ณ ห้องโถงรอขึ้นเครื่องของสนามบินชานเมือง
กู้ชิงหยิ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยดวงตาที่ง่วงงุน คิ้วขมวดมุ่นเป็นปม คล้ายมีเรื่องให้ครุ่นคิด
ฟ่านลู่ที่อยู่อีกด้านก็เอาแต่อ้าปากหาวหวอด ๆ ไม่หยุด ท่าทางดูหดหู่หงอยเหงาไม่มีชีวิตชีวา
นี่มันเป็นอะไรที่เช้าเกิน แถมยังกะทันหันเกินไปด้วย กำลังหลับฝันหวานอยู่ดี ๆ ก็ถูกปลุกให้ตื่น จากนั้นก็ถูกสั่งให้ไปต่างประเทศทันทีแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยอีก
เธอหันไปมองกู้ชิงหยิง แล้วถามว่า “เสี่ยวหยิ่ง ทำไมพี่ถึงรู้สึกว่า เธอมีเรื่องหนักใจให้คิดเลยล่ะ?”
กู้ชิงหยิ่งกลับมารู้สึกตัว พูดว่า “พี่เสี่ยวลู่ พี่รู้สึกมั้ยว่าเฉินตงเขาดูมีอะไรสักอย่างที่ผิดปกติไปน่ะ?”
“ก็ไม่นะ”
ฟ่านลู่ส่ายหน้า: “ถ้าจะบอกว่าใครที่ดูผิดปกติ พี่คิดว่าเป็นพี่คุนหลุนต่างหากที่ผิดปกติ เมื่อเช้าตอนที่เขาไปเรียกให้พี่ตื่น สีหน้าของเขาดูอย่างกับแทบจะระเบิดตัวเองได้อยู่แล้ว พี่ยังไม่ได้แกล้งหยอกแกล้งเย้าอะไรเขาเลยสักนิด”
“ฉันรู้สึกว่า เฉินตงมีเรื่องบางอย่างที่ปิดบังฉันอยู่”
แม้ว่ากู้ชิงหยิ่งจะคิดอย่างนั้น ตัวเธอก็เชื่อในคำสาบานของเฉินตงอยู่ดี
แต่เวลาสี่ปีในมหาวิทยาลัย ที่เธอได้คบหาดูใจกับเฉินตงมา บวกกับการรอคอยอีกสามปีกว่าที่เขาได้กลับมาอีกครั้ง เรียกว่าความใส่ใจที่เธอมีต่อเฉินตง มันมากเสียกว่าความใส่ใจที่เธอมีให้กับตัวเองเสียอีก
เพราะให้ความสำคัญและใส่ใจ จึงได้เข้าใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
และเพราะเข้าใจ ดังนั้นจึงรู้สึกได้ว่าเฉินตงจะต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นแน่แล้ว
“เสี่ยวหยิ่ง อย่าคิดมากอีกเลยนะ ไม่ใช่ว่าคุณเฉินก็สบายดีอยู่หรอกเหรอ” ฟ่านลู่พยายามปลอบใจ “เขารักเธอมากนะ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ เขาจะปิดบังเธอไปทำไมล่ะ? ”
คิ้วของกู้ชิงหยิ่งขมวดมุ่น พึมพำขึ้นว่า : “ฉันเองก็บอกไม่ถูก แต่ฉันเป็นภรรยาของเขา บางทีนี่อาจเป็นสัมผัสที่หกของผู้หญิงล่ะมั้ง”
ฟ่านลู่พูดอย่างจนใจว่า “เธอนี่นะ คงเพราะจู่ ๆ คุณเฉินก็บอกให้เธอกลับบ้าน เลยรู้สึกไม่สบายใจหรือเปล่า? ที่จริงแล้วที่คุณเฉินคิดก็ถูกอยู่นะ หลังจากที่พวกเธอแต่งงานกันมา ก็มีเรื่องราวมากมายหลายอย่างเกิดขึ้นไม่หยุดไม่หย่อน เธอเลยไม่มีโอกาสได้กลับไปเยี่ยมบ้านสักครั้งเลยไม่ใช่เหรอ ? บ่าวสาวหลังแต่งงาน ก็ถือเป็นมารยาทตามประเพณี ที่จะกลับไปเยี่ยมบ้านแม่หลังแต่งงานไม่ใช่รึไง?”
“แต่มันมีที่ไหนที่ให้เจ้าสาวกลับไปเยี่ยมบ้านแค่คนเดียวบ้างล่ะ?”
กู้ชิงหยิ่งถามไปประโยคหนึ่ง ทำให้ฟ่านลู่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะตอบคำถามนี้ยังไง
ในเวลานั้นเอง ก็มีเสียงแจ้งเตือนการขึ้นเครื่องดังขึ้นในโถงรอของสนามบิน
“ไปกันเถอะ ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว”
ฟ่านลู่ไปหยิบกระเป๋าสัมภาระ แล้วพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “อย่าคิดมากเลยนะ”
คิ้วของกู้ชิงหยิ่งขมวดมุ่นจนย่นยู่ เธอไม่รู้ว่าทำไมความรู้สึกนั้น มันถึงได้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้
เธอหันกลับไปมองด้านนอกสนามบิน ได้ยินเสียงเตือนให้ขึ้นเครื่องดังขึ้นในโถงรออีกครั้ง สุดท้ายก็ถอนหายใจเฮือก หันหลังแล้วเดินตามฟ่านลู่ไป
ที่ด้านนอกสนามบิน
เฉินตงนั่งอยู่บนรถพอร์เชอ 911 เพียงลำพัง ในใจหนักอึ้งกลัดกลุ้ม
แกร๊ก!
ประตูรถเปิดออก คุนหลุนที่เหงื่อไหลท่วมแทรกตัวเข้าไปนั่งอย่างรวดเร็ว
“ไปกันแล้วใช่มั้ย? ” เฉินตงถาม
“ผมเห็นคุณนายกับเสี่ยวลู่ เดินเข้าไปในทางเดินขึ้นเครื่องด้วยตาตัวเองเลยครับ” คุนหลุนตอบกลับ
เฉินตงยิ้มอย่างผ่อนคลาย คล้ายได้ยกภูเขาหนัก ๆ ออกจากอก จากนั้นจึงสตาร์ทรถ
กู้ชิงหยิ่งออกเดินทางแล้ว ก้อนหินก้อนใหญ่ในใจเขาก็หลุดร่วงออกไปได้เสียที
คำสั่งลอบฆ่าในดาร์กเว็บ ทำให้นับจากวินาทีนี้ ชีวิตของเขาจะต้องตกอยู่ในสภาวะวิกฤตจากการถูกซุ่มโจมตีได้จากทุกด้าน
เขาไม่อาจยอมให้กู้ชิงหยิ่งอยู่ข้างกายเขา แล้วต้องมาเผชิญอันตรายร่วมกันกับเขาได้
ผู้หญิงสมควรมีไว้เพื่อรักใคร่ทะนุถนอม ไม่ใช่มีไว้เพื่อเผชิญกับอันตรายรอบด้าน
ในฐานะสามี เฉินตงรู้สึกว่าเขาควรแบกรับหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะสามีให้ดีที่สุด
ในเวลาแบบนี้ การหลอกให้กู้ชิงหยิ่งไปห่างจากเขา ถือเป็นการปกป้องภรรยาที่ดีที่สุดแล้ว
เขาขับรถรวดเร็วปานลมกรด ตะบึงราวสายฟ้าแลบ
อารมณ์ของเฉินตงหดหู่อัดอั้นอย่างมาก
ดาร์กเว็บ นักฆ่าอำพราง The hidden killer สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนเมฆหมอกมืดครึ้ม ที่ปกคลุมอยู่บนหัวของเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ทำให้เขากระสับกระส่ายไม่สบายใจ แต่ก็ไม่มีหนทางจะทำอะไรได้ทั้งนั้น
ต่อจากนี้ไป สิ่งที่เขาต้องเผชิญ อาจโหดร้ายเสียยิ่งกว่าประสบการณ์ในคุกมืดนั่นเสียอีก
“คุณชายครับ เมื่อครู่นี้ท่านหลงเพิ่งจะโทรมาบอกว่า คุณท่านได้ระดมทีมรักษาความปลอดภัยทั้งหมดรอบตัวท่านแล้ว รวมทั้งหมดมีหนึ่งร้อยคนครับ”
คุนหลุนพูดด้วยท่าทีกระตือรือร้น: “ทีมรักษาความปลอดภัยทีมนี้ มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลรักษาความปลอดภัยของคุณท่าน นับตั้งแต่ที่คุณท่านได้ขึ้นเป็นเจ้าบ้านครับ ก่อนหน้านี้มีผมเป็นผู้นำทีม มาตอนนี้คุณท่านส่งพวกเขามาให้ ผมยังพอจะสั่งการทีมได้ง่ายหน่อย เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วครับ”
ส่งมาทั้งหมดเลยเหรอ?
ขอบตาของเฉินตงไหวสั่นน้อย ๆ จู่ ๆ ก็เกิดความรู้สึกที่เป็นอารมณ์ซึ่งซับซ้อนมาก ๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เขาจำได้ว่า คุนหลุนเคยเป็นบอดี้การ์ดของพ่อมาก่อน และยังเป็นหนึ่งในคนที่พ่อของเขาไว้วางใจมากที่สุดด้วย
คุนหลุนถูกส่งมาที่นี่ ก็เพื่อคอยดูแลคุ้มครองความปลอดภัยให้กับเขา
แต่การตัดสินใจครั้งนี้ ก็เป็นการเพิ่มอันตรายให้กับพ่อขึ้นไปอีกหลายเท่าเลยทีเดียว
มาตอนนี้ แม้แต่ทีมรักษาความปลอดภัยของตัวเอง ก็ยังถูกส่งมาให้คุนหลุนใช้เป็นแขนขา เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้กับเขาจนหมด….
ถ้าอย่างนั้น แล้วพ่อล่ะ?
ทีมรักษาความปลอดภัยที่สามารถปกป้องพ่อของเขามานานกว่าสองทศวรรษ เฉินตงย่อมไม่สงสัยเลยสักนิดว่า ทีมนี้ต้องเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างแน่นอน
แต่คุนหลุนมาแล้ว ทีมบอดี้การ์ดก็มาแล้ว อันตรายต่อชีวิตและความเสี่ยงที่พ่อจะต้องเจอ มันจะยิ่งทวีความน่าหวาดหวั่นขึ้นไปขนาดไหนกัน?
“ เพื่อจะปกป้องฉันแล้ว เขาไม่สนใจชีวิตของตัวเองเลยรึยังไงกัน ? ” เฉินตงหลุดปากพูดออกมา ด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนสับสนอย่างยิ่ง
คุนหลุนผงะไปเฮือกหนึ่ง ยกยิ้มอย่างฝืดฝืน: “แต่ไหนแต่ไรมา คุณท่านก็มักจะวางความปลอดภัยของตัวเอง เอาไว้ข้างหลังคุณชายมาตลอดอยู่แล้วล่ะครับ”
“เขาเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉิน อยู่สูงเหนือผู้คนทั้งหลาย แต่ต้นไม้สูงย่อมปะทะสายลมแรง ยิ่งอยู่สูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งตกเป็นเป้าโจมตีเท่านั้น อันตรายที่เขาต้องเผชิญอยู่ทุกวัน ก็คงไม่ด้อยไปกว่าฉันที่ถูกนักฆ่าในเงามืดไล่ตามฆ่าหรอกมั้ง?”
คุนหลุนยังคงนิ่งเงียบไม่เอ่ยคำ
ในฐานะบอดี้การ์ดส่วนตัวของเฉินเต้าหลิน เขาย่อมรู้ดีที่สุดว่า ตลอดเวลาเฉินเต้าหลินต้องเผชิญกับอันตรายมากมายขนาดไหน
การส่งเขา กับทีมรักษาความปลอดภัยมาให้ทางเฉินตงจนหมดแบบนี้ พูดในฐานะของคนที่มีตัวตนซึ่งดำรงอยู่ในระดับเฉินเต้าหลิน นั่นเท่ากับเป็นการถอดเขี้ยวเล็บมังกรอย่างแท้จริง!
ชั่วขณะนั้น
เฉินตงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วกดหมายเลขของเฉินเต้าหลินอย่างรวดเร็ว
เมื่อต่อสายติด เฉินตงก็พูดอย่างใจเย็นว่า “ พอจะเปลี่ยนเป็นทีมรักษาความปลอดภัยมืออาชีพให้ผมแทนได้ไหมครับ? ”
“ไม่ได้!” คำพูดของเฉินเต้าหลินแน่วแน่อย่างยิ่ง “ฉันรู้ว่าแกคิดอะไรอยู่ แต่เรื่องนี้ฉันพิจารณาอย่างจริงจังดีแล้วถึงได้ตัดสินใจทำแบบนี้ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ คือการคุ้มครองความปลอดภัยของแก ส่วนความปลอดภัยของฉัน ก็ให้ฉันเป็นคนจัดการวางแผนเอง เรื่องนี้ยังไง ๆ แกก็ต้องฟังฉัน!”
“ด้วยเหตุใดล่ะ?”
เฉินตงรู้สึกคับข้องใจเกินจะทานทนขึ้นมาบ้างแล้ว พ่อคำนึงถึงความปลอดภัยของเขา แล้วไม่คิดว่าตัวเขา จะไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของพ่อบ้างเลยหรือ?
ในอดีตที่ผ่านมา เขาเคยมีความแค้นเคืองต่อเฉินเต้าหลินมาก่อน
แต่เมื่อได้รับรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งอดีตไปทีละขั้นทีละตอน ความคับข้องใจและความเคืองแค้นในใจเหล่านั้น ก็ค่อย ๆ มลายหายไป
พ่อกับลูกชาย
พ่อไม่เคยอยู่เคียงข้างดูการเจริญเติบโตของเขา แต่เขาเติบโตขึ้นแล้ว และกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งงามสง่า ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคอย่างทุกวันนี้
ในฐานะลูกผู้ชาย ถ้าไม่เทิดทูนพ่อแม่มาเป็นอันดับแรก ไม่กตัญญูกตเวทีมีความรับผิดชอบ นั่นจะนับว่าเป็นผู้ชายแบบไหนกันนะ?
“ก็กูเป็นพ่อแก! กูจะปกป้องแก แกที่เป็นลูกคนก็ต้องทำตามที่กูสั่ง!”
จู่ ๆ เฉินเต้าหลินก็ตวาดด่าเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
เสียงตวาดอย่างกะทันหันนี้ ทำให้อารมณ์ที่ซับซ้อนอยู่แล้วของเฉินตง ยิ่งทวีความกระอักกระอ่วนมากขึ้นไปอีก
ขอบตาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ เฉินตงพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ ขอบคุณนะครับพ่อ ”
“ส่วนทางด้านดาร์กเว็บนั่น ฉันกำลังพยายามหาทางอยู่ ถ้าภารกิจลอบฆ่าครั้งนี้ไม่ได้รับการแก้ไขตั้งแต่รากฐานล่ะก็ เรื่องนี้ก็คงจะไม่มีวันจบสิ้นลงแน่ ๆ”
เสียงของเฉินเต้าหลินลดต่ำลง แต่ยังแฝงความรู้สึกจนใจอยู่บ้างเล็กน้อย : “น่าเสียดายที่ต่อให้ฉันจะใช้พลังของตระกูลเฉิน ไปบดขยี้ทำลายตระกูลหลี่จนราบคาบอย่างสมบูรณ์ได้ ฉันก็ยังไม่มีวิธีที่จะทำให้ดาร์กเว็บมันยกเลิกภารกิจลอบฆ่าอยู่ดี เรื่องนี้มันยุ่งยากเกินไป ฉันต้องการเวลาอีกสักหน่อย”
“การส่งทีมรักษาความปลอดภัยทั้งหมดไปให้แก โดยให้คุนหลุนสามารถออกคำสั่งใช้สอยได้ ก็คือการพยายามซื้อเวลาในครั้งนี้แล้ว”
พูดมาถึงตอนท้าย จู่ ๆ เสียงของเฉินเต้าหลินก็เปลี่ยนเป็นรุนแรงขึ้นมาในทันใด
“เฉินตง ฉันรู้จักนิสัยของแกดี แต่ในเรื่องนี้ แกต้องฟังฉันและจำไว้ให้ขึ้นใจ! มันอันตรายมากจริงๆ แกอย่าได้ทำอะไรโดยใช้อารมณ์เป็นอันขาด คุนหลุน ท่านหลง ฉินเย่ หรือแม้แต่คนที่อยู่ข้าง ๆ แกที่ชื่อกูหลังคนนั้น ต่างก็ตายได้ทั้งนั้น แต่แกต้องทำทุกวิถีทางเพื่อมีชีวิตรอด!”
จิตใจของเฉินตงดิ่งวูบ รู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับความหมายของคำพูดที่พ่อได้สื่อออกมา
พี่น้องผองเพื่อน ผู้อาวุโสที่มีบุญคุณ ทุกสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจยอมปล่อยวางทิ้งขว้างได้
ด้วยสัญชาตญาณ เฉินตงเหลือบสายตาไปมองคุนหลุน แต่กลับพบว่าสีหน้าของคุนหลุนดูสงบ แลดูเฉยเมยราบเรียบเหมือนเวลาปกติ
“คุณชาย สิ่งที่คุณท่านพูดมาถูกต้องแล้วล่ะครับ!”
คุนหลุนมองตรงไปข้างหน้า พลันส่งยิ้มให้เขา แต่ทันใดนั้นเอง ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างแล้วพูดด้วยความตกใจว่า: “คุณชายระวัง!”