ลมเย็นโชยอ่อนยามค่ำคืน
บริเวณชายหาด มีเกลียวคลื่นหมุนวนเข้ามากระทบฝั่ง
หลังจากดื่มด่ำกับอาหารมื้อใหญ่แล้ว
เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งก็จูงมือกันเดินเล่นบนชายหาด
คุนหลุนกับกูหลังแยกตัวออกไปสักพักแล้ว เพื่อที่จะไปรอต้อนรับทีมช่างภาพที่เพิ่งจะเดินทางมาถึง
ลมทะเลที่มีกลิ่นอายของความเค็มเล็กน้อยพัดมาทำให้ความร้อนเบาบางลง
“เฉินตง”
จู่ๆ กู้ชิงหยิ่งก็หยุดเดิน เธอเงยหน้าขึ้นมองเฉินตงด้วยแววตาที่เป็นประกายราวกับดวงดาวที่ระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้า เป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังอย่างแรงกล้า : “พวกเรามาเต้นรำที่นี่กันไหม ?”
เต้นรำ ?
เฉินตงรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย เขาส่ายหัว : “ผมเต้นรำไม่เป็น”
เขาเหลือบมองผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมารอบๆ จากนั้นจึงยักไหล่ : “อีกอย่าง คนเยอะขนาดนี้ น่าอายจะตายไป”
“ช่างเถอะ”
กู้ชิงหยิ่งมุ่ยปากด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เธอปล่อยมือเฉินตง แล้วเอามือทั้งสองข้างไขว้หลัง จากนั้นจึงเดินต่อไปบนชายหาด
เฉินตงลังเลและตัดสินใจไม่พูดอะไรออกมา
เขาเต้นรำไม่เก่งจริงๆ
เวลาสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัยของเขาหมดไปกับการต่อสู้ดิ้นรน ทำงานและเรียนหนังสือ
เข้าเคยเข้าเป็นสมาชิกหลายชมรม แต่นั่นก็เพื่อพัฒนาศักยภาพของตัวเขาเอง
ส่วนการเต้นรำนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรแก่เขาในเวลานั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนั้นพวกเขาทั้งสองอยู่บนชายหาดที่มีผู้คนมากมายขนาดนี้
ทันใดนั้น เฉินตงเหลือบตาไปมอง และนึกแผนการขึ้นมาในใจ
มีทั้งสองข้างของกู้ชิงหยิ่งไขว้อยู่ด้านหลัง เธอเดินเตะพื้นทรายอย่างไร้จุดหมาย ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง
ฉากหลังที่งดงามขนาดนี้ ถูกตระเตรียมเอาไว้สำหรับถ่ายภาพแต่งงาน
เธออยากเต้นรำร่วมกับเฉินตงสักครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งที่เธอจะได้อยู่กับเฉินตงตามลำพัง
จึงน่าจะมีอะไรที่พิเศษ เพื่อเก็บเอาไว้เป็นความทรงจำถึงจะถูก ?
“คงโง่นี่ช่างไม่รู้จักความสนุกสนานในชีวิตเอาเสียเลย”
กู้ชิงหยิ่งบ่นพึมพำ
หลังจากพูดจบ
“เสี่ยวหยิ่ง !”
มีเสียงของเฉินตงดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
กู้ชิงหยิ่งหันกลับไปมอง ใบหน้าของเธอถูกปกคลุมไปด้วยแสงสว่างจ้า ทำให้แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาทันที
ดอกไม้ไฟถูกจุดขึ้น เป็นประกายไฟสวยงาม
มือข้างหนึ่งของเฉินตงถือดอกไม้ไฟเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งถือลูกโป่งแฟนซีช่อใหญ่หลากหลายสีสัน และยืนนิ่งอยู่กับที่
และบนพื้นทรายที่เขายืนอยู่นั้น มีรูปศรปักหัวใจวาดอยู่บนพื้นทราย
ภาพนี้ ดูเป็นภาพที่เรียบง่าย
แต่เมื่อปรากฏขึ้นภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน กลับกลายเป็นฉากที่มีสีสันงดงามตระการตา
และระยิบระยับจากลูกโป่งและดอกไม้ไฟที่งดงาม ทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศชวนฝันและแสนวิเศษ
ทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างก็ค่อยๆ หันมามอง
เฉินตงค่อยๆ เดินเข้าไปกู้ชิงหยิ่ง แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน : “อย่าโกรธเลยนะ ผมเต้นรำไม่เป็น แต่ผมก็มอบลูกโป่งให้คุณได้นะ”
ขณะที่พูดอยู่นั้น เข้าก็ยื่นลูกโป่งหลากสีช่อใหญ่ที่อยู่ในมือให้กับกู้ชิงหยิ่ง
กู้ชิงหยิ่งตกอยู่ในภวังค์ จากนั้นเธอก็ยิ้มหวานออกมา
“ถือว่าคุณฉลาด ไปกันเถอะ กลับโรงแรมกัน คนหันมามองใหญ่แล้ว”
กู้ชิงหยิ่งคล้องแขนของเฉินตงแล้วยืนก้มหน้าก้มตาด้วยความเขินอาย จากนั้นจึงพากันเดินกลับโรงแรมไป
เป็นเพราะสายตาที่ผู้คนจับจ้องมา ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความอิจฉาอย่างรุนแรง ถึงขั้นที่ว่า เธอแอบได้ยินหญิงสาวคนหนึ่งกำลังกล่าวตำหนิแฟนหนุ่มของตนเอง ว่าทำไมถึงไม่รู้จักเลียนแบบเฉินตงเสียบ้าง
สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกทั้งดีใจและเก้อเขินในเวลาเดียวกัน
ขณะที่เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งกลับถึงโรงแรม
ก็เห็นคนกลุ่มใหญ่ยืนอยู่ที่หน้าประตูโรงแรมที่อยู่ห่างออกไปไกลๆ
เสียงของผู้คนดังเซ็งแซ่
ยิ่งไปกว่านั้นมีเสียงสัญญาณเตือนภัยของรถตำรวจดังขึ้นอีกด้วย
และห่างออกไม่ไกล มีรถตำรวจที่เปิดไฟฉุกเฉินเอาไว้อีกหลายคัน
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?”
กู้ชิงหยิ่งรู้สึกประหลาดใจ
เฉินตงขมวดคิ้ว
ทั้งสองเดินตรงไปยังประตูโรงแรมด้วยความอยากรู้
ขณะที่กำลังเดินเข้าไปท่ามกลางฝูงชน
ทันใดนั้น ก็มีคนสองคนกระโจนออกมาจากพุ่มไม้ด้านข้าง
รวดเร็วราวกับสายฟ้า
กู้ชิงหยิ่งตกใจจนกรีดร้องออกมา แต่กลับถูกคนคนหนึ่งยกมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้
เฉินตงตอบสนองอย่างรวดเร็วและรุนแรง เขาใช้หมัดต่อยเข้าใส่คนที่อยู่ตรงหน้า
ตุ๊บ !
มีมือขนาดใหญ่จับข้อมือของเฉินตงเอาไว้
“คุณชาย ผมเอง !”
ตอนนี้เอง เฉินตงเพิ่งจะมองเห็นอย่างชัดเจนว่าคนที่อยู่ตรงหน้าก็คือคุนหลุน
อีกทั้งคนที่จับกู้ชิงหยิ่งเอาไว้ข้างๆ ก็คือกูหลัง
ทั้งสองสีหน้าเยือกเย็นราวกับน้ำ
“มากับผม”
คุนหลุนไม่เปิดโอกาสให้เฉินตงได้เอ่ยถาม เขารีบพาเฉินตงและกู้ชิงหยิ่งเดินไปยังที่ลับตาคนที่อยู่ห่างออกไปในทันที
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?”
เฉินตงรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นท่าทีของคุนหลุนและกูหลัง เขาก็รู้ได้โดยทันทีว่าจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่นอน
รถตำรวจที่จอดอยู่หน้าโรงแรม ก็คงมาเพราะเหตุผลเดียวกัน
แต่ที่เขารู้สึกสงสัยก็คือ เขาและกู้ชิงหยิ่งเพียงแค่ต้องการเข้าไปสังเกตการณ์เท่านั้น ทำไมคุนหลุนและกูหลังต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย ?
จากนั้น
คำพูดหนึ่งประโยคที่ออกมาจากปากของคุนหลุน ทำให้เฉินตงอึ้งไปในทันที
“พวกเขามาจับคุณชายครับ ?”
เปรี้ยง !
เฉินตงรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า เขารู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก
จับฉัน ?
ฉันทำความผิดอะไรเอาไว้อย่างนั้นหรือ ?
“จับเฉินตงทำไมกัน ? พวกเขาจะต้องมาจับผิดคนแน่ๆ !”
กู้ชิงหยิ่งใบหน้าแดงก่ำ เธอตอบกลับไปด้วยท่าทีตื่นตระหนก
ที่เธอและเฉินตงมาที่ไห่ย่าครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะมาถ่ายภาพแต่งงาน
ทำไมเมื่อมาถึง ก็จะมีคนมาจับเฉินตงเช่นนี้ ?
อีกทั้งยังเป็นคนของทางการอีกด้วย
“ตอนนี้ห้องของคุณเฉินถูกปิดล้อมเอาไว้หมดแล้ว ตำรวจกำลังกระจายกำลังค้นหาตัวอยู่”
น้ำเสียงของกูหลังเคร่งขรึมและเย็นชา
คุนหลุนสูดหายใจเข้าเต็มปอด แล้วพูดออกมาอย่างจริงจังว่า : “คุณชาย ยังจำข่าวเกี่ยวกับตระกูลฉินแห่งซีสู่ข่าวนั้นได้ไหมครับ ?”
ดวงตาของเฉินตงเป็นประกาย
เขาเข้าใจทุกอย่างในทันที
นี่คือแผนการของตระกูลฉินอย่างนั้นหรือ ?
จงใจประโคมข่าวให้ทุกคนได้รับรู้ จากนั้นจึงให้ทางการออกหน้าจัดการกับตนเอง ?
เมื่อเห็นเฉินตงเข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้ว
คุนหลุนจึงพูดต่อว่า : “ตอนนี้ทางการต้องการจับกุมคุณ เพราะมีการปล่อยข่าวออกมาว่า คุณชายคือผู้ต้องสงสัยที่ลอบสังหารฉินเจิ้ง !”
คำพูดประโยคนี้ ทำให้กู้ชิงหยิ่งหน้าถอดสีทันที
เธอยกมืออันเรียวงามของเธอขึ้นป้องปากเอาไว้ ดวงตากลมโตของเธอลุกวาวด้วยความตกใจ
เฉินตงหัวเราะออกมาด้วยท่าทีแปลกๆ และแสดงสีหน้าโกรธแค้นออกมา
อะไรที่เรียกว่าผู้ต้องสงสัย ?
ก็หมายความว่าเป็นคนทำอย่างไรล่ะ !
แผนการของตระกูลฉินในครั้งนี้ ทำให้เขากลายเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีในไห่ย่าทันที
จะไม่ชมว่าจัดการได้อย่างยอดเยี่ยมก็คงไม่ได้ !
ไม่แน่ว่า ตั้งแต่ที่มีการปล่อยข่าวเรื่องนั้นออกมา ตระกูลฉินก็ได้หาโอกาสที่เขาจะเดินทางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้จะไม่ได้เดินทางเพราะเรื่องการถ่ายภาพแต่งงาน แต่หากคอยจับตามองอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้ อย่างไรเสียก็จะต้องหาโอกาสที่เขาออกเดินทางเจอจนได้
“เฉินตง นี่มัน นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ?”
กู้ชิงหยิ่งยืนเหม่อลอย หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ
เธอรู้เรื่องที่เฉินตงช่วยฉินเย่เอาไว้
แต่รู้ด้วยว่าคนที่จับฉินเย่ไปวันนั้นก็คือฉินเจิ้งตระกูลฉินแห่งซีสู่
แต่ทว่าตอนนี้เรื่องไปถึงมือของทางการแล้ว แม้แต่กู้ชิงหยิ่งเอง ก็รู้สึกสับสนไม่น้อย
เฉินตงลูบจมูกแล้วยิ้มออกมา : “เสี่ยวหยิ่ง เป็นไรหรอก”
“คุณชาย ผมติดต่อท่านหลงเรียบร้อยแล้ว อาศัยบารมีของตระกูลเฉิน ไม่ช้าพวกเราคงเดินทางออกจากไห่ย่าได้” คุนหลุนกล่าว
เฉินตงทำสีหน้าจนใจ แต่ท้ายที่สุดก็พยักหน้าออกมา
ตอนนี้ไห่ย่าเป็นที่ที่อันตรายที่สุด จึงไม่ควรจะอยู่ที่นี่ต่อไปแม้สักวินาทีเดียว
เพียงแต่เมื่อเห็นกู้ชิงหยิ่งที่ยืนตกตะลึงอยู่ตรงหน้า เฉินตงก็รู้สึกโทษตัวเองและรู้สึกผิดไม่น้อย
เฉินตงกอดกู้ชิงหยิ่งเอาไว้ แล้วพูดว่า : “ขอโทษด้วยเสี่ยวหยิ่ง พวกเราออกไปจากที่นี่กันก่อน จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน เชื่อผมนะ”
ตอนนี้กู้ชิงหยิ่งรู้สึกสับสนจนทำอะไรไม่ถูก
เมื่อได้ยินคำว่าไปจากที่นี่ ดวงตาของเธอก็แดงก่ำทันที
เพื่อการมาไห่ย่าครั้งนี้ เพื่อการถ่ายภาพแต่งงานครั้งนี้
เธอเตรียมการมาเป็นอย่างดี
ถึงขั้นว่า เธอได้จินตนาการภาพของตนเองที่ได้สวมใส่ชุดแต่งงานเอาไว้เป็นเวลานานแล้ว
แต่ทว่าตอนนี้……ยังมันทันจะสวมใส่ชุดแต่งงาน เธอก็จะต้องไปจากที่นี่เสียแล้ว ?
จากนั้น
ยังไม่ทันจะรอให้กู้ชิงหยิ่งตอบกลับมา
จู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ
“เขาอยู่นี่ !”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงตะโกนขู่ดังขึ้น : “ยกมือขึ้นแล้วคุกเข่าอยู่กับที่ ห้ามขยับ !”