The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – บทที่ 220 สินสอด

บทที่ 220 สินสอด

คำพูดเดียว

กู้ชิงหยิ่งที่ก้มหน้านั่งเงียบๆ ก็หน้าแดงขึ้นมา

เธอรู้สึกเขินอายและมองกู้โก๋ฮั๋วอย่างไม่พอใจ “ คุณพ่อคะ คุณพ่อ นี่พ่อพูดอะไรเนี่ย”

กู้โก๋ฮั๋วชะงักไป ก่อนจะหัวเราะฮ่าๆ “ โอ๊ยยย.. ลูกสาวเริ่มสั่งสอนพ่อแล้ว เสี่ยวหยิ่งอย่าโกรธไปเลย พ่อกับแม่ก็ไม่ใช่คนมักใหญ่ใฝ่สูงอะไร แต่เป็นเพราะว่าลูกกับเฉินตงต่างก็รักกัน และได้ตกลงจะแต่งงานกัน ลูกทั้งสองอายุก็ไม่น้อยแล้ว อะไรที่ควรทำก็ต้องรีบๆแล้ว ”

กู้ชิงหยิ่งหน้าเขินแดง แต่ก็ไม่ได้โต้แย้ง

เธอรู้ว่าคุณพ่อของเธอกลัวจริงๆ ว่าเฉินตงจะหลุดมือไป แต่แน่นอนนั่นไม่ใช่เหตุผลหลัก

หลักๆ ก็อย่างที่คุณพ่อบอก ทั้งสองคนอายุไม่น้อยแล้ว

รอมานานสามปี ตั้งแต่จบมหาลัย

ในที่สุดก็รอจนถึงวันนี้ ควรจัดการให้ไวที่สุดจริงๆ

ถ้าคุณพ่อคุณแม่เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงจริงๆ หลังจากที่รับรู้ เขาคงไม่คิดที่จะกลับมา แต่จะโทรมาสั่งให้เลิกกับเฉินตงด้วยซ้ำ คงจะตีกระบองแยกคู่ยวนยางไปแล้ว

เมื่อเฉินตงพาคุณแม่และท่านหลงเดินเข้ามาในลานป่าไผ่

กู้ชิงหยิ่งรีบพาคุณพ่อคุณแม่และท่านเมิ่งเดินไปต้อนรับที่หน้าประตู

บรรยากาศระหว่างสองฝ่ายเป็นไปอย่างอบอุ่นและมีความสุข

เฉินตงและกู้ชิงอิ่งเดินตามหลังคุณพ่อคุณแม่ไปติดๆ และยิ้มอย่างมีความสุข

อย่างไรก็ตาม เฉินตงก็รู้สึกมีความขมขื่นในใจเล็กน้อย

ภาพที่อุ่นใจเช่นนี้ กับอดีตที่ผ่านมาเขาจะไม่เคยคาดหวังพบเห็นได้ไง?

แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน สิ่งที่แลกกลับมาก็ได้แค่ความดูถูก

ในวันนี้ เมื่อเปลี่ยนคู่คอง บรรยากาศก็เปลี่ยนไป

บางที ตั้งแต่ตอนแรกที่เขาพบเจอกับหวางหนันหนัน ก็อาจจะถูกลิขิตไว้แล้ว มันเป็นเพียงชะตากรรมของทั้งสอง

จิตใจซับซ้อนมาก เฉินตงหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้ตัวเองปล่อยวางกับเรื่องในอดีต

หลังจากนั่งลง

ท่านเมิ่งสั่งให้เสิร์ฟอาหาร

บนโต๊ะอาหารนั้น เต็มไปด้วยความสนุกสนาม และบรรยากาศที่อบอุ่น

หลังจากที่ชนแก้วดื่มเหล้า และอาหารบนโต๊ะก็เสิร์ฟจนครบแล้ว

จึงเริ่มเข้าสู่หัวข้อ

“ ตงเอ๋อ ที่จริงแล้ว ครั้งนี้ผมกับคุณป้ากลับมาที่นี่ เรื่องแรกเลย ก็คืออยากขอบคุณนาย

กู้โก๋ฮั๋วแก้มแดงและเมา แต่กลับพูดด้วยสีหน้าจริงจัง เป็นเพราะนาย สิ่งที่ลุงปรารถนามาหลายปีนี้ถึงได้สมหวังสักที

“ คุณลุง คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ”

เฉินตงตอบด้วยรอยยิ้ม เขาทราบว่ากู้โก๋ฮั๋วกำลังพูดถึงเรื่องที่เข้าบ้านตระกูลเฉิน

ทันทีหลังจากนั้น กู้โก๋ฮั๋วก็พูดต่อ

“ เรื่องที่สอง คุณลุงคุณป้าก็อยากก็จะถามนายกับเสี่ยวหยิ่ง จะแต่งงานกันตอนไหน ทั้งสองคนอายุก็ไม่น้อยแล้ว ในเมื่อแน่ใจแล้ว ก็ควรรีบแต่งกันให้เร็วที่สุด”

“พ่อแม่อายุปูนี้แล้ว ก็หวังจะได้อุ้มหลานไวๆ”

ประโยคนี้ ทําเอาทุกคนบนโต๊ะต่างก็หัวเราะออกมา

“พูดถูก คุณพ่อตาพูดถูก ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”

หลี่หลานยิ้ม เหมือนพบเจอคนรู้ใจ “ ฉันว่านะ งานแต่งของตงเอ๋อกับเสี่ยวหยิ่ง ยิ่งเร็วยิ่งดี”

“ คุณพ่อ ”

“ คุณแม่ ”

กู้ชิงหยิ่งกับเฉินตงอดไม่ได้ที่จะเปิดปากพูด

กู้โก๋ฮั๋วหัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดกับหลี่หลานว่า “คุณแม่สามี ผมว่าเด็กสองคนนี้คงยังเขินอายอยู่ เลยไม่กล้าที่จะแสดงออก ผมว่าเราสองคนตัดสินใจกันเลยดีไหม? ”

“ หรือว่า วันที่15เดือนหน้า? ”

หลี่หลานเสนอ

กู้โก๋หัวและหลี่หวั่นชิงมองหน้ากันและพยักหน้า

เฉินตงตกตะลึงเล็กน้อย “มันจะเร็วเกินไปไหมครับ?”

เขาคิดเลิศแต่งงานในใจไว้แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าพอผู้ใหญ่มาคุยกันเพียงไม่กี่คำก็จะกำหนดให้แต่งเดือนหน้าเลย

นี่เหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึงหนึ่งเดือน หลายสิ่งหลายอย่างยังไม่ทันได้เตรียมตัวเลย

“ ใช่แล้ว มีหลายสิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับการแต่งงาน พรีเวดดิ้ง สถานที่จัดงาน และอื่นๆอีกมากมาย” กู้ชิงหยิ่งก็เห็นด้วย

“ โอ๊ยยย หนูสองคนอย่าได้กังวลเลย มีอะไรที่ควรทำก็รีบไปทำเลย ในเรื่องของการเตรียมโรงแรม การ์ดเชิญต่างๆ พวกเราจะจัดการให้เอง”

หลี่หลานพูดอย่างจริงจัง และชี้ไปทางท่านหลง “ ไม่ทันจริงๆก็ยังมีท่านหลงค่อยช่วยอีกแรง”

“คุณชาย ฮูหยินพูดถูก” ท่านหลงยิ้มและพยักหน้า

นี่แสดงว่าไม่มีโอกาสที่จะต่อรองแล้วสินะ!

เฉินตงรู้สึกหมดหนทาง เขาเหลือบไปมองกู้ชิงหยิ่งแวบหนึ่ง แล้วทำได้เพียงพยักหน้ายอมรับ

จากนั้นเขามองไปทางกู้โก๋ฮั๋วและหลี่หวั่นชิง “คุณลุงคุณป้า เรื่องพิธีสินสอด…… ”

ลูกให้มาแล้วไม่ใช่เหรอ? หลี่หวั่นชิงยิ้มอย่างอ่อนโยน “แสดงว่าของขวัญที่ลูกให้มาเมื่อครั้งก่อนนั้น จะนับเป็นสินสอดไม่ได้งั้นเหรอ? ”

เฉินตงทำหน้าเอ๋อ

แล้วพูดอย่างเรีงรีบ “ นั่นเป็นของขวัญสำหรับการพบผู้ใหญ่ครั้งแรก จะนับเป็นสินสอดได้ไงกันครับ”

“ เจ้าเด็กนี่ บอกว่านับเป็นสินสอดก็คือสินสอดไง”

กู้โก๋ฮั๋วกล่าวยังเคร่งขรึม “ อีกอย่าง ก็เพราะนาย สิ่งที่ลุงคาดหวังมานานหลายปีถึงได้สมหวัง นี่ก็ถือเป็นสินสอดที่ดีที่สุดแล้ว”

“ แต่….. ”

เฉินตงยังคิดจะเถียง พิธีสินสอดทองหมั้นนั้น ก็เป็นความตั้งใจของเขาที่มีต่อกู้ชิงหยิ่งเหมือนกัน

ในตอนที่เขาลำบากยากจนที่สุด กู้ชิงหยิ่งเป็นคนที่รอเขามานานสามปี และอยู่เคียงข้างอย่างไม่หวังสิ่งใด

ยิ่งกว่านั้นคือ ตัดสินใจอยู่กับเขาตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ทราบภูมิหลังของเขา

กู้ชิงหยิ่งฝากทั้งชีวิตไว้กับเขา เขาจะไม่มีทางทำให้กู้ชิงหยิ่งผิดหวังแน่นอน

สำหรับงานแต่งของเขากับกู้ชิงหยิ่ง เขาจะไม่ยอมละเลยแม้แต่นิด

“ ตงเอ๋อ ป้ากับคุณลงรับรู้ถึงความใส่ใจที่ลูกมีต่อเสี่ยวหยิ่งแล้ว”

หลี่หวั่นชิงยิ้มพูดอย่างอ่อนโยน และมองไปทางกู้ชิงหยิ่ง “ เสี่ยวหยิ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณลุงกับป้า ก็ต้องห่วงเป็นธรรมดาแหละ หวังว่าลูกสาวจะเจอคู่คองที่ดี และมีความสุขตลอดชีวิต”

“ สินสอดทองหมั้นที่ว่า เป็นความตั้งใจของลูก แต่ความใส่ใจที่ลูกมีต่อเสี่ยวหยิ่งเราก็ได้รับรู้แล้ว ขอเพียงลูกดูแลเสี่ยวหยิ่งให้มีความสุขตลอดชีวิต แค่นี้คนเป็นพ่อแม่ก็อุ่นใจมากแล้ว ”

“แต่เช่นนี้ มันไม่ยุติธรรมต่อเสี่ยวหยิ่งเลยครับ คนอื่นเขาแต่งงานมีสินสอดทองหมั้นกันทั้งนั้น เสี่ยวหยิ่งก็ต้องมีครับ ” เฉินตงยืนกราน

หลี่หลานก็รู้สึกไม่ยุติธรรมต่อกู้ชิงหยิ่งสักเท่าไหร่ “ คุณพ่อตาแม่ยาย สินสอดทองหมั้นยังไงก็ต้องมีค่ะ กว่าตงเอ๋อกับเสี่ยวหยิ่งจะมาถึงวันนี้มันก็ไม่ง่ายเลย ในเมื่อแต่งงานกัน เช่นนั้นก็ต้องแต่งกันอย่างงดงามอลังการ หากไม่มีสินสอดทองหมั้น มันไม่ยุติธรรมต่อเสี่ยวหยิ่ง ”

ประโยคนี้ ทำให้กู้ชิงหยิ่งและพ่อแม่ของเขารู้สึกอุ่นใจยิ่งนัก

สำหรับงานแต่งงานของคนทั่วไป ส่วนใหญ่มักจะเถียงเรื่องสินสอดทองหมั้นกันหน้าแดงหน้าดำ

แม้ว่าทั้งสองตระกูลจะเป็นเศรษฐีที่มั่งคั่ง และไม่ได้ขาดแคลนเงิน แต่การที่เขาพูดมาถึงขนาดนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าเขาให้ความสำคัญกับกู้ชิงหยิ่งเป็นอย่างมาก

สินสอดทองหมั้น เป็นเพียงน้ำใจ

“ เหอะๆ อย่างน้อยฉันก็เป็นลุงของเสี่ยวหยิ่ง เรื่องนี้ฉันก็ควรจะพูดอะไรสักหน่อย”

ท่านเมิ่งเห็นว่าบรรยากาศค่อนข้างตึงเครียด เลยลุกขึ้นถือสุรา แล้วหันไปพูดกับหลี่หลานและเฉินตง “เฉินตง แค่นายมีความคิดเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว ไอ้กู้และภรรยาก็พูดอย่างชัดเจนแล้ว ขอแค่นายไม่ทำให้เสี่ยวหยิ่งเสียใจ ก็นับเป็นสินสอดทองหมั้นที่ล้ำค่าที่สุดแล้ว”

อย่าคิดว่า มีความสุข คำกี่คำนี้ง่ายๆ ถ้าอยากมีความสุขตลอดไปจนถึงสิ้นชีวิต มันเป็นเรื่องยากนะ สินสอดทองหมั้นนั้นถือว่าไม่เบาล่ะ”

“ลุงคนนี้ขอพูดไว้ก่อนเลยละกัน หากวันไหนนายกล้าทำให้เสี่ยวหยิ่งเสียใจละก็ ฉันกับไอ้กู้จะไม่ปล่อยนายไว้แน่ ”

ด้วยถ้อยคำหยอกล้อเช่นนี้ ทำให้สถานการณ์ที่ตึงเครียดค่อยๆจางลง

เฉินตงลุกยืน และยกแก้วไวน์ขึ้น

“ขอบคุณคุณลุงคุณป้ามาก ผมจะทำให้ดีที่สุดเลย จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอนครับ”

กู้ชิงหยิ่งก็ลุกขึ้นยืน พร้อมถือแก้วไวน์แล้วยิ้มพูด “ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ค่ะ”

“ ดีมากลูก งั้นก็ตกลงตามนี้ แต่งกันวันที่15เดือนหน้าเลย”

กู้โก๋ฮั๋วยิ้มและลุกขึ้นยืน ทุกคนต่างเห็นด้วย พร้อมยกไวน์ดื่มจนหมดแก้ว

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท