แอ๊ด !
กู้ชิงหยิ่งเปิดประตูออก
เร็วจนคุนหลุนมองแทบไม่ทัน
ขณะที่ประตูเปิดออก
ไปหน้าที่คุ้นเคยก็ปรากฏออกมา
“เฉินตง !”
กู้ชิงหยิ่งไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป เธอร้องไห้ออกมาและพุ่งเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเฉินตง มือทั้งสองข้างของเธอโอบเอวของเฉินตงเอาไว้แน่น : “คุณทำให้ฉันตกใจแทบแย่ คุณทำให้ฉันตกใจแทบแย่จริงๆ”
เฉินตงยิ้มออกมาอย่างอ่อนแรง : “ขอโทษ เป็นความผิดของผมเอง”
กู้ชิงหยิ่งกัดริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอ จากนั้นจึงร้องไห้ออกมาพลางส่ายหน้า
ตอนที่เห็นเฉินตง คุนหลุนและกูหลังเองก็รู้สึกโล่งใจพร้อมกัน ราวกับว่าได้ยกภูเขาออกจากอกแล้ว
ถึงแม้สภาพของเฉินตงในตอนนี้จะดูอิดโรยเป็นอย่างมาก
เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง เนื้อตัวแปดเปื้อนไปด้วยเลือดและโคลน แม้กระทั่งบริเวณแขนและศีรษะเองก็มีบาดแผลจนมีเลือดสีแดงสดไหลออกมา
แต่อย่างไรเสีย ก็ถือว่ายังสามารถเอาชีวิตรอดกลับมาได้
“คุณชาย รีบเข้ามาเร็วครับ”
คุนหลุนพูดด้วยท่าทีที่เคร่งขรึมและรีบเร่ง
กู้ชิงหยิ่งไม่ยอมปล่อยมือจากเฉินตง เธอทำราวกับว่าถ้าหากเธอปล่อยเฉินตงไป เขาจะสลายหายไปต่อหน้าต่อตาอย่างไรอย่างนั้น
มีเพียงแค่การได้เผชิญกับการแยกจากกันด้วยความเป็นความตายเท่านั้น ที่จะสามารถทำให้เธอเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่า อันที่จริงแล้วตัวเธอเองนั้นรักเฉินตงมากมายเพียงใด
เฉินตงยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาจึงจำเป็นต้องเดินโซเซเข้ามาในห้อง ในขณะที่มีกู้ชิงหยิ่งอยู่ในอ้อมกอด
คุนหลุนชะโงกหน้าออกไปมองโถงทางเดิน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมา
จากนั้นจึงปิดประตูและล็อกให้แน่นหนา
ส่วนกูหลังเองก็รีบเดินไปปิดหน้าต่างในห้องพักและดึงผ้าม่านลงมา
“คุณชาย คุณหนีกลับมาเองหรือ ?”
คุนหลุนถามด้วยความประหลาดใจและรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย
ตอนนี้ทางฝั่งของตระกูลเฉินยังไม่ส่งข่าวกลับมา แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะอำนาจของตระกูลเฉิน ที่ทำให้เฉินตงรอดพ้นจากความตายมาได้
มีเพียงแค่เฉินตงที่ช่วยเหลือตัวเองจนรอดออกมาได้เท่านั้น !
เฉินตงรับผ้าขนหนูมาจากกูหลัง หลังจากนั้นจากนั้นจึงเอามาปิดบาดแผลบนศีรษะเอาไว้ แล้วจึงพยักหน้าและพูดออกมาอย่างอ่อนแรงว่า : “ฉันเริ่มรู้สึกผิดสังเกตเมื่อรถวิ่งไปได้ครึ่งทาง รถของตำรวจมุ่งหน้าไปยังเขตชานเมือง คพวกนั้นล้วนแล้วแต่เป็นตำรวจปลอม เป็นคนที่ตระกูลฉินส่งมา”
“ฉันต่อสู้อย่างสุดกำลัง จัดการกับพวกตำรวจปลอมที่อยู่ภายในรถ จนกระทั่งรถตำรวจเกิดพลิกคว่ำ จากนั้นฉันจึงอาศัยโอกาสนี้ วิ่งเข้าไปในพื้นที่ทุรกันดารที่อยู่ข้างทาง ฉันพยายามหลบหลีกจนสามารถหนีเอาตัวรอดมาได้”
น้ำเสียงของเขาเรียบเฉย
คำพูดที่พูดออกมาก็ธรรมดาไม่ซับซ้อน
แต่เมื่อพวกของกู้ชิงหยิ่งได้ยินแล้ว มันทำให้ตกอกตกใจเป็นใหญ่เลย
จากคำพูดเพียงไม่กี่คำ ก็รับรู้ได้ถึงอันตรายที่เกิดขึ้นในตอนนั้นทันที
และตอนนี้บาดแผลบนร่างเฉินตง ก็ได้บ่งบอกความโหดร้ายในตอนนั้นได้อย่างเต็มที
“กลับมาก็ดีแล้ว ขอแค่คุณปลอดภัยกลับมาก็พอแล้ว”
กู้ชิงหยิ่งกอดเฉินตงเอาไว้ตลอดเวลา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า : “ฉันสามารถสูญเสียทุกอย่างได้ แต่ฉันไม่สามารถสูญเสียคุณไปได้ คุณรับปากกับฉันแล้วว่าจะถ่ายภาพแต่งงานกับฉัน และจะแต่งงานกับฉัน !”
เฉินตงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน : “เด็กโง่ของผม ผมก็กลับมาแล้วไม่ใช่หรือ ?”
ดวงตาของกู้ชิงหยิ่งสั่นไหวเล็กน้อย
ส่วนคุนหลุนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นมาว่า : “ผมจะพาคุณชายไปทำแผลที่โรงพยาบาลก่อน และผมจะรีบติดต่อกับคนของสำนักงานตระกูลเฉินทันที หากมีคนของตระกูลเฉินอยู่ ตระกูลฉินก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไป”
ขณะที่พูด คุนหลุนก็หันไปมองกูหลัง : “กูหลัง นายดูแลเสี่ยวหยิ่งให้ดี”
กูหลังพยักหน้ารับอย่างเคร่งขรึม
เฉินตงเองก็ไม่ปฏิเสธ เขาพูดปลอบใจสองสามประโยคให้กู้ชิงหยิ่งสงบลง จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมกับคุนหลุน
ตอนนี้เฉินตงหนีกลับมาได้แล้ว
ตระกูลฉินเองจึงไม่อาจลงมือได้อีกต่อไป
สถานการณ์ทุกอย่างกลับพลิกผัน
หากไห่ย่าถูกอำนาจของตระกูลเฉินควบคุมเอาไว้อยู่ ตระกูลฉินก็อย่างหวังเลยว่าจะมีโอกาสแตะต้องเฉินตงอีก
“เสี่ยวหยิ่ง ไม่เป็นไรหรอก”
กูหลังเห็นเสี่ยวหยิ่งมัวแต่จ้องมองไปที่ประตู จึงกล่าวปลอบใจออกมา
ถึงแม้คุนหลุนและเฉินตงจะออกไปแล้ว แต่ประตูก็ถูกปิดสนิทเหมือนเดิม กู้ชิงหยิ่งเองก็ไม่ยอมละสายตาออกจากประตู
กู้ชิงหยิ่งจ้องมองประตูแล้วร้องไห้ออกมา แววตาของเธอดูลึกซึ้ง
เมื่อได้ยินคำพูดของกูหลัง เธอก็ตั้งสติได้ จากนั้นจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า : “กูหลัง เมื่อก่อนเฉินตงเอาแต่เรียกฉันว่ายัยโง่มาโดยตลอด แต่ไม่เคยเรียกว่าเด็กโง่ของผม”
กูหลังผงะไป
จากนั้นจึงหัวเราะออกมา : “แล้วมันต่างกันตรงไหน ? วันนี้คุณชายสามารถหนีพ้นจากความตายมาได้ อารมณ์ของเขากำลังตึงเครียด จึงอาจจะเรียกผิดไปบ้าง
“เป็นอย่างนั้นจริงหรือ ?”
กู้ชิงหยิ่งรู้สึกสงสัยอยู่สักพัก จากนั้นจึงหัวเราะเยาะตัวเอง อาจเป็นเพราะเมื่อครู่ฉันตกใจเกินไป ตอนนี้จึงอ่อนไหวกับอะไรได้ง่าย
……
“หึ”
ในความมืด เสียงที่ฟังดูอ่อนแรงอุทานขึ้นมา
เฉินตงค่อยๆ ลืมตาขึ้น และพบว่าตนเองอยู่ในที่ที่มืดสนิท
รอบข้างมองไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่รุนแรงทั้งบนหัวและบนร่างกายของเขา
ที่นี่คือที่ไหน ?
เฉินตงรู้สึกสงสัย เขาลองขยับมือและเท้า แต่กลับพบว่าบริเวณโดยรอบแน่นขนัด และมีพื้นที่ให้ขยับเขยื้อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อีกทั้งเขาเองก็กำลังนอนขดตัวอยู่
“กล่อง ?”
จู่ๆ เฉินตงก็นึกถึงสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ออกมา
ถึงแม้จะมีพื้นที่จำกัด แต่มือและเท้าของเขาก็ยังพอขยับเขยื้อนได้บ้างเล็กน้อย
เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นไปลูบศีรษะ
ภาพความทรงจำสุดท้ายก่อนที่เขาจะหมดสติไปก็คือ ศีรษะของเขาได้รับบาดเจ็บอย่างมาก
ถ้าหากไม่ได้รับการรักษา คงจะต้องเสียเลือดจนตายอย่างแน่นอน ?
ขณะที่มือเพิ่งจะสัมผัสกับศีรษะ เฉินตงก็รู้สึกตกตะลึง
บนศีรษะของเขามีผ้าพันแผลหนาพันเอาไว้ !
มีคนรักษาฉัน ?
เฉินตงรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก
ในความมืด เขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อย่างชัดเจน แต่ความคิดของเขากลับแล่นไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ในสภาพแวดล้อมที่มืดมิดและคับแคบ เฉินตงกลับพบว่าตนเองนั้นไม่สามารถควบคุมความคิดของตนเองได้
อีกทั้งความคิกส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นยังเต็มไปด้วยความน่ากลัว ความตึงเครียด และความตื่นตระหนกที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เขาพยายามสูดหายใจเข้าเต็มปอด เพื่อที่จะสามารถควบคุมสติอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้
พวกเขาจะส่งฉันไปที่ไหนกันแน่ ?
ทำไมหลังจากที่ตระกูลฉินจับฉันได้แล้ว ถึงไม่ยอมฆ่าฉันให้ตายเสีย แต่กลับรักษาแผลให้แก่ฉัน ให้ฉันได้มีโอกาสมีชีวิตอยู่ต่อไป ?
ตระกูลฉินทำเช่นนี้ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ?
ความสงสัยค่อยๆ ปรากฏขึ้นในหัวของเฉินตงเต็มไปหมด
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เฉินตงไม่สามารถคิดหาคำตอบออกมาได้จริงๆ
แม้กระทั่ง……ตัวเขาเองหมดสติไปนานขนาดไหน เขาเองยังไม่รู้เลย
เสียงด้านนอกเงียบสงัด
หากเงี่ยหูฟังก็ยังพอได้ยินเสียงลมพัดผ่านอยู่บ้าง
เฉินตงลองใช้จมูกสูดกลิ่นสองครั้ง และพบว่าลมที่พัดผ่านนั้นมีความชื้นและมีกลิ่นอายของความเค็ม
“นี่คือ……ลมทะเล ? ฉันอยู่บนทะเล ?”
จู่ๆ เขาก็ตั้งสติได้ ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาและกู้ชิงหยิ่งเดินเล่นบนหาดทราย ก็ได้กลิ่นลมในลักษณะนี้
“พวกแก พวกแกคิดจะส่งฉันไปที่ไหนกันแน่ ?”
เฉินตงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกกังวลกับความกลัวที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าเป็นอะไร สิ่งนี้ทำให้เขาพยายามกระเสือกกระสนดิ้นรนโดยไม่สนอะไรอีกต่อไป
ตุ๊บๆๆ……
เสียงของกล่องไม้ดังขึ้นอย่างรุแรง เนื่องจากเขากำลังดิ้นรนอยู่ภายใน
ในระหว่างที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนอย่างหนัก เฉินตงรู้สึกว่าตนเองน่าจะอยู่ในตำแหน่งที่สูง เพราะในขณะที่เขาดิ้นรนอยู่นั้น รัศมีการสั่นสะเทือนค่อนข้างรุนแรง
ไม่แน่ว่า……หากหล่นลงไปจากตรงนี้ อาจจะทำให้กล่องไม้แตกออกก็เป็นได้ ?
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เฉินตงจึงพยายามต่อสู้ดิ้นรนอย่างสุดชีวิต
พื้นที่ภายในกล่องไม้ที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้เขาไม่สามารถออกแรงทุบกล่องไม้ให้แตกได้
แต่หากอาศัยความสูง น่าจะเพียงพอ !
ส่วนจะสูงขนาดไหนนั้น และผลลัพธ์หลังจากที่ตนเองร่วงลงไปจะเป็นเช่นไรนั้น
สิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่สิ่งที่เฉินตงควรจะมานั่งครุ่นคิดอีกต่อไป
จากนั้น
ตุ๊บ !
จู่ๆ มีเสียงดังขึ้นด้านนอกกล่อง
การต่อสู้ดิ้นรนของเฉินตงหยุดนิ่งลง
เขารู้สึกว่ากล่องที่ถูกเขาเตะจนเอียงกลับมาตั้งตรงเหมือนเดิม
ในขณะเดียวกัน ด้านนอกก็มีเสียงตะโกนด่าเสียงดังดังขึ้น
“ร่างกายของแกแข็งแรงไม่เบานะ สลบไปแค่ห้าชั่วโมงก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว อย่าขยับมั่วซั่วเลย ด้านล่างเป็นทะเล หากตกลงไป แกจะต้องจมดิ่งลงไปอยู่ก้นทะเลแน่นอน”
เฉินตงผงะไป จากนั้นจึงรีบเอ่ยถามว่า : “พวกแกจะพาฉันไปไหนกันแน่ ?”
“จะพาแกไปในที่ที่แกไม่มีวันนึกถึงได้แน่นอน เป็นที่ที่แม้แต่ตระกูลเฉินของแกก็ไม่มีวันหาเจอ”
เสียงนั้นพูดไปพลางหัวเราะไปพลาง จากนั้นจึงออกคำสั่งว่า : “พวกแกยังไม่รีบมานี่อีก มัดกล่องนี่ให้อยู่นิ่งกับที่เดี๋ยวนี้ ถ้าหากหล่นลงไปกลางทางแล้วละก็ อย่าหาว่าฉันใจร้ายใจดำกับพวกแกก็แล้วกัน !”
ก๊อกๆ !
จากนั้น เฉินตงได้ยินเสียงเคาะกล่องไม้สองครั้ง
จู่ๆ เสียงนั้น ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา
“แกเดินทางอย่างสบายใจได้เลย ของของแกทุกอย่างมีคนคอยรับช่วงต่อแล้ว เอ๊ะ……ได้ยินมาว่าคู่หมั้นของแกเป็นหญิงสาวที่หน้าตาสวยสดงดงามเสียด้วยนี่ ฮ่าๆๆ……”