้องการกระชับความสัมพันธ์กับเฉินตงและผูกมิตร

ตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกของเฉินตงนั้นสำคัญมากจริงๆ

ถึงแม้ผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉินจะมีอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้โอกาสที่เฉินตงจะได้เป็นเจ้าบ้านในอนาคตนั้นมีอยู่น้อยมาก

แต่สำหรับฉู่เจียนเจียแล้ว ก็ถือว่ายังคุ้มค่าที่จะลองเสี่ยงดู !

ฐานะและความมั่นคงแข็งแกร่งของตระกูลจางและตระกูลฉู่ในเมืองหลวงนั้น ยังไม่ถือว่าอยู่ในระดับสูงสุด อีกทั้งกว่าที่จะพัฒนามาจนถึงทุกวันนี้ได้ จะต้องอาศัยความพยายามของตนเองเป็นหลัก จึงเป็นการยากที่จะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว

ถ้าหากเธอพนันข้างเฉินตงแล้วเขาเป็นฝ่ายชนะ เพียงแค่อาศัยพึ่งใบบุญของมังกรเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลของเธอขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเมืองหลวงได้จริงๆ

ความแตกต่างในการผูกมิตรกับเฉินตงของตระกูลจางและตระกูลฉู่ก็คือ ฉู่เจียนเจียคิดที่จะอาศัยเรื่องการเจรจาธุรกิจในการผูกมิตร ส่วนจางหยู่หลันนั้น กลับคิดที่จะใช่ร่างกายของตัวเองเป็นเครื่องแลกเปลี่ยนในการผูกมิตร

อีกทั้งตอนนี้ เฉินตงก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากถามด้วยตนเอง

ทำให้ฉู่เจียนเจียแน่ใจได้ในทันทีว่า เฉินตงได้ตัดสินใจเลือกระหว่างสองตระกูลแล้ว

ในเมื่อมีเรื่องธุรกิจให้เจรจา ก็จะสามารถใกล้ชิดกับเฉินตงได้มากขึ้น ส่วนที่เหลือก็คงต้องอาศัยเวลาเป็นตัวช่วย

ใบหน้าเย็นชาของฉู่เจียนเจีย ปรากฏรอยยิ้มอันอบอุ่นออกมา : “ไม่ทราบว่าคุณเฉินสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในธุรกิจด้านสื่อบันเทิงบ้างหรือไม่ ?”

“ก็น่าสนใจนะ”

เฉินตงพยักหน้าแล้วตอบว่า : “ต้องใช้เงินเท่าไหร่ ?”

การตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา ทำให้ฉู่เจียนเจียรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

เดิมทีเธอเตรียมตัวมามากมาย แต่เมื่อเฉินตงพูดอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ทำให้สิ่งที่เธอเตรียมตัวมานั้นสูญเปล่า

“เอ่อ คุณเฉินคะ คุณจะไม่ฟังรายละเอียดหน่อยหรือ ?” ฉู่เจียนเจียถามออกมาอย่างรู้สึกสูญเสียความมั่นใจเล็กน้อย

เฉินตงส่ายหัว แล้วยิ้มเล็กน้อย : “คุณกล้ารับมีดแทนผมขนาดนี้ แค่น้ำใจในครั้งนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้ผมยอมร่วมลงทุนกับคุณได้แล้ว แค่คุณเป็นคนจัดการ ผมก็วางใจ ไม่ต้องถามอะไรมากอีก”

เฉินตงรู้ถึงจุดประสงค์ในการมาของตระกูลจางและตระกูลฉู่ดี

แต่เมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลจางแล้ว วิธีการที่ตระกูลฉู่ใช้ ทำให้เขารู้สึกสบายใจมากกว่า

แต่สิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจร่วมลงทุนก็คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเทียนเก๋อคืนนั้น ฉู่เจียนเจียพาเขารอดพ้นจากความตายมาได้ รวมไปถึงยังรับมีดแทนเขา

ในเมื่อรู้จุดประสงค์ของอีกฝ่ายชัดเจนแล้ว ทำไมยังต้องถามให้มากความอีก ?

เปลือกนอกดูเหมือนใช้เงินลงทุนเพื่อทำธุรกิจร่วมกัน แต่หากมองให้ลึกลงไปก็คือ ต้องการใช้โอกาสในการทำธุรกิจครั้งนี้ กระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ฉู่เจียนเจียรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก

ใช้เวลาสักครู่เธอจึงจะสามารถระงับความตื่นเต้นลงมาได้

ฉู่เจียนเจียสูดหายใจเข้าเต็มปอด แล้วพูดว่า : “ต้องใช้เงินจำนวนหนึ่งพันล้านค่ะ ของคุณเฉินหนึ่งพันล้าน ของตระกูลฉู่เราอีกหนึ่งพันล้าน เพื่อใช้ก่อตั้งบริษัทสื่อบันเทิงขึ้นมาใหม่”

“เอาเลขบัญชีมาให้ผม” เฉินตงพูดอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ลังเล

ทุกสิ่งเกิดขึ้นภายในระยะเวลาเพียงสองสามนาทีเท่านั้น

จนกระทั่งฉู่เจียนเจียเดินออกจากประตูห้องพักผู้ป่วย เธอยังรู้สึกเหมือนตัวเองยังอยู่ในโลกของความฝันไม่ใช่ความจริง

ธุรกิจมูลค่าพันล้าน ก่อตั้งบริษัทใหม่

ใช้เวลาเจรจาเพียงแค่สองสามนาทีเองหรือ ?

ก่อนจะมาที่นี่ เธอถึงขั้นวางแผนกับผู้ใหญ่ในตระกูลหลายคน ถึงขนาดเตรียมรูปแบบการดำเนินงานของบริษัท อัตราส่วนของกำไรและข้อมูลในส่วนอื่นเอาไว้อย่างดี

นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตระกูลฉู่ถึงได้เดินทางมาช้ากว่าตระกูลจางหลายวัน

แต่ตอนนี้ ทุกสิ่งที่เตรียมมากลับไม่ได้ใช้ !

เงินพันล้านอยู่ในมือแล้ว !

เธอบีบแก้มของตัวเองอย่างแรงจนเป็นรอยแดง

เจ็บ !

ไม่ได้ฝันไปจริงๆ !

ฉู่เจียนเจียหัวใจเต้นเร็ว แววตาของเธอเต็มไปด้วยความเบิกบาน

ตอนนี้ เธอรู้สึกตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก

เธอรีบเดินทางกลับหมู่ตึกยู่ฉวนโดยไม่รีรอ หลังจากเก็บกระเป๋าเดินทางเสร็จแล้ว ก็รีบเดินทางกลับเมืองหลวงในทันที

ในเมื่อเงินอยู่ในมือแล้ว ก็จะต้องรีบสร้างบริษัทขึ้นมาให้เร็วที่สุด

อีกทั้งสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกดีใจก็คือ เธอมีช่องทางในการติดต่อกับเฉินตงแล้วจริงๆ

เธอต้องการที่จะนำข่าวนี้กลับไปบอกตระกูลฉู่

“ถ้าหากพ่อและผู้ใหญ่คนอื่นๆ รู้ว่าฉันเจรจาธุรกิจได้อย่างราบรื่นละก็ จะรู้สึกแปลกใจกันไหมนะ ?”

นี่คือสิ่งที่ฉู่เจียนเจียกำลังคิด

หมู่ตึกยู่ฉวน

“คุณปู่คะ นังฉู่เจียนเจียมันกลับไปแล้ว !”

จางหยู่หลันหน้าถอดสี ใบหน้าที่งดงามของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“แย่แล้ว !”

ใบหน้าของคุณท่านใหญ่ตระกูลจางที่กำลังดื่มด่ำกับรสชาติของชาเปลี่ยนไปทันที “เพล้ง” เขาทุกถ้วยชาที่อยู่ในมือจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

“สำเร็จแล้ว ! ยัยเด็กฉู่เจียนเจียนั่นคงจะทำสำเร็จแล้วแน่ๆ ถึงได้กลับไปเร็วขนาดนี้ !”

ตอนนี้ คุณท่านใหญ่ตระกูลจางรู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก เหมือนสูญสิ้นเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี และทรุดตัวลงไปนั่งบนเก้าอี้

“คุณปู่” จางหยู่หลันรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

“หยู่หลันเอ๋ย ครั้งนี้ตระกูลจางของเรา แพ้ราบคาบแล้วจริงๆ !”

นำเสียงของคุณท่านใหญ่ตระกูลจางสะอึกสะอื้น ดวงตาของเขาแดงก่ำ : “คิดผิดแล้ว ปู่วางแผนมาทั้งชีวิตไม่เคยผิดพลาดมาก่อน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องนี้ จะต้องพ่ายแพ้อย่างราบคาบเช่นนี้ ! ถ้าหากเจรจาธุรกิจ ตระกูลจางของเราในฐานะที่เป็นมหาอำนาจในอุตสาหกรรมด้านสื่อบันเทิงอยู่แล้ว ย่อมมีธุรกิจที่ใหญ่กว่านี้ ที่สามารถเจรจากับเฉินตงได้ แต่ปู่กลับ……”

เมื่อพูดถึงประโยคสุดท้าย คุณท่านใหญ่ตระกูลจางก็นิ่งไป

เขาหลงทางตั้งแต่ต้นแล้ว หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ เขามั่นใจในความงามของจางหยู่หลันมากเกินไป

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางคิดเพียงแค่ว่าฮีโร่หนุ่มจะต้องตกหลุมรักสาวงาม แต่คิดไม่ถึงว่าเฉินตงจะไม่แม้แต่ชายตามามองจางหยู่หลันเลยสักนิด !

ในทางกลับกัน เมื่อเป็นการเจรจาธุรกิจที่จริงจัง เฉินตงกลับตอบรับอย่างรวดเร็ว

“ไม่มีทาง คุณปู่ใจเย็นหน่อยนะคะ ตระกูลฉู่เพียงแค่ผูกมิตรกับเฉินตงได้เท่านั้น ถึงแม้พวกเราจะผูกมิตรไม่สำเร็จ แต่ตระกูลจางของพวกเราก็ยังเดินนำหน้าตระกูลฉู่อยู่หนึ่งก้าวอยู่ดี”

จางหยู่หลันรีบพูดปลอบใจ

“หยู่หลัน หนูไม่เข้าใจหรอก !”

ตัวของคุณท่านใหญ่ตระกูลจางสั่นเทา : “หากมองไปถึงอนาคตไกลๆ การได้ใกล้ชิดกับเฉินตง หากเฉินตงมีโอกาสกลายเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉินจริงๆ นั่นเท่ากับว่าจะได้พึ่งใบบุญของมังกร แม้กระทั่งตอนนี้ หากผูกมิตรกับเฉินตงได้ ก็จะมีประโยชน์อย่างมหาศาล !”

เผชิญหน้ากับความงุนงงของจางหยู่หลัน

ดวงตาแดงก่ำของคุณทางใหญ่ตระกูลจาง มองด้วยแววตาที่เฉียบคมราวกับมีด : “ก่อนหน้าที่เฉินตงและเฉินเต้าหลินเพิ่งจะโจมตีตระกูลหลี่ไปนะ ! ตระกูลฉู่ที่ผูกมิตรกับเฉินตงได้สำเร็จ สามารถอาศัยแรงผลักดันในครั้งนี้ ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้นภายใต้ลมพายุที่กำลังพัดแรงในเมืองหลวงได้ !”

จางหยู่หลันตัวสั่น : “คุณปู่หมายความว่า……ตระกูลฉู่อาจจะสามารถสั่นคลอนฐานะของตระกูลจางได้อย่างนั้นหรือคะ ?”

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางออกแรงพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก

เขาเกือบคร่ำครวญและพูดออกมาว่า : “ไพ่ใบงามที่อยู่ในมือ แต่กลับถูกพวกเราสองปู่หลานทำลายเสียหมดสิ้น ไม่เพียงแค่นี้ แต่เป็นเพราะเรื่องที่หนูผลักเฉินตงเข้าไปรับมีด ที่ทำให้ตระกูลจางของเราต้องแพ้อย่างไม่เห็นฝุ่นในครั้งนี้ด้วย !”

หากต้องชดใช้เพียงเพราะเรื่องที่ผลักเฉินตงออกไปรับมีด

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางก็ยังไม่คิดมากเท่าไหร่ ตระกูลจางสามารถยอมรับเรื่องการชดใช้ได้

แต่ทว่าตอนนี้ ฉู่เจียนเจียและเฉินตงลงทุนทำธุรกิจร่วมกันแล้ว นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่สามารถสั่นคลอนฐานะของตระกูลจางในธุรกิจด้านนี้ได้อย่างงแท้จริง

มองในมุมหนึ่งคือการชดใช้ แต่มองอีกมุมหนึ่งเกี่ยวพันถึงรากฐานที่มั่นคง !

ผลลัพธ์ที่ออกมา ทำให้คุณท่านใหญ่ตระกูลจางยากที่จะทำใจยอมรับได้ !

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท