คำพูดเดียว
กู้ชิงหยิ่งที่ก้มหน้านั่งเงียบๆ ก็หน้าแดงขึ้นมา
เธอรู้สึกเขินอายและมองกู้โก๋ฮั๋วอย่างไม่พอใจ “ คุณพ่อคะ คุณพ่อ นี่พ่อพูดอะไรเนี่ย”
กู้โก๋ฮั๋วชะงักไป ก่อนจะหัวเราะฮ่าๆ “ โอ๊ยยย.. ลูกสาวเริ่มสั่งสอนพ่อแล้ว เสี่ยวหยิ่งอย่าโกรธไปเลย พ่อกับแม่ก็ไม่ใช่คนมักใหญ่ใฝ่สูงอะไร แต่เป็นเพราะว่าลูกกับเฉินตงต่างก็รักกัน และได้ตกลงจะแต่งงานกัน ลูกทั้งสองอายุก็ไม่น้อยแล้ว อะไรที่ควรทำก็ต้องรีบๆแล้ว ”
กู้ชิงหยิ่งหน้าเขินแดง แต่ก็ไม่ได้โต้แย้ง
เธอรู้ว่าคุณพ่อของเธอกลัวจริงๆ ว่าเฉินตงจะหลุดมือไป แต่แน่นอนนั่นไม่ใช่เหตุผลหลัก
หลักๆ ก็อย่างที่คุณพ่อบอก ทั้งสองคนอายุไม่น้อยแล้ว
รอมานานสามปี ตั้งแต่จบมหาลัย
ในที่สุดก็รอจนถึงวันนี้ ควรจัดการให้ไวที่สุดจริงๆ
ถ้าคุณพ่อคุณแม่เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงจริงๆ หลังจากที่รับรู้ เขาคงไม่คิดที่จะกลับมา แต่จะโทรมาสั่งให้เลิกกับเฉินตงด้วยซ้ำ คงจะตีกระบองแยกคู่ยวนยางไปแล้ว
เมื่อเฉินตงพาคุณแม่และท่านหลงเดินเข้ามาในลานป่าไผ่
กู้ชิงหยิ่งรีบพาคุณพ่อคุณแม่และท่านเมิ่งเดินไปต้อนรับที่หน้าประตู
บรรยากาศระหว่างสองฝ่ายเป็นไปอย่างอบอุ่นและมีความสุข
เฉินตงและกู้ชิงอิ่งเดินตามหลังคุณพ่อคุณแม่ไปติดๆ และยิ้มอย่างมีความสุข
อย่างไรก็ตาม เฉินตงก็รู้สึกมีความขมขื่นในใจเล็กน้อย
ภาพที่อุ่นใจเช่นนี้ กับอดีตที่ผ่านมาเขาจะไม่เคยคาดหวังพบเห็นได้ไง?
แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน สิ่งที่แลกกลับมาก็ได้แค่ความดูถูก
ในวันนี้ เมื่อเปลี่ยนคู่คอง บรรยากาศก็เปลี่ยนไป
บางที ตั้งแต่ตอนแรกที่เขาพบเจอกับหวางหนันหนัน ก็อาจจะถูกลิขิตไว้แล้ว มันเป็นเพียงชะตากรรมของทั้งสอง
จิตใจซับซ้อนมาก เฉินตงหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้ตัวเองปล่อยวางกับเรื่องในอดีต
หลังจากนั่งลง
ท่านเมิ่งสั่งให้เสิร์ฟอาหาร
บนโต๊ะอาหารนั้น เต็มไปด้วยความสนุกสนาม และบรรยากาศที่อบอุ่น
หลังจากที่ชนแก้วดื่มเหล้า และอาหารบนโต๊ะก็เสิร์ฟจนครบแล้ว
จึงเริ่มเข้าสู่หัวข้อ
“ ตงเอ๋อ ที่จริงแล้ว ครั้งนี้ผมกับคุณป้ากลับมาที่นี่ เรื่องแรกเลย ก็คืออยากขอบคุณนาย
กู้โก๋ฮั๋วแก้มแดงและเมา แต่กลับพูดด้วยสีหน้าจริงจัง เป็นเพราะนาย สิ่งที่ลุงปรารถนามาหลายปีนี้ถึงได้สมหวังสักที
“ คุณลุง คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ”
เฉินตงตอบด้วยรอยยิ้ม เขาทราบว่ากู้โก๋ฮั๋วกำลังพูดถึงเรื่องที่เข้าบ้านตระกูลเฉิน
ทันทีหลังจากนั้น กู้โก๋ฮั๋วก็พูดต่อ
“ เรื่องที่สอง คุณลุงคุณป้าก็อยากก็จะถามนายกับเสี่ยวหยิ่ง จะแต่งงานกันตอนไหน ทั้งสองคนอายุก็ไม่น้อยแล้ว ในเมื่อแน่ใจแล้ว ก็ควรรีบแต่งกันให้เร็วที่สุด”
“พ่อแม่อายุปูนี้แล้ว ก็หวังจะได้อุ้มหลานไวๆ”
ประโยคนี้ ทําเอาทุกคนบนโต๊ะต่างก็หัวเราะออกมา
“พูดถูก คุณพ่อตาพูดถูก ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
หลี่หลานยิ้ม เหมือนพบเจอคนรู้ใจ “ ฉันว่านะ งานแต่งของตงเอ๋อกับเสี่ยวหยิ่ง ยิ่งเร็วยิ่งดี”
“ คุณพ่อ ”
“ คุณแม่ ”
กู้ชิงหยิ่งกับเฉินตงอดไม่ได้ที่จะเปิดปากพูด
กู้โก๋ฮั๋วหัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดกับหลี่หลานว่า “คุณแม่สามี ผมว่าเด็กสองคนนี้คงยังเขินอายอยู่ เลยไม่กล้าที่จะแสดงออก ผมว่าเราสองคนตัดสินใจกันเลยดีไหม? ”
“ หรือว่า วันที่15เดือนหน้า? ”
หลี่หลานเสนอ
กู้โก๋หัวและหลี่หวั่นชิงมองหน้ากันและพยักหน้า
เฉินตงตกตะลึงเล็กน้อย “มันจะเร็วเกินไปไหมครับ?”
เขาคิดเลิศแต่งงานในใจไว้แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าพอผู้ใหญ่มาคุยกันเพียงไม่กี่คำก็จะกำหนดให้แต่งเดือนหน้าเลย
นี่เหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึงหนึ่งเดือน หลายสิ่งหลายอย่างยังไม่ทันได้เตรียมตัวเลย
“ ใช่แล้ว มีหลายสิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับการแต่งงาน พรีเวดดิ้ง สถานที่จัดงาน และอื่นๆอีกมากมาย” กู้ชิงหยิ่งก็เห็นด้วย
“ โอ๊ยยย หนูสองคนอย่าได้กังวลเลย มีอะไรที่ควรทำก็รีบไปทำเลย ในเรื่องของการเตรียมโรงแรม การ์ดเชิญต่างๆ พวกเราจะจัดการให้เอง”
หลี่หลานพูดอย่างจริงจัง และชี้ไปทางท่านหลง “ ไม่ทันจริงๆก็ยังมีท่านหลงค่อยช่วยอีกแรง”
“คุณชาย ฮูหยินพูดถูก” ท่านหลงยิ้มและพยักหน้า
นี่แสดงว่าไม่มีโอกาสที่จะต่อรองแล้วสินะ!
เฉินตงรู้สึกหมดหนทาง เขาเหลือบไปมองกู้ชิงหยิ่งแวบหนึ่ง แล้วทำได้เพียงพยักหน้ายอมรับ
จากนั้นเขามองไปทางกู้โก๋ฮั๋วและหลี่หวั่นชิง “คุณลุงคุณป้า เรื่องพิธีสินสอด…… ”
ลูกให้มาแล้วไม่ใช่เหรอ? หลี่หวั่นชิงยิ้มอย่างอ่อนโยน “แสดงว่าของขวัญที่ลูกให้มาเมื่อครั้งก่อนนั้น จะนับเป็นสินสอดไม่ได้งั้นเหรอ? ”
เฉินตงทำหน้าเอ๋อ
แล้วพูดอย่างเรีงรีบ “ นั่นเป็นของขวัญสำหรับการพบผู้ใหญ่ครั้งแรก จะนับเป็นสินสอดได้ไงกันครับ”
“ เจ้าเด็กนี่ บอกว่านับเป็นสินสอดก็คือสินสอดไง”
กู้โก๋ฮั๋วกล่าวยังเคร่งขรึม “ อีกอย่าง ก็เพราะนาย สิ่งที่ลุงคาดหวังมานานหลายปีถึงได้สมหวัง นี่ก็ถือเป็นสินสอดที่ดีที่สุดแล้ว”
“ แต่….. ”
เฉินตงยังคิดจะเถียง พิธีสินสอดทองหมั้นนั้น ก็เป็นความตั้งใจของเขาที่มีต่อกู้ชิงหยิ่งเหมือนกัน
ในตอนที่เขาลำบากยากจนที่สุด กู้ชิงหยิ่งเป็นคนที่รอเขามานานสามปี และอยู่เคียงข้างอย่างไม่หวังสิ่งใด
ยิ่งกว่านั้นคือ ตัดสินใจอยู่กับเขาตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ทราบภูมิหลังของเขา
กู้ชิงหยิ่งฝากทั้งชีวิตไว้กับเขา เขาจะไม่มีทางทำให้กู้ชิงหยิ่งผิดหวังแน่นอน
สำหรับงานแต่งของเขากับกู้ชิงหยิ่ง เขาจะไม่ยอมละเลยแม้แต่นิด
“ ตงเอ๋อ ป้ากับคุณลงรับรู้ถึงความใส่ใจที่ลูกมีต่อเสี่ยวหยิ่งแล้ว”
หลี่หวั่นชิงยิ้มพูดอย่างอ่อนโยน และมองไปทางกู้ชิงหยิ่ง “ เสี่ยวหยิ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณลุงกับป้า ก็ต้องห่วงเป็นธรรมดาแหละ หวังว่าลูกสาวจะเจอคู่คองที่ดี และมีความสุขตลอดชีวิต”
“ สินสอดทองหมั้นที่ว่า เป็นความตั้งใจของลูก แต่ความใส่ใจที่ลูกมีต่อเสี่ยวหยิ่งเราก็ได้รับรู้แล้ว ขอเพียงลูกดูแลเสี่ยวหยิ่งให้มีความสุขตลอดชีวิต แค่นี้คนเป็นพ่อแม่ก็อุ่นใจมากแล้ว ”
“แต่เช่นนี้ มันไม่ยุติธรรมต่อเสี่ยวหยิ่งเลยครับ คนอื่นเขาแต่งงานมีสินสอดทองหมั้นกันทั้งนั้น เสี่ยวหยิ่งก็ต้องมีครับ ” เฉินตงยืนกราน
หลี่หลานก็รู้สึกไม่ยุติธรรมต่อกู้ชิงหยิ่งสักเท่าไหร่ “ คุณพ่อตาแม่ยาย สินสอดทองหมั้นยังไงก็ต้องมีค่ะ กว่าตงเอ๋อกับเสี่ยวหยิ่งจะมาถึงวันนี้มันก็ไม่ง่ายเลย ในเมื่อแต่งงานกัน เช่นนั้นก็ต้องแต่งกันอย่างงดงามอลังการ หากไม่มีสินสอดทองหมั้น มันไม่ยุติธรรมต่อเสี่ยวหยิ่ง ”
ประโยคนี้ ทำให้กู้ชิงหยิ่งและพ่อแม่ของเขารู้สึกอุ่นใจยิ่งนัก
สำหรับงานแต่งงานของคนทั่วไป ส่วนใหญ่มักจะเถียงเรื่องสินสอดทองหมั้นกันหน้าแดงหน้าดำ
แม้ว่าทั้งสองตระกูลจะเป็นเศรษฐีที่มั่งคั่ง และไม่ได้ขาดแคลนเงิน แต่การที่เขาพูดมาถึงขนาดนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าเขาให้ความสำคัญกับกู้ชิงหยิ่งเป็นอย่างมาก
สินสอดทองหมั้น เป็นเพียงน้ำใจ
“ เหอะๆ อย่างน้อยฉันก็เป็นลุงของเสี่ยวหยิ่ง เรื่องนี้ฉันก็ควรจะพูดอะไรสักหน่อย”
ท่านเมิ่งเห็นว่าบรรยากาศค่อนข้างตึงเครียด เลยลุกขึ้นถือสุรา แล้วหันไปพูดกับหลี่หลานและเฉินตง “เฉินตง แค่นายมีความคิดเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว ไอ้กู้และภรรยาก็พูดอย่างชัดเจนแล้ว ขอแค่นายไม่ทำให้เสี่ยวหยิ่งเสียใจ ก็นับเป็นสินสอดทองหมั้นที่ล้ำค่าที่สุดแล้ว”
อย่าคิดว่า มีความสุข คำกี่คำนี้ง่ายๆ ถ้าอยากมีความสุขตลอดไปจนถึงสิ้นชีวิต มันเป็นเรื่องยากนะ สินสอดทองหมั้นนั้นถือว่าไม่เบาล่ะ”
“ลุงคนนี้ขอพูดไว้ก่อนเลยละกัน หากวันไหนนายกล้าทำให้เสี่ยวหยิ่งเสียใจละก็ ฉันกับไอ้กู้จะไม่ปล่อยนายไว้แน่ ”
ด้วยถ้อยคำหยอกล้อเช่นนี้ ทำให้สถานการณ์ที่ตึงเครียดค่อยๆจางลง
เฉินตงลุกยืน และยกแก้วไวน์ขึ้น
“ขอบคุณคุณลุงคุณป้ามาก ผมจะทำให้ดีที่สุดเลย จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอนครับ”
กู้ชิงหยิ่งก็ลุกขึ้นยืน พร้อมถือแก้วไวน์แล้วยิ้มพูด “ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ค่ะ”
“ ดีมากลูก งั้นก็ตกลงตามนี้ แต่งกันวันที่15เดือนหน้าเลย”
กู้โก๋ฮั๋วยิ้มและลุกขึ้นยืน ทุกคนต่างเห็นด้วย พร้อมยกไวน์ดื่มจนหมดแก้ว