The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – บทที่ 299 คุณชายต้องบำรุงร่างกายสักหน่อย

บทที่ 299 คุณชายต้องบำรุงร่างกายสักหน่อย

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป

รถพยาบาลเปิดสัญญาณเตือนภัย แล้วเคลื่อนตัวออกไป

มุมนี้ของห้างสรรพสินค้า เงียบสงัดลงทันที

สายตาที่ทุกคนจ้องมองเฉินตง เต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัวและประหลาดใจ

ใครจะไปคิดว่า เด็กหนุ่มที่นั่งกินบะหมี่เย็นอยู่บนเก้าอี้ริมทางเดิน จะเป็นเจ้าของบริษัทไท่ติ่ง ?

เสียงสัญญาณเตือนภัยของรถพยาบาลที่ดังขึ้น ทำให้ทุกคนรู้สึกกลัวจนเสียวสันหลัง

ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง พวกเขาคงจะจินตนาการไม่ออกเลยว่า บนโลกนี้จะมีคนที่ถูกต่อยจนเละเป็นโจ๊กอยู่จริงๆ

แต่กลัวก็ส่วนกลัว เพราะทุกคนในที่เกิดเหตุ กลับไม่มีใครรู้สึกเห็นใจชายวัยกลางคนแม้แต่คนเดียว

เศรษฐีหน้าใหม่ ดูหมิ่นภรรยาของเจ้าของบริษัทไท่ติ่งต่อหน้าสาธารณชน ตอนกลางวันแสกๆ ?

เรื่องนี้ใครจะไปทนไหว ?

อย่าว่าแต่คนระดับเฉินตงเลย แม้แต่คนธรรมดา ก็ไม่มีใครที่จะข่มความโกรธเช่นนี้เอาไว้ได้แน่นอน

จะให้ภรรยาอับอายไม่ได้ !

ถ้าปล่อยให้ชายอื่นมาดูหมิ่นภรรยาของจนเองได้ เช่นนั้นจะถือว่าเป็นผู้ชายแบบไหนกัน ?

สิ่งที่ผู้ชายต้องปกป้องดูแล ไม่ได้มีเพียงแค่พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเท่านั้น แต่ยังมีพี่น้องที่อยู่ข้างกาย และหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยไม่ใช่หรือ ?

“ไปกันเถอะ”

เฉินตงหันไปพูดกับกู้ชิงหยิ่งอย่างอ่อนโยน จากนั้นจึงค่อยๆ หยิบถุงทั้งใบเล็กใบใหญ่ที่วางอยู่ขึ้นมาอย่างมีความสุข

และท่าทีในการเคลื่อนไหว ก็ไม่หลงเหลือเจตนาฆ่าอันรุนแรงเมื่อครู่อยู่อีกเลย

ภาพที่เกิดขึ้น สร้างความประหลาดใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้น มีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่มองดูกู้ชิงหยิ่งด้วยความรู้สึกอิจฉา

มีผู้หญิงคนไหนไม่อยากมีแฟนแบบนี้บ้าง ?

กู้ชิงหยิ่งยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน แล้วคล้องแขนเฉินตง : “กลับบ้านเถอะค่ะ”

“ยังเดินเล่นไม่เสร็จเลยนี่”

เฉินตงชี้ขึ้นไปที่ชั้นบน แล้วกล่าวขอโทษ : “ขอโทษด้วยนะ เรื่องเมื่อกี้อาจจะกระทบจิตใจของคุณ แต่ผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆ”

“โธ่ ฉันชอบท่าทางของคุณเมื่อกี้จะตายไป เดินมาตั้งครึ่งวันแล้ว ฉันเองก็เหนื่อยแล้ว กลับบ้านไปพักผ่อนกันเถอะ”

กู้ชิงหยิ่งโอดครวญและกะพริบตาปริบๆ : “ที่รัก เมื่อกี้คุณหล่อมากเลยนะ ฉันจะให้รางวัลคุณ !”

เฉินตงผงะไป จากนั้นเขาก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก

เมื่อกลับถึงบ้าน

ท่านหลง คุนหลุน และฟ่านลู่กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น

โทรทัศน์กำลังเสนอข่าวของวงการบันเทิง เป็นเรื่องเกี่ยวกับเฉินหยู่เฟย

ในขณะที่ท่านหลงและคุนหลุนกำลังง่วนอยู่กับการจัดระเบียบข้อมูล ฟ่านลู่เองก็คอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ

ข่าวบันเทิงที่นำเสนออยู่ในโทรทัศน์ เป็นสิ่งที่ไม่สลักสำคัญอีกต่อไป

ในสายตาของพวกเขา เฉินหยู่เฟยในตอนนี้ ก็เป็นเพียงแค่ตัวตลกเท่านั้น

ต้องการเอาเปรียบผู้อื่นแต่กลับขาดทุนเสียเอง เป็นสิ่งที่ใช้อธิบายสถานการณ์ของเฉินหยู่เฟยได้ดีที่สุด

“คุณชาย คุณผู้หญิง ทำไมกลับมาเร็วขนาดนี้ล่ะครับ ?”

ท่านหลงเงยหน้าขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

เมื่อเห็นเฉินตงและกู้ชิงหยิ่งแนบซบกันไปมา เธอพิงฉัน ฉันพิงเธอ

ท่านหลงก็พอเข้าใจได้ในทันที

เขากระแอมเบาๆ : “เอ่อ คุนหลุนกับฟ่านลู่ยุ่งกันมาตลอดทั้งเช้าแล้ว ไปพักผ่อนกันสักเดี๋ยวเถอะ ออกไปเดินเล่นเป็นเพื่อนฉันหน่อย”

เมื่อเห็นทั้งสามคนเดินออกไปแล้ว กู้ชิงหยิ่งก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย

เธอบ่นพึมพำออกมาเบาๆ : “แหม ทำไมท่านหลงถึงรู้ทันไปหมดเลยนะ ?”

“คนอายุมากขนาดนั้นแล้ว ถ้าเป็นขิงก็คงจะเผ็ดน่าดู”

เฉินตงยิ้มอย่างเบิกบาน : “ไปกันเถอะ ต้องรีบผลิตเฉินตงน้อยแล้ว”

“คนบ้า !”

กู้ชิงหยิ่งมองอย่างตำหนิ

ตอนเที่ยงที่ร้อนจ้า

ปล่อยอารมณ์ไปตามอำเภอใจ

หลังจากที่ได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มมาทั้งคืน ความอัดอั้นตลอดหลายวันที่ผ่านมา ก็ถูกปลดปล่อยออกมาจนหมดสิ้น

พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้สึกซึ่งกันและกัน แสดงออกถึงความโหยหาซึ่งกันและกัน

ครั้งแล้ว……ครั้งเล่า……อย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย……

จนกระทั่งถึงพระอาทิตย์ตกดิน และพระจันทร์ลอยเคลื่อนเข้ามาแทนที่

เฉินตงกับกู้ชิงหยิ่งจึงเปลี่ยนเสื้อผ้า และเดินลงมาชั้นล่าง

ในห้องอาหาร ฟ่านลู่ได้จัดเตรียมอาหารอันโอชะเอาไว้เต็มโต๊ะเรียบร้อยแล้ว กลิ่นหอมลอยตลบอบอวลไปทั่ว

เฉินตงที่ทำภารกิจมาตลอดทั้งบ่าย เมื่อได้กลิ่นหอมของอาหาร ก็น้ำลายไหลทันที

“พี่ฟ่านลู่ วันนี้ทำของอร่อยอะไรหรือครับ ?”

เฉินตงจูงกู้ชิงหยิ่งเดินไปที่ห้องอาหาร

ท่านหลงกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ข้างๆ ส่วนคุนหลุนและฟ่านลู่ยังคงง่วนอยู่ในห้องครัว

แต่เมื่อเฉินตงได้เห็นอาหารอันโอชะที่จัดวางอยู่บนโต๊ะอาหาร ก็ผงะไปทันที

ตะพาบน้ำตุ๋นโสม

หอยนางรมสดตัวอวบอิ่ม

……

นี่ดูเหมือนจะบำรุงมากเกินไปหรือเปล่า ?

เฉินตงรู้สึกตกใจมาก

ส่วนกู้ชิงหยิ่งกลับมีสีหน้างงงวย

ท่านหลงค่อยๆ วางหนังสือพิมพ์ลง แล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย : “คุณชายต้องบำรุงร่างกายสักหน่อยนะครับ”

เฉินตง : “……”

กู้ชิงหยิ่ง : “……”

พอดีกับที่คุนหลุนและฟ่านลู่เดินออกมาจากห้องครัวพอดี

หลังจากที่วางผัดกุยช่ายจานสุดท้ายลงบนโต๊ะ ฟ่านลู่ก็ไม่ลืมที่จะเอาเก๋ากี๋ออกมาโรยตกแต่งบนจานอย่างพิถีพิถันอีกด้วย

ให้ตายเถอะ……นี่มันบำรุงกันเกินไปแล้ว !

จะพูดว่ามากเกินไปก็ได้ !

“คุณชาย ทานข้าวได้แล้วครับ” คุนหลุนพูดด้วยรอยยิ้ม

“ทำไมเหรอ ?” กู้ชิงหยิ่งหันไปมองเฉินตงด้วยความสงสัย

เฉินตงลูบจมูก แล้วยิ้มออกมาอย่างเก้อเขิน แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว แล้วจึงนั่งลงทานอาหารพร้อมกับกู้ชิงหยิ่ง

กู้ชิงหยิ่งไม่รู้ถึงความหมายของอาหารมื้อนี้

เขาจึงไม่กล้าที่จะพูดออกมาตรงๆ

เพียงแต่อาหารมื้อนี้ เฉินตงไม่เพียงรู้สึกเก้อเขินที่จะต้องรับประทานเท่านั้น ต่อให้มีอาหารรสเลิศวางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ เขากลับรู้สึกตกตะลึงจนแทบจะกินไม่ลง

การบำรุงเช่นนี้ ดูจะโจ่งแจ้งเกินไปหน่อย

หลังจากทานอาหารมื้อนี้เสร็จ

เฉินตงรู้สึกอึดอัดใจมาก เขารีบจูงกู้ชิงหยิ่งออกจากวิลล่าไปเดินเล่นอยู่ด้านนอก

ท่านหลงมองดูคนทั้งสอง ที่เหมือนกับกำลังพยายามเดินหนี ก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนและเอ็นดู

กลับเป็นคุนหลุนที่ไม่อาจทนได้ : “ท่านหลง คุณให้เสี่ยวลู่ทำของบำรุงให้คุณชายขนาดนี้ จะเป็นการบำรุงคุณชายมากเกินไปจนเกิดผลเสียหรือเปล่า ?”

“พูดเหลวไหล !”

ท่านหลงเหลือบมอง แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม : “นี่เป็นความประสงค์ของนายท่าน ของอยากจะอุ้มหลานจนเต็มแก่แล้ว”

“เฮ้อ~”

คุนหลุนและฟ่านลู่หันมองหน้ากัน แล้วจึงถอนหายใจออกมาพร้อมกัน

อากาศยามค่ำคืนเย็นเยือกราวกับน้ำ

เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งเดินจูงมือกัน แล้วค่อยๆ เดินไปบนทางเดินอย่างช้าๆ มีสายลมยามค่ำคืนโชยพัดมา และดื่มด่ำกับบรรยากาศที่สงบ

เฉินตงไม่ได้สัมผัสกับชีวิตที่ผ่อนคลายเช่นนี้มาเป็นเวลานานแล้ว

การปรากฏตัวของท่านหลง ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป ทำให้เขาได้ครอบครองโอกาสที่จะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

เพื่อโอกาสครั้งนี้ เขาแทบจะยุ่งอยู่กับงานตลอดทั้งวันทั้งคืน

แต่ในช่วงที่ผ่านมานี้ มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมากมาย ทำให้เขารู้สึกเครียดอยู่ตลอดเวลา

ตอนนี้ได้ซึมซับกับบรรยากาศที่สงบเช่นนี้ โดยไม่ต้องรับรู้อะไร

เวลาครึ่งเดือนหลังจากนี้

จะเป็นวันเวลาที่ใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลายและสบาย

ทุกวันที่เฉินตงคอยอยู่เป็นเพื่อนกู้ชิงหยิ่ง ก็จะจัดการกับงานของบริษัทที่อยู่ในมือไปด้วยในเวลาเดียวกัน

หลังจากที่เฉินหยู่เฟยลาออกจากวงการบันเทิง ความคิดเห็นของผู้คนที่มีต่อเฉินตง ก็จางหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

บนโลกอินเทอร์เน็ตก็เช่นเดียวกัน ความคิดเห็นของผู้คนมาเร็วก็ไปเร็ว

ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนสั้นๆ สามารถทำให้คนลืมเรื่องราวได้มากมาย

หลังจากที่ความคิดเห็นของผู้คนเบาบางลง บริษัทขนาดใหญ่ต่างๆ ที่อยู่ในมือของเฉินตง ก็ค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาสู่ภาวะปกติ

บริษัทการเงินของฉินเย่และฉินเสี่ยวเชียน บริษัทด้านความบันเทิงของฉู่เจียนเจีย ต่างก็เริ่มดำเนินธุรกิจอย่างรวดเร็วเช่นกัน

มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ก็คือ

เป็นเพราะเรื่องความคิดเห็นของประชาชนเรื่องนี้ ทำให้ตระกูลจางต้องใช้ความพยายามอย่างมาก และเป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างจางหยู่หลันและฉินเย่

เฉินตงจึงได้รับปากกับจางหยู่หลันและฉู่เจียนเจียว่า จะร่วมมือกันก่อตั้งบริษัทด้านบันเทิงขึ้น แต่ผู้นำยังคงต้องเป็นฉู่เจียนเจียอยู่

เขารู้ดีว่า ในตลาดการแข่งขันทางธุรกิจ ฉู่เจียนเจียและจางหยู่หลันไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลยด้วยซ้ำ

เช้าตรู่วันนี้ หลังจากที่เฉินตงส่งกู้ชิงหยิ่งไปทำงานที่บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่แล้ว เขาก็ขับรถปอร์เช่ 911 ของกู้ชิงหยิ่งมุ่งหน้าไปยังไท่ติ่ง

เขาไม่ได้เข้ามาที่ไท่ติ่งหลายวันแล้ว มีเพียงแค่เสี่ยวหม่าและกูหลังคอยอยู่ดูแล

ตอนนี้ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว ถึงเวลาที่จะต้องออกเดินทางใหม่อีกครั้งเสียที

แต่ทว่า เมื่อเฉินตงมาถึงชั้นล่างของไท่ติ่ง

มีโทรศัพท์สายหนึ่งดังขึ้น ซึ่งทำให้เขาต้องเหยียบเบรก และจอดรถที่ถนนด้านหน้าตึกใหญ่ของบริษัททันที

จากนั้น เขาก็เลี้ยวหัวกลับอย่างรวดเร็ว และขับออกจากบริษัทไป….

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท