ปัง !
มีเสียงดังสนั่นเกิดขึ้น จากนั้นสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป
สีหน้าของเฉินตงหมองหม่นลงทันที ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกหดหู่
“พวกเขา” ที่ฉินเย่พูดถึง เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่เขารู้จัก แต่ทว่าเป็นใครกันแน่
“คุณชาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ?” ทานหลงเอ่ยถาม
“มีคนคิดจะฆ่าฉินเย่”
เฉินตงกัดฟันพูดแล้วลุกขึ้น : “แม่ครับ เสี่ยวหยิ่ง ฟ่านลู่ พวกคุณทานข้าวกันไปก่อน ท่านหลงกับผมจะไปดูสักหน่อย”
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารหน้าถอดสีทันที
ท่านหลงรีบลุกขึ้น
กู้ชิงหยิ่งนั่งมองตาปริบๆ และกำลังที่จะอ้าปากพูด
แต่หลี่หลานกลับกดไหล่ของเธอเอาไว้เบาๆ เพื่อเป็นการห้ามปราม
“ระวังตัวด้วย !” หลี่หลานกำชับ
เฉินตงหันมองกู้ชิงหยิ่งหนึ่งครั้ง จากนั้นจึงหะนไปพยักหน้ากับผู้เป็นแม่
หลังจากที่เฉินตงและท่านหลงออกไปแล้ว
หลี่หลานจึงหันมองกู้ชิงหยิ่งที่สีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวลอย่างอ่อนโยน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า : “ป้ารู้ดีว่าหนูเป็นห่วงตงเอ๋อ แต่หนูต้องรู้ว่า การเลือกเจ้าบ้านของตระกูลเฉินนั้น จะถูกคัดสรรมาจากผู้ที่สามารถเอาชีวิตรอดและกุมชัยชนะได้ ผู้ชนะคือราชา เจ้าบ้านไม่อาจเลี้ยงให้เติบโตอยู่ภายในเรือนกระจกได้ การนองเลือดและการฆ่าฟันเท่านั้น จึงจะสามารถสรรหาคนที่เหมาะสมที่จะเป็นเจ้าบ้านได้อย่างแท้จริง”
เป็นคำพูดที่ตรงไปตรงมา
แต่ความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้จริงๆ
เฉินตงต้องการขึ้นไปอยู่บนตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉิน หนทางข้างนากจึงจำเป็นต้องพบเจอกับความลำบากยากเข็ญ เช่นเดียวกับที่เฉินเต้าหลินเคยเจอในตอนนั้น
……
บนรถโรลส์-รอยซ์
เฉินตงนั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับ ใบหน้าเย็นชาราวกับน้ำแข็ง
เขาพยายามต่อสายโทรศัพท์หาฉินเย่ติดต่อกันถึงสามครั้ง ทำให้เขาแน่ใจว่าโทรศัพท์ของฉินเย่เสียแล้วแน่นอน
เมื่อไม่มีช่องทางการติดต่อ ก็ยากที่จะรู้ตำแหน่งที่อยู่ที่ชัดเจนของฉินเย่ได้
ถ้าต้องการหาฉินเย่ให้พบ คงต้องอาศัยวิธีการของเขาแล้ว
“ท่านหลง……” เฉินตงพูดออกมาอย่างเคร่งเครียด
แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ
จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาตัดบทสนทนาของเฉินตง
เป็นเบอร์แปลกโทรเข้ามา
เฉินตงกดรับสายโทรศัพท์
“เฉิน คุณเฉิน……ฉินเย่ ฉินเย่ตกอยู่ในอันตราย !”
จางหยู่หลัน !
เฉินตงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
“คุณอยู่ที่ไหน ?” น้ำเสียงของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็งที่เย็นยะเยือก
ปลายสาย จางหยู่หลันกำลังร้องไห้อยู่ น้ำเสียงของเธอสะอึกสะอื้น และเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ก็พูดชื่อสถานที่ออกมาได้อย่างรวดเร็ว
สิบนาทีผ่านไป
ในที่สุดเฉินตงก็หาจางหยู่หลันในย่านใจกลางเมืองจนพบ
ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน จางหยู่หลันนั่งขดตัวอยู่คนเดียวบนขอบถนน ตัวของเธอสั่นเทา
รอบๆ มีคนมุงดูอยู่เป็นจำนวนมาก และมีหลายคนที่คอยยืนดูแลอยู่ข้างๆ
เห็นได้ชัดว่าที่เมื่อครู่จางหยู่หลันโทรศัพท์เข้ามานั้น เป็นการขอความช่วยเหลือจากคนที่เดินผ่านไปผ่านมา
เมื่อเห็นเฉินตง จางหยู่หลันก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยโฮออกมาทันที
“เลิกร้องได้แล้ว !”
เฉินตงมีท่าทีเย็นชา และดุเสียงเข้ม : “ฉินเย่อยู่ที่ไหน ?”
ท่าทีเย็นชา และน้ำเสียงที่ดุดัน
ทำให้คนที่ยืนอยู่โดยรอบต่างขมวดคิ้ว
ผู้หญิงที่สวยสดงดงามอย่างจางหยู่หลัน ร้องไห้ถึงขนาดนี้ คนที่ยืนอยู่รอบข้างต่างรู้สึกเป็นห่วงเป็นใย
แต่เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ กลับมีทีท่าเช่นนี้ ?
“พี่ชาย พูดให้มันดีๆ หน่อยได้ไหม ไม่เห็นเหรอว่าคุณหนูท่านนี้กำลังร้องไห้อยู่ ?”
มีคนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“เข้ามาสิ ?”
เฉินตงหันหน้ากลับไปจองคนที่พูดด้วยท่าทีที่น่ากลัว ทำให้คนผู้นั้นรู้สึกกลัวจนหัวหด แล้วเดินถอยหลังกลับเข้าไปยืนในฝูงชน
“ตอนนี้ฉันสั่งให้เธอหยุด แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟัง ขึ้นรถไปกับฉัน !”
ราวกับว่ามีความหนาวเย็นแผ่ซ่านออกมาจากตัวของเฉินตง เขาหันหลังเดินกลับขึ้นรถโรลส์-รอยซ์ไป
คนที่ยืนอยู่รอบๆ ต่างก็รู้สึกหวาดกลัว ค่อยๆ ถอยร่นลงไป เพื่อเปิดทางให้แก่เขา
หลังจากขึ้นรถ
ในที่สุดจางหยู่หลันก็ร้องไห้แล้วเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นออกมา
“ฉินเย่ ถูกคนของตระกูลฉินจับตัวไปแล้ว”
เปรี้ยง !
เฉินตงรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า ท่านหลงที่กำลังขับรถอยู่ก็หน้าถอดสีด้วยเช่นกัน
ไม่แปลกใจเลยที่จางหยู่หลันเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายขนาดนี้
หากเป็นตระกูลฉิน ต่อให้ลงข่าวหน้าหนึ่ง ก็คงไม่มีใครสนใจ
“คนตระกูลฉิน ฆ่าฉินเย่ ?”
เฉินตงหันไปมองท่านหลงด้วยความงุนงง
ท่านหลงเองก็เหลือบมองเฉินตง ทั้งสองมองหน้ากันไปมา และรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก
“เขาอยู่ไหน ?” เฉินตงถาม
“ไม่ ไม่รู้ พวกเขาบอกแค่ว่าจะฝังฉินเย่ !” จางหยู่หลันนั่งตรงเบาะหลังด้วยท่าทีที่สิ้นหวัง ดวงตาของเธอแดงก่ำ น้ำตาไหลรินลงมาราวกับสายฝน
ฝังแล้ว ? !
เฉินตงขมวดคิ้ว เกิดความคิดขึ้นในหัวของเขาอย่างรวดเร็ว
จู่ๆ เขาก็นึกถึงสถานที่แห่งหนึ่งออกมาได้
“ท่านหลง ไปที่สุสานจิ่วหลงซาน”
“คุณชายแน่ใจหรือครับว่าอยู่ที่นั่น ?”
“ที่ที่ฉันพอจะนึกออกว่าเหมาะที่จะฝังคนก็คงจะหนีไม่พ้นสุสานแล้ว ชั่วดียังไงฉินเย่ก็เป็นคนตระกูลฉิน ในเมื่อคนตระกูลฉินต้องการจะฝังฉินเย่เพื่อรักษาหน้าตา ก็คงไม่ใจร้ายใจดำถึงขั้นจะฝังที่ไหนก็ได้หรอกกระมัง ?”
ท่านหลงลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดก็หันหัวรถกลับ แล้วขับมุ่งหน้าไปยังสุสานจิ่วหลงซาน
แต่เพื่อความปลอดภัย เขาจึงใช้โทรศัพท์โทรติดต่อกับผู้เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดไปตลอดทางว่าพอจะมีเบาะแสหรือไม่
บรรยากาศภายในรถเงียบสงัด
เห็นได้ชัดว่าจางหยู่หลันตกอยู่ในอาการตกใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะนั่งอยู่ที่เบาะหลัง แต่ก็ยังคงนั่งขดตัวอยู่
เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น น้ำตายังคงไหลอาบสองข้างแก้ม
จู่ๆ เสียงของเฉินตงก็ดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศที่เงียบสงัด : “ท่านหลง ตระกูลใหญ่มีกฎเกณฑ์เช่นนื้ หากพวกเขาถูกขับไล่ออกจากวงศ์ตระกูล ก็จะต้องรีบกำจัดให้สิ้นซากอย่างนั้นหรือ ?”
“น่าขำสิ้นดี !”
ท่านหลงหัวเราะเยาะออกมา : “ไม่มีตระกูลใหญ่ตระกูลไหนที่จะใจแคบถึงขั้นนี้หรอก ในเมื่อเป็นตระกูลใหญ่ ก็ใช่ว่าจะถูกใครคนใดคนหนึ่งในตระกูลสั่นคลอนฐานะเอาได้ง่ายๆ ในเมื่อถูกขับไล่ออกมาแล้ว นั่นก็ถือเป็นฝันร้ายของคนที่ถูกขับไล่ออกมา สำหรับตระกูลใหญ่แล้ว ไม่มีความสำคัญเลยสักนิด”
“สมาชิกในตระกูลทุกคน ต้องพึ่งใบบุญของวงศ์ตระกูล ถึงจะมีโอกาสเจริญก้าวหน้าได้ ส่วนคนที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลนั้น ก็เหมือนคนที่ตัดปีกของวงศ์ตระกูล”
ท่านหลงเงียบไปสักพัก แล้วจึงพูดต่อว่า : “ยิ่งไปกว่านั้น หากยังมีตระกูลใหญ่ที่มีความคิดที่ใจแคบเช่นนี้อยู่จริง คุณชายคิดว่าจะสามารถพัฒนาขึ้นไปเป็นตระกูลใหญ่ที่มั่งคั่งได้หรือไม่ ?”
เฉินตงลูบจมูกแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
อันที่จริงแล้ว การที่จะสามารถขึ้นเป็นตระกูลใหญ่ที่มั่งคั่งและยืนอยู่ได้อย่างเต็มภาคภูมิในจุดที่อยู่สูงสุดได้นั้น จะต้องอาศัยวิธีการและความสามารถเป็นหลัก แต่การรู้จักเห็นอกเห็นใจก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน
เพียงเพราะถูกขับไล่ออกจากตระกูล จึงต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก เรื่องนี้ไม่ทำให้สมาชิกในวงศ์ตระกูลดูไร้คุณธรรมไปหน่อยหรือ ?
เพียงแค่ถูกขับไล่ออกจากวงศ์ตระกูล แต่ก็ยังมีโอกาสกลับไปกราบไหว้บรรพบุรุษได้นี่
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลใหญ่นั้นเห็นแก่ชื่อเสียงและหน้าตาเป็นที่สุด เรื่องเช่นนี้หากแพร่งพรายออกไป มีแต่จะทำให้วงศ์ตระกูลต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง
ทางค่อยๆ แคบลง จนในที่สุดก็ไม่มีถนนให้ไปต่อ
“แล้วทำไมฉินเย่ถึงต้องถูกกำจัดด้วย ?”
เฉินตงพึมพำออกมาเบาๆ สิ่งที่คือสิ่งที่เขารู้สึกสงสัยอยู่ในใจที่สุด
ตอนนั้นหลังจากที่ฉินเย่ฆ่าพ่อของตัวเองแล้ว เขาก็ได้เงินนับหมื่นล้านเพื่อซื้อชีวิตของตนเองจากตระกูลฉิน จนทำให้ตระกูลฉินขึ้นแท่นเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในซีสู่
แต่หลังจากนั้น ตระกูลฉินก็เลี้ยงดูฉินเย่ราวกับว่าเขาเป็นคนไร้ค่า
หลังจากฉินเย่ใช้ชีวิตให้หมดไปวันๆ เพื่อรอคอยความตาย ในที่สุดเขาก็เต็มใจที่จะถูกขับไล่ออกจากวงศ์ตระกูล
หากพูดกันตามเหตุผลแล้ว เขาไม่ควรถูกฆ่าไม่ใช่หรือ ?
ตอนนี้เอง
มีคลิปวิดีโอถูกส่งมายังโทรศัพท์ของท่านหลง
ท่านหลงขับรถไปพลาง เปิดคลิปวิดีโอดูไปพลาง
จากนั้นจึงหัวเราะเยาะตัวเอง : “แก่แล้ว แก่แล้วจริงๆ สมองเลยสู้คุณชายไม่ได้ เป็นเหมือนกับที่คุณชายคิดเอาไว้ไม่มีผิด ฉินเย่ถูกคนจับตัวขึ้นไปบนสุสานจิ่วหลงซาน”
เฉินตงสีหน้าเคร่งเครียด
บรรยากาศภายในรถเต็มไปด้วยเจนตาฆ่าที่รุนแรง
ทำให้ท่านหลงและจางหยู่หลันรู้สึกหวาดกลัวจนเสียวสันหลัง
“คิดที่จะฝังพี่น้องของฉันในสุสานอย่างนั้นหรือ ? วันนี้ฉันจะรอดูซิว่า ใครจะฝังใครกันแน่ ?”
ในขณะเดียวกัน
ภายในสุสานจิ่วหลงซาน
มีหลุมศพอยู่เป็นจำนวนมาก
บรรยากาศยามค่ำคืนมืดมิด
ชวนให้รู้สึกขนลุก
“โอ๊ย !”
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น ทำลายบรรยากาศที่เงียบสงัดของสุสาน
มีฝูงกาฝูงใหญ่บินขึ้นจากในป่าบนภูเขาที่อยู่ไกลออกไป
มีเสียงร้องของกางที่แสบแก้วหูดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุด……