ภายในห้องอภิปราย
เสียงเงียบสงัด
เฉินเต้าหลินอยู่ในท่าทีที่น่าเกรงขาม
เฉินตงมองดูอย่างกระตือรือร้น คำพูดของพ่อ สามารถพลิกสถานการณ์จากหน้ามือเป็นหลังมือ
ความผิดแต่ละข้อที่กล่าวออกมา ราวกับเป็นสิ่งคุ้นเคยที่รู้กันดี
ถ้าหากทุกคนในที่นี้ต้องการลงโทษเขาตามกฎระเบียบ พวกเขาเองก็ไม่อาจรอดพ้นได้เช่นกัน!
นี่เป็นการทำเรื่องทุกอย่างให้ง่ายขึ้น และเป็นการยกสิทธิ์ในการตัดสินใจให้กับทุกคน
คนที่ทำตามฉันนั้นรอด ส่วนคนที่ขัดขวางฉันนั้นต้องตาย!
ง่ายๆ และตรงไปตรงมา
แต่กลับเป็นเหมือนภูเขาไท่ซานลูกใหญ่ ที่ทับทุกคนเอาไว้จนไม่อาจขัดขืนได้
ใบหน้าของทุกๆ คนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำ เส้นเลือดบริเวณหางตากระตุก
ยิ่งไปกว่านั้นถึงขนาดเนื้อตัวสั่นเทา
ความหวาดกลัว ตื่นตระหนก และสิ้นหวังค่อยๆ เข้าครอบงำทุกคน
ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง
ถ้าหากจะนับความผิดของทุกคน ทีละคนๆ จริงๆ ก็คงไม่อาจมีใครหนีรอดไปได้
ทุกๆ ความผิด หากลงโทษตามกฎของตระกูล สมาชิกระดับสูงทั้งหมดของตระกูลเฉินคงจะต้องถูกจัดการอย่างสิ้นซากทั้งหมด
เพราะว่า การกระทำผิดในทุกๆ ข้อ ล้วนแล้วแต่เป็นความผิดขั้นร้ายแรงของกฎระเบียบตระกูลทั้งหมด
แสวงหาผลประโยชน์จากทั้งภายในและภายนอก มัวเมาโลกีย์ ยักยอกทรัพย์สินเข้ากระเป๋าตัวเอง
ข้อห้ามที่เคร่งครัดเหล่านี้ ถูกเขียนเอาไว้ในกฎระเบียบของตระกูลอย่างชัดเจน
“หือ?!”
จู่ๆ เฉินเต้าหลินก็ส่งเสียงออกมา
หลายคนในนั้นรู้สึกตกใจจนตัวสั่นเพราะเสียงนี้
“ฉัน ฉันขอคัดค้าน!”
เฉินเต้าชินเอ่ยปากขึ้นมาก่อนใคร “เรื่องนี้เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย ทุกท่านไม่จำเป็นต้องติดใจเอาความ ใช่หรือไม่ล่ะ?”
“เฉินเต้าชิน!”
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินและเฉินเต้าผิง หันมองเฉินเต้าชินด้วยความโมโหพร้อมกัน สองแม่ลูกรู้สึกโกรธจนแทบอยากจะกินเฉินเต้าชินเข้าไปเสียเดี๋ยวนี้
นี่มันคนไร้ประโยชน์ชัดๆ ช่างกลับกลอกสิ้นดี!
“ฉันเองก็คัดค้าน!”
“ฉันคัดค้าน!”
“คัดค้าน!”
…..
หลังจากที่เฉินเต้าชินเอ่ยปากพูด ดูราวกับประตูระบายน้ำถูกเปิดออก ค่อยๆ มีเสียงดังต่อเนื่องขึ้นมาไม่ขาดสาย
คนอื่นตายก็ไม่เป็นไร แต่ตนเองต้องรอด ทำลายคนอื่นเพื่อประโยชน์ของตนเอง นี่คือความคิดที่อยู่ในใจของทุกคน
แต่เมื่อคนอื่นตายแล้วตนเองต้องตายไปด้วย ทำร้ายคนอื่นพร้อมกับทำร้ายตัวเองในเวลาเดียวกัน สิ่งนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกสั่นคลอน
ล้วนแล้วแต่เป็นเหนือคนที่ถูกฝึกฝนมาอย่างยอดเยี่ยมทั้งนั้น จึงยังไม่เสียสติและเลือดร้อนถึงขนาดที่จะต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับเฉินเต้าหลินในเรื่องนี้!
เมื่อได้ยินเสียงคัดค้านของทุกคน
เฉินเต้าหลินก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ เขาค่อยๆ เหลือบมองคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินและเฉินเต้าผิงด้วยแววตาที่เฉียบคม “ฉันขอขอบคุณความเห็นจากทุกคนมาก ตอนนี้ก็เหลือเพียงคุณน้าสามกับเต้าผิงแล้ว”
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินกับเฉินเต้าผิงหันมองหน้ากัน
สับสน ไม่เต็มใจ ลังเล
ในที่สุด คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็ก้มหน้ากัดฟันแล้วพูดว่า “ขอคัดค้าน!”
“ขอคัดค้าน!” เฉินเต้าผิงพูดตามขึ้นมา
“ทุกคนมีความคิดเห็นเช่นนี้ ในฐานะเจ้าบ้าน ฉันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง”
เฉินเต้าหลินยิ้มอย่างเบิกบาน เขาเหลือบมองทุกๆ คน “และขอให้ทุกท่านช่วยออกความคิดเห็นต่อ เพื่อเป็นการขอโทษต่อความใจกว้างที่เจ้าบ้านอย่างฉันมีให้ต่อพวกนาย”
คำพูดที่ออกไป ทำให้สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความอับอายอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครกล้าพูดออกมาอีก
ความผิดแต่ละอย่าง ดูเหมือนว่าเฉินเต้าหลินจะระบุความผิดของพวกเขาได้อย่างชัดเจนทั้งหมด
เพียงแค่ขยับเล็กน้อย ก็สามารถจัดการกับทุกคนได้อย่างราบคาบ
“ตงเอ๋อ ได้พบกับญาติผู้ใหญ่ของลูกเรียบร้อยแล้ว ก็เข็นพ่อกลับเถอะ”
เฉินเต้าหลินไม่คิดที่จะอยู่ต่อ เขาลูบศีรษะ และพูดด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “ญาติผู้ใหญ่ของลูกพวกนี้ ตอนนั้นไม่มีใครสามารถเอาชนะได้สักคน คิดไม่ถึงเลยว่า ผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้ว ก็ยังไม่มีใครสามารถเอาชนะได้อีก มีเพียงลุงเต้าจูนของลูกเท่านั้นที่พอจะเก่งกาจอยู่บ้าง”
คำพูดดูถูกเหยียดหยามและไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย
เฉินตงยิ้มออกมาอย่างเปิดเผย
ในใจของเขารู้สึกตื่นเต้นและยินดีเป็นอย่างยิ่ง
การประชุมของสมาชิกตระกูลที่เป็นการตั้งใจรวมหัวกันกดดัน และพ่อกลับสามารถพลิกสถานการณ์และควบคุมทุกอย่างเอาไว้ได้
ควบคุมสถานการณ์ได้จนถึงขั้นไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาอีก
นี่ต้องมีกลอุบายที่แยบยลแค่ไหน ต้องมีจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนกัน?
“รอเดี๋ยว!”
จู่ๆ คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
เฉินตงหยุดเดิน เฉินเต้าหลินหันกลับไปมองคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน แล้วยิ้มพลางพูดว่า “คุณน้าสาม คิดที่จะเปลี่ยนความเห็นหรือครับ?”
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินแสดงสีหน้ารังเกียจออกมา แต่เธอก็ตอบกลับไปว่า “ไม่เสียแรงที่เต้าหลินเป็นเจ้าบ้านของตระกูลเฉินเรา มีวิธีการที่น่าทึ่งนัก แต่ในฐานะที่ฉันเป็นผู้อาวุโส ก็ควรที่จะกล่าวเตือนนายสักหน่อย ว่าควรที่จะแยกแยะผู้สืบทอดมรดกที่แข็งแกร่งและอ่อนแอออกจากกันได้แล้ว และควรที่จะระบุให้ชัดเจนแล้วว่า ใครจะสืบทอดหน้าที่เจ้าบ้านคนต่อไป!”
“อ้อ? ถ้าเช่นนั้นคุณน้าสามเห็นว่าเวลาไหนจึงจะสมควรที่สุด?” เฉินเต้าหลินย้อนถาม
ทุกคนต่างตกใจ
แต่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินกลับยังอยู่ในท่าทีเรียบเฉย “ในสมัยของเจ้าบ้านคนก่อน ได้มีการกำหนดผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านคนต่อไปเมื่อมีอายุครบห้าสิบปี เจ้าบ้านในอดีต ต่างถูกแต่งตั้งขึ้นในช่วงเวลาเช่นนี้ ฉันจึงคิดว่า นายเองก็สามารถตัดสินใจเช่นนี้ได้เช่นเดียวกัน!”
“อายุครบห้าสิบปี? ตอนนี้ผมอายุสี่สิบเก้าปีแล้ว อีกหนึ่งปีก็จะครบห้าสิบปี ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งปี คุณน้าสามจัดการเช่นนี้ ไม่เห็นว่าดูเป็นการเร่งรีบไปหน่อยหรือ?”
จู่ๆ ดวงตาของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็แดงก่ำ น้ำตาค่อยๆ ไหลรินออกมา และพูดอ้อนวอนว่า “หรือนายไม่อยากให้ฉันได้อยู่เห็นหน้าเจ้าบ้านคนต่อไปหรืออย่างไร หากไม่ได้เห็นอนาคตและความหวังของตระกูลเฉิน จะนอนตายตาหลับได้อย่างไร? หากเป็นเช่นนี้ เมื่อฉันตายไป จะมีหน้าไปพบบรรพบุรุษได้อย่างไร?”
เสียงร้องห่มร้องไห้ที่ดังขึ้น
ทำให้ทุกคนกระหยิ่มใจ
หลายคนลุกขึ้นมาปลอบใจ
เฉินเต้าผิงรีบเข้าไปประคองคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน “แม่ครับ เรื่องนี้ควรจะให้เจ้าบ้านเป็นคนตัดสินใจ แม่อย่าใจร้อนจนถือฐานะของตัวเองไปเสียสิครับ”
“แม่จะไม่ใจร้อนได้อย่างไร? ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโส ใครไม่อยากเห็นอนาคตที่รุ่งโรจน์ของตระกูลเฉินบ้าง? หากยังมัวรีรอ ไม่เลือกเจ้าบ้านคนต่อไปอีก หากวันไหนแม่ตายขึ้นมา ลูกจะให้แม่มีหน้าไปพบกับบรรพบุรุษได้อย่างไร? หรือแม้แต่เรื่องนี้ แม่ก็ไม่มีสิทธิ์เป็นห่วงอย่างนั้นหรือ?”
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินร้องไห้อย่างหนัก น้ำตาไหลรินลงมาเป็นสาย
คนที่ลุกขึ้นมาปลอบโยน ค่อยๆ แสดงสีหน้าจนใจออกมา
“ร่วมมือกันดีนี่”
เฉินเต้าหลินพูดออกมาอย่างเย็นชา เขาเงยหน้าขึ้นมองเฉินตง แล้วกัดฟันพูดออกมาว่า “หนึ่งปีก็หนึ่งปี อีกหนึ่งปีให้หลัง ให้ผู้สืบทอดมรดกทุกคนส่งกระดาษคำตอบ ผู้ชนะจะได้ขึ้นเป็นพระราชา!”
เวลาหนึ่งปี?!
เฉินตงตกใจเป็นอย่างมาก
แต่ก็ยังคงเข็นเฉินเต้าหลินออกมา
หลังจากทั้งสองจากไปแล้ว
ภายในห้องอภิปราย สีหน้าของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ
ทุกคนค่อยๆ ออกจากห้องอภิปรายไป
เมื่อเหลือคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินและเฉินเต้าผิงเพียงแค่สองคน
“แม่ครับ ทำไมจู่ๆ แม่ถึงโต้กลับรวดเร็วขนาดนั้น?” เฉินเต้าผิงถามด้วยความสงสัย
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินแสยะยิ้มออกมา “ในเมื่อฆ่าเฉินตงไม่ได้ และยึดตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกคืนมาจากเขาไม่ได้ คิดหรือว่าฉันจะไม่สามารถอ้างถึงบรรพบุรุษ เพื่อกดดันเฉินเต้าหลิน ให้กำหนดขอบเขตเวลาหนึ่งปีนี้ขึ้นมาไม่ได้?”
เฉินเต้าผิงเข้าใจในทันที แล้วพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ “แม่ครับ นี่เท่ากับเป็นการค่อยๆ เชือดนิ่มๆ ให้ลูกสวะเฉินตงนั่น ต้องสิ้นเนื้อประดาตัวหลังจากหนึ่งปีให้หลัง? ลูกสวะนั่นเพิ่งก่อร่างสร้างตัวได้เพียงหนึ่งปี คะแนนระดับนี้ ไม่มีทางเอาชนะผู้สืบทอดมรดกคนอื่นๆ ได้เลย!”
“ไม่เพียงเท่านี้ แม่ยังอยากใช้เรื่องนี้จัดการกับเฉินเต้าหลินด้วย”
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ “เขามั่นใจนักไม่ใช่หรือว่าลูกชายของเขานั้นแข็งแกร่ง และเป็นสมบัติล้ำค่าที่อยู่ในมือ? ระยะเวลาหนึ่งปี เพียงปีเดียวนี้ ฉันจะรอดูซิว่า ลูกสวะเฉินตงนี่ จะสามารถส่งกระดาษคำตอบแบบไหนออกมาได้”
“อีกหนึ่งปีให้หลัง ในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเฉินเต้าหลิน ผู้สืบทอดมรดกทุกคนต่างมาร่วมแสดงความยินดี และผู้สืบทอดมรดกจะได้รับการประเมินในเวลานั้น ถึงตอนนั้น ไม่เพียงแต่ลูกสวะเฉินตงนั่นจะต้องสิ้นเนื้อประดาตัว แม้แต่เฉินเต้าหลินเอง ก็ต้องอับอายจนแทรกแผ่นดินหนีเช่นกัน!”
“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริงๆ! อย่างไรเสีย ฉันก็ยังเป็นขิงที่เผ็ดอยู่ดี!”
เฉินเต้าผิงตื่นเต้นดีใจ เขาอดไม่ได้ที่จะชูนิ้วโป้งขึ้นมา
“ระยะเวลาหนึ่งปี ต่อให้ลูกสวะเฉินตงนั่น จะเป็นเทพเจ้ามาจากไหน ก็ไม่มีทางเอาชนะความพยายามของผู้สืบทอดมรดกคนอื่นๆ ที่สั่งสมมาเป็นเวลาหลายปี หลายสิบปีได้แน่นอน!”