ลานป่าไผ่
บรรยากาศเงียบสงัด
เฉินตงแทบจะนั่งไม่ติด
กูชิงหยิ่งช่วยประคองเขานั่งลงบนรถเข็น แล้วเข็นเข้าไปในห้องนั่งเล่น
กูชิงหยิ่งชงน้ำชาหลงจิ่งเกรดดีหนึ่งกา พร้อมทั้งจุดธูปไม้จันทน์ขึ้นมาหนึ่งก้าน
ส่วนคุนหลุนและท่านหลงนั่งรออยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ
รสสัมผัสอ่อนๆ ของชา
และบรรยากาศที่เงียบสงบ
“น่าจะกลับมาแล้วนะ?”
เฉินตงจิบชาและเอ่ยถามอย่างใจเย็น
“ไปครึ่งชั่วโมงแล้ว น่าจะกลับมาแล้วนะครับ” ท่านหลงพยักหน้า
เฉินตงยิ้มเล็กน้อย แล้ววางแก้วชาลง : “คิดไม่ถึงเลยว่า ระยะเพียงแค่สามวัน เคียวของยมราชจะมาแล้ว ครั้งนี้เป็นใครกัน ?”
เฉินตงแสยะยิ้มออกมา : “ไม่รู้ว่าหากเขาพบกับพี่เสี่ยวลู่เข้า เขาจะตกใจหรือไม่ ?”
อาการบาดเจ็บของฟ่านลู่นั้นไม่รุนแรง ถึงแม้พลังในการต่อสู้จะลดลง แต่ก็ยังเหลือพลังเพียงพอในการต่อสู้อีกหนึ่งครั้ง
กูหลังมีประสบการณ์ในการรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้น้อยเกินไป จึงยากที่จะวางใจได้
ทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ถึงแม้จะมีจำนวนคนอยู่มาก และมีการประสานงานที่ดี แต่อย่างไรเสียก็ขาดหัวหน้าไปหนึ่งคน จึงยากที่จะแสดงความสามารถออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในช่วงวิกฤตได้
การลอบสังหารในช่วงกลางดึกของชินโกะ โดโมโตะเมื่อคราวก่อน ถือเป็นตัวอย่างได้อย่างดีที่สุด
ตอนนี้ ฟ่านลู่เป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นหัวหน้าของทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
ไม่ว่าจะความสามารถ หรือด้วยเห็นแก่หน้าคุนหลุน คนของทีมรักษาความปลอดภัยคงไม่กล้าสบประมาทได้
หลังจากพูดจบ
มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากด้านนอกลาน
ฟ่านลู่และกูหลังเดินตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“คุณเฉิน จัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ” ฟ่านลู่รายงานด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม: “ขณะที่โจมตีกลับ ฉันพบว่ายังมีอีกคนที่หลบซ่อนตัวอยู่ น่าจะเป็นคนที่อยู่ในอันดับยมราชคนนั้น แต่หลังจากที่โจมตีกลับได้สำเร็จแล้ว คนคนนั้นก็ล่าถอยออกไป”
“มีพี่เสี่ยวลู่อยู่ คนคนนั้นคงตกใจจนหัวหด”
เฉินตงยิ้มออกมาด้วยท่าทีเรียบเฉย และไม่รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย
ถึงแม้ฐานะ “ยายเมิ่ง” ของฟ่านลู่จะถูกปกปิดมานาน แต่ความสามารถในการต่อสู้ที่เธอมีอยู่ ก็ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว
นักฆ่าระดับท้ายๆ ของระดับยมราชสองคนร่วมมือกันเพื่อรุมฆ่า แต่เมื่อได้เห็นนักฆ่าระดับพระกาฬอย่างฟ่านลู่ อีกคนกลับตกใจกลัวจนวิ่งหนีไป ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ
“คุณเฉินกล่าวเกินไปแล้ว”
ฟ่านลู่ยังคงมีท่าทีเรียบเฉย ใบหน้าของเธอดูน่าเกรงขาม เผยให้เห็นถึงรูปลักษณ์ที่เย็นชาและเคร่งขรึม
ยากที่จะเชื่อเหลือเกินว่า ฟ่านลู่ที่อยู่ตรงหน้า คือคนที่ปกติแล้วใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม คือพี่เสี่ยวลู่คนที่วันๆ ง่วงอยู่กับงานบ้าน
เฉินตงลูบจมูก : “ถ้าเช่นนั้น นักฆ่าระดับพระกาฬที่เรารู้ตัวแล้วตอนนี้ ก็เหลือเพียงแค่ยิวหมินที่อยู่ในระดับยมราชแล้วสิ”
ทันทีที่ได้เย็น
ใบหน้าของทุกคนก็ดูเคร่งขรึมลง
นักฆ่าในระดับยมราชทั้งสองคนเมื่อครู่ ไม่มีใครให้ความสำคัญเลยแม้แต่น้อย
ด้วยความสามารถของทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตระกูลเฉิน คงมีเพียงนักฆ่าระดับพระกาฬที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของอันดับยมราชเท่านั้น พี่พอจะมาดหมายเอาชีวิตเฉินตงได้จริงๆ
ยิวหมิน……ไม่มีใครกล้าประมาทจริงๆ !
นักฆ่าที่สามารถขึ้นไปอยู่ในอันดับที่สิบของอันดับยมราชได้ เพียงแค่ลงมือ จะต้องเป็นการโจมตีที่รวดเร็วและแม่นยำอย่างแน่นอน และต้องน่ากลัวกว่าชินโกะ โดโมโตะคนก่อนหน้านี้แน่นอน
และสิ่งที่ยิ่งทำให้รู้สึกสิ้นหวังยิ่งขึ้นก็คือ คุนหลุนและฟ่านลู่ซึ่งถือเป็นที่พึ่งเดียวที่พอจะรับมือกับยิวหมินได้ คนหนึ่งก็นั่งอยู่บนรถเข็น ส่วนอีกคนก็มีพลังในการต่อสู้ที่อ่อนแอ
ส่วนทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
ไม่เพียงแค่เฉินตง แม้แต่ท่านหลง หรือแม้กระทั่งกู้ชิงหยิ่งเองก็รู้ดี
หากยอดฝีมือมาถึงจริงๆ เทคโนโลยีและอาวุธที่ขึ้นชื่อว่ายอดเยี่ยมที่สุดในยุคนี้ ก็จะกลายเป็นเพียงแค่ของเด็กเล่นเท่านั้น
เหมือนกับการปรากฏตัวขึ้นของชินโกะ โดโมโตะ
“ท่านหลง ทางฝั่งคุณพ่อมีการเคลื่อนไหวอะไรบ้างไหม?” เฉินตงหรี่ตาแล้วเอ่ยถาม
ท่านหลงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยปากพูดว่า : “คุณชาย เหมือนที่กระผมคาดไว้ตั้งแต่ต้น เรื่องการชี้นำในการลอบสังหารครั้งนี้ ไม่พบร่องรอยการลงมือของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเลยแม้แต่น้อย”
“ไม่ใช่เธอ แล้วยังจะมีใครอีก?” เฉินตงลูบจมูก แล้วก้มหน้าก้มตาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ในตอนนี้เอง
มีเบอร์แปลกโทรเข้ามาในโทรศัพท์
เฉินตงรับโทรศัพท์
เสียงที่ดังขึ้นจากปลายสายเป็นเสียงที่แหบพร่า และทรงพลังอย่างยิ่ง : “ออกมาแล้ว !”
เฉินตงตัวสั่นและผงะไปในทันที
เสียงนี้……เฉินเต้าจูน ? !
เฉินตงรู้สึกปั่นป่วนภายในจิตใจขึ้นมาทันที
เขาถามอย่างไม่อยากเชื่อว่า : “คุณออกมาจากที่นั่นแล้ว? ที่นั่น……”
“ฉันอยากไปก็ไป อยากอยู่ก็อยู่ ในโลกนี้ มีใครกล้าขังฉัน เฉินเต้าจูนบ้าง?”
ประโยคนี้แสดงออกถึงความหยิ่งผยองอย่างชัดเจน
แต่เฉินตงรู้ดีว่า ผู้ชายที่สามารถควบคุมคุกทั้งหมดเอาไว้ในมือได้ ย่อมที่จะมีความมั่นใจที่จะพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา !
เฉินตงสูดหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง เริ่มมีความคิดต่างๆ เกิดขึ้นในสมองของเขา รวมไปถึงรู้สึกปีติยินดีอยู่ลึกๆ
เขารีบถามว่า : “อยู่ที่ไหน ?”
“หน้าหลุมศพของแม่นาย!”
ตู้ด !
โทรศัพท์ถูกตัดสาย
เฉินตงยิ้มออกมาอย่างสบายใจ : “ท่านหลง เตรียมรถให้ผมหน่อย ผมจะไปไหว้แม่”
เปรี้ยง !
ราวกับเสียงฟ้าผ่า
ทุกคนต่างตกตะลึงไปพร้อมกัน
เสียสติไปแล้วเหรอ?
มีอันตรายอยู่รอบด้านเช่นนี้ อีกทั้งยังมีนักฆ่าจำนวนนับไม่ถ้วนที่คอยจ้องจะลอบสังหารอยู่ แล้วยังคิดจะออกไปข้างนอกอีกเหรอ?
นี่ไม่เท่ากับว่าส่งตัวเองออกไปเป็นเป้านิ่งต่อหน้านักฆ่าทุกคนที่กำลังจ้องจะเล่นงานอยู่อย่างนั้นเหรอ?
“เฉินตง ออกไปไม่ได้นะ!” กู้ชิงหยิ่งพูดขึ้นทันที
ส่วนพวกของท่านหลงและคุนหลุนที่ยืนอยู่ข้างๆ ต่างก็แสดงท่าทีเห็นด้วย
โดยเฉพาะท่านหลง เอ่ยเตือนขึ้นด้วยความหวังดีว่า : “คุณชายคิดให้ดีๆ ก่อนเถอะครับ ! มีอันตรายอยู่รอบด้านเช่นนี้ มิหนำซ้ำยังมียอดฝีมืออย่างยิวหมินที่พร้อมจะปรากฏตัวขึ้นได้ทุกเมื่ออีก แม้กระทั่งพักอยู่ในคลับสี่ยิ่น ก็ยังไม่ถือว่าปลอดภัยมากพอ แล้วตอนนี้คุณชายจะไปไหว้นายหญิงอีก นี่มัน……”
คำพูดในตอนท้ายว่า “รนหาที่ตาย” ท่านหลงไม่ได้พูดออกมา
เพราะว่าเข้าเป็นบ่าว ส่วนเฉินตงนั้นเป็นนาย หากพูดเช่นนี้ออกไป เกรงว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
“รนหาที่ตายใช่ไหม?” เฉินตงแสยะยิ้มออกมา เขากวาดสายตามองทุกคน และสุดท้ายไปหยุดอยู่ที่กู้ชิงหยิ่ง จากนั้นจึงพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่เบิกบานว่า : “ถ้าฉันบอกว่า การที่ฉันออกไปครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะเอาชีวิตรอดกลับมาได้ แต่จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ความเป็นความตายที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้ได้ด้วยล่ะ ?”
อะไรนะ ? !
ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอีกครั้ง
ทั้งไม่ทันที่ทุกคนจะได้พูดอะไร
เฉินตงก็หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า : “ฉันหาคนที่จะรับมือกับยิวหมินเจอแล้ว !”
……
สิบนาทีผ่านไป
รถโรลส์-รอยซ์ที่ถูกดัดแปลงให้กันกระสุน ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากคลับสี่ยิ่น
ด้านหลังของรถโรลส์-รอยซ์ มีรถบีเอ็มดับเบิลยูอีกยี่สิบคันขับตามหลังมาติดๆ
ขบวนรถวิ่งไปอย่างแข็งแกร่งและทรงพลัง
เฉินตงมองผ่านกระจกมองหลัง เห็นขบวนรถที่ยาวสุดลูกหูลูกตาที่ตามมาทางด้านหลัง แล้วพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า : “ท่านหลง ยิ่งทำแบบนี้ ยิ่งไม่เป็นการบอกให้คนอื่นรู้หรือว่า ฉัน เฉินตงออกมาจากคลับสี่ยิ่นแล้ว ? ตกลงต้องการคุ้มกันฉันจริงๆ หรือต้องการดึงดูดให้นักฆ่ามาฆ่าฉันกันแน่ ?”
ท่านหลงซึ่งนั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับหน้าแดงขึ้นมา พร้อมยิ้มอย่างหดหู่ และพูดว่า : “กระผมเองก็จนใจ ถึงแม้จะรู้ว่าทำเช่นนี้ไม่สมควรนัก แต่นี่ถือเป็นวิธีที่จะรักษาความปลอดภัยให้กับคุณชายได้อย่างดีที่สุดแล้ว”
เฉินตงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
เขาเหลือบมองฟ่านลู่ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทีเคร่งขรึม รวมไปถึงกูหลังที่ขับรถไปพลาง และคอยระแวดระวังไปพลางอยู่ตลอดเวลา
สถานการณ์เช่นนี้ ดูแล้วเหมือนมีอันตรายอยู่รอบด้านจริงๆ !
แต่ตอนนี้ระแวดระวังไว้ถือเป็นเรื่องดีที่สุด
“คุณชาย ครั้งนี้คุณใช้เรื่องไปไหว้คุณแม่เป็นข้ออ้าง จริงๆ แล้วคุณไปหาใครกันแน่?” จู่ๆ ท่านหลงก็เอ่ยถามขึ้นมา
กูหลังและฟ่านลู่เองก็แสดงท่าทีสงสัยออกมาพร้อมกัน
พวกเขารู้นิสัยของเฉินตงดี
สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานอย่างเช่นตอนนี้ คนที่จะทำให้เฉินตงยอมเสี่ยงชีวิตออกไปพบได้ จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน !
“ท่านหลงน่าจะรู้จัก”
เฉินตงลูบจมูก จากนั้นจึงยิ้มแล้วหันมองไปนอกหน้าต่าง น้ำเสียงเผยให้เห็นถึงความสบายใจที่หาได้ยากยิ่งในช่วงที่ผ่านมา : “ลุงเต้าจูนของฉันกลับมาแล้ว”
คำพูดที่ฟังดูสบายๆ แต่กลับทำให้ท่านหลงซึ่งนั่งอยู่ในที่นั่งข้างคนขับ รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า เขาตัวเกร็งด้วยความตกใจทันที