ท้องฟ้ายามค่ำคืน
ฝูงกาบินวน และส่งเสียงครวญคราง
เหมือนระฆังแห่งความตาย
ในป่าใกล้สุสาน
ขณะที่แสงไฟส่องระยิบ
ฉินเย่ถูกมัดไว้บนต้นไม้ใหญ่
สวมชุดลำลอง ที่ขาดรุ่งริ่ง เลือดสดๆที่ไหลหยดเต็มร่างกาย อย่างกับศพเลือด
ต้นไม้บนลำตัวเหนือศีรษะของเขา ถูกตอกด้วยเชือกเหล็กสองคู่ที่แขวนลงมาในแนวตั้ง
ตะขอเหล็กที่แหลมคม เจาะทะลุผ่านกระดูกสะบักของเขา ปลายตะขอสีขาวที่เปื้อนเลือดเนื้อเล็กน้อยส่องประกายเย็นยะเยือกภายใต้แสงไฟ
ความเจ็บปวดที่รุนแรง ทำให้ร่างกายของฉินเย่สั่นไม่หยุด
ใบหน้าของเขาดูซีดเผือดไร้สีเลือด
เสียงร้องของความเจ็บปวดที่ ซึ่งมันถูกบีบออกมาจากฟันของเขา
แต่ดวงตาของเขายังคงสว่างไสวราวกับดวงดาว และในนั้นมันเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ฉึก..ฉึก..ฉึก…ฉึ……….
เสียงพลั่วขุดดินดังรอยมา จากไม่ไกล
ในความคลุมเครือ ยังสามารถมองเห็นเงาร่างที่บิดเบี้ยวของพลั่วที่กำลังแกว่งไปมาในป่า
พรึบ!
ชายวัยกลางคนตรงหน้าเขา ใช้ใบมีดกรีดกล้ามเนื้อบนไหล่ของฉินเย่จนฉีกขาด
เนื้อหนังพลิกออกในทันที เลือดสดๆไหลทะลักออกมา
ฉินเย่สั่นสะท้านไปทั้งตัว และส่งเสียงครวญครางออกจากลำคอเล็กน้อย
“ อึดมากสินะ ตอนตะขอเหล็กเจาะผ่านสะบักแกกรีดร้องเสียงดัง แต่กับบาดแผลสิบสามแผลบนร่าง แกแค่แค่นเสียงคร่ำครวญเท่านั้น ”
แม้ว่าชายวัยกลางคนจะกำลังยิ้ม แต่ยังคงสัมผัสถึงความเยือกเย็นในตัวเขา และเขาส่ายหัวแสร้งทำเป็นเสียใจ “ น่าเสียดายจริงๆ ความสามารถและจิตใจที่แข็งกล้าของแก ถ้าอาศัยอยู่ในตระกูลฉินอย่างสงบ แกย่อมมีคุณสมบัติที่จะแย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลในอนาคตข้างหน้า แม้ว่านายจะกินอยู่อย่างฆ่าเวลาไปวันๆ แกก็ยังสามารถอยู่รอดไปจนถึงวันที่แก่ตาย ”
“ แต่นายดันจะหนีออกมา นี่ถือเป็นความเสียหายของตระกูลฉินจริงๆ ”
ฉินเย่ค่อยๆเงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่เปื้อนเลือดราวกับเป็นสัตว์ป่าที่กินคน
สายตาที่โกรธแค้น มองชายวัยกลางคนด้วยความอาฆาต
ฉินเย่ยิ้ม
ด้วยความเจ็บปวดจากแผลบนมุมปาก ทำให้รอยยิ้มของเขาดูดุร้ายและน่ากลัว
“ ถุย!”
น้ำลายที่ปนเปื้อนด้วยเลือด ถุยใส่หน้าชายหนุ่ม
ฉินเย่ยิ้มแล้วพูดว่า “อาสาม คุณไม่กลัวว่าผมจะฆ่าคุณด้วยเหรอ? ”
ใช่แล้ว ชายวัยกลางคนผู้นี้ คืออาสามของฉินเย่ ฉินเจิ้งตระกูลฉิน
ฉินเจิ้ง กะพริบตาด้วยความโกรธ
เขาเช็ดเลือดบนใบหน้าออกอย่างใจเย็น และมองหน้าฉินเย่ด้วยความชั่วร้าย “ ไม่ต้องกังวล หลุมทางนั้นที่ขุดไว้ให้แก ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ ”
ฉินเจิ้ง ถอยหลังออกไปสองก้าว บิดเอวยืดเส้นยืดสาย แล้วเอามีดที่ถืออยู่ในมือเสียบไว้บนต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ
“ เย่เอ๋อเอ๊ย จะว่าไปแกก็ถือว่าเป็นหงส์มังกรในตระกูลฉิน แต่น่าเสียดาย ที่แกไม่มีโอกาสได้ฆ่าอาสามแล้ว อีกสักพักแกก็จะได้ลงไปนอนในหลุมนั้นแล้ว”
“ ตระกูลฉินก็ถือว่าเมตตาแกมากแล้ว ที่ไม่ทิ้งขว้างศพแกไว้ในป่าร้าง แถมยังฝังแกไว้ในสุสานที่ดีที่สุดของเมืองนี้ ก็นับว่าเป็นบุญของแกแล้ว แน่นอนนี่ก็เป็นความปรารถนาของอาสามเช่นกัน ตอนแกกลายเป็นผี ก็ไม่ต้องคิดถึงอานะ!”
ฉินเจิ้งค่อยๆนั่งลงบนหิน จุดบุหรี่ สูบเข้าอย่างชื่นใจ และพ่นควันออกทางลมหายใจ
เขาหัวเราะเยาะตัวเอง “อันที่จริงอาสามก็นับถือแกนะ แกแน่มาก ที่กล้าฆ่าพ่อตัวเอง ถึงแม้ว่าพ่อของแกจะเป็นพี่ชายคนรองของอา แต่อาก็คิดว่าแกทำได้ถูกแล้ว แต่นายยังฆ่าได้ง่ายเกินไป แกควรจะทำเหมือนกับที่อากำลังทำกับแกอยู่ ค่อยๆทรมานช้าๆ จนกว่าจะสิ้นลมหายใจ”
ขณะที่พูด ดวงตาของฉินเจิ้งฉายแววดุร้าย
ทันใดนั้นเขาหันกลับไปจ้องฉินเจิ้งด้วยความโกรธ “แกฆ่าก็ฆ่าแล้ว ออกจากตระกูลฉินก็แล้ว แต่เรื่องที่แกทำ มันกำลังบังคับให้ตระกูลฉินฆ่าแกชัดๆ เย่เอ๋อเอ๊ย แกนี่มันโง่จริงๆเลย”
น้ำเสียงที่แฝงด้วยความสงสาร
ฉินเย่กลับยิ้มอย่างเหยียดหยาม “แมวร้องไห้ หนูแกล้งเมตตา”
ความเจ็บปวด ทำให้เขาพูดออกมาอย่างสะอึกสะอื้น
“ห้ามพูดจาไร้มารยาทเช่นนี้ แกมันดื้อรั้นอกตัญญูจริงๆ!”
ฉินเจิ้งลุกขึ้นทันที และดึงมีดออกจากต้นไม้
พรึบ!
ร่างกายของฉินเย่สั่นสะท้าน ถูกเฉือนไปอีกแผลหนึ่งบนแขนด้านซ้าย เลือดสาดกระเด็นไปทั่ว
แต่เขายังคงแค่ส่งเสียงคร่ำครวญออกมาเล็กน้อย
อากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
ขี้ดินที่ติดเปื้อนใต้เท้าของฉินเย่ ก็เปียกปอนไปด้วยเลือด
ความเจ็บปวดทำให้เขาสั่นไปทั้งตัว ราวกับบ้าคลั่ง มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนไป นั่นก็คือดวงตาอันสว่างคมชัดที่เต็มไปด้วยเกลียดชัง
“เจ้าบ้านออกคำสั่ง ให้เฉือนร่างแกยี่สิบครั้ง ก่อนที่จะเอาแกไปฝัง ยังเหลืออีกตั้งหกครั้งน่ะ!”
ฉินเจิ้งน้ำเสียงเย็นชา แววตาดุร้าย มือขวากำมีดที่เลือดไหลหยด และมีอาการตัวสั่นเล็กน้อย
ในฐานะคนตระกูลฉิน ที่เคยผ่านความลำบากมามากมาย
แต่ในขณะที่ต้องเผชิญหน้ากับฉินเย่ เขายังคงมีความหวาดกลัว
“ ฉันก็ถือว่าเมตตาแกพอสมควรแล้ว ที่ไม่ไปหาเรื่องหญิงสาวคนนั้น ทำไมแกยังต้องเกลียดชังฉันเช่นนี้ ”
ฉินเจิ้งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“นั่นมันเป็นเพราะคุณเกรงกลัวอำนาจ……ตระกูลจางต่างหาก!” ฉินเย่กล่าวอย่างดูถูก
“ หุบปาก!”
ครั้งที่สิบห้า เฉือนลงอย่างเหี้ยมหาญ
หากเป็นผู้อื่น คงต้องส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาอย่างกับฆ่าหมู แต่ฉินเย่กลับแข็งแกร่งจนทำให้คนอื่นรู้สึกหวาดกลัว
“ แกจะเกลียดฉันไม่ได้นะ นี่เป็นคำสั่งจากทางบ้าน ไอ้ลูกอกตัญญู สมควรตาย” ฉินเจิ้งรูม่านตาหดเกร็ง
ความกลัวที่ส่องระยิบระยับผ่านทางดวงตา
เพียงแค่จ้องตากัน
พลังของอาสามคนนี้ก็ดูเหมือนจะพ่ายแพ้ให้กับรุ่นหลานอย่างฉินเย่ไปแล้ว
ฉินเย่ทนความเจ็บปวดอย่างทุกข์ทรมาน และเป่าลมหายใจออกแรงๆ เขาหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา
“ ตราบใดที่ผมยังไม่ตาย ผมจะทำลายล้างตระกูลฉินด้วยมือของผมเอง ”
“ แกตายแน่ ”
พรึบ!ครั้งที่สิบห้า เฉือนลงอย่างเหี้ยมหาญ
หากเป็นผู้อื่น คงต้องส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาอย่างกับฆ่าหมู แต่ฉินเย่กลับแข็งแกร่งจนทำให้คนอื่นรู้สึกหวาดกลัว
“ แกจะเกลียดฉันไม่ได้นะ นี่เป็นคำสั่งจากทางบ้าน ไอ้ลูกอกตัญญู สมควรตาย” ฉินเจิ้งรูม่านตาหดเกร็ง
ความกลัวที่ส่องระยิบระยับผ่านทางดวงตา
เพียงแค่จ้องตากัน
พลังของอาสามคนนี้ก็ดูเหมือนจะพ่ายแพ้ให้กับรุ่นหลานอย่างฉินเย่ไปแล้ว
ฉินเย่ทนความเจ็บปวดอย่างทุกข์ทรมาน และเป่าลมหายใจออกแรงๆ เขาหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา
“ ตราบใดที่ผมยังไม่ตาย ผมจะทำลายล้างตระกูลฉินด้วยมือของผมเอง ”
“ แกตายแน่ ”
พรึบ!
พรึบ!
มีดเฉือนลง ครั้งที่สิบหก
เลือดสดๆไหลทะลักออกมา
ร่างของฉินเย่เต็มไปด้วยเลือดที่กำลังไหลหยด เขากัดฟันทนความเจ็บปวด และไม่หยุดที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
และเขายังคงจ้องมองฉินเจิ้ง ด้วยสายตาที่ดุร้าย
“ บัดซบเอ๊ย ตระกูลฉินผู้ซึ่งมีนามเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของเมือง ที่แท้ก็เป็นได้แค่ พวกเดรัจฉานสวมเสื้อผ้า”
พรึบ!
มีดเฉือนลง ครั้งที่สิบเจ็ด
สมาชิกของตระกูลฉินหลายคนที่ขุดหลุมอยู่ไม่ไกล ก็กำลังหันมามอง
ทุกคนต่างหน้าซีด หวาดกลัว และเกรงจนตัวสั่น
จากนั้นพวกเขาก็หันกลับไปถือพลั่วขุดหลุมต่อ แต่มืออ่อนแรงไปทั้งสองข้างและสั่นเล็กน้อย
“ ในฐานะที่ผมเกิดมาในตระกูลฉิน ฉินเย่โปรดขอให้ตระกูลฉินฆ่าผมเถิด”
เสียงแห่งความตาย ดังก้องไปทั่วป่า
ชั่วค่ำคืน เสียงร้องของอีกาดังยิ่งกว่าเดิม
ฉินเจิ้งตัวสั่นมากขึ้น ขณะที่สบตาฉินเย่ ทำให้เขารู้สึกหนาวเย็นจากปลายฝ่าเท้าขึ้นมาจนถึงหัวศีรษะ
พรึบ!
มีดเฉือนลง ครั้งที่สิบแปด
ฉินเย่พลันหัวเราะออกมา เลือดไหลออกมาจากปากและจมูก
แต่แววตาของเขายังคงไม่เปลี่ยน
“ ฉินเย่จะเป็นคนที่ฆ่าพ่อและทำลายล้างตระกูลฉินเอง ผมขอสาบานต่อคุณแม่ในที่นี้!”
ตูมมม!
ฉินเจิ้งราวกับถูกฟ้าผ่า
ทันใดนั้น เขาหน้าเกรงอย่างสุดขีด และในเวลาเดียวกันเขารู้สึกหวาดกลัวในใจ
“ บ้าเอ๊ย แกมันบ้า เจ้าบ้านพูดไม่ผิดจริงๆ แกมันสมควรตาย”
พรึบ!
มีดเฉือนลง ครั้งที่สิบเก้า
ฉินเจิ้งหัวเราะอย่างสะใจ “ แก..แกไม่มีโอกาสนั้นแล้วล่ะ หลุมตรงนั้นขุดเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่เฉือนลงครั้งสุดท้ายนี้ อาสามจะส่งแกขึ้นสวรรค์เอง คำสาบานของแกมันก็เป็นได้แค่เรื่องไร้สาระ”
ฉึกกก!
มีดถูกยกขึ้นอย่างแรง ละส่องแสงประกายเย็นยะเยือก
ฉินเย่ส่งยิ้มอย่างเหยียดหยาม “ฉันมีพี่น้องคนหนึ่ง”
“เฉินตง? เขามาไม่ทันแล้ว กว่าเขาจะหาแกเจอ แกก็หลับสบายไปละ อีกอย่างแกคิดว่าลูกสวะอย่างเขาจะมีโอกาสไปสู่ตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลของตระกูลเฉินได้เหรอ จะสามารถพาแกเป็นคนร่ำรวยได้เหรอ? ”
หวือออ!
มีดที่ยาวคมสะท้อนแสง กำลังจะฟันลงสู่ศีรษะ
ครั้งที่ยี่สิบ!
ทันใดนั้น
เสียงดังกึกก้องราวกับฟ้าร้อง
“เขาพูดถูก น้องชาย ผมมาแล้ว!”