เปรี้ยง !
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินรู้สึกตกใจราวกับถูกฟ้าผ่า
หลังจากที่อีกฝ่ายวางสาย เสียงในโทรศัพท์ก็เงียบสนิท
แต่คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินไม่ได้วางโทรศัพท์ลง เขายืนนิ่งอยู่ที่เดิมราวกับรูปปั้น
“พ่อครับ……”
ฉินเห้อเหนียนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
ตุ๊บ……
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินตัวสั่นเทา โทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือร่วงหล่นลงไปบนโต๊ะ
ทันใดนั้น ดวงตาที่แดงก่ำก็มีน้ำตาเอ่อล้นออกมาทันที
ใบหน้าของเขาซีดเผือด ริมฝีปากสั่นเทา และตัวของเขาก็ค่อยๆ ทรุดลงไปที่พื้น
เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังออกมาจากปากของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉิน
ภาพนี้ทำให้ฉินเห้อเหนียนรู้สึกตกใจจนหน้าถอดสี
“พ่อครับ พ่อพูดอะไรหน่อสิครับ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พ่ออย่าทำให้ผมตกใจแบบนี้สิครับ !”
ตั้งแต่ฉินเห้อเหนียนจำความได้ ภาพลักษณ์ของพ่อในสายตาของเขานั้นดูสง่างามและมั่นคงมาโดยตลอด ไม่เคยดูเหมือน “เด็ก” อย่างเช่นตอนนี้มาก่อน“
เจ้าบ้านตระกูลฉินผู้สูงส่ง ถ้าปล่อยให้คนนอกมาเห็นท่าทางที่เขาร้องห่มร้องไห้ดูราวกับเด็กเช่นนี้ คงจะทำให้ซึสู่ต้องสั่นสะเทือนอย่างแน่นอน
“ออกไป ออกไปเดี๋ยวนี้ ! ให้ฉันอยู่คนเดียวเงียบๆ !”
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินหันมองฉินเห้อเหนียนด้วยแววตาที่โกรธเกรี้ยวและเต็มไปด้วยคราบน้ำตา จากนั้นจึงตะโกนออกมาเสียงดัง
ฉินเห้อเหนียนรู้สึกตกใจจนไม่กล้าเอ่ยถามอะไรต่อ เขารีบออกไปอย่างลุกลี้ลุกลนทันที
ตุ้บ !
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ ภายใต้แสงไฟสลัว น้ำตาของเขาไหลรินออกมาเป็นสาย และตัวของเขาก็สั่นเทา
หลังจากปิดประตูแล้ว
ฉินเห้อเหนียนยังคงรู้สึกไม่สบายใจ เขาเดินออกไปด้านนอกด้วยความงุนงง
ทันทีที่เขาเดินออกมาถึงลานเล็ก บรรดาพี่น้องต่างก็กรูกันเข้ามาหาเขา
“พี่ใหญ่ ตกลงว่าพ่อตัดสินใจหรือยัง ?”
“เส้นตายมาถึงแล้ว คิดจะจัดการอย่างไรกับเฉินตง คงจะได้ข้อสรุปแล้วใช่ไหม ?”
“หลายวันมานี้ในตระกูลเกิดเรื่องวุ่นวาย ทุกคนในบ้านล้วนกังวลใจ หากให้ฉันเสนอ พวกเราก็จัดการเฉินตงเสียให้สิ้นซาก จะได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุข !”
……
เสียงของพี่น้องที่ยืนอยู่รอบข้างดังก้อนในหู
ฉินเห้อเหนียนที่รู้สึกกังวลใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งรู้สึกราวกับว่ามียุงนับไม่ถ้วนมาบินวนเวียนอยู่ข้างหู
“หุบปากให้หมดเดี๋ยวนี้ !”
เขาตะโกนออกมาด้วยความโมโห ทำให้ทุกคนเงียบลงในทันที
ฉินเห้อเหนียนสูดหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง เขากำลังกัดฟันกรอด พร้อมทั้งมีสีหน้าที่ไม่น่าดูนัก
“ทุกคนให้รออยู่นอกลาน รอฟังการตัดสินใจของคุณพ่อ !”
เขาในตอนนี้ รู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก ในหัวของเขาเอาแต่ปรากฏภาพของพ่อที่กำลังสิ้นหวังและร้องไห้ออกมาอยู่ตลอดเวลา
สิ่งนี้ทำให้เขายิ่งรู้สึกหวาดกลัวและประหม่า
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกมั่นใจ
นั่นก็คือ……ตระกูลฉิน……ถูกคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินทอดทิ้งแล้ว !
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินละทิ้งพันธมิตรในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ !
“หญิงชราผู้นี้ ช่างไร้ยางอายเสียจริงๆ !” ฉินเห้อเหนียนกัดฟันและกร่นด่าออกมา
แต่นี่กลับยิ่งทำให้บรรดาพี่น้องที่อยู่ข้างๆ รู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น
เวลาค่อยๆ ผ่านไป
บรรยากาศยามค่ำคืนเย็นสบายราวกับสายน้ำ
มีลมเย็นพัดโชยมา
ลมเย็นที่พัดมานี้ ยิ่งทำให้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่อยู่ด้านนอกลาน ยิ่งรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งตัวมากยิ่งขึ้น รู้สึกว่าสายลมในคืนนี้ ช่างเหน็บหนาวจนเสียดแทงเข้าไปถึงกระดูกเสียจริงๆ
แอ๊ด……
ในที่สุด เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น
“พ่อออกมาแล้ว !”
แววตาของฉินเห้อเหนียนเป็นประกาย เขารีบเดินตรงเข้าไปในลานทันที
ส่วนพี่น้องคนอื่นๆ ก็รีบเดินตามไปติดๆ
ภายใต้แสงจันทร์
แสงสลัวๆ ทำให้เงาของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินที่กำลังเดินออกมาทอดยาวออกไป
เมื่อพวกของฉินเห้อเหนียนได้เห็นหน้าคุณท่านใหญ่ตระกูลฉิน ก็หยุดเดินอย่างกะทันหันในทันที และรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ตอนนี้ผมของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินขาวโพลน ราวกับว่าภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ชั่วโมง ทำให้เขาแก่ลงไปสิบกว่าปี เขาดูซีดเซียวและอ้างว้าง
อันที่จริงแล้ว ก่อนหน้านี้คุณท่านใหญ่ตระกูลฉิน มีเพียงแค่ผมหงอกแซมอยู่บ้าง
“เหอะ !”
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินมองดูบรรดาลูกชาย แล้วหัวเราะออกมาอย่างอ้างว้างและขมขื่น
ในดวงตาบวมเป่งและแดงก่ำของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
เขาพูดออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า : “เห้อเหนียน ไปเอาดาบสามฟุตที่พ่อใช้ฝึกทุกวันตอนเช้ามา”
เปรี้ยง !
พวกของฉินเห้อเหนียนรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า ต่างก็หน้าถอดสีทันที
บนใบหน้าของฉินเห้อเหนียนปรากฏรอยยิ้มที่ดูอ้างว้างและขมขื่นเช่นเดียวกับของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินออกมา
ส่วนคนที่เหลือ ก็ค่อยๆ เอ่ยปากพูดขึ้นมา
“พ่อครับ นี่พ่อกำลังจะ……”
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะรู้สึกตื่นตระหนก
เป็นเพราะ ในงานเลี้ยงวันนั้น เฉินตงพูดเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ให้คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินถือดาบยาวสามฟุตไปขอโทษเขาที่หน้าประตู
ถ้าหากตัดสินใจจะลงมือกับเฉินตงจริง จะทำเพียงแค่ถือดาบสามฟุตไปง่ายๆ อย่างนี้หรือ ?
“ไปสิ !”
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินตะคอกออกมา
“พี่ใหญ่ อย่าไปนะ ตระกูลฉินของเราไม่เคยยอมก้มหัวง่ายๆ เช่นนี้มาก่อน !”
“ถูกต้อง ! อย่างมากก็แค่ตายพร้อมกัน หากปล่อยให้พ่อถือดาบสามฟุตไปขอโทษถึงหน้าประตูเช่นนี้ แล้วตระกูลฉินของพวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ?”
“พ่อครับ ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ตระกูลฉินของพวกเราเป็นถึงตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในซีสู่ ต่อให้เฉินตงจะเป็นลูกชายของเฉินเต้าหลิน แต่พวกเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเกรงกลัวเขา ?”
ทุกคนค่อยๆ ตะโกนออกมาด้วยความโมโห
ตระกูลฉิน ไม่ต้องพูดถึงตอนหลังจากที่ได้รับตำแหน่งตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในซีสู่ แม้กระทั่งตอนที่เริ่มก่อตั้งตระกูลขึ้นมาใหม่ๆ ก็ไม่เคยต้องรู้สึกตกต่ำถึงเพียงนี้
ศักดิ์ศรีและหน้าตาของวงศ์ตระกูล ทำให้พวกเขาไม่อาจทำเช่นนี้ได้ !
ถ้าหากต้องถือดาบสามฟุตไปขอโทษถึงหน้าประตูจริง ก็ควรที่จะเป็นคนอื่นมาขอโทษพวกเขาที่ตระกูลถึงจะถูก
“หุบปากให้หมด ไอ้พวกไร้ประโยชน์ ทำตัวเหมือนขยะที่ดีแต่เห่าไปวันๆ !”
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินกระทืบเท้าด้วยความโมโห ทำให้บรรยากาศภายในลานกลับมาสงบอีกครั้ง
ฉินเห้อเหนียนหันหลังเดินจากไป ไม่ช้าเขาก็กลับมาที่ลานอีกครั้ง อีกทั้งในมือของเขาก็มีดาบติดมาด้วยอีกหนึ่งเล่ม
นี่คือดาบที่คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินใช้ฝึกฝนร่างกายในทุกๆ เช้า
ไม่เหมือนกับดาบที่ใช้ฝึกฝนร่างกายทั่วๆ ไป ดาบเล่มนี้คมกว่าปกติ สามารถตัดเหล็กได้ราวกับตัดโคลน
“พ่อครับ ตัดสินใจดีแล้วหรือครับ ?”
ฉินเห้อเหนียนรู้สึกลังเล เขาเองก็มีความคิดที่ไม่ต่างจากบรรดาพี่น้องคนอื่นๆ ?
แต่เมื่อเขาได้ประสบกับความทุกข์ทรมานมาตลอดสามวันด้วยตัวของเขาเอง และยิ่งรับรู้ถึงท่าทีของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ทำให้เขาต้องทนกัดฟัน ข่มความเย่อหยิ่งที่เขามีเช่นเดียวกับที่น้องชายของเขาเอาไว้
“แกไปกับพ่อ”
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินพูดขึ้นช้าๆ
เขาค่อยๆ กวาดแววตาขุ่นมัวของเขาไปที่ทุกคน
และถอนหายใจออกมาด้วยเสียงที่สั่นเทา : “พ่อไปครั้งนี้ ภูเขาช่างสูงชันและหนทางช่างห่างไกลนัก ขอให้ทุกคนดูแลตัวเองให้ดี”
เปรี้ยง !
คำพูดประโยคนี้ช่างฟังดูน่ากลัว
ทำให้บรรดาทายาทรุ่นที่สองของตระกูลฉิน รู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคุณท่านใหญ่ตระกูลฉิน ทุกคนต่างรู้สึกตัวสั่น ดวงตาแดงก่ำ และไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี
“เห้อเหนียน ในฐานะที่แกเป็นพี่ใหญ่ จงจำสิ่งที่พ่อเคยสั่งแกเอาไว้ก่อนหน้านี้”
“รู้แล้วครับพ่อ” ฉินเห้อเหนียนก้มหน้าก้มตาด้วยความหดหู่
ทุกคนคอยส่งพวกเขาจากไป
สองพ่อลูกอาศัยความมืดมิดยามค่ำคืน ขับรถออกไปจากตระกูลฉิน โดยไม่รบกวนคนอื่นๆ ที่อยู่ในบ้าน
ในเวลาเดียวกันนี้
ตระกูลใหญ่ทุกตระกูลในซีสู่ก็กำลังเคลื่อนไหว
“คุณท่านใหญ่ตระกูลฉิน พาลูกชายคนโตฉินเห้อเหนียนออกจากคฤหาสน์ตระกูลฉิน !”
“ให้ตายเถอะ ตระกูลฉินต้องล้มลงต่อหน้าเฉินตงจริงๆ หรือ ?”
“ถือดาบสามฟุตออกจากตระกูลดั่งเช่นที่พูดเอาไว้ในงานวันนั้นจริงๆ ? นี่คือตระกูลฉินแห่งซีสู่ที่ฉันรู้จักจริงๆ หรือนี่ ?”
……
ข่าวสารค่อยๆ ทยอยวางลงบนโต๊ะทำงานของเจ้าบ้านตระกูลใหญ่แต่ละตระกูล ราวกับฝนห่าใหญ่ที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย
ทุกคนต่างกำลังรู้สึกตื่นตกใจ
หลังจากที่ตระกูลจูเก่อรู้เรื่องที่คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินพาฉินเห้อเหนียนออกจากคฤหาสน์แล้ว ก็รู้สึกตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมาก
“ชิงเอ๋อ ประกาศออกไป ให้ตระกูลจูเก่อเตรียมการ หลังจากฟ้าสาง ตระกูลจูเก่อจะขึ้นแท่นเป็นตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดในเมืองซีสู่ !”
เมื่อได้เห็นชายชราที่ผมขาวและใบหน้าเต็มไปด้วยความปีติที่อยู่ตรงหน้า ตอนนี้จูเก่อชิงเองก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความตื่นเต้นดีใจออกมา
เขารีบคารวะ : “รับทราบครับ คุณปู่”
“ฮ่าๆๆ……ตระกูลฉินที่ครอบงำซีสู่มาโดยตลอด ในที่สุดวันนี้ก็ต้องล้มเหลวลงจนได้” ชายชราผมขาวเงยหน้าแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง “ตระกูลจูเก่อของพวกเรา หากไม่ได้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดในซีสู่ คงถือเป็นการผิดต่อบรรพชนอย่างใหญ่หลวง คงต้องรู้สึกละอายที่ตั้งรกรากในเมืองซีสู่มานานขนาดนี้ ?”
คืนนี้
ซีสู่ เกิดการพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินขึ้นจริงๆ…..