ภายในห้อง บรรยากาศเงียบสงัด
เฉินตงค่อยๆ เหลือบตาไปมองโทรศัพท์ที่ท่านหลงยื่นมาให้
บนหน้าดาร์กเว็บ ภารกิจลอบสังหารขององค์กร hidden killers
มีรูปเคียวมรณะเพิ่มขึ้นมาอีกสามเล่ม
ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งสัปดาห์ มีนักฆ่าระดับพระกาฬจากอันดับยมราชอีกสามคน ที่ให้ความสนใจภารกิจลอบสังหารนี้ !
เมื่อเทียบกับความหวาดกลัวก่อนหน้านี้
เฉินตงในตอนนี้ ดูสงบนิ่งอย่างน่าประหลาดใจ
เขาจ้องมองท่านหลง : “สืบค้นรายละเอียดของนักฆ่าระดับพระกาฬที่อยู่ในอันดับยมราชเหล่านี้ได้หรือยัง ?”
ทุกคนต่างผงะไปชั่วครู่
ท่าทีที่สงบนิ่งของเฉินตง อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน
“สืบ สืบออกมาได้แล้วครับ” แววตาของท่านหลงซับซ้อน ในขณะที่กำลังตกตะลึงอยู่นั้น เขาก็รีบพูดขึ้นในเวลาเดียวกัน: “สองในสามอยู่ในอันดับที่ไม่สูงนักในอันดับยมราช มีเพียงคนเดียวที่……”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ท่านหลงจงใจหยุดพูดไปครู่หนึ่ง
เขาสูดหายใจเข้าหนึ่งครั้ง แล้วจึงพูดต่อว่า : “คนคนนี้จัดอยู่ในอันดับที่ 10 ในอันดับยมราช ! สมญานามว่า ยิวหมิน !”
“ยิวหมิน? อันดับ 10 ? น่าสนใจดีนี่”
เฉินตงลูบคางแล้วยิ้มออกมาอย่างประหลาด
ภาพนี้ทำให้ท่านหลงและพวกของกู้ชิงหยิ่งตกใจจนอ้าปากค้าง
ปฏิกิริยาเช่นนี้คืออะไรกันแน่ ?
นักฆ่าระดับพระกาฬอันดับ 10 ในอันดับยมราช อยู่ในอันดับที่สูงกว่าชินโกะ โดโมโตะเมื่อสัปดาห์ก่อนถึงแปดอันดับ !
ทำไมถึงยังสงบนิ่งได้ถึงขนาดนี้ ?
“คุณชาย คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?” คุนหลุนถามหยั่งเชิง
เขาและฟ่านลู่ต่างก็เป็นนักฆ่าระดับพระกาฬในอันดับยมราช จึงเข้าใจในการจัดอันดับนักฆ่าอันดับยมราชเป็นอย่างดี
ยิ่งอยู่ในอันดับต้นๆ ความสามารถยิ่งน่ากลัว
ชินโกะ โดโมโตะ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 18 ก็ทำให้เฉินตงและฟ่านลู่ไปยืนอยู่ตรงประตูนรกได้แล้ว
อันดับที่ 10……เท่ากับว่าความตายที่แท้จริงกำลังมาถึงแล้ว !
แต่ปฏิกิริยาของเฉินตง กลับทำให้ทุกคนคาดไม่ถึง !
“ไม่เป็นไร”
เฉินตงส่ายหัว แล้วอธิบายออกมาหนึ่งประโยคว่า : “ตอนนี้ฉันมีปัญหามากมายพออยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีกต่อไป”
ได้ยินดังนั้น
สีหน้าของทุกคนก็ค่อยๆ เศร้าหมองลง
ภารกิจลอบสังหารขององค์กรhidden killers ประกาศออกมานานขนาดนี้ นอกจากจะมีการยกเลิกภารกิจ มิเช่นนั้นก็ไม่มีวิธีที่จะยุติทุกอย่างลงได้
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกจนใจ พร้อมทั้งอับอายและโกรธเคืองในเวลาเดียวกัน
ต่างก็รู้ดีว่า เบื้องหลังของเฉินตงคือตระกูลเฉินที่ยิ่งใหญ่และกว้างขวาง !
แต่ไหนแต่ไรมา ตระกูลเฉินไม่เคยอับจนหนทางเช่นนี้ !
กู้ชิงหยิ่งเดินก้าวเข้าไปหาเฉินตง แล้วตบหน้าอกเขาเบาๆ และพูดปลอบใจว่า : “ไม่เป็นไรนะคะ มีฉันอยู่ มีพวกเราทุกคนอยู่ ฉันขอให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยอีกแรงหนึ่งแล้ว”
เรื่องที่แม้แต่ตระกูลเฉินก็ทำอะไรไม่ได้
กู้โก๋ฮั๋วสองสามีภรรยาจะทำอะไรได้ ?
เฉินตงรู้สึกหดหู่ในใจ แต่ก็รู้ดีว่ากู้ชิงหยิ่งกำลังพยายามปลอบใจเขา จึงยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน : “ผมเข้าใจดี เพียงแต่ตอนนี้สถานการณ์อยู่เหนือการควบคุมของเรา ต่อให้กังวลไปก็ไม่มีประโยชน์”
ขณะที่พูด เขาก็กวาดสายตามองทุกคน
คุนหลุนยังนั่งอยู่บนรถเข็น
ฟ่านลู่เองก็ยังบาดเจ็บอยู่
ทั้งสองคนล้วนแล้วแต่เป็นนักฆ่าระดับพระกาฬในอันดับยมราชทั้งสิ้น คนหนึ่งอยู่ฝนอันดับที่ 23 ส่วนอีกคนอยู่ในอันดับที่ 20 หากทั้งสองอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ เขาก็คงนอนหลับได้อย่างไร้กังวล
แต่สภาพของทั้งสองในตอนนี้ มีความสามารถในการต่อสู้ลดลงอย่างมาก
ส่วนกูหลังและทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เฉินตงเองไม่กล้าคาดหวังไว้สูงนัก แค่ชินโกะ โดโมโตะ ก็ต้องต่อสู้กันอย่างสุดชีวิตแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยิวหมิน ซึ่งอยู่ในอันดับสิบของอันดับยมราช !
แต่ในใจของเฉินตงรู้ดีว่า ตัวเขาคือเสาหลัก ถ้าหากเขายอมแพ้เสียก่อน ในขณะที่ทุกคนยังไม่ยอมแพ้ ครั้งนี้ทุกอย่างคงต้องจบลงจริงๆ !
เฉินตงมองดูทุกคนที่อยู่ในอารมณ์หม่นหมอง จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“จริงสิ เสี่ยวหยิ่ง พี่เสี่ยวลู่ ทำไมพวกคุณถึงยังไม่ออกเดินทางไป? ตอนนั้นคุนหลุนเห็นพวกคุณเดินเข้าไปด้านในทางเดินขึ้นเครื่องแล้วนี่”
ได้ยินดังนั้น
คุนหลุนเองก็แสดงสีหน้าสงสัยออกมา แล้วหันมองฟ่านลู่เหมือนมีคำถาม
ฟ่านลู่ถอนหายใจออกมา : “ก็เสี่ยวหยิ่งน่ะสิ เธอรู้สึกอยู่ตลอดว่าคุณมีเรื่องบางอย่างปิดบังเธอ จนถึงวินาทีสุดท้ายที่จะขึ้นเครื่อง เธอก็ตัดสินใจยกเลิกทุกอย่าง แล้วพาฉันกลับออกจากสนามบิน”
“เสี่ยวหยิ่งเกรงว่าคุณจะเป็นห่วง หลังจากออกจากสนามบินแล้วจึงไม่ได้ติดต่อคุณ และพาฉันไปเข้าพักที่โรงแรมไท่ซาน”
“เมื่อมีเวลาว่าง ฉันจึงล็อกอินเข้าไปในดาร์กเว็บ ผลปรากฏว่า ได้พบเข้ากับภารกิจลอบฆ่าคุณเฉินที่องค์กรhidden killersประกาศออกมา”
พูดถึงตรงนี้ ฟ่านลู่ก็เหลือบมองไปที่กู้ยิงหยิ่งอย่างมีนัย แล้วแสยะยิ้มออกมา
“เสี่ยวหยิ่ง ตอนนี้ฉันเชื่อในสัมผัสที่หกของเธอแล้ว สัมผัสที่หกที่เธอมีต่อสามีนั้นแม่นยำจริงๆ!”
“พี่ฟ่านลู่ อย่าล้อฉันเล่นสิคะ” กู้ชิงหยิ่งก้มหน้าก้มตาด้วยความเขินอาย ใบหน้าอันงดงามแดงก่ำ
สัมผัสที่หก ? !
เฉินตงรู้สึกตกตะลึง และเหลือบมองกู้ชิงหยิ่งด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง ในใจรู้สึกถึงความอบอุ่นที่พลุ่งพล่านขึ้นมา
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า การพยายามปลอบใจแสนซาบซึ้ง จะจบลงด้วยสิ่งที่ใกล้เคียงกับคำว่า “ไร้สาระ”
แต่ทว่า สิ่งที่เรียกว่าสัมผัสที่หกนี้ ดูเหมือนเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
ทุกสิ่งที่ภรรยาสงสัย คาดว่ามาจากการเฝ้าสังเกตรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อยู่ตลอดเวลา ดูเหมือนจะเป็นคนที่เข้าใจผมมากเกินไปแล้ว ?
ตอนนี้เอง
จู่ๆ ก็มีเสียงที่เคร่งขรึมดังขึ้นภายในห้อง
“เสี่ยวลู่ คุณไม่เคยบอกผมมาก่อนเลยว่า คุณคือยายเมิ่ง นักฆ่าอันดับที่ 20 ในอันดับยมราช คุณโกหกมาตลอดใช่ไหม?”
คำพูดเพียงประโยคเดียว ทำให้บรรยากาศภายในห้องหยุดนิ่งในทันที
พวกเฉินตงค่อยๆ หันมองคุนหลุน
ตอนนี้คุนหลุนซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็น กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่ จึงมองไม่เห็นสีหน้าชัดเจนนัก
แต่ทุกคนต่างฟังออกว่า ขณะที่คุนหลุนเอ่ยคำพูดประโยคนี้ออกมานั้น เขากำลังสะกดกลั้นอารมณ์โกรธอยู่
“พี่คุนหลุน……”
ฟ่านลู่หน้าถอดสีทันที ริมฝีปากของเธอขยับ คิดที่จะกล่าวอธิบาย
แต่ท่านหลงกลับพูดตัดบท : “เอาล่ะ เสี่ยวลู่ พาคุนหลุนออกไปข้างนอกเถอะ ไปอธิบายให้เข้าใจ”
ฟ่านลู่พยักหน้า จากนั้นจึงพาคุนหลุนออกไป
หลังจากทั้งสองออกไปแล้ว เฉินตงก็พูดขึ้นด้วยความสงสัย : “ท่านหลง ทำไมนายถึงไม่ให้พี่เสี่ยวลู่พูดที่นี่ ?”
“เกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วยล่ะ?”
ท่านหลงยักไหล่ แล้วยิ้มออกมาอย่างประหลาด : “เสี่ยวลู่ปิดบังฐานะ เพราะเธอมีเหตุผลส่วนตัวของเธอ ทำไมจะต้องซักไซ้ให้มากความด้วย อย่างไรเสียเธอก็จงรักภักดีต่อคุณชายมาโดยตลอด ครั้งนี้ยังช่วยชีวิตคุณชายเอาไว้อีก”
“เธอไม่จำเป็นต้องอธิบายให้พวกเราฟัง คนเดียวที่เธอต้องอธิบายก็คือคุนหลุน ความสัมพันธ์ระหว่างเสี่ยวลู่กับคุนหลุน แตกต่างกับความสัมพันธ์กับพวกเราโดยสิ้นเชิง
เฉินตงยิ้มเล็กน้อย และเข้าใจทุกอย่างในทันที
จากนั้นจึงเหลือบมองเสี่ยวหยิ่งโดยไม่รู้ตัว
ไม่เหมือนกันจริงๆ
ในเวลาเดียวกันนี้
ตอนเหนือสุดซึ่งห่างออกไปไกล
พื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ และสายลมอันหนาวเหน็บ
หิมะขาวราวกับขนห่านลอยพลิ้วไปตามสายลมหนาวทั่วท้องฟ้า
ความเงียบเหงาและรกร้าง ถือเป็นคำจำกัดความของดินแดนแห่งนี้
ภายใต้สายลมหนาวและหิมะ คุกมืดสูงตระหง่านตั้งอยู่ท่ามกลางธารน้ำแข็ง ดูราวกับสัตว์ป่าดุร้ายที่กำลังหลับใหลอยู่อย่างเงียบๆ และกำลังอดทนต่อความรกร้างว่างเปล่าของพื้นที่แห่งนี้
แต่ทว่า
วันนี้ กำลังเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้นในคุกมืด
มีเสียงตะโกนกู่ร้องดังก้องกังวานอยู่ภายในคุกมืด
ทั้งนักโทษที่อยู่ด้านล่างและผู้คุมที่อยู่ด้านบน ทุกคนต่างตื่นเต้นยินดี ราวกับมีงานรื่นเริง
ด้านหน้าประตูใหญ่ของคุกมืด
มีรถจี๊ปทหารจอดเรียงกันอยู่จำนวนสามสิบคัน
ฝูงชนจำนวนมาก แต่ไม่มีใครส่งเสียง บรรยากาศเงียบสงัดอย่างน่าประหลาด
ฉากนี้ ทำให้เกิดบรรยากาศที่กดดันอย่างรุนแรง
ผู้คุมของคุกมืดทั้งหมดต่างยืนนิ่ง
“ต้องออกไปจริงๆเหรอ?”
ชายชราผมขาวหันมามองเฉินเต้าจูนด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง : “คุณไม่จำเป็นต้องออกไป”
“ยี่สิบปีแล้ว ต้องออกไปเดินเล่นสักหน่อยแล้ว”
เฉินเจ้าจูนหยิบรูปถ่ายสีเก่าซีดใบหนึ่งขึ้นมาจากหน้าอก บนรูปถ่ายพอจะมองออกอย่างเลือนรางว่าเป็นรูปของเด็กสองคนที่ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา
“มิฉะนั้น บนโลกใบนี้จะไม่มีตำนานของเต้าจูนคนนี้อยู่อีกต่อไป!”
เฉินเต้าจูนเก็บรูปถ่ายกลับเข้าไปไว้ในอกด้วยท่าทีจริงจัง จากนั้นจึงหันไปพูดกับชายชราผมขาวอย่างร่าเริงว่า : “ไปก่อนนะ !”
หลังจากเฉินเต้าจูนขึ้นรถไปแล้ว รถจี๊ปทหารจำนวนสามสิบคันก็เคลื่อนขบวนออกไปอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นจึงค่อยๆ แล่นไปบนธารน้ำแข็งที่อยู่ไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา
ฮึมฮึมฮึม……
บนท้องฟ้าเหนือคุกมืด มีเฮลิคอปเตอร์อีกสิบลำบินขึ้นไปในเวลาเดียวกัน
เสียงดังกระหึ่ม คอยบินคุ้มกันตามหลังขบวนรถทหารไป
“น้อมส่งเต้าจูน!”
“น้อมส่งเต้าจูน!”
……
ด้านหน้าคุกมืด ผู้คุมทุกคนต่างกำหมัดขวาขึ้นมาทาบไว้ที่หน้าอก และคุกเข่าลงข้างหนึ่ง พร้อมทั้งตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดังก้อง
ในเวลาเดียวกันนี้
“น้อมส่งเต้าจูน!”
ภายในคุกมืด นักโทษทุกคนต่างคุกเข่าลงข้างหนึ่ง และโกนด้วยเสียงอันดังก้องเช่นเดียวกัน
น้ำเสียงสะเทือนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ราวกับว่าสามารถหยุดลมและหิมะที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ได้