เขาคือใคร ?
เฉินตงหันมองชายที่พันผ้าและวิ่งหนีไปด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง
คนที่สามารถต้านการโจมตีของเฉินเต้าจูนได้ ซ้ำยังทำให้เฉินเต้าจูนยิ้มและยอมปล่อยเขาหนีไปได้ จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
หรือว่า……
จู่ๆ ก็เกิดความคิดขึ้นมาในหัวของเฉินตง
เมื่อหันไปมองเฉินเต้าจูน เขาก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรมาก แต่กลับพูดขึ้นว่า : “คุณลุง กลับบ้านกันเถอะครับ”
“ดี!”
เฉินเต้าจูนพยักหน้า จากนั้นจึงหันมองหลุมศพของหลี่หลาน : “ไปคำนับแม่ของนายสามครั้ง ในเมื่อมากราวไหว้ก็ควรทำตามประเพณี”
ระหว่างทางกลับไปยังคลับสี่ยิ่นนั้น ขบวนรถยังคงยิ่งใหญ่
แต่ที่ต่างออกไปจากตอนมาก็คือ
เฉินตงกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าจะเกิดความรู้สึกอะไรขึ้นอีกหรือไม่
ตอนนี้ในหัวของเขามีแต่ภาพของชายที่พันผ้าเมื่อครู่
คนที่สามารถหนีเอาชีวิตรอดต่อหน้าคุณลุงไปได้ ในบรรดานักฆ่า คงจะมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ?
ยิวหมิน !
หลังจากคิดเรื่องนี้ออกแล้ว เฉินตงก็รู้สึกกลัวจนขนลุกขึ้นมาทันที
นักฆ่าอันดับที่ 10 ในอันดับยมราชคนนี้ มาเร็วขนาดนี้เลยหรือ !
หากไม่มีการปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของเฉินเต้าจูน เกรงว่าต่อให้เขาหลบซ่อนตัวอยู่ในคลับสี่ยิ่น ก็คงต้องเผชิญหน้ากับยิงหมินอย่างรวดเร็ว !
ถึงตอนนั้น คงจะเป็นฝันร้ายอย่างแท้จริง
“คุณเฉิน คนเมื่อครู่น่าจะเป็นยิวหมิน”
จู่ๆ ฟ่านลู่ก็เอ่ยขึ้นมา ทำลายบรรยากาศที่เงียบสงัดภายในรถ
เฉินตงพยักหน้า จากนั้นจึงหันมองเฉินเต้าจูน : “คุณลุง หากคุณลุงต้องต่อสู้กับชายคนเมื่อครู่จริงๆ ใครแข็งแกร่งใครอ่อนแอ ?”
การปะทะเมื่อครู่เพียงเล็กน้อย
ตัดสินได้ยากว่าใครแข็งแกร่งกว่าใคร
“นายลองทายดูสิ?”
เฉินเต้าจูนหัวเราะร่าออกมา
เฉินตงเงียบไป
ลังเลอยู่สักพัก ก็ขยับริมฝีปาก
ในที่สุด คำก็เก็บคำพูดที่คิดอยู่ในใจเอาไว้
เมื่อกลับไปถึงคลับสี่ยิ่น
เฉินตงให้ฉินเย่และจูเก่อชิงกลับออกไป เรื่องที่เกิดขึ้นรอบๆ สุสานของแม่ ยังท้องให้พวกเขาตามเก็บกวาด
จากนั้น เขาก็พาเฉินเต้าจูนเดินไปที่ลานป่าไผ่
ภายในลานขนาดเล็กที่เงียบสงบและสง่างาม
กู้ชิงหยิ่งกำลังเดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในลาน ใบหน้าเต็มไปด้วยความร้อนใจและเป็นกังวล
คุนหลุนนั่งอยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ แววตามืดมน เขามองกู้ชิงหยิ่งที่กำลังเดินไปเดินมาด้วยความรู้สึกผิด
หากตนเองไม่ได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้คงจะสามารถคุ้มกันคุณชายได้
เอี๊ยด……
จู่ๆ ประตูลานก็ถูกผลักออก
กู้ชิงหยิ่งและคุนหลุนหันมองไปพร้อมกัน
เมื่อเห็นเฉินตง กู้ชิงหยิ่งก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที : “ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว ฉันตกใจแทบแย่ !”
เฉินตงยิ้มอย่างอ่อนโยน : “ผมจะแนะนำให้คุณรู้จัก นี่คือลุงเต้าจูน”
“สวัสดีค่ะคุณลุง” กู้ชิงหยิ่งผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยิ้มออกมาพร้อมกล่าวทักทาย
“คุณลุง นี่คือภรรยาของผม กู้ชิงหยิ่ง” เฉินตงหันไปพูดกับเฉินเต้าจูน
เฉินเต้าจูนเลิกคิ้วแล้วยิ้ม : “นี่คือเหตุผลที่ตอนนั้นนายสู้ตาย เพื่อที่จะออกจากคุกมืดให้ได้อย่างนั้นเหรอ?”
เฉินตงผงะไป แล้วยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร
แสดงออกว่ายอมรับ
เฉินเต้าจูนเหลือบมองกู้ชิงหยิ่ง แต่กลับทำให้กู้ชิงหยิ่งรู้สึกตกใจจนเอียงตัวไปแอบอยู่ข้างๆ เฉินตง
ไม่ต้องพูดถึงเวลาที่เฉินเต้าจูนยกแขนยกขา แม้กระทั่งเพียงส่งสายตา ก็ทำให้คนทั่วไปรู้สึกหวาดกลัวได้
“ดี สาวน้อย ไม่เลวเลย! ต่อไปจะต้องมีลูกชายได้แน่นอน !”
เฉินเต้าจูนหัวเราะเสียงดังออกมา จากนั้นจึงหยิบทับทิมขนาดเท่าลูกวอลนัทลูกเล็กๆ ออกมาจากหน้าอก : “เสี่ยวหยิ่ง ลุงมีโอกาสเจอหน้าเธอเป็นครั้งแรก ไม่มีอะไรจะให้ ถือว่าอัญมณีชิ้นนี้ เป็นของขวัญในการพบหน้ากันครั้งแรกก็แล้วกัน”
เมื่อทุกคนเห็นทับทิมที่ขนาดเท่าลูกวอลนัทลูกเล็ก ๆ ต่างก็ตกตะลึง
เดิมทีทับทิมเป็นอัญมณีที่หายากอยู่แล้ว โดยเฉพาะทับทิมที่ขนาดใหญ่เช่นนี้ !
แม้แต่ตระกูลของกู้ชิงหยิ่งเอง ก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
“คุณลุงคะ นี่ นี่มันมีค่ามากเกินไป หนูรับเอาไว้ไม่ได้หรอกค่ะ” กู้ชิงหยิ่งรีบปฏิเสธ
ทับทิมเม็ดนี้ ถือเป็นอัญมณีที่ประเมินค่าไม่ได้ !
เฉินตงเองก็รีบพูดขึ้นว่า : “คุณลุงครับ นี่มันมีค่ามากเกินไปจริงๆ”
“มีค่าอะไรกัน? คนตระกูลเฉินของฉัน แม้กระทั่งให้ของขวัญในการพบหน้า ก็ยังทำให้เสี่ยวหยิ่งต้องลำบากใจอย่างนั้นเหรอ?”
เฉินเต้าจูนนำทับทิมสีแดงใส่ไว้ในมือของกู้ชิงหยิ่ง : “ทับทิมเม็ดนี้ ตอนนั้นฉันแกะออกมาจากมงกุฎของฟาโรห์อียิปต์”
คำพูดที่น่าตกใจนี้
ทำให้พวกของเฉินตงต่างทำตัวไม่ถูก
แกะมาจากมงกุฎของฟาโรห์ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตอนนี้ถึงหาไม่ได้ในท้องตลาด
เดี๋ยวก่อนนะ !
เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งตกตะลึงไปพร้อมกัน
พวกเขาหันมองหน้ากัน ใบหน้าของกู้ชิงหยิ่งซีดเผือด แววตาเต็มไปด้วยความสับสน
แกะมาจากมงกุฎของฟาโรห์ นั่นหมายความว่านำออกมาจากพีระมิดอย่างนั้นเหรอ?
ทันใดนั้น กูชิงหยิ่งรู้ว่าตนเองควรจะตื่นเต้นหรือควรจะกลัวดี ?
เฉินเต้าจูนไม่ได้ใส่ใจ ก็เดินเข้าไปหาคุนหลุนซึ่งกำลังนั่งอยู่บนรถเข็น
ตอนที่คุนหลุนเห็นเฉินเต้าจูน เขาก็ได้สติขึ้นมาทันที
รอจนกระทั่งเฉินเต้าจูนเดินเข้ามาถึงตรงหน้า ในที่สุดเขาก็ตั้งสติกลับมาได
“ผู้อาวุโส”
เฉินเต้าจูนมองดูคุนหลุนด้วยท่าทีเรียบเฉย หลังจากนั้นไม่กี่วินาที จู่ๆ เขาก็ก่นด่าออกมาอย่างเย้ยหยัน : “สิบปีแล้ว ไม่มีอะไรพัฒนาเลยแม้แต่น้อย นายมันไร้ประโยชน์”
คุนหลุนหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง และรู้สึกเขินเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้โต้แย้ง
หากคนอื่นว่าเขาไร้ประโยชน์ เขาไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด
นี่เป็นความภาคภูมิใจในตัวเองของเขา ในฐานะที่เป็นราชาแห่งทหารรับจ้างในสนามรบ
แต่เมื่อคำพูดนี้ออกมาจากปากของเฉินเต้าจูน เขาไม่มีมีสิทธิ์ที่จะโต้แย้ง
ครุ่นคิดอยู่สักครู่ คุนหลุนก็พูดขึ้นว่า : “ทำไมจู่ๆ ผู้อาวุโสถึงออกมาจากคุกมืดล่ะครับ ?”
เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเฉินเต้าจูนถึงออกมาจากคุกมืดได้
เพราะคุนหลุนรู้ดีว่า ในคุกมืดไม่มีใครสามารถรั้งเฉินเต้าจูนเอาไว้ได้
“ยี่สิบกว่าปีมาแล้ว ออกมาดูโลกภายนอกสักหน่อย”
เฉินเต้าจูนยิ้มออกมาอย่างร่าเริง
“โลกภายนอก?” คุนหลุนขมวดคิ้วแล้วใช้ความคิด
เฉินเต้าจูนยิ้มออกมาอย่างร่าเริง : “โลกภายนอก……เปลี่ยนไปแล้ว”
ทั้งสองพูดคุยกัน และจบบทสนทนาลงด้วยคำพูดประโยคนี้
เฉินตงฟังบทสนทนาสั้นๆ นี้ ก็รู้สึกว่าคำพูดของเฉินเต้าจูนนั้นมีนัย
ยิ่งไปกว่านั้น การที่เฉินเต้าจูนรีบออกมาจากคุกมืดในเวลานี้ ถือเป็นเรื่องที่ไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ
เฉินตงสูดหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาเฉินเต้าจูน ในที่สุดก็พูดคำพูดที่เก็บซ่อนเอาไว้ในใจเมื่อครู่ออกมา
“คุณลุงครับ การออกมาครั้งนี้ จะพออยู่เป็นเพื่อนหลานที่นี่สักระยะได้ไหมครับ? “
ความสามารถของเฉินเต้าจูน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเมื่อครู่แล้ว
หากมีเขาอยู่ เฉินตงก็จะสามารถนอนหลับได้สนิทเสียที
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ยิวหมินเดินทางมาถึงเมืองนี้แล้ว ถ้าหากเฉินเต้าจูนไปจากที่นี่ตอนนี้ สำหรับเฉินตงแล้ว ยิวหมินก็เป็นเหมือนดาบอันแหลมคมที่เขาไม่อาจหนีพ้นได้
“สามวัน!”
เฉินเต้าจูนชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว : “จะอยู่แค่สามวัน หลังจากพ้นสามวันไปแล้ว ฉันก็จะไป ไม่ง่ายที่จะได้ออกมาสักครั้ง จะให้หมกตัวอยู่แต่ที่นี่ก็คงไม่ได้”
พูดจบ เขาก็ไม่สนใจเฉินตงอีก แต่หันกลับไปพูดกับท่านหลงว่า
“เจ้าแก่หลง ส่งข้อความไปให้ คนไร้ประโยชน์ เฉินเต้าหลินคนนั้นหน่อยว่า ให้เขารีบจัดการให้เรียบร้อย เป็นถึงเจ้าบ้านตระกูลเฉิน เรื่องแค่นี้ก็ยังจัดการไม่ได้ นี่ไม่เท่ากับว่ากินเปลืองข้าวสุกหรอกเหรอ?”
ทั้งหยิ่งทะนง และเด็ดขาด มาอาจหาใครเทียบได้
คำพูดแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ให้ความเคารพเฉินเต้าหลินเลยแม้แต่น้อย
หากคำพูดนี้แพร่งพรายออกไป คงจะทำให้เจ้าบ้านของตระกูลมั่งคั่งทุกตระกูล ต้องตกใจจนอ้าปากค้างอย่างแน่นอน
ท่านหลงหัวเราะออกมาอย่างเก้อเขิน : “กระผมทราบแล้วครับ”
……
หลังจากที่เฉินตงและเฉินเต้าจูนกลับถึงคลับสี่ยิ่น
ข่าวก็แพร่ออกไปถึงหูบรรดาตระกูลมั่งคั่ง ที่กำลังให้ความสนใจกับเรื่องนี้อยู่อย่างรวดเร็ว
หลังจากที่รู้ว่าคนที่เฉินตงยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อที่จะไปเจอคือเฉินเต้าจูน
มีทั้งคนที่รู้สึกหวาดกลัว มีทั้งคนที่รู้สึกตกตะลึง และมีคนที่ไม่รู้จักเฉินเต้าจูนรู้สึกงุนงง……
หนึ่งในคนที่รู้สึกงุนงงอยู่ก็คือหลี่เต๋อซาน
หลี่เต๋อซานนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยความสงสัย
“เฉินเต้าจูน……คือใครกัน?”
หากคุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดนี้คงจะต้องตีเขาจนขาหักอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ตระกูลหลี่อยู่ในการดูแลของหลี่เต๋อซาน
เหมือนกับที่เฉินเต้าจูนพูดเอาไว้จริงๆ บนโลกนี้ไม่มีตำนานของเขาเล่าขานมากว่ายี่สิบปีแล้ว
หลี่เต๋อซานไม่รู้จักเขา ก็ถือเป็นเรื่องปกติ