The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – บทที่ 215 ฝังพี่น้องของฉัน ?

บทที่ 215 ฝังพี่น้องของฉัน ?

ปัง !

มีเสียงดังสนั่นเกิดขึ้น จากนั้นสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป

สีหน้าของเฉินตงหมองหม่นลงทันที ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกหดหู่

“พวกเขา” ที่ฉินเย่พูดถึง เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่เขารู้จัก แต่ทว่าเป็นใครกันแน่

“คุณชาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ?” ทานหลงเอ่ยถาม

“มีคนคิดจะฆ่าฉินเย่”

เฉินตงกัดฟันพูดแล้วลุกขึ้น : “แม่ครับ เสี่ยวหยิ่ง ฟ่านลู่ พวกคุณทานข้าวกันไปก่อน ท่านหลงกับผมจะไปดูสักหน่อย”

คำพูดนี้ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารหน้าถอดสีทันที

ท่านหลงรีบลุกขึ้น

กู้ชิงหยิ่งนั่งมองตาปริบๆ และกำลังที่จะอ้าปากพูด

แต่หลี่หลานกลับกดไหล่ของเธอเอาไว้เบาๆ เพื่อเป็นการห้ามปราม

“ระวังตัวด้วย !” หลี่หลานกำชับ

เฉินตงหันมองกู้ชิงหยิ่งหนึ่งครั้ง จากนั้นจึงหะนไปพยักหน้ากับผู้เป็นแม่

หลังจากที่เฉินตงและท่านหลงออกไปแล้ว

หลี่หลานจึงหันมองกู้ชิงหยิ่งที่สีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวลอย่างอ่อนโยน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า : “ป้ารู้ดีว่าหนูเป็นห่วงตงเอ๋อ แต่หนูต้องรู้ว่า การเลือกเจ้าบ้านของตระกูลเฉินนั้น จะถูกคัดสรรมาจากผู้ที่สามารถเอาชีวิตรอดและกุมชัยชนะได้ ผู้ชนะคือราชา เจ้าบ้านไม่อาจเลี้ยงให้เติบโตอยู่ภายในเรือนกระจกได้ การนองเลือดและการฆ่าฟันเท่านั้น จึงจะสามารถสรรหาคนที่เหมาะสมที่จะเป็นเจ้าบ้านได้อย่างแท้จริง”

เป็นคำพูดที่ตรงไปตรงมา

แต่ความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้จริงๆ

เฉินตงต้องการขึ้นไปอยู่บนตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉิน หนทางข้างนากจึงจำเป็นต้องพบเจอกับความลำบากยากเข็ญ เช่นเดียวกับที่เฉินเต้าหลินเคยเจอในตอนนั้น

……

บนรถโรลส์-รอยซ์

เฉินตงนั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับ ใบหน้าเย็นชาราวกับน้ำแข็ง

เขาพยายามต่อสายโทรศัพท์หาฉินเย่ติดต่อกันถึงสามครั้ง ทำให้เขาแน่ใจว่าโทรศัพท์ของฉินเย่เสียแล้วแน่นอน

เมื่อไม่มีช่องทางการติดต่อ ก็ยากที่จะรู้ตำแหน่งที่อยู่ที่ชัดเจนของฉินเย่ได้

ถ้าต้องการหาฉินเย่ให้พบ คงต้องอาศัยวิธีการของเขาแล้ว

“ท่านหลง……” เฉินตงพูดออกมาอย่างเคร่งเครียด

แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ

จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาตัดบทสนทนาของเฉินตง

เป็นเบอร์แปลกโทรเข้ามา

เฉินตงกดรับสายโทรศัพท์

“เฉิน คุณเฉิน……ฉินเย่ ฉินเย่ตกอยู่ในอันตราย !”

จางหยู่หลัน !

เฉินตงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

“คุณอยู่ที่ไหน ?” น้ำเสียงของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็งที่เย็นยะเยือก

ปลายสาย จางหยู่หลันกำลังร้องไห้อยู่ น้ำเสียงของเธอสะอึกสะอื้น และเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ก็พูดชื่อสถานที่ออกมาได้อย่างรวดเร็ว

สิบนาทีผ่านไป

ในที่สุดเฉินตงก็หาจางหยู่หลันในย่านใจกลางเมืองจนพบ

ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน จางหยู่หลันนั่งขดตัวอยู่คนเดียวบนขอบถนน ตัวของเธอสั่นเทา

รอบๆ มีคนมุงดูอยู่เป็นจำนวนมาก และมีหลายคนที่คอยยืนดูแลอยู่ข้างๆ

เห็นได้ชัดว่าที่เมื่อครู่จางหยู่หลันโทรศัพท์เข้ามานั้น เป็นการขอความช่วยเหลือจากคนที่เดินผ่านไปผ่านมา

เมื่อเห็นเฉินตง จางหยู่หลันก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยโฮออกมาทันที

“เลิกร้องได้แล้ว !”

เฉินตงมีท่าทีเย็นชา และดุเสียงเข้ม : “ฉินเย่อยู่ที่ไหน ?”

ท่าทีเย็นชา และน้ำเสียงที่ดุดัน

ทำให้คนที่ยืนอยู่โดยรอบต่างขมวดคิ้ว

ผู้หญิงที่สวยสดงดงามอย่างจางหยู่หลัน ร้องไห้ถึงขนาดนี้ คนที่ยืนอยู่รอบข้างต่างรู้สึกเป็นห่วงเป็นใย

แต่เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ กลับมีทีท่าเช่นนี้ ?

“พี่ชาย พูดให้มันดีๆ หน่อยได้ไหม ไม่เห็นเหรอว่าคุณหนูท่านนี้กำลังร้องไห้อยู่ ?”

มีคนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากพูดขึ้นมา

“เข้ามาสิ ?”

เฉินตงหันหน้ากลับไปจองคนที่พูดด้วยท่าทีที่น่ากลัว ทำให้คนผู้นั้นรู้สึกกลัวจนหัวหด แล้วเดินถอยหลังกลับเข้าไปยืนในฝูงชน

“ตอนนี้ฉันสั่งให้เธอหยุด แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟัง ขึ้นรถไปกับฉัน !”

ราวกับว่ามีความหนาวเย็นแผ่ซ่านออกมาจากตัวของเฉินตง เขาหันหลังเดินกลับขึ้นรถโรลส์-รอยซ์ไป

คนที่ยืนอยู่รอบๆ ต่างก็รู้สึกหวาดกลัว ค่อยๆ ถอยร่นลงไป เพื่อเปิดทางให้แก่เขา

หลังจากขึ้นรถ

ในที่สุดจางหยู่หลันก็ร้องไห้แล้วเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นออกมา

“ฉินเย่ ถูกคนของตระกูลฉินจับตัวไปแล้ว”

เปรี้ยง !

เฉินตงรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า ท่านหลงที่กำลังขับรถอยู่ก็หน้าถอดสีด้วยเช่นกัน

ไม่แปลกใจเลยที่จางหยู่หลันเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายขนาดนี้

หากเป็นตระกูลฉิน ต่อให้ลงข่าวหน้าหนึ่ง ก็คงไม่มีใครสนใจ

“คนตระกูลฉิน ฆ่าฉินเย่ ?”

เฉินตงหันไปมองท่านหลงด้วยความงุนงง

ท่านหลงเองก็เหลือบมองเฉินตง ทั้งสองมองหน้ากันไปมา และรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก

“เขาอยู่ไหน ?” เฉินตงถาม

“ไม่ ไม่รู้ พวกเขาบอกแค่ว่าจะฝังฉินเย่ !” จางหยู่หลันนั่งตรงเบาะหลังด้วยท่าทีที่สิ้นหวัง ดวงตาของเธอแดงก่ำ น้ำตาไหลรินลงมาราวกับสายฝน

ฝังแล้ว ? !

เฉินตงขมวดคิ้ว เกิดความคิดขึ้นในหัวของเขาอย่างรวดเร็ว

จู่ๆ เขาก็นึกถึงสถานที่แห่งหนึ่งออกมาได้

“ท่านหลง ไปที่สุสานจิ่วหลงซาน”

“คุณชายแน่ใจหรือครับว่าอยู่ที่นั่น ?”

“ที่ที่ฉันพอจะนึกออกว่าเหมาะที่จะฝังคนก็คงจะหนีไม่พ้นสุสานแล้ว ชั่วดียังไงฉินเย่ก็เป็นคนตระกูลฉิน ในเมื่อคนตระกูลฉินต้องการจะฝังฉินเย่เพื่อรักษาหน้าตา ก็คงไม่ใจร้ายใจดำถึงขั้นจะฝังที่ไหนก็ได้หรอกกระมัง ?”

ท่านหลงลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดก็หันหัวรถกลับ แล้วขับมุ่งหน้าไปยังสุสานจิ่วหลงซาน

แต่เพื่อความปลอดภัย เขาจึงใช้โทรศัพท์โทรติดต่อกับผู้เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดไปตลอดทางว่าพอจะมีเบาะแสหรือไม่

บรรยากาศภายในรถเงียบสงัด

เห็นได้ชัดว่าจางหยู่หลันตกอยู่ในอาการตกใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะนั่งอยู่ที่เบาะหลัง แต่ก็ยังคงนั่งขดตัวอยู่

เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น น้ำตายังคงไหลอาบสองข้างแก้ม

จู่ๆ เสียงของเฉินตงก็ดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศที่เงียบสงัด : “ท่านหลง ตระกูลใหญ่มีกฎเกณฑ์เช่นนื้ หากพวกเขาถูกขับไล่ออกจากวงศ์ตระกูล ก็จะต้องรีบกำจัดให้สิ้นซากอย่างนั้นหรือ ?”

“น่าขำสิ้นดี !”

ท่านหลงหัวเราะเยาะออกมา : “ไม่มีตระกูลใหญ่ตระกูลไหนที่จะใจแคบถึงขั้นนี้หรอก ในเมื่อเป็นตระกูลใหญ่ ก็ใช่ว่าจะถูกใครคนใดคนหนึ่งในตระกูลสั่นคลอนฐานะเอาได้ง่ายๆ ในเมื่อถูกขับไล่ออกมาแล้ว นั่นก็ถือเป็นฝันร้ายของคนที่ถูกขับไล่ออกมา สำหรับตระกูลใหญ่แล้ว ไม่มีความสำคัญเลยสักนิด”

“สมาชิกในตระกูลทุกคน ต้องพึ่งใบบุญของวงศ์ตระกูล ถึงจะมีโอกาสเจริญก้าวหน้าได้ ส่วนคนที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลนั้น ก็เหมือนคนที่ตัดปีกของวงศ์ตระกูล”

ท่านหลงเงียบไปสักพัก แล้วจึงพูดต่อว่า : “ยิ่งไปกว่านั้น หากยังมีตระกูลใหญ่ที่มีความคิดที่ใจแคบเช่นนี้อยู่จริง คุณชายคิดว่าจะสามารถพัฒนาขึ้นไปเป็นตระกูลใหญ่ที่มั่งคั่งได้หรือไม่ ?”

เฉินตงลูบจมูกแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ

อันที่จริงแล้ว การที่จะสามารถขึ้นเป็นตระกูลใหญ่ที่มั่งคั่งและยืนอยู่ได้อย่างเต็มภาคภูมิในจุดที่อยู่สูงสุดได้นั้น จะต้องอาศัยวิธีการและความสามารถเป็นหลัก แต่การรู้จักเห็นอกเห็นใจก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน

เพียงเพราะถูกขับไล่ออกจากตระกูล จึงต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก เรื่องนี้ไม่ทำให้สมาชิกในวงศ์ตระกูลดูไร้คุณธรรมไปหน่อยหรือ ?

เพียงแค่ถูกขับไล่ออกจากวงศ์ตระกูล แต่ก็ยังมีโอกาสกลับไปกราบไหว้บรรพบุรุษได้นี่

ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลใหญ่นั้นเห็นแก่ชื่อเสียงและหน้าตาเป็นที่สุด เรื่องเช่นนี้หากแพร่งพรายออกไป มีแต่จะทำให้วงศ์ตระกูลต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง

ทางค่อยๆ แคบลง จนในที่สุดก็ไม่มีถนนให้ไปต่อ

“แล้วทำไมฉินเย่ถึงต้องถูกกำจัดด้วย ?”

เฉินตงพึมพำออกมาเบาๆ สิ่งที่คือสิ่งที่เขารู้สึกสงสัยอยู่ในใจที่สุด

ตอนนั้นหลังจากที่ฉินเย่ฆ่าพ่อของตัวเองแล้ว เขาก็ได้เงินนับหมื่นล้านเพื่อซื้อชีวิตของตนเองจากตระกูลฉิน จนทำให้ตระกูลฉินขึ้นแท่นเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในซีสู่

แต่หลังจากนั้น ตระกูลฉินก็เลี้ยงดูฉินเย่ราวกับว่าเขาเป็นคนไร้ค่า

หลังจากฉินเย่ใช้ชีวิตให้หมดไปวันๆ เพื่อรอคอยความตาย ในที่สุดเขาก็เต็มใจที่จะถูกขับไล่ออกจากวงศ์ตระกูล

หากพูดกันตามเหตุผลแล้ว เขาไม่ควรถูกฆ่าไม่ใช่หรือ ?

ตอนนี้เอง

มีคลิปวิดีโอถูกส่งมายังโทรศัพท์ของท่านหลง

ท่านหลงขับรถไปพลาง เปิดคลิปวิดีโอดูไปพลาง

จากนั้นจึงหัวเราะเยาะตัวเอง : “แก่แล้ว แก่แล้วจริงๆ สมองเลยสู้คุณชายไม่ได้ เป็นเหมือนกับที่คุณชายคิดเอาไว้ไม่มีผิด ฉินเย่ถูกคนจับตัวขึ้นไปบนสุสานจิ่วหลงซาน”

เฉินตงสีหน้าเคร่งเครียด

บรรยากาศภายในรถเต็มไปด้วยเจนตาฆ่าที่รุนแรง

ทำให้ท่านหลงและจางหยู่หลันรู้สึกหวาดกลัวจนเสียวสันหลัง

“คิดที่จะฝังพี่น้องของฉันในสุสานอย่างนั้นหรือ ? วันนี้ฉันจะรอดูซิว่า ใครจะฝังใครกันแน่ ?”

ในขณะเดียวกัน

ภายในสุสานจิ่วหลงซาน

มีหลุมศพอยู่เป็นจำนวนมาก

บรรยากาศยามค่ำคืนมืดมิด

ชวนให้รู้สึกขนลุก

“โอ๊ย !”

เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น ทำลายบรรยากาศที่เงียบสงัดของสุสาน

มีฝูงกาฝูงใหญ่บินขึ้นจากในป่าบนภูเขาที่อยู่ไกลออกไป

มีเสียงร้องของกางที่แสบแก้วหูดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุด……

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท