ปฏิกิริยาของกู้ชิงหยิ่ง ทำให้เฉินตงทั้งรู้สึกซาบซึ้ง ทั้งรู้สึกละอายใจไปในเวลาเดียวกัน
เขามองตามเงาร่างอันโดดเดี่ยว ที่รีบเดินจ้ำอ้าวขึ้นชั้นบนไป
เฉินตงกำหมัดแน่น รู้สึกโกรธเกรี้ยวเกินทน
เฉินหยู่เฟย!
มีความเกลียดชังในแววตาของเขา
ในเวลานั้นเอง ทั้งท่านหลง คุนหลุน กูหลังและฟ่านลู่ต่างก็เดินเข้ามา
“พี่เสี่ยวลู่ รบกวนพี่ช่วยขึ้นไปอยู่เป็นเพื่อนเสี่ยวหยิ่งหน่อยนะ”
เฉินตงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ฝืนระงับความโกรธในใจอย่างสุดความสามารถ
กู้ชิงหยิ่งในเวลานี้ ต้องการใครสักคนไปอยู่เป็นเพื่อนจริง ๆ
แต่ในระหว่างนี้ ก่อนที่เขาจะได้อธิบายอะไรให้มันชัดเจน เห็นได้ว่ากู้ชิงหยิ่งจะไม่มีทางยอมให้เขาไปอยู่เป็นเพื่อนเธออย่างแน่นอน
หลังจากที่ฟ่านลู่ขึ้นไปชั้นบนแล้ว
จู่ ๆ กูหลังก็คุกเข่าลงกับพื้น: “คุณเฉิน ผมขอโทษนะครับ เรื่องเมื่อคืนเป็นความผิดของผมเอง”
“มันไม่เกี่ยวอะไรกับนาย เดิมทีมันเป็นเพราะฉันประมาทเอง”
เฉินตงโบกมือ หันไปมองท่านหลงอย่างเคร่งขรึม: “เรื่องที่ให้ปิดข่าวเป็นยังไงบ้างแล้ว?”
สีหน้าท่านหลงเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ฝืนยิ้มอย่างจนใจ
“ทางเราไม่สามารถทำได้เลยครับ ความคิดเห็นของสาธารณชนบนอินเทอร์เน็ต กลายเป็นกระแสที่ลุกลามใหญ่โตไปแล้ว ทันทีที่เราใช้วิธีปิดข่าวเบี่ยงเบน เราก็ถูกก่นด่าสาปแช่งแบบมืดฟ้ามัวดินเลย นอกจากนี้ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ ยังถูกคนขุดออกไปเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตด้วยครับ”
เสียงนั้นหนักอึ้งจมดิ่ง เต็มไปด้วยความรู้สึกสิ้นไร้เรี่ยวแรง
ด้วยนิสัยของท่านหลงที่สงบราบเรียบพอ ๆ กับน้ำนิ่ง เรื่องที่จะสามารถทำให้เขาแสดงอาการอ่อนล้าอิดโรยได้ขนาดนี้ มันต้องเป็นสถานการณ์ที่ดำเนินไปจนถึงจุดที่สิ้นหวังแล้วจริง ๆ เท่านั้น
“เฉินหยู่เฟยคิดจะใช้วิธีดึงคนหมู่มาก มารุมชี้หน้าประณาม เพื่อจะได้ตบฉันลงขุมนรกได้ด้วยมือข้างเดียวอย่างนั้นสินะ?”
ดวงตาของเฉินตงจมดิ่งมืดหม่น ในใจรู้สึกเสียใจอย่างสุดแสน แทบอดใจไม่ไหวอยากตบหน้าตัวเองสักฉาด
ถ้าเมื่อวานนี้สติสัมปชัญญะของเขาแน่วแน่เพียงพอ จะไม่มีทางที่หายนะร้ายแรงขนาดนี้ มันจะเกิดขึ้นกับเขาได้แน่
แต่เพราะเฉินหยู่เฟยใช้คนรอบตัวของเขา มาเป็นตัวประกันเพื่อข่มขู่ เขาจึงไม่อาจไม่ทำตาม
“ตอนนี้ ความคิดเห็นของสาธารณชนกำลังเพิ่มขึ้นไม่หยุด ต่างก็ชี้ปลายดาบมาที่คุณชายกับบริษัทไท่ติ่งทั้งหมด แม้แต่เรื่องที่เกี่ยวกับคุณชาย ก็พลอยได้รับผลกระทบอย่างมากไปด้วย ทันทีที่ตลาดเปิดในเช้าวันนี้ ราคาหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงก็ดิ่งลงจุดต่ำสุดตรง ๆ ภายในระยะเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นครับ”
“ฉู่เจียนเจียจากเมืองหลวงก็ส่งข่าวมาว่า งานของเขาถูกระงับ เป็นเพราะถูกผลกระทบจากคอมเม้นท์จากสาธารณชนไปด้วยน่ะครับ”
“ยังมีทางฉินเย่อีก กิจการของบริษัทการเงินถูกระงับเป็นการชั่วคราวไปแล้ว ตอนนี้ฉินเย่กับฉินเสี่ยวเชียนกำลังเดินทางมาที่นี่ครับ พวกเขาน่าจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้แล้ว”
น้ำสียงแผ่วต่ำอ่อนระโหยของท่านหลง เป็นเหมือนสายฟ้าที่ผ่าตอนกลางวันแสก ๆ เข้าใส่ไม่ยั้ง
มันทำให้เฉินตงรู้สึกว่า ทุกอย่างตรงหน้าเขาล้วนมืดสนิท ถึงขั้นรู้สึกสิ้นหวังเหมือนพลั้งตกลงไปสู่ขุมนรกที่ไร้ทางออก
นี่คือ…พลังแห่งความคิดเห็นของผู้คนบนโซเชียลอย่างนั้นรึ!
เฉินหยู่เฟยไม่ลังเลเลย ที่จะใช้ชื่อเสียงของเธอในการระดมแฟน ๆ ทั้งหมด มาเล็งปลายดาบเล่นงานเขา เรื่องนี้ช่างทำให้เขารู้สึกคับข้องใจ ทั้งไร้แรงจะต่อต้านอย่างถึงที่สุดจริง ๆ
แนวโน้มจากคอมเม้นท์ในโลกโซเชียล ได้ทะยานสูงจนใหญ่โตยากจะควบคุมไปแล้ว
ถึงขั้นทำให้เฉินตงรู้สึกหวาดกลัวในคำกล่าวที่ว่า อาคารสูงภูเขาใหญ่แค่ไหนก็ถล่มลงมาได้เพราะน้ำมือคนจริง ๆ เข้าแล้ว
“หรือไม่ เราไปขอให้คุณท่านใหญ่ช่วยออกหน้า เรียกเฉินหยู่เฟยมาคุยด้วยดีไหมครับ? ถ้าเธอเป็นฝ่ายออกมาชี้แจงเรื่องนี้เองได้ เรื่องนี้มันก็จะได้จบลงสักที ” จู่ๆ คุนหลุนก็เสนอขึ้นมา
เฉินตงกับท่านหลงหันมามองหน้ากัน แล้วยกยิ้มอย่างฝืดฝืนขึ้นมาในเวลาเดียวกัน
“เธอไม่สนเลยด้วยซ้ำว่าจะทำลายชื่อเสียงตัวเอง แต่ก็จะขอเล่นงานฉันให้ได้ เธอกอดความคิดที่ว่า ไม่ใช่ฉันตายก็เป็นเธอที่รอดเอาไว้เต็มหัว เธอไม่มีทางออกมาชี้แจงความจริงเรื่องนี้แน่” เฉินตงถูหน้าแรงๆ
ท่านหลงก็พูดอย่างจนใจว่า: “ถ้าตอนนี้เฉินหยู่เฟยก้าวออกมาชี้แจงความจริง นั่นก็เท่ากับว่าเธอขุดหลุมฝังตัวเองแล้วน่ะสิ มันเท่ากับทำให้แผนการที่เธอวางไว้พังทลาย ไม่เพียงแต่เธอจะจัดการกับคุณชายไม่ได้ แต่ยังจะทำให้ชีวิตที่โรยด้วยกลีบกุหลาบในวงการบันเทิงของเธอต้องพังทลายไปด้วย!”
ในห้องนั่งเล่น บังเกิดความเงียบงันจนน่าอึดอัด
ทุกคนต่างตกอยู่ในอาการซึมเศร้า อากาศรอบตัวช่างกดดัน จนแต่ละคนแทบจะหายใจไม่ออกกันอยู่แล้ว
“งั้นก็แปลว่า เรามาอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแล้วอย่างนั้นเหรอ?” คุนหลุนพูดอย่างท้อแท้
เฉินตงพยักหน้า: “จะว่ายังงั้นก็ได้”
ติ๊งหน่อง ๆ……
เสียงกริ่งที่ประตูดัง.
กูหลังรีบกระวีกระวาดไปเปิดประตู
ฉินเย่กับฉินเสี่ยวเชียน เดินเข้ามาด้วยสีหน้าดำคล้ำเคร่งเครียด
เมื่อเห็นเฉินตง ฉินเย่ยักไหล่ แสร้งทำเป็นผ่อนคลาย แล้วพูดด้วยรอยยิ้มสบาย ๆ ว่า “พี่ตง พี่เล่นสนุกไปหน่อยล่ะสิ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนดีจริง ๆ นะเนี่ย”
“อย่ามาทำหน้าระรื่น สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือ ต้องหาวิธีหยุดกระแสโซเชียลที่มันพุ่งสูงไม่หยุดนี่ให้ได้ซะก่อน” เฉินตงหน้านิ่วคิ้วขมวด
“หยุดไม่ได้แล้วล่ะ!”
ฉินเย่แบมือหรา แล้วทรุดตัวลงนั่งข้างเฉินตง หยิบแท็บเล็ตในกระเป๋าออกมา แล้วยื่นให้เฉินตง: “ดูสถานการณ์ตอนนี้บนอินเทอร์เน็ตสิ”
เฉินตงขมวดคิ้ว รับแท็บเล็ตมาดู
เขาพอจะคาดเดาสถานการณ์ที่มันเกิดขึ้น บนอินเทอร์เน็ตได้แบบคร่าว ๆ อยู่แล้ว ดังนั้นครั้งแรกที่เห็นข่าวนี้เด้งขึ้นมา เขาจึงไม่ได้คลิกเข้าไปอ่านดู
แต่ในเมื่อตอนนี้ฉินเย่ให้เขาดู เข้าก็ควรจะดูให้รู้กระจ่างสักที
พาดหัวข่าวที่ใช้อักษรใหญ่และเป็นตัวหนา ยังเหมือนกับพาดหัวข่าวก่อนหน้านี้ทุกประการ
แต่เมื่อเฉินตงคลิกเข้าไป มีภาพชุดหนึ่งที่ปรากฏสู่สายตาอย่างชัดเจน กระตุ้นปลุกเร้าราวกับมีเข็มแหลม ๆ เล่มแล้วเล่มเล่า กระหน่ำทิ่มแทงเข้าไปกระตุ้นทุกเส้นประสาทในสมองของเขาให้มันเจ็บจี้ด ๆ ไม่หยุด
รูปที่อยู่ในพาดหัวข่าว เป็นรูปที่เห็นเฉินตงยืนอยู่ในห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่ง ในขณะที่เฉินหยู่เฟยกำลังนั่งอยู่บนพื้น ในรูปนั้นเห็นชัดมาก ว่ามีรอยฝ่ามือแดงเถือกบนใบหน้าอันงดงามของเธอด้วย
“นี่มัน……”
ในสมองของเฉินตงมีเสียงอื้ออึงไม่หยุด มันดังเซ็งแซ่ จนเหมือนหัวสมองจะแตกออกจากกันให้ได้ : “นี่เป็นรูปถ่ายครั้งแรกที่ฉันได้เจอเธอนี่!”
เพิ่งสิ้นเสียง
คุนหลุนกับกูหลังก็รีบเข้ามาดูด้วยเช่นกัน
ทันทีที่พวกเขาเห็นรูปนั้น สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างหนัก
“ผมจำได้ นี่เป็นตอนที่คุณชายตบเฉินหยู่เฟย แล้วเตือนเธอเมื่อตอนนั้น” คุนหลุนตกตะลึง
สีหน้าของเฉินตงดำคล้ำมืดมนอย่างถึงที่สุด
เขารีบสไลด์รูปลงไปเพื่อดูต่ออย่างรวดเร็ว
ยิ่งเขาดูรูปมากเท่าไหร่ รูม่านตาก็ยิ่งหดเล็กลงเรื่อยๆ ความหดหู่บนใบหน้าก็หนักขึ้นทุกที ๆ จนสุดท้ายก็กลายเป็นสีหน้าที่พร้อมจะฆ่าคนได้!
แต่ละรูปที่ผ่านเข้ามา มีทั้งในห้องพักโรงแรมที่ครั้งแรกได้เจอเฉินหยู่เฟย ในรูปนั้น เขาดูช่างเย่อหยิ่งอวดดี สีหน้าดูเผด็จการบ้าอำนาจอย่างยิ่ง
แต่ฝ่ายเฉินหยู่เฟยกลับทรุดล้มอยู่บนพื้น เผยสีหน้าสิ้นหวังช่วยตัวเองไม่ได้ ดูน่าสงสารเหลือจะเอ่ย
เป็นท่าทางที่แสดงถึงคนที่ถูกใช้กำลังบังคับอย่างรุนแรง เป็นเพียงผู้หญิงอ่อนแอที่ทำอะไรไม่ถูก
ส่วนรูปถ่ายอีกจำนวนหนึ่ง เป็นรูปถ่ายที่มาเป็นเซตหลัง ๆ
น่าแปลกมาก ที่มันเป็นรูปที่ถูกถ่ายในห้องพักของโรงแรมไท่ซาน
แค่แสงในภาพดูมืดสลัวไปหน่อย อีกทั้งสภาพแวดล้อมในห้องก็วุ่นวายเละเทะมากอีกด้วย
เฉินตงกำลังนอนคร่อมทับอยู่บนตัวของเฉินหยู่เฟย ในขณะที่เฉินหยู่เฟยร้องไห้จนน้ำตานองหน้าราวดอกสาลี่ต้องสายฝน สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
นอกจากนี้ ยังมีรูปถ่ายของเสื้อผ้าที่ถูกฉีกขาด ซึ่งตกอยู่ในห้องนั้นจริง ๆ อีกด้วย!
ด้วยรูปถ่ายแต่ละรูป ๆ ประกอบกับคำอธิบายในข้อความ ก็ทำให้เรื่องนี้ถึงจุดที่คนและสวรรค์ต้องเคืองแค้นสาปแช่งได้แล้ว
เฉินตงรู้เลยว่า ภาพเซตหลัง ๆ เป็นช่วงเวลาระหว่างที่เขาอยู่ในสภาวะสลบไสลไม่ได้สติ แล้วถูกเฉินหยู่เฟยถ่ายไว้นั่นเอง
แต่ที่น่าสิ้นหวังที่สุดคือ แม้ว่าตอนนี้เขาจะกระโดดลงแม่น้ำฮวงโห ก็ไม่อาจล้างความผิดนี้ได้ไปโดยปริยายแล้ว!
เจอกันสองครั้ง รูปถ่ายคนละเหตุการณ์ แล้วเอามาตัดต่อเชื่อมกันให้เป็นเรื่องเดียว ก็สามารถทำให้เรื่องนี้ผลักเขาไปสู่หนทางตายได้อย่างสมบูรณ์แล้ว!
“นี่ฉันโดนโคลนสีเหลืองตกใส่เป้า ต่อให้ไม่ได้ฉี่รดกางเกง ใคร ๆ ก็ต้องเชื่อว่าฉี่รดกางเกงไปแล้วสินะ”
เฉินตงวางแท็บเล็ตลง เอนตัวพิงบนโซฟาอย่างกลัดกลุ้ม
ชั่วขณะนั้น เขารู้สึกราวกับว่าหน้าอกของเขา ถูกก้อนหินขนาดยักษ์ยัดใส่เข้าไปจนเต็ม กดทับเขาจนหนักหนาสาหัสจนแทบจะหายใจต่อไม่ไหว
มีแม้กระทั่งความรู้สึกโกรธจนแทบอยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ เลยทีเดียว
“ผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมจริงๆ”
ฉินเย่ถอนหายใจหนักๆ: “รูปถ่ายพวกนี้ มันมากพอที่จะสร้างกระแสที่ใหญ่มาก ๆในวงการบันเทิงได้แล้วล่ะ เพื่อที่จะจัดการกับคุณ เธอยังถึงกับกล้าขายชื่อเสียงและพรหมจรรย์ของตัวเองเลยเชียวนะ เธองัด “หลักฐานจริง” พวกนี้มาใช้ตรง ๆ เพื่อไม่ให้คุณมีโอกาสโต้กลับได้เลยแม้แต่น้อย!”
พูดพลาง เขาก็ชี้ไปที่แท็บเล็ตอีกครั้ง: “ตอนนี้บรรดาช่องทางโซเชียลสื่อหลัก ๆ ในโลกออนไลน์ทุกช่องทาง ขอแค่คุณคลิกเข้าไป ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเนื้อหาข่าวตามที่คุณเพิ่งเห็นนั่นล่ะ คนทั่วโลกกำลังรุมด่ารุมประณามคุณอยู่!”
ประชาชนล้วนชี้หน้าด่าทอ?
ผู้คนต่างรังเกียจเดียดฉันท์?
ดวงตาของเฉินตง เริ่มเปลี่ยนเป็นว่างเปล่าเลื่อนลอยไปแล้ว
ความรู้สึกสิ้นไร้เรี่ยวแรงที่ซัดเข้าใส่ เหมือนคนตกน้ำที่ค่อย ๆ หมดแรง แล้วจมดิ่งลงไปในก้นบึ้งของสายน้ำทีละน้อยๆ
หดหู่ซึมเศร้า หายใจไม่ออก ตื่นตระหนก ความร้อนรนพลุ่งพล่าน พากันจู่โจมเข้ามาไม่หยุด
หรือว่า…ครั้งนี้จะไม่มีหนทางแก้ไขได้แล้วจริง ๆ รึนี่?