The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – บทที่ 214 ร่วมเตียง

บทที่ 214 ร่วมเตียง

เฉินตงไม่ได้สนใจฉินเย่

เขาเดินเข้าประตูบ้านไป

หลายวันมานี้ เป็นเพราะทุกคนในบ้านช่วยเฉินตงปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ ทำให้หลี่หลานไม่รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เมื่อเห็นเฉินตง เธอก็รีบเดินเข้าไปหา แล้วพูดด้วยความเป็นห่วงว่า : “เด็กโง่ อยู่ที่บริษัทมาหลายวันเช่นนี้ ดูสิ ผอมลงไปตั้งเยอะ ถึงแม้งานจะหนัก แต่ก็ต้องรู้จักดูแลสุขภาพด้วยรู้ไหม”

“แม่ครับ ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องเป็นห่วง”

เฉินตงยิ้มเล็กน้อย ท่าทางของเขาสงบ ไม่แสดงออกให้เห็นถึงความผิดปกติใดๆ

“รีบไปพักผ่อนสักเดี๋ยวสิ ถ้าแม่กับฟ่านลู่ทำอาหารเย็นเสร็จแล้วจะขึ้นไปเรียกลูกเอง”

หลี่หลานคิดเพียงแค่ว่าหลายวันมานี้เฉินตงมัวแต่ทำงานหนักอยู่ที่บริษัท เป็นเพราะงานยุ่งเกินไปจึงไม่สามารถกลับบ้านได้

ตอนนี้ในเมื่อลูกชายกลับมาได้แล้ว เธอจึงไม่อยากให้เฉินตงต้องเหนื่อยแม้สักวินาทีเดียว

เฉินตงมองดูแม่ของเขาเดินเข้าห้องครัวไป แล้วจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นจึงหันหลังเดินขึ้นบันไดไป

แต่ขณะที่เขากำลังจะก้าวเท้าเดินขึ้นบันไดไป ก็มีเสียงของแม่ตะโกนดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

“เสี่ยวหยิ่ง หนูเองก็ไม่ต้องเหนื่อยนักเลย รีบขึ้นไปพักผ่อนกับเฉินตงเถอะ”

เฉินตงเดินโซเซจนแทบจะตกจากบันได

แม่พูดตรงเกินไปหรือเปล่า ?

“หา ? คุณป้า……”

กู้ชิงหยิ่งเองก็รู้สึกตกใจเช่นกัน

“ก็แค่อยู่เป็นเพื่อนเขา อย่าคิดอะไรมาก !” หลี่หลานยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่เอื้ออาทรของผู้เป็นแม่

แต่ใบหน้าของกู้ชิงหยิ่งกลับแดงก่ำไปเรียบร้อยแล้ว

เธอลังเลอยู่สักครู่ แต่ในที่สุดก็เดินเข้าไปหาเฉินตง

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างเก้อเขิน : “รู้สึกจะตรงเกินไปหน่อยใช่ไหม ?”

กู้ชิงหยิ่งตัวสั่นเล็กน้อย ใบหน้าอันงดงามที่เป็นสีแดงระเรื่ออยู่แล้ว กลับยิ่งแดงก่ำเข้าไปใหญ่

เธอคร่ำครวญออกมา : “นี่ เลิกพูดได้แล้ว รีบขึ้นไปเร็วเข้า”

เฉินตง : “……”

มองดูเฉินตงและกู้ชิงหยิ่งเดินขึ้นบันไดไป

ท่านหลงก็ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ : “บนโลกไปนี้ คนที่เป็นแม่ล้วนเหมือนกันหมด”

“ท่านหลง มัวแต่ยืนบ่นอะไรอยู่ได้ ยังไม่รีบมาช่วยกันอีก ?” หลี่หลานตะโกนออกมาอย่างเคร่งขรึม

ท่านหลงยิ้มแล้วเดินเข้าไปหา

หลี่หลานทำสีหน้าเบื่อหน่าย : “ท่านหลง ถึงจะรู้คุณก็ไม่ควรจะพูดออกมา ตงเอ๋อโตจนป่านนี้แล้ว ฉันในฐานะที่เป็นแม่ ก็อยากที่จะอุ้มหลานกับเขาบ้างไม่ได้หรืออย่างไร ?”

“แต่คุณผู้หญิง……” ท่านหลงรู้สึกว่าไม่เหมาะสม

“น้อยๆ หน่อย ตอนนั้นไม่เห็นเต้าหลินจะเป็นอย่างที่คุณพูดเลย”

คำพูดของหลี่หลานทำให้ท่านหลงพูดอะไรไม่ออก

แต่ทว่า เมื่อคิดทบทวนดูแล้ว เฉินตงกับกู้ชิงหยิ่งเองก็หมั้นหมายกันแล้ว อีกไม่ช้าก็จะแต่งงานกันแล้ว

ดูเหมือนว่า……จะไม่มีอะไรเกินเลยหรอกใช่ไหม ?

ภายในห้อง

เฉินตงค่อยๆ นอนลงบนเตียงโดยมีกู้ชิงหยิ่งคอยประคองเอาไว้

เป็นเพราะพันบาดแผลเอาไว้ ทำให้เฉินตงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหายใจไม่ออก

กู้ชิงหยิ่งมองดูด้วยความสงสาร แล้วบ่นว่า : “ใครใช้ให้คุณรีบออกจากโรงพยาบาลกัน หลังจากนี้เวลาคุณนอนและลุกขึ้นในทุกๆ วัน ฉันจะคอยดูซิว่าคุณจะทำเช่นไร ?”

“ไม่ใช่ว่ามีคุณหรอกหรือ ?”

เฉินตงยิ้มอย่างเบิกบาน

“แต่ฉันไม่ได้อยู่ทุกวันสักหน่อย” กู้ชิงหยิ่งกล่าว

หลังจากพูดจบ

จู่ๆ เฉินตงก็ยื่นมือออกมา แล้วดึงมืออันเรียวงามของกู้ชิงหยิ่งเบาๆ

กู้ชิงหยิ่งอุทานออกมา แล้วสูญเสียการทรงตัวในทันที และล้มลงไปบนเตียง

ทันใดนั้นเอง อุณหภูมิบนร่างกายของเฉินตง ก็แผ่ซ่านไปทั่วตัวของเธอ

เดิมทีกู้ชิงหยิ่งคิดจะลุกขึ้น

แต่เฉินตงกลับโอบไหล่ของเธอเอาไว้ แล้วใช้มือใหญ่ของเขากอดเธอเอาไว้ : “ผมอยากให้คุณอยู่ที่นี่ทุกวัน”

ดวงตาของกู้ชิงหยิ่งเป็นประกาย ใบหน้าอันงดงามของเธอแดงก่ำขึ้นมาทันที

คำพูดของเฉินตง ทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็ว ราวกับกวางตัวน้อยๆ ที่กระโดดไปมา

“เฉินตง……” เสียงของกู้ชิงหยิ่งอ่อนปวกเปียกลงทันที

“เด็กโง่ ผมรู้ดี ผมไม่มีทางทำอะไรเกินเลยเด็ดขาด ขอแค่นอนอยู่อย่างนี้เท่านั้น”

เฉินตงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พลางใช้มือตบลงบนหลังของกู้ชิงหยิ่งเบาๆ

เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้ว ทำให้เขารู้ดีว่า กู้ชิงหยิ่งอยากจะเก็บคืนที่พิเศษที่สุดเอาไว้ในวันแต่งงาน ให้วันนั้นเป็นวันที่สมบูรณ์แบบที่สุด

ดังนั้น เขาจึงเคารพการตัดสินใจของกู้ชิงหยิ่ง ไม่คิดที่จะทำอะไรเกินเลยเด็ดขาด

เมื่อทั้งสองฝ่ายเคารพซึ่งกันและกัน ถึงจะถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาว

เมื่อถูกลูบหลังเบาๆ กูชิงหยิ่งก็นอนหลับไปอย่างรวดเร็ว

ราวกับลูกแมวตัวน้อยๆ ที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเฉินตง แล้วค่อยๆ หลับไป

ตอนที่ตื่นขึ้นมา ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว

กู้ชิงหยิ่งลืมตาขึ้นมองเฉินตง แต่กลับพบว่าเฉินตงกำลังมองดูเธออยู่

“คุณตื่นนานแล้วเหรอคะ ?” กู้ชิงหยิ่งสะดุ้ง และตั้งสติกลับมาได้

“อืม” เฉินตงตอบกลับอย่างอ่อนโยน

กู้ชิงหยิ่งเลิกคิ้ว : “แล้วทำไมคุณถึงไม่ปลุกฉัน ? ฉันนอนหนุนแขนของคุณอยู่ตลอดเช่นนี้ เดี๋ยวก็เจ็บแขนหรอก”

“พูดอะไรเหลวไหล ? ให้ภรรยาของตัวเองหนุนแขนนอนหลับพักผ่อน ทำให้ผมมีความสุขมากต่างหาก”

เฉินตงแสร้งทำเป็นกล่าวตำหนิ สักพัก เขาจึงพูดต่ออีกว่า : “อยู่ดูแลผมที่โรงพยาบาลตั้งหลายวัน ไม่ได้นอนหลับเต็มตื่นสักวัน ตอนนี้ผมออกจากโรงพยาบาลแล้ว แน่นอนว่าจะต้องปล่อยให้คุณได้นอนพักผ่อนเต็มที่สิ”

ช่วงที่อยู่โรงพยาบาล

ฟ่านลู่เองก็ต้องอยู่ดูแลแม่ที่บ้านและช่วยปกปิดความจริงไปด้วยในเวลาเดียวกัน

ดังนั้นคนที่อยู่ดูแลเขาที่โรงพยาบาล จึงมีเพียงแค่กู้ชิงหยิ่งและท่านหลงที่คอยสลับเวรกัน

ส่วนฉินเย่ที่วันๆ มัวแต่คิดเรื่องอย่างว่า ก็มาโรงพยาบาลน้อยมาก

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกเห็นใจที่ท่านหลงอายุมากแล้ว ดังนั้นเวลาโดยส่วนใหญ่ จึงเป็นตัวเธอเองที่อยู่โรงพยาบาล

หญิงสาวที่เติบโตมาในตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวย ถูกชุบเลี้ยงมาราวกับไข่ในหินตั้งแต่เด็ก สามารถอดหลับอดนอนเพื่อดูแลเขาที่โรงพยาบาลได้หลายวันขนาดนั้น ทำให้เฉินตงรู้สึกซาบซึ้งใจมากจริงๆ

“คุณแค่อยากจะให้ฉันพักผ่อนแค่นั้นหรือ ?”

กู้ชิงหยิ่งมองด้วยแววตาลึกซึ้ง ริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอปิดสนิท

แต่เมื่อพูดประโยคนี้ออกไป เธอก็รีบตบปากตัวเองทันที : “ไม่สิ ทำไมฉันจะต้องฟังคุณด้วย นี่มันแปลกๆ นะ ?”

ตอนที่พูดประโยคนี้ออกไป ใบหน้าขาวนวลเนียนของกู้ชิงหยิ่งเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำอย่างรวดเร็ว

เฉินตงยิ้มอย่างประหลาด แล้วถามกลับว่า : “แล้วคุณนอนอิ่มหรือยัง ?”

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกเขินจนหน้าแดง เธอตอบอะไรไม่ถูกอยู่พักใหญ่

นอนอิ่มแล้ว นอนอิ่มแล้วจริงๆ

แต่แววตาของเฉินตง แสดงให้เห็นชัดเจนว่า คำว่านอนอิ่มแล้วนั้นมีความหมายอื่นแฝงอยู่

ในที่สุด กู้ชิงหยิ่งก็ทำท่าทางทะเล้นออกมา แล้วรีบเด้งตัวลุกขึ้นจากอ้อมแขนของเฉินตง : “ไปล่ะ ลงไปกินข้าวข้างล่างแล้ว”

เฉินตงหัวเราะร่าออกมา แล้วลุกขึ้นเพื่อลงไปด้านล่าง โดยมีกู้ชิงหยิ่งคอยประคองลงไป

เสียงโทรทัศน์ดังก้องอยู่ภายในห้องรับแขก

หลี่หลาน ท่านหลง และฟ่านลู่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่

“แม่ครับ อาหารทำเสร็จรึยังครับ ?” เฉินตงเอ่ยถาม

“ทำเสร็จแล้ว ทำเสร็จตั้งนานแล้ว แต่กลัวจะรบกวนเวลาพักผ่อนของลูกก็เลยไม่ได้ขึ้นไปเรียก” หลี่หลานพูดไปพลางยิ้มไปพลาง

ทั้งครอบครัวนั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน

จู่ๆ หลี่หลานก็ถามขึ้นมาว่า : จริงสิ คุณหลุนไปไหนเสียแล้ว ? ทำไมช่วงที่ตงเอ๋อไม่กลับบ้าน เขาเองก็ไม่ได้กลับมาด้วย ?”

เฉินตงผงะไปชั่วครู่

อาหารบาดเจ็บของคุนหลุนและกูหลังก็ไม่ต่างอะไรจากเขานัก

ดังนั้นตอนที่ออกจากโรงพยาบาล เขาจึงกำชับทั้งสองคนให้อยู่รักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลให้หายดีเสียก่อน แล้วค่อยออกจากโรงพยาบาล

“คุณผู้หญิง คุนหลุนมีธุระต้องกลับไปทำที่ตระกูลเฉินครับ” ท่านหลงรีบตอบแทนทันที

หลี่หลานพยักหน้า และไม่ได้ถามอะไรต่อ

เฉินตงหันมองท่านหลงด้วยความตื่นเต้น จากนั้นบรรยากาศจึงกลับมาคึกคักอีกครั้ง

ขณะที่กำลังรับประทานอาหาร

จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของเฉินตงก็ดังขึ้น

เป็นเบอร์ของฉินเย่โทรเข้ามา

เฉินตงอึ้งไปสักครู่ เวลานี้ไอ้หมอนั่นควรจะยุ่งอยู่ไม่ใช่หรือ ?

เขารับสายโทรศัพท์ด้วยความสงสัย

ขณะที่เพิ่งรับสาย

ปลายสายก็มีเสียงของฉินเย่ดังตะโกนออกมา

“ช่วยด้วย เฉินตง ช่วยฉันด้วย……”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?” เฉินตงหน้าถอดสี น้ำเสียงฟังดูตื่นตระหนกขึ้นมา

พวกของหลี่หลานเองก็เงียบเสียงลงทันที

มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในโทรศัพท์

จากนั้นเสียงของฉินเย่ก็อ่อนแรงลง

“ช่วยด้วย พวกมัน พวกมันมาแล้ว พวกมันจะ จะฆ่าฉัน ! ฉันอยู่ที่……”

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท