ตระกูลฉินที่นิ่งเฉยมาหลายวัน แม้แต่อากาศยังรู้สึกกดดันแทน
ทุกคนในกระกูลฉิน อัดอั้นราวกับก้างปลาติดคอ
แม้แต่เวลาเดิน ก็ก้มหน้าก้มตา เดินอย่างเร่งรีบ
ทุกคนต่างรู้ดี ว่าหลายวันมานี้ เจ้าบ้านอารมณ์แปรปรวนไม่เบา
ในวันนี้ เจ้าบ้านที่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องมาเป็นเวลาหลายวัน ในที่สุดก็ออกมา
และยิ้มอย่างมีความสุข ไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของความโกรธเคือง
เมื่อเจ้าบ้านตระกูลฉินเดินออกจากห้อง เขาก็สั่งลูกสายตรงของตระกูลออกไปพร้อมกัน
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ที่สนามบินซีสู่
รถหรูหลายสิบคันขับเข้าไปยังรันเวย์ของสนามบินโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง จอดเรียงเป็นแถว ตรงขอบรันเวย์
เจ้าบ้านตระกูลฉินรีบลงจากรถ และพาคนของตระกูลฉินทุกคน เดินตรงไปยังเครื่องบินที่ลงจอดสนิทอยู่ตรงหัวมุมของรันเวย์
“ ยินดีต้อนรับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ! ”
เมื่อเจ้าบ้านตระกูลฉินยกมือคารวะ
“ยินดีต้อนรับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ! ”
กลุ่มคนตระกูลฉินทุกคนก็ได้ยกมือก้มลงคารวะในเวลาเดียวกัน อย่างเสียงดังฟังชัด
เมื่อประตูผู้โดยสารเปิด
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินค่อยๆก้าวออกจากเครื่องบิน
นางกวาดตามองกลุ่มคนตระกูลฉิน และยิ้มอย่างสง่า “ ตามสบายเถอะ”
“ คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ทุกอย่างจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ระหว่างทางคงเหนื่อยน่าดู โปรดพักผ่อนดีๆ ” เจ้าบ้านตระกูลฉินใบหน้ายิ้มแย้ม
ในเมืองซีสู่ ตระกูลฉินถือเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ
ระดับมหาเศรษฐีที่สูงส่ง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับตระกูลเฉิน เขาก็เป็นได้แค่ผู้คนต่ำต้อยที่ต้องก้มหน้าก้มตา ยิ้มแย้มเอาใจ
“ ช่วงนี้ตระกูลฉินดูวุ่นวายยิ่งนัก”
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินยิ้มและพูดหยอกล้อ
เจ้าบ้านตระกูลฉินถึงกับยิ้มไม่ออก ถอนหายใจอย่างท้อแท้ “ไอ้ลูกไม่รักดี เวรกรรมจริงๆ”
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ควรจัดการให้เร็วที่สุด เพื่อเป็นแบบอย่างเตือนคนในตระกูล ไม่ให้ทำตาม”
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินดูท่าทีเฉยๆ แต่ดวงตากลับฉายแววเยือกเย็น “ความสามารถในการปกครองราชวงศ์ของเจ้าบ้านตระกูลฉิน ฉันก็เคยได้ยินมาบ้างแล้ว ลูกไม่รักดี ดื้อรั้นและไม่กตัญญูเช่นนี้ ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความเกี่ยวพันกับคนของตระกูลเฉินด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะไอ่ลูกสวะของตระกูลเฉินคอยก่อเรื่องในครั้งนี้ เจ้าบ้านตระกูลฉินก็คงไม่ถึงกับจะจัดการกับลูกทรยศคนนี้ไม่ได้”
เจ้าบ้านตระกูลฉินยิ้มอย่างหมดหนทาง “คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินได้โปรดตรวจสอบให้ชัดเจน เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเพราะเฉินตงจริงๆ ที่คอยก่อเรื่อง ”
ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่ได้แสดงความประหลาดใจใด ๆ
กำลังของตระกูลเฉิน ถ้ามีใจที่จะสืบหาความจริง ยังไงก็ต้องสืบหาเบาะแสได้อยู่แล้ว
อีกทั้งเจ้าบ้านตระกูลฉินยังรู้ถึงสถานการณ์ของเฉินตงที่อยู่ในตระกูลเฉินด้วย
“ไปกันเถอะ ครั้งนี้ฉันตั้งใจมาเพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะ ยังไงก็ต้องให้ความยุติธรรมกับตระกูลฉินแน่นอน ” ระหว่างคิ้วของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ดูเยือกเย็นกว่าเดิม
เจ้าบ้านตระกูลฉินดีใจยิ่งนัก ที่นิ่งเฉยมาหลายวันนี้ ก็เพราะเกรงกลัวอำนาจของตระกูลเฉิน จึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
ในเมื่อวันนี้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินได้ให้เกียรติเสด็จมาถึงที่นี่ และแสดงจุดยืน แน่นอนนี่เป็นการให้ความอุ่นใจแก่เจ้าบ้านตระกูลฉิน
นี่เป็นความแค้นที่ต้องชำระ
เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องถึงภาพลักษณ์ของตระกูลฉินมหาเศรษฐีแห่งเมืองซีสู่ หากไม่จัดการให้เร็วที่สุด ผลที่ตามมาจะไม่ต่างกับกระกูลหลี่ในเมืองหลวง !
ทั้งคู่หัวเราะพูดคุยและเดินไปยังขบวนรถ
และด้านหลัง เป็นกลุ่มคนตระกูลฉินและตระกูลเฉินที่เดินตามมาอย่างนอบน้อม
…………..
อีกฝั่งหนึ่ง
เมื่อกลับถึงบริษัท กู้ชิงหยิ่งก็ได้โทรเรียกเฉินตงออกไปในทันที
เมื่อเห็นกู้ชิงหยิ่ง เฉินตงรีบถาม “เกิดอะไรขึ้น? กลางวันแสกๆอยู่เลย เรื่องอะไรร้อนใจขนาดนี้”
กู้ชิงหยิ่งยิ้มหวาน “พ่อแม่ฉันจะกลับมาแล้ว ”
เฉินตงอึ้งไปสักพัก
ครั้งล่าสุดที่พ่อแม่ของกู้ชิงหยิ่งจากไป ก็เพื่อไปบ้านตระกูลเฉิน
ด้วยความสัมพันธ์ของเขา ครั้งนี้กู้โก๋ฮั๋วคงจะเคาะประตูตระกูลเฉินได้อย่างราบรื่นแล้ว
“มาเมื่อไหร่ ผมจะได้จัดเตรียมไว้ก่อน ” เฉินตงถาม
“ คืนนี้แหละ ”
กู้ชิงหยิ่งกล่าว “ คุณยุ่งขนาดนี้ ฉันจัดการเองดีกว่า พ่อแม่ฉันไม่มาอยู่นานหรอก พรุ่งนี้ก็กลับละ ที่มาครั้งนี้ ก็เพราะว่าอยาก……. ”
“ พูดถึงตรงนี้ ใบหน้างดงามของกู้ชิงหยิ่งแดงเล็กน้อย และรู้สึกเขินอาย
อะไรนะ? ” เฉินตงไม่เข้าใจ
“ คุณขอฉันแต่งงานแล้วนิ ” กู้ชิงหยิ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
กำหนดวันแต่งงาน?
เฉินตงเข้าใจในทันที
ในเมื่อขอแต่งงานแล้ว ก็ควรจะตกลงเรื่องของการแต่งงานกันละ
เฉินตงขยี้จมูก แล้วยิ้มพูด “ ผมเข้าใจแล้ว งั้นคืนนี้ก็จะขอคุยเรื่องสินสอดกับคุณลุงคุณป้าทีเดียวเลยนะครับ ”
พิธีงานแต่งตามหลักประเพณีนิยม สินสอดทองหมั้น ต้องทำตามอย่างเคร่งครัดทุกขั้นตอน
ในเมื่อจะกำหนดวันแต่งงานแล้ว ก็ควรทำตามหลักธรรมเนียมอย่างเคร่งครัด
ในเรื่องนี้ เฉินตงไม่เคยคิดที่จะละเลย
ถ้าเขาละเลย เขาคงต้องรู้สึกผิดต่อกู้ชิงหยิ่งไปตลอดชีวิต
“งั้นผมไปจัดการนะ สถานที่ยังคงเป็นคลับสี่ยิ่นของลุงเมิ่งเหมือนเดิมนะครับ ”
กู้ชิงอิ่งเขย่งปลายเท้าขึ้น แตะแก้มเฉินตงเบาๆ
จากนั้นเขาก็จากไปอย่างร่าเริง
เฉินตรงมองดูกู้ชิงหยิ่งเดินไป และสัมผัสถึงความอบอุ่นที่ยังหลงเหลืออยู่บนแก้ม
ในความมึนงง เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อย
ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ตกลงคบกับกู้ชิงหยิ่ง หรือฉากที่ของแต่งงาน
เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน
แม้ว่าเขาจะแต่งงานครั้งที่สองแล้ว แต่พอนึกถึงกู้ชิงหยิ่ง เขาก็ยังรู้สึกประหม่าทำตัวไม่ถูก
หายใจเข้าลึกๆ
เฉินตงส่ายหน้า แล้วรู้สึกขำตัวเอง “จะตื่นเต้นอะไรขนาดนี้เนี่ย? ทั้งชีวิตของชิงหยิ่งก็มอบให้ฉันแล้ว นับภาษาอะไรกับเรื่องแค่นี้ ยังจะมาตื่นเต้น ”
………..
แวบเดียวก็ถึงเวลาหกโมงเย็น
พอเฉินตงเลิกงาน ท่านหลงกับหลี่หลานก็ได้ขับโรลส์-รอยซ์ไปรอรับอยู่ที่ข้างถนนแล้ว
หลังจากที่ขึ้นรถ ก็ได้ขับตรงไปยังคลับสี่ยิ่น
ระหว่างทาง บรรยากาศบนรถก็ดูอบอุ่นมีความสุข
สิ่งที่ทำให้เฉินตงถึงกับพูดไม่ออกก็คือ หลี่หลานเริ่มปรึกษากับท่านหลง ว่าลูกของเขากับกู้ชิงหยิ่งจะชื่ออะไรดี
เฉินตงทนฟังต่อไม่ได้จริงๆ “ คุณแม่ นี่เพิ่งจะตกลงเรื่องงานแต่งงานกันนะ แม่ก็เริ่มตั้งชื่อให้ลูกผมแล้ว แม่จะใจร้อนไปไหนครับเนี่ย?”
“ เด็กโง่เอ๊ย นี่เรียกว่าใจร้อนเหรอ? คิดไว้ตั้งแต่ตอนนี้ ถึงตอนนั้นจะได้ไม่ต้องวุ่นวายไงล่ะ” หลี่หลานมองอย่างไม่พอใจ
เฉินตงถึงกับพูดไม่ออก
ฟังจากที่แม่พูด อย่างกับว่าแค่หลับตาแล้วลืมตา ลูกก็จะกระโดดออกมาเลยงั้นเหรอ?
แต่เขาก็เข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่
สามปีที่แต่งงานกับหวางหนันหนัน
เนื่องจากอาการป่วยของแม่ ตระกูลหวางไม่เคยแสดงสีหน้าดีๆให้เลย ทำให้คุณแม่ก็ต้องคอยทนรับอารมณ์และลำบากไปด้วย
ส่วนเรื่องอุ้มหลาน นั้นยิ่งเป็นความหวังที่เป็นไปไม่ได้เลย
และในตอนนั้น นับครั้งไม่ถ้วนที่ตระกูลหวางต้องการให้เฉินตงย้ายทะเบียนเข้าตระกูลหวางด้วยซ้ำ เพื่อที่ลูกเกิดมาจะได้แซ่หวาง นี่มันต้องการแต่งเขยเข้าบ้านชัดๆ
เรื่องนี้ยังไงคุณแม่ก็ไม่ยอมรับ และเฉินตงเองก็ไม่เต็มใจแน่นอน
ซึ่งด้วยเหตุนี้ ตลอดสามปีที่ผ่านมาหวางหนันหนันจึงไม่ยอมมีลูกกับเฉินตง
ที่สุดฟ้าก็สว่างสักที สถานการณ์ทางบ้านดีขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนกู้ชิงหยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นความกตัญญูกตเวทีต่อมารดาหรือความดูแลเอาใจใส่ต่อเขา ก็ไม่มีข้อบกพร่องใดๆเลย
งานแต่งเช่นนี้ คุณแม่ไม่มีความสุขก็แปลกแล้ว
รถโรลส์-รอยซ์ขับเข้าไปในคลับสี่ยิ่น
หลังลงจากรถ ทั้งสามก็เดินตรงไปที่ลานป่าไผ่
ขณะนี้ ภายในลานป่าไผ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน
“ ไอ้กู้เอ๊ย ครั้งนี้ก็นับว่ามาไม่เสียเที่ยวนะ”
ท่านเมิ่งพูดคุยและหัวเราะเบาๆ
กู้โก๋ฮั๋วหน้าแดงเปล่งประกาย ด้วยความภาคภูมิใจ รอบนี้มาไม่เสียเที่ยวจริงๆ ก็ถือว่าคุ้มค่าจริงๆ กับความพยายามตลอดหลายปีที่ผ่านมาของผม
ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเฉินตง
การเดินทางไปบ้านตระกูลเฉินในครั้งนี้ เขาได้รับการต้อนรับที่ดีมาก
เจ้าบ้านตระกูลเฉินใด้ออกไปต้อนรับด้วยตัวเอง ได้ยินแค่ “พ่อตา” คำเดียวก็ทำเอากู้โก๋ฮั๋วหัวใจเบิกบาน
ส่วนเรื่องการร่วมงาน เฉินเต้าหลินก็ตอบตกลง โดยไม่มีความลังเลใดๆ
แม้แต่เงื่อนไขที่ออกให้ ก็ทำเอากู้โก๋หัวดีอกดีใจจนอกสั่นขวัญแขวน
“เขย ตงเอ๋อเป็นลูกเขยของตระกูลกู้จริงๆ”
กู้โก๋ฮั๋วแอบชื่นชมอยู่ในใจ ภายใต้ความปิติยินดี เขาพูดกับท่านเมิ่งด้วยความระมัดระวัง “ ท่านเมิ่ง ผมไม่กลัวคุณจะหัวเราะเยาะ ”
“ ผมกลับมาในครั้งนี้ ก็เพราะอยากให้ลูกทั้งสองแต่งงานกันให้ไวที่สุด ไม่อย่างนั้นผมคงจะกังวลใจตลอดเวลา ”
หลี่หวั่นชิงมองอย่างทำอะไรไม่ถูก แล้วส่ายหน้าหัวเราะเบาๆ
“ กลัวเขาจะหนีรึ? ” ท่านเมิ่งเลิกคิ้วขึ้นและกล่าว
กู้โก๋ฮั๋วพยักหน้าอย่างจริงจัง