เวลาตลอดทั้งเช้า
เฉินตงรู้สึกเหนื่อยจนแทบทรุดแล้ว
แต่กู้ชิงหยิ่งกลับยังคงมีจิตวิญญาณในการต่อสู้เต็มเปี่ยม ราวกับว่าพุ่งเข้าไปจัดการกับแต่ละร้านอย่างไม่คิดชีวิต
สิ่งนี่ทำให้เฉินตงรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย ว่าตัวเขาเองจะเป็นเหมือนสุนัขตัวเมื่อครู่หรือไม่
หลังจากสูดหายใจเข้าเต็มปอด
เฉินตงก็พูดขึ้นว่า : “เสี่ยวหยิ่ง ควรจะพักทานข้าวเที่ยงกันได้แล้วนะ”
“โธ่ ฉันลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย”
กู้ชิงหยิ่งตบหัวตัวเอง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม : “ขอโทษนะคะที่รัก ฉันลืมมื้อเที่ยงไปเสียสนิทเลย คุณอยากทานอะไรคะ ? ฉันเลี้ยงคุณเอง ถือเป็นการชดเชยให้”
“คุณอยากทานอะไร ?” เฉินตงถาม
“ฉันทานอะไรก็ได้” กู้ชิงหยิ่งตอบ
“หม้อไฟดีไหม ?” เฉินตงเสนอ
กู้ชิงหยิ่งส่ายหัว : “กินหม้อไฟตอนเที่ยงแบบนี้ ทั้งตัวก็เป็นกลิ่นหม้อไฟกันพอดี เดี๋ยวก็เดินเล่นสวยๆ ไม่ได้อีกนะสิ”
เฉินตงรู้สึกจนใจ เยี่ยมมาก ฉลาดจริงๆ
คิดอยู่ครู่หนึ่ง : “ถ้าอย่างนั้น อาหารจีนล่ะ ?”
“อาหารจีนมันเกินไป กินแล้วทำให้อ้วน” กู้ชิงหยิ่งส่ายหัว
“อาหารฝรั่งล่ะ ?”
“กินแต่สเต๊กทุกวัน จนไม่อยากจะกินแล้ว”
เฉินตงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย : “แล้วคุณอยากทานอะไรล่ะ ?”
“ฉันทานอะไรก็ได้” ก็ชิงหยิ่งตอบอย่างจริงจัง
เฉินตง : “……”
ผู้หญิงหนอผู้หญิง……
หลังจากที่สอบถามด้วยความอดทน แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ
เฉินตงก็กัดฟัน แล้วเดินตรงไปยังร้านเล็กๆ ตรงทางเดิน แล้วซื้อบะหมี่เย็นสองถ้วยกับน้ำผลไม้มาสองแก้ว จากนั้นก็นั่งกินบนเก้าอี้ร่วมกับกู้ชิงหยิ่ง
ตอนที่ทั้งสองคนเรียนมหาวิทยาลัย ก็มักจะกินอาหารริมทางอยู่บ่อยๆ ดังนั้นจึงไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติ
แต่ทว่า
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังรับประทานอย่างมีความสุขอยู่นั้น
ก็มีชายวัยกลางคนพุงโตเดินผ่านมาพอดี
จากนั้นจึงชำเลืองมองผ่านๆ และต้องตกตะลึงกับความงดงามของกู้ชิงหยิ่งในทันที จนต้องหยุดเดิน
หลังจากที่หันไปมองเฉินตงหนึ่งครั้ง ชายวัยกลางคนพุงโตคนนั้นก็แสดงท่าทีดูถูกเหยียดหยามออกมา
“สาวน้อยหน้าตาสะสวยขนาดนี้ มานั่งกินข้าวข้างทางอยู่กับผู้ชายกระจอกๆ แบบนี้ เหมือนกับเอาดอกไม้งามไปปักอยู่บนกองขี้วัวจริงๆ”
คำพูดนี้ ทำให้อารมณ์ที่กำลังสดใสของเฉินตงและกู้ชิงหยิ่งหายไปในทันที
เฉินตงลุกขึ้นด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง แล้วจ้องเขม็งไปที่ชายวัยกลางคนพุงโต
จ้องมองด้วยแววตาอันทรงพลังของเขา จนชายวัยกลางคนต้องถอยร่นไปด้วยความกลัว
เขาพูดขึ้นเสียงดัง : “ไอ้กระจอก แกคิดจะทำอะไร ? สิ่งที่ฉันพูดมันเป็นความจริง !”
กู้ชิงหยิ่งเหลือบไปมองชายวัยกลางคน
สวมใส่สร้อยทองเส้นใหญ่และนาฬิกาเรือนใหญ่ สวมใส่รองเท้าหนังและมีกระเป๋าถือใบเล็ก
สภาพของเศรษฐีหน้าใหม่ ปรากฏให้เห็นจากทั่วทั้งตัวของเขา
เธอไม่อยากให้เรื่องเล็กน้อยนี้มากระทบถึงอารมณ์ของเธอและเฉินตง
เธอดึงแขนของเฉินตงเอาไว้ : “ช่างเถอะ อย่าไปสนใจเลย วันนี้คุณจะต้องเดินเล่นเป็นเพื่อนฉันนะ”
ท่าทีของเฉินตงผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ตอนนี้ชายวัยกลางคนเพิ่งจะสังเกตเห็นถุงทั้งใบเล็กใบใหญ่ที่วางอยู่ข้างๆ กู้ชิงหยิ่งและเฉินตง
เขาโพล่งออกมาทันที : “แหม เมื่อกี้ฉันไม่ทันได้สังเกตให้ดี ดูๆ ไปแล้วก็พอจะมีเงินเล็กน้อยเหมือนกันนี่ อย่างน้อยๆ คงจะได้เงินเดือนหมื่นกว่าหยวนใช่ไหมล่ะ ?”
ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”
เฉินตงตอบกลับอย่างเย็นชาหนึ่งประโยค จากนั้นจึงจูงมือของกู้ชิงหยิ่ง เตรียมที่จะเดินจากไป
กู้ชิงหยิ่งเป็นภรรยาของเธอ ไม่จำเป็นจะต้องให้คนอื่นมาคอยชี้แนะ
เมื่อครู่ สิ่งที่ชายวัยกลางคนพูดขึ้นประโยคแรก เห็นได้ชัดว่าจงใจที่จะหาเรื่อง
ถ้าไม่ใช่เพราะไม่ต้องการทำลายความรู้สึกของกู้ชิงหยิ่งแล้วล่ะก็ เขาคงต้องจัดการกับชายวัยกลางคนคนนี้อย่างแน่นอน
เมื่อพูดถึงเรื่องเงิน ในสายตาของเขาก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น
ในเมืองนี้ เกรงว่าคงเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนแล้วที่ร่ำรวยกว่าเขา
วีรบุรุษของเมืองนี้อย่างโจวเย่นชิวและโจวจุนหลง ตอนนี้ยังต้องยืมจมูกเขาหายใจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อภาพเช่นนี้ปรากฏขึ้นในสายตาของชายวัยกลางคน ทำให้รู้สึกทันทีว่าเฉินตงนั้นยอมแพ้ และคิดที่จะเดินหนีไป
เขาจึงรู้สึกสนุกขึ้นมาทันที !
เขากวาดสายตามองกู้ชิงหยิ่งตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างน่าเกลียด แววตาของเขาราวกับมีลูกไฟสองลูกกำลังลุกโชนอยู่ และแสดงความหื่นกระหายออกมาอย่างโจ่งครึ่ม
ความงดงามเช่นนี้ คู่ควรที่จะให้ไอ้กระจอกคนหนึ่งมาครอบครองอย่างนั้นหรือ ?
ชายวัยกลางคนก้าวเข้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วขวางเฉินตงกับกู้ชิงหยิ่งเอาไว้
เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และพูดออกมาอย่างไร้ยางอายว่า : “สาวน้อย เธอใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชายกระจอกๆ เช่นนี้ จะไปมีอนาคตอะไร ? เขาจะให้อะไรเธอได้ ? เดือนหนึ่งได้เงินเดือนแค่หมื่นกว่าหยวน ดูเหมือนว่าจะถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว เขาก็คงให้เธอได้เพียงแค่ของเล็กน้อยพวกนี้”
ภาพที่ปรากฏขึ้น
ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่เดินผ่านไปมา
ความงดงามของกู้ชิงหยิ่ง เป็นที่สะดุดตาอย่างยิ่ง
แต่คนอื่นๆ ทำเพียงแค่รู้สึกอิจฉาอยู่ห่างๆ ไม่มีใครคิดที่จะทำเกินเลย เช่นเดียวกับที่ชายวัยกลางคนทำอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น บางคนถึงกับมองเฉินตงด้วยแววตาที่เห็นอกเห็นใจ
ดูเหมือนเด็กหนุ่มคนนี้จะตกที่นั่งลำบากแล้ว ?
เห็นได้ชัดว่าชายวัยกลางคนเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ เป็นคนร่ำรวยและไม่ยอมใครง่ายๆ
หลายคนเริ่มหันไปกระซิบกระซาบกัน
แต่ทว่า
หลังจากที่ชายวัยกลางคนพูดออกมาแล้ว ใบหน้าของเฉินตงก็เคร่งขรึมลงทันที แววตาของเขาฉาบไปด้วยความเย็นชา
ส่วนกู้ชิงหยิ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับหลุดขำออกมา
เธอมองชายวัยกลางคนอย่างรู้สึกขำ : “คุณลุง ฉันรักเขา เขาให้ฉันได้เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว คุณพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร ?”
เข้าใจแล้ว !
ชายวัยกลางคนฉุกคิดขึ้นมาได้
หญิงสาวรูปงามที่อยู่ตรงหน้าตั้งใจที่จะย้อนถามเขา เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้กับเขาใช่หรือไม่ ?
เขาพบเจอกับหญิงสาวลักษณะเช่นนี้มานับไม่ถ้วน เพียงแค่อวดความร่ำรวยออกมาให้เห็น ก็เพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจได้แล้ว !
จะปล่อยให้โอกาสหลุดมือไปไม่ได้ หากหลุดมือไปแล้วก็จะไม่กลับมาอีก !
ชายวัยกลางคนยืดอก แล้วเหลือบไปมองเฉินตง จากนั้นจึงชูมือขวาขึ้นมา : “เห็นนี่ไหม ? นี่เรียกว่าผีใต้น้ำเขียว ราคาไม่แพง ก็แค่แสนหยวนเท่านั้นเอง”
ขณะที่พูด เขาก็หยิบกุญแจรถออกมาจากเอว : “นี่ BMW ซีรี่ส์ 5 ก็แค่ไม่กี่แสนหยวนเท่านั้น”
เขาถอยหลังไปอีกหนึ่งก้าว ใช้มือทั้งสองข้างของเขาชี้ไปบนตัว แล้วพูดโอ้อวดตัวเองอย่างภูมิใจว่า : “เห็นรึยัง ตั้งแต่หัวจรดเท้าล้วนแล้วแต่ใช้ของหลุยส์ วิตตองทั้งนั้น แค่เข็มขัดหลุยส์ วิตตองเส้นนี้เส้นเดียว เกรงว่าคงเท่ากับเงินเดือนของแฟนเธอทั้งเดือน ?”
“นอกจากนี้ ตอนที่มีการปฏิวัติย่านสลัมทางภาคตะวันตกของเมือง บ้านของฉันก็ได้มีการรื้อถอนและแบ่งสร้างออกมาใหม่เป็นหลายหลัง เมื่อรวมกับสิ่งเหล่านี้แล้ว ดูเหมือนว่าชาตินี้ แฟนของเธอคงไม่มีทางเทียบได้ แต่ถ้าหากเธอยอมอยู่กับฉันแล้วล่ะก็ ของของฉันก็จะกลายเป็นของของเธอด้วย !”
คำพูดเต็มไปด้วยการคุยโวโอ้อวด
มีหลายประโยคที่เป็นการดูถูกเหยียบย่ำเฉินตงให้จมดิน
การอวดร่ำอวดรวยอย่างโจ่งแจ้ง และการกดขี่คนอื่นอย่างหยาบคาย
ทำราวกับว่าเฉินตงซึ่งอยู่ในฐานะ “แฟน” ไม่ได้อยู่ในสายตา
ผู้คนโดยรอบต่างยืนมองด้วยความตกตะลึง
ในขณะที่รู้สึกเห็นอกเห็นใจเฉินตง ก็รู้สึกหมั่นไส้ชายวันกลางคนด้วยเช่นกัน
คนแบบนี้ ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน ?
มีเงินแล้วคิดจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ ?
“ฮ่าๆ !”
กู้ชิงหยิ่งหลุดขำออกมาทันที : “ถ้าเช่นนั้น ก็ถือว่าคุณลุงยอดเยี่ยมจริงๆ !”
“ก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่เหนือกว่าแฟนของเธอแน่นอน เธอจะลองพิจารณาดูสักหน่อยไหมล่ะ ?” ชายวัยกลางคนจ้องมองกู้ชิงหยิ่งด้วยสายตาหื่นกระหาย
“มีเงินแล้วคิดจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ ?”
เฉินตงถามกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เหอะๆ ! มีเงินแล้วคิดจะทำก็ได้ ! นายมีเงินหรือ นายคิดจะทำอะไรก็ได้หรือ ? ไหนนายลองมีเงินให้ฉันดูหน่อยสิ ?” ชายวัยกลางคนจ้องมองเฉินตงอย่างดูถูก
กู้ชิงหยิ่งยิ่งหัวเราะอย่างสนุกสนานมากขึ้น
ยังไม่ทันจะรอให้เฉินตงเอ่ยปากพูด
เธอก็โน้มตัวเข้าไปหาเฉินตงและพูดเบาๆ ว่า : “ที่รักคะ ดูไม่ออกเลยว่า ฉันเองก็มีราคาไม่น้อยเช่นกัน คุณไม่รู้สึกโกรธเลยหรือ ?”
เฉินตงลูบจมูก แล้วพูดอย่างจนใจ
“ต้องโทษที่ผมชดเชยให้พวกเขามากเกินไป ตอนปฏิวัติย่านสลัมทางภาคตะวันตก !”
ว้าว !
ที่เกิดเหตุเกิดความโกลาหลขึ้น
ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึง และอุทานออกมาอย่างไม่ขาดสาย
ส่วนชายวัยกลางคนยิ่งมีท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างมาก และรู้สึกมึนงง
จากนั้น
เฉินตงก็ก้าวเข้าไปข้างหน้า แล้วก้มลงมองชายวัยกลางคน : “ภรรยาของฉัน เฉินตง ไม่ใช่ใครจะมาดูหมิ่นได้ง่ายๆ ในเมื่อคุณบอกว่ามีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ดี ผมจะทำให้คุณได้เห็นว่า มีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้จริงๆ แล้วเป็นอย่างไร !”
แววตาเฉียบคมราวกับมีด
“เฉิน เฉินตง ? ! เจ้าของบริษัทไท่ติ่ง เฉินตง ? !”
ชายวัยกลางคนรู้สึกตกใจกลัวทันที เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว : “คุณ คุณจะทำอะไร ?”
“มอบสิทธิพิเศษในการเข้าพักแบบวีไอพี ในห้องไอซียูเป็นเวลาหนึ่งเดือนที่โรงพยาบาลลี่จิงให้กับคุณไง !”
น้ำเสียงที่เคร่งขรึม มาพร้อมกับหมัดอันทรงพลัง
หมัดของเฉินตงพุ่งเข้าใส่ชายวัยกลางคนทันที