หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
บริษัทสื่อบันเทิงของฉู่เจียนเจียก่อตั้งขึ้นอย่างราบรื่น โดยใช้ชื่อว่า บริษัท ชูตง เอ็นเตอร์เทนเม้นท์
หลังจากได้ยินชื่อนี้ เฉินตงก็หลุดขำออกมาทันที
เขาตีปากตัวเอง : “ชูตง……ฉู่ตง ?”
แต่เฉินตงก็ไม่ได้ใส่ใจ ในเมื่อตัดสินใจร่วมมือกันมาถึงขั้นนี้แล้ว ชื่อนี้ฉู่เจียนเจียคงจะแสดงออกถึงการให้เกียรติเขามากกว่า
และในสัปดาห์ที่ผ่านมา
หลังจากที่ตระกูลโจวแห่งซีสู่ได้รับโทษ
ไม่ช้า ตระกูลโจวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับไอน้ำที่ระเหยไป
เมื่อข่าวนี้รู้ไปถึงหูของบรรดาตระกูลใหญ่ ต่างก็รู้สึกตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากนั้นบรรดาตระกูลใหญ่ก็ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
ใครๆ ก็รู้ดีว่า ตระกูลโจวแห่งซีสู่เป็นแพะรับบาป
แต่ก็ไม่มีใครกล้าออกมาขัดขวาง ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครกล้าแสดงความสงสารต่อตระกูลโจว
แต่การก่อตั้ง “บริษัท ชูตง เอ็นเตอร์เทนเม้นท์” กลับทำให้เกิดกระแสเป็นคลื่นลูกใหญ่ขึ้นในเมืองหลวง
หน่วยข่าวกรองของตระกูลใหญ่ สามารถสืบหาข้อมูลออกมาได้อย่างแม่นยำภายในระยะเวลาอันรวดเร็วว่า บริษัทนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างเฉินตงและตระกูลฉู่
สิ่งนี้ส่งสัญญาณให้ทุกคนเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ตอนนี้เฉินตงจับมือกับตระกูลฉู่แล้ว
คาดว่าหลังจากนี้ น่าจะเป็นการพลิกโฉมครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมด้านสื่อบันเทิงอย่างแน่นอน
ตระกูลหลี่ถูกโจมตี ทำให้เมืองหลวงเกิดพายุลูกใหญ่ขึ้น
และการก่อตั้งของ “บริษัท ชูตง เอ็นเตอร์เทนเม้นท์” เห็นได้ชัดว่าเป็นการเติมเชื้อไฟให้กับเมืองหลวงในช่วงที่ไฟกำลังลุกโชนอยู่ ทำให้ไฟยิ่งร้อนระอุมากขึ้น
แต่ทว่า ในขณะที่ตระกูลใหญ่กำลังตกอยู่ในความตื่นตะลึง ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่กำลังหัวเราะเยาะกับความใจร้อนของตระกูลฉู่ที่รีบวิ่งเข้าไปหา
เพียงแค่ต้องการพึ่งใบบุญของมังกร ก็เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลฉู่ยอมกระโดดเข้าหาได้แล้ว
แล้วถ้าหากว่าคนที่เข้าไปพึ่งใบบุญไม่ใช่มังกร แต่เป็นเพียงแค่หนอนล่ะ ?
หัวกะทิของตระกูลเฉินมีมากมายนับไม่ถ้วน ตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกเองก็ใช่ว่าจะตบมือข้างเดียวได้
เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉินในอนาคต ผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉินแต่ละคนเองก็ล้วนทำตัวลึกลับและสูงส่ง
ผู้สืบทอดมรดก “นอกคอก” ของตระกูลเฉินคนหนึ่ง ก็สามารถทำให้คนจำนวนมากรู้สึกถึงโอกาสได้
แต่เมื่อลองคิดดูอย่างละเอียดแล้ว ผู้สืบทอดมรดก “นอกคอก” ของตระกูลเฉิน จะมีความแข็งแกร่งขนาดไหน ที่จะไปต่อสู้กับบรรดาผู้สืบทอดมรดกคนอื่นๆ กัน ?
ความเป็นไปได้ที่เฉินตงจะได้ขึ้นเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉิน ในสายตาของตระกูลใหญ่เหล่านี้นั้น ถือว่ามีโอกาสน้อยมาก
และถ้าหากเฉินตงเกิดพ่ายแพ้แล้วล่ะก็ ตระกูลฉู่เองก็จะต้องรอฟังข่าวร้ายเช่นกัน
ในสายตาของบรรดาตระกูลใหญ่เหล่านี้ ตระกูลฉู่กำลังเอาชีวิตไปแขวนไว้กับอนาคต เข้าร่วมการเดิมพันครั้งใหญ่ไปพร้อมกับเฉินตง !
แต่ทว่า โอกาสชนะมีอยู่น้อยมาก !
หมู่ตึกยู่ฉวน
หลังจากการรอมาหนึ่งสัปดาห์
ทำให้คูรท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันรู้สึกหมดความอดทนนานแล้ว
การก่อตั้งบริษัท ชูตง เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ทำให้สถานการณ์ในเมืองหลวงเปลี่ยนไป สิ่งนี้ทำให้คุณท่านใหญ่ตระกูลจางไม่อาจข่มตาหลับลงได้ รู้สึกเหมือนตนเองนั่งอยู่บนเข็มที่คอยทิ่มแทงอยู่ตลอดเวลา
“คุณปู่ แล้วพวกเราจะต้องรอต่อไปอย่างนี้หรือคะ ?”
เที่ยงวันนี้ จางหยู่หลันมองดูจานอาหารอันโอชะมากมายที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้า แต่กลับไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด
ถึงแม้ตอนนี้ เธอกับปู่จะอยู่อย่างอิสระภายในหมู่ตึกยู่ฉวน มีทั้งเสื้อผ้าที่หรูหราและอาหารอันโอชะมากมาย
แต่นี่ก็ไม่ต่างกับการถูกกักบริเวณเลยสักนิด !
เหนือจากสิ่งอื่นใด ตั้งแต่เล็กจนโต จางหยู่หลันไม่เคยต้องรับโทษในลักษณะเช่นนี้เลยสักครั้ง !
“รอไม่ได้อีกแล้ว ปู่จะรีบวางแผนกลับเมืองหลวงให้ได้โดยเร็วที่สุด ธุรกิจหลักของตระกูลเรา คงจะต้องล้างไพ่ใหม่ทั้งกระดานเสียแล้ว”
แววตาของคุณท่านใหญ่ตระกูลจางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น : “ถ้าหากยังรอต่อไปเช่นนี้ สถานการณ์ในเมืองหลวงจะต้องเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือจริงๆ แน่นอน !”
เขาโลดแล่นอยู่ในวงการธุรกิจมาหลายสิบปี จึงรู้ถึงความสำคัญของเวลาดี
ถ้าหากไม่สามารถกลับไปถึงเมืองหลวงได้ภายในการเปลี่ยนแปลงระยะเริ่มต้น เพื่อทำการคำนวณและวางแผนใหม่
รอให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ ต่อให้ตระกูลจางจะเป็นมหาอำนาจในอุตสาหกรรมด้านธุรกิจบันเทิง ก็ไม่มีทางที่จะมีกำลังมากพอในการเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก
ในสถานการณ์เช่นนี้ ทางเดียวที่จะรอดคือต้องพุ่งชน
ขณะที่พูดเขาก็ลุกขึ้น จากนั้นจึงเดินไปที่ประตู : “เด็กๆ ฉันต้องการพบโจวเย่นชิว !”
สิบนาทีผ่านไป
โจวเย่นชิวก็เดินมาถึง
ในช่วงนี้ เข้าไปได้เข้าไปที่บริษัท แต่ประจำอยู่ที่หมู่ตึกยู่ฉวนเป็นการชั่วคราว
เพื่อช่วยเฉินตงจับตาดูสองปู่หลานตระกูลจางเอาไว้
“คุณท่านใหญ่ตระกูลจาง มีอะไรให้รับใช้หรือครับ ?” โจวเย่นชิวเอ่ยถาม
“ฉันต้องการพบคุณเฉิน !”
สีหน้าของคุณท่านใหญ่ตระกูลจางเคร่งขรึม แววตาแน่วแน่จริงจัง
“เอ่อ……” โจวเย่นชิวลังเลอยู่สักพัก
“ฉันอยากจะไปขอรับผิดกับคุณเฉิน !”
คำพูดประโยคนี้ ทำให้โจวเย่นชิวยอมพยักหน้าตอบรับ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
คุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันเดินทางไปถึงโรงพยาบาลลี่จิง ภายใต้การนำทางของโจวเย่นชิว
ตอนนี้เพิ่งจะพ้นเวลาที่ยงมาได้เพียงไม่นาน
เฉินตงกำลังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เขากำลังกินแอปเปิลที่กู้ชิงหยิ่งปอกเปลือกให้อย่างสบายใจ
ส่วนฉินเย่และท่านหลงนั่งมองหน้ากันอยู่บนโซฟาที่อยู่ข้างๆ
ฉินเย่หยิบแอปเปิลขึ้นมาด้วยความโกรธ แล้วกัดเข้าไปเต็มแรงหนึ่งคำ
“ยังไม่ได้ล้าง” ท่านหลงกล่าว
ฉินเย่เคี้ยวไปพลาง เอ่ยปากตอบไปพลางว่า : “ต่อให้หมาตายไป ก็ไม่มีคู่รักคู่ไหนเขาสนใจหรอก !”
พรวด !
คำพูดประโยคนี้ ทำให้เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งหลุดขำออกมา
เฉินตงยิ้มแล้วพูดว่า : “อย่าลืมเสียล่ะ สิ่งที่ฉันรับปากนายเอาไว้ อีกเดี๋ยวขึ้นอยู่กับนายแล้วว่าจะแสดงออกมาได้ดีแค่ไหน”
ฉินเย่สะดุ้ง จากนั้นจึงมองตาปริบๆ
เขาคายแอปเปิลที่อยู่ในปากลงถังขยะ จากนั้นจึงพูดด้วยความดีใจว่า : “มาแล้วเหรอ ?”
“ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้ว” เฉินตงยิ้มกว้างออกมาอย่างมีเลศนัย และเหลือบไปมองท่านหลง
ท่านหลงยิ้มเล็กน้อยเป็นการตอบรับ
อันที่จริงแล้ว การที่ให้สองปู่หลานตระกูลจางพักอยู่ที่หมู่ตึกยู่ฉวนตลอดทั้งสัปดาห์ โดยไม่เข้าไปสนใจนั้น เป็นความคิดของท่านหลง
ถ้าหากเฉินตงกล่าวโทษตระกูลจางอย่างรุนแรง สำหรับตระกูลจางแล้ว ถือเป็นความเจ็บปวดเพียงชั่วคราวเท่านั้น
แต่ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปสักระยะ ให้ตระกูลจางเกิดความกดดันขึ้นภายในจิตใจอย่างต่อเนื่อง ให้พวกเขาเข้ามาขอรับผิดด้วยตัวเอง สิ่งนี้จึงจะทำให้ตระกูลจางสามารถจดจำความเจ็บปวดในครั้งนี้เอาไว้ได้
นี่คือวิธีการที่ผู้บังคับบัญชาควรมี
ก๊อกๆ !
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา”
เฉินตงเลิกคิ้ว ส่งสัญญาณให้ฉินเย่
ฉินเย่ส่งสัญญาณมือว่า OK จากนั่งจึงนั่งพิงลงที่โซฟา แล้วแสดงทีท่าไม่สนใจ
“คุณเฉิน คุณท่านใหญ่ตระกูลจางมาเยี่ยมคุณที่โรงพยาบาลแล้ว”
หลังจากโจวเย่นชิวเข้ามาแล้ว ก็พูดด้วยความนอบน้อมอย่างมาก
ส่วนคุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันก็เดินตามติดๆ มาทางด้านหลัง
ถึงแม้คุณท่านใหญ่ตระกูลจางจะอยู่ในท่าทีที่สงบ แต่แววตาของจางหยู่หลันกลับไม่อยู่กับร่องกับรอบ แสดงให้เห็นถึงความวิตกกังวลที่สองปู่หลานมี
“คุณเฉิน ผมมาเพื่อจะขอรับโทษกับคุณ”
คุณท่านใหญ่ตระกูลจางยิ้มออกมา จากนั้นจึงโค้งคำนับ
จู่ๆ เฉินตงก็หัวเราะออกมา
เขามองตรงไปยังคุณท่านใหญ่ตระกูลจางด้วยแววตาที่เหมือนมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ภายใน : “คุณท่านใหญ่ตระกูลจางพูดเล่นไปได้ คุณมีความผิดอะไรกัน ? ทำไมจะต้องมาขอรับโทษด้วย ?”
หลังจากได้ยิน
แววตาของคุณท่านใหญ่ตระกูลจางก็เป็นประกายขึ้นมา เขาขมวดคิ้วแน่นทันที
ส่วนจางหยู่หลันนั้นก็โกรธจนหน้าแดงและยืนลังเลอยู่
ผู้หญิงที่หยิ่งยโสอย่างเธอ ไม่ชินกับการท่าต้องก้มหัวเพื่อขอโทษคนอื่น
แต่เมื่อเห็นปู่ต้องยอมก้มศีรษะเพราะความผิดพลาดที่เธอก่อเอาไว้ รวมไปถึงสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในเมืองหลวง
ในที่สุด เธอก็ยอมกัดฟันหันไปโค้งคำนับเฉินตง แล้วพูดว่า : “คุณเฉิน ขออภัยด้วย คืนนั้นเป็นความผิดของฉันเองที่ทำให้คุณต้องเกือบถูกทำร้าย ขอคุณอภัยให้ด้วย”
“อ่อ ?”
เฉินตงแสยะยิ้มออกมา : “แผลที่อยู่บนหลังของผม ยังปิดไม่สนิทเลยนะ”
คำพูดประโยคเดียว แต่กลับทำให้บรรยากาศภายในห้องพักผู้ป่วยหนาวเหน็บในทันที
คุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันรู้สึกใจเต้นระส่ำพร้อมกัน
จู่ๆ คุณท่านใหญ่ตระกูลจางก็ตะคอกออกมาว่า : “หยู่หลัน คุกเข่าลง !”
จางหยู่หลันมองตาปริบๆ แต่ในที่สุดเธอก็ยอมคุกเข่าลงบนพื้น
“คำนับลงที่พื้นเพื่อยอมรับความผิดกับคุณเฉินซะ !”
คุณท่านใหญ่ตระกูลจางดุพลาง ก็หันกลับไปมองเฉินตงด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม : “คุณเฉิน หวังว่าคุณจะเห็นแก่ที่หยู่หลันยังเป็นเด็ก ไม่รู้ประสีประสา ยกโทษให้กับเธอ พวกเราตระกูลจาง ยินดีที่จะชดใช้ให้แก่คุณเป็นเงินพันล้าน”
เปรี้ยง !
คำพูดประโยคนี้ ทำให้จางหยู่หลันรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า
ผลักแค่ครั้งเดียว ต้องชดใช้ถึงพันล้านเชียวหรือ ?
เฉินตงไม่ได้ตอบรับในทันที
แต่เขากับนิ่งเงียบไป แล้วเหลือบไปมองฉินเย่
บรรยากาศภายในห้องพักผู้ป่วยเงียบลงไปชั่วขณะ ยิ่งทำให้คุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันกระวนกระวายใจเพิ่มขึ้น
ทันใดนั้น
ฉินเย่ที่นั่งอย่างไม่สนใจอะไรก็ลุกพรวดขึ้นมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “เฉินตง เห็นแก่ความเป็นพี่เป็นน้องที่ดีต่อกัน ตระกูลจางเองก็กล่าวขอโทษด้วยความจริงใจแล้ว ในฐานะที่คุณเองก็เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง มีเรื่องอะไรที่คุณยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่อีกหรือ ?”
ท่าทีที่กล้าหาญและน้ำเสียงที่จริงจัง
ทำให้ท่านหลงและกู้ชิงหยิ่งรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที
นี่เริ่มต้นการแสดงแล้วหรือ ?