เฉินตงไม่ได้สนใจฉินเย่
เขาเดินเข้าประตูบ้านไป
หลายวันมานี้ เป็นเพราะทุกคนในบ้านช่วยเฉินตงปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ ทำให้หลี่หลานไม่รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เมื่อเห็นเฉินตง เธอก็รีบเดินเข้าไปหา แล้วพูดด้วยความเป็นห่วงว่า : “เด็กโง่ อยู่ที่บริษัทมาหลายวันเช่นนี้ ดูสิ ผอมลงไปตั้งเยอะ ถึงแม้งานจะหนัก แต่ก็ต้องรู้จักดูแลสุขภาพด้วยรู้ไหม”
“แม่ครับ ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องเป็นห่วง”
เฉินตงยิ้มเล็กน้อย ท่าทางของเขาสงบ ไม่แสดงออกให้เห็นถึงความผิดปกติใดๆ
“รีบไปพักผ่อนสักเดี๋ยวสิ ถ้าแม่กับฟ่านลู่ทำอาหารเย็นเสร็จแล้วจะขึ้นไปเรียกลูกเอง”
หลี่หลานคิดเพียงแค่ว่าหลายวันมานี้เฉินตงมัวแต่ทำงานหนักอยู่ที่บริษัท เป็นเพราะงานยุ่งเกินไปจึงไม่สามารถกลับบ้านได้
ตอนนี้ในเมื่อลูกชายกลับมาได้แล้ว เธอจึงไม่อยากให้เฉินตงต้องเหนื่อยแม้สักวินาทีเดียว
เฉินตงมองดูแม่ของเขาเดินเข้าห้องครัวไป แล้วจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นจึงหันหลังเดินขึ้นบันไดไป
แต่ขณะที่เขากำลังจะก้าวเท้าเดินขึ้นบันไดไป ก็มีเสียงของแม่ตะโกนดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“เสี่ยวหยิ่ง หนูเองก็ไม่ต้องเหนื่อยนักเลย รีบขึ้นไปพักผ่อนกับเฉินตงเถอะ”
เฉินตงเดินโซเซจนแทบจะตกจากบันได
แม่พูดตรงเกินไปหรือเปล่า ?
“หา ? คุณป้า……”
กู้ชิงหยิ่งเองก็รู้สึกตกใจเช่นกัน
“ก็แค่อยู่เป็นเพื่อนเขา อย่าคิดอะไรมาก !” หลี่หลานยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่เอื้ออาทรของผู้เป็นแม่
แต่ใบหน้าของกู้ชิงหยิ่งกลับแดงก่ำไปเรียบร้อยแล้ว
เธอลังเลอยู่สักครู่ แต่ในที่สุดก็เดินเข้าไปหาเฉินตง
เฉินตงยิ้มออกมาอย่างเก้อเขิน : “รู้สึกจะตรงเกินไปหน่อยใช่ไหม ?”
กู้ชิงหยิ่งตัวสั่นเล็กน้อย ใบหน้าอันงดงามที่เป็นสีแดงระเรื่ออยู่แล้ว กลับยิ่งแดงก่ำเข้าไปใหญ่
เธอคร่ำครวญออกมา : “นี่ เลิกพูดได้แล้ว รีบขึ้นไปเร็วเข้า”
เฉินตง : “……”
มองดูเฉินตงและกู้ชิงหยิ่งเดินขึ้นบันไดไป
ท่านหลงก็ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ : “บนโลกไปนี้ คนที่เป็นแม่ล้วนเหมือนกันหมด”
“ท่านหลง มัวแต่ยืนบ่นอะไรอยู่ได้ ยังไม่รีบมาช่วยกันอีก ?” หลี่หลานตะโกนออกมาอย่างเคร่งขรึม
ท่านหลงยิ้มแล้วเดินเข้าไปหา
หลี่หลานทำสีหน้าเบื่อหน่าย : “ท่านหลง ถึงจะรู้คุณก็ไม่ควรจะพูดออกมา ตงเอ๋อโตจนป่านนี้แล้ว ฉันในฐานะที่เป็นแม่ ก็อยากที่จะอุ้มหลานกับเขาบ้างไม่ได้หรืออย่างไร ?”
“แต่คุณผู้หญิง……” ท่านหลงรู้สึกว่าไม่เหมาะสม
“น้อยๆ หน่อย ตอนนั้นไม่เห็นเต้าหลินจะเป็นอย่างที่คุณพูดเลย”
คำพูดของหลี่หลานทำให้ท่านหลงพูดอะไรไม่ออก
แต่ทว่า เมื่อคิดทบทวนดูแล้ว เฉินตงกับกู้ชิงหยิ่งเองก็หมั้นหมายกันแล้ว อีกไม่ช้าก็จะแต่งงานกันแล้ว
ดูเหมือนว่า……จะไม่มีอะไรเกินเลยหรอกใช่ไหม ?
ภายในห้อง
เฉินตงค่อยๆ นอนลงบนเตียงโดยมีกู้ชิงหยิ่งคอยประคองเอาไว้
เป็นเพราะพันบาดแผลเอาไว้ ทำให้เฉินตงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหายใจไม่ออก
กู้ชิงหยิ่งมองดูด้วยความสงสาร แล้วบ่นว่า : “ใครใช้ให้คุณรีบออกจากโรงพยาบาลกัน หลังจากนี้เวลาคุณนอนและลุกขึ้นในทุกๆ วัน ฉันจะคอยดูซิว่าคุณจะทำเช่นไร ?”
“ไม่ใช่ว่ามีคุณหรอกหรือ ?”
เฉินตงยิ้มอย่างเบิกบาน
“แต่ฉันไม่ได้อยู่ทุกวันสักหน่อย” กู้ชิงหยิ่งกล่าว
หลังจากพูดจบ
จู่ๆ เฉินตงก็ยื่นมือออกมา แล้วดึงมืออันเรียวงามของกู้ชิงหยิ่งเบาๆ
กู้ชิงหยิ่งอุทานออกมา แล้วสูญเสียการทรงตัวในทันที และล้มลงไปบนเตียง
ทันใดนั้นเอง อุณหภูมิบนร่างกายของเฉินตง ก็แผ่ซ่านไปทั่วตัวของเธอ
เดิมทีกู้ชิงหยิ่งคิดจะลุกขึ้น
แต่เฉินตงกลับโอบไหล่ของเธอเอาไว้ แล้วใช้มือใหญ่ของเขากอดเธอเอาไว้ : “ผมอยากให้คุณอยู่ที่นี่ทุกวัน”
ดวงตาของกู้ชิงหยิ่งเป็นประกาย ใบหน้าอันงดงามของเธอแดงก่ำขึ้นมาทันที
คำพูดของเฉินตง ทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็ว ราวกับกวางตัวน้อยๆ ที่กระโดดไปมา
“เฉินตง……” เสียงของกู้ชิงหยิ่งอ่อนปวกเปียกลงทันที
“เด็กโง่ ผมรู้ดี ผมไม่มีทางทำอะไรเกินเลยเด็ดขาด ขอแค่นอนอยู่อย่างนี้เท่านั้น”
เฉินตงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พลางใช้มือตบลงบนหลังของกู้ชิงหยิ่งเบาๆ
เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้ว ทำให้เขารู้ดีว่า กู้ชิงหยิ่งอยากจะเก็บคืนที่พิเศษที่สุดเอาไว้ในวันแต่งงาน ให้วันนั้นเป็นวันที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ดังนั้น เขาจึงเคารพการตัดสินใจของกู้ชิงหยิ่ง ไม่คิดที่จะทำอะไรเกินเลยเด็ดขาด
เมื่อทั้งสองฝ่ายเคารพซึ่งกันและกัน ถึงจะถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาว
เมื่อถูกลูบหลังเบาๆ กูชิงหยิ่งก็นอนหลับไปอย่างรวดเร็ว
ราวกับลูกแมวตัวน้อยๆ ที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเฉินตง แล้วค่อยๆ หลับไป
ตอนที่ตื่นขึ้นมา ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว
กู้ชิงหยิ่งลืมตาขึ้นมองเฉินตง แต่กลับพบว่าเฉินตงกำลังมองดูเธออยู่
“คุณตื่นนานแล้วเหรอคะ ?” กู้ชิงหยิ่งสะดุ้ง และตั้งสติกลับมาได้
“อืม” เฉินตงตอบกลับอย่างอ่อนโยน
กู้ชิงหยิ่งเลิกคิ้ว : “แล้วทำไมคุณถึงไม่ปลุกฉัน ? ฉันนอนหนุนแขนของคุณอยู่ตลอดเช่นนี้ เดี๋ยวก็เจ็บแขนหรอก”
“พูดอะไรเหลวไหล ? ให้ภรรยาของตัวเองหนุนแขนนอนหลับพักผ่อน ทำให้ผมมีความสุขมากต่างหาก”
เฉินตงแสร้งทำเป็นกล่าวตำหนิ สักพัก เขาจึงพูดต่ออีกว่า : “อยู่ดูแลผมที่โรงพยาบาลตั้งหลายวัน ไม่ได้นอนหลับเต็มตื่นสักวัน ตอนนี้ผมออกจากโรงพยาบาลแล้ว แน่นอนว่าจะต้องปล่อยให้คุณได้นอนพักผ่อนเต็มที่สิ”
ช่วงที่อยู่โรงพยาบาล
ฟ่านลู่เองก็ต้องอยู่ดูแลแม่ที่บ้านและช่วยปกปิดความจริงไปด้วยในเวลาเดียวกัน
ดังนั้นคนที่อยู่ดูแลเขาที่โรงพยาบาล จึงมีเพียงแค่กู้ชิงหยิ่งและท่านหลงที่คอยสลับเวรกัน
ส่วนฉินเย่ที่วันๆ มัวแต่คิดเรื่องอย่างว่า ก็มาโรงพยาบาลน้อยมาก
กู้ชิงหยิ่งรู้สึกเห็นใจที่ท่านหลงอายุมากแล้ว ดังนั้นเวลาโดยส่วนใหญ่ จึงเป็นตัวเธอเองที่อยู่โรงพยาบาล
หญิงสาวที่เติบโตมาในตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวย ถูกชุบเลี้ยงมาราวกับไข่ในหินตั้งแต่เด็ก สามารถอดหลับอดนอนเพื่อดูแลเขาที่โรงพยาบาลได้หลายวันขนาดนั้น ทำให้เฉินตงรู้สึกซาบซึ้งใจมากจริงๆ
“คุณแค่อยากจะให้ฉันพักผ่อนแค่นั้นหรือ ?”
กู้ชิงหยิ่งมองด้วยแววตาลึกซึ้ง ริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอปิดสนิท
แต่เมื่อพูดประโยคนี้ออกไป เธอก็รีบตบปากตัวเองทันที : “ไม่สิ ทำไมฉันจะต้องฟังคุณด้วย นี่มันแปลกๆ นะ ?”
ตอนที่พูดประโยคนี้ออกไป ใบหน้าขาวนวลเนียนของกู้ชิงหยิ่งเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำอย่างรวดเร็ว
เฉินตงยิ้มอย่างประหลาด แล้วถามกลับว่า : “แล้วคุณนอนอิ่มหรือยัง ?”
กู้ชิงหยิ่งรู้สึกเขินจนหน้าแดง เธอตอบอะไรไม่ถูกอยู่พักใหญ่
นอนอิ่มแล้ว นอนอิ่มแล้วจริงๆ
แต่แววตาของเฉินตง แสดงให้เห็นชัดเจนว่า คำว่านอนอิ่มแล้วนั้นมีความหมายอื่นแฝงอยู่
ในที่สุด กู้ชิงหยิ่งก็ทำท่าทางทะเล้นออกมา แล้วรีบเด้งตัวลุกขึ้นจากอ้อมแขนของเฉินตง : “ไปล่ะ ลงไปกินข้าวข้างล่างแล้ว”
เฉินตงหัวเราะร่าออกมา แล้วลุกขึ้นเพื่อลงไปด้านล่าง โดยมีกู้ชิงหยิ่งคอยประคองลงไป
เสียงโทรทัศน์ดังก้องอยู่ภายในห้องรับแขก
หลี่หลาน ท่านหลง และฟ่านลู่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่
“แม่ครับ อาหารทำเสร็จรึยังครับ ?” เฉินตงเอ่ยถาม
“ทำเสร็จแล้ว ทำเสร็จตั้งนานแล้ว แต่กลัวจะรบกวนเวลาพักผ่อนของลูกก็เลยไม่ได้ขึ้นไปเรียก” หลี่หลานพูดไปพลางยิ้มไปพลาง
ทั้งครอบครัวนั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน
จู่ๆ หลี่หลานก็ถามขึ้นมาว่า : จริงสิ คุณหลุนไปไหนเสียแล้ว ? ทำไมช่วงที่ตงเอ๋อไม่กลับบ้าน เขาเองก็ไม่ได้กลับมาด้วย ?”
เฉินตงผงะไปชั่วครู่
อาหารบาดเจ็บของคุนหลุนและกูหลังก็ไม่ต่างอะไรจากเขานัก
ดังนั้นตอนที่ออกจากโรงพยาบาล เขาจึงกำชับทั้งสองคนให้อยู่รักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลให้หายดีเสียก่อน แล้วค่อยออกจากโรงพยาบาล
“คุณผู้หญิง คุนหลุนมีธุระต้องกลับไปทำที่ตระกูลเฉินครับ” ท่านหลงรีบตอบแทนทันที
หลี่หลานพยักหน้า และไม่ได้ถามอะไรต่อ
เฉินตงหันมองท่านหลงด้วยความตื่นเต้น จากนั้นบรรยากาศจึงกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ขณะที่กำลังรับประทานอาหาร
จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของเฉินตงก็ดังขึ้น
เป็นเบอร์ของฉินเย่โทรเข้ามา
เฉินตงอึ้งไปสักครู่ เวลานี้ไอ้หมอนั่นควรจะยุ่งอยู่ไม่ใช่หรือ ?
เขารับสายโทรศัพท์ด้วยความสงสัย
ขณะที่เพิ่งรับสาย
ปลายสายก็มีเสียงของฉินเย่ดังตะโกนออกมา
“ช่วยด้วย เฉินตง ช่วยฉันด้วย……”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?” เฉินตงหน้าถอดสี น้ำเสียงฟังดูตื่นตระหนกขึ้นมา
พวกของหลี่หลานเองก็เงียบเสียงลงทันที
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในโทรศัพท์
จากนั้นเสียงของฉินเย่ก็อ่อนแรงลง
“ช่วยด้วย พวกมัน พวกมันมาแล้ว พวกมันจะ จะฆ่าฉัน ! ฉันอยู่ที่……”