ทันใดนั้น
พวกของเฉินตงก็พุ่งเข้าไปหาหลี่เต๋อซานทันที
ท่าทางดุดันและปราศจากความลังเล
มีเสียงกรีดร้องดังก้องขึ้นในห้องจัดเลี้ยง
ทุกคนต่างผงะไป
นี่เสียสติไปแล้วหรือ ?
ศัตรูมากมายขนาดนี้ ยังกล้าพุ่งเข้าไปอีกหรือ ?
สี่คนต่อหนึ่งร้อยคน จะเอาชนะได้อย่างไรกัน ?
แม้แต่หลี่เต๋อซานเองก็รู้สึกตกใจ และรู้สึกตกตะลึง
วินาทีต่อมา
“ไม่รู้จักกลัวตาย”
หลี่เต๋อซานแสยะยิ้มมุมปากออกมาด้วยความดุร้าย ในปากคาบซิการ์เอาไว้ จากนั้นจึงเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยท่าทีที่สงบ
แทบจะในเวลาเดียวกัน
คนจำนวนหนึ่งร้อยคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา ก็กรูกันเข้าไปที่พวกของเฉินตงราวกับสายน้ำ
และเกิดการต่อสู้กันขึ้น
ความโกลาหลเกิดขึ้นในงานทันที
พวกของเฉินตงถูกฝูงจนเข้าล้อมเอาไว้จนกระทั่งมองไม่เห็นในทันที
เสียงกรีดร้อง น้ำเสียงของความหวาดกลัว ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย
อีกทั้งยังมีคนที่ไม่สนใจความโกลาหลที่เกิดขึ้น รีบหนีเอาตัวรอดออกไปด้านนอกห้องจัดเลี้ยงด้วยความหวาดกลัว
เฉินตงเตะคนที่อยู่ตรงหน้าลอยขึ้นไปทันที ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน ร่างกายของเขาเป็นเหมือนผี เขานำท่อเหล็กที่ซ่อนเอาไว้ในแขนเสื้อออกมา จากนั้นจึงตรงเข้าโจมตีฝูงชนราวกับยมราช
คุนหลุนอาศัยความได้เปรียบของร่างกาย ดันคนออกไปราวกับรถตักดิน และไม่มีใครสามารถขวางเอาไว้ได้
แม้กระทั่งท่านหลงและฉินเย่ที่พึ่งพาซึ่งกันและกัน ก็ยังต่อสู้ตามลำพังอยู่ในฝูง
คนเพียงแค่สี่คน แต่กลับสามารถสกัดกั้นคนจำนวนหนึ่งร้อยคนได้
อันธพาลที่หลี่เต๋อซานจัดหามานั้น ในสายตาของพวกเฉินตงทั้งสี่คนแล้ว ก็เป็นเพียงแค่พวกอันธพาลเท่านั้นจริงๆ
เมื่อเทียบกับนักฆ่าในอันดับยมราชแล้ว ถือว่าอยู่กันคนละชั้นจริงๆ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเปรียบเทียบกับบรรดานักฆ่าระดับพระกาฬที่เฉินตงเจอในคุกมืดเลย
เห็นคลื่นยักษ์มานักต่อนัก
คนจำนวนหนึ่งร้อยคนตรงหน้า สำหรับทั้งสี่คนแล้ว ก็เป็นเหมือนคลื่นเล็กๆ ที่กระทบเข้าหาฝั่งเท่านั้น ไม่มีความน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย
ต่อให้เป็นฉินเย่ซึ่งอ่อนแอที่สุด ภาพที่ปรากฏขึ้นตรงหน้านี้ก็น่ากลัวเลยสักนิด
เลือดสาดกระเซ็น มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นต่อเนื่อง
มีคนล้มลงต่อหน้าของพวกเฉินตงทั้งสี่คนอย่างต่อเนื่อง
และยังมีคนวิ่งกรูกันเข้ามาเรื่อยๆ
หลี่เต๋อซานแสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่า มาเพื่อจะหมายเอาชีวิตของเฉินตง ดังนั้นเฉินตงจึงลงมืออย่างไร้ความปรานี
เขายังไม่โง่ถึงขนาดที่จะยืนนิ่งอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
การต่อสู้ที่เกี่ยวพันถึงความเป็นความตาย หากรู้สึกเห็นใจศัตรูแม้เพียงเล็กน้อย เท่ากับเป็นการทำเรื่องที่โหดร้ายที่สุดต่อตนเอง
ภายในห้องจัดเลี้ยง จู่ๆ ก็กลายเป็นเหมือนสนามรบที่น่าสลดใจในทันที
ทุกคนต่างหวาดกลัวจนถึงขีดสุด
ถึงจะพูดว่าร้ายแรงที่สุด แต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นภาพการนองเลือดที่ “น่าทึ่ง” เช่นนี้
คนที่ยังพอควบคุมสติอารมณ์ได้อยู่ ก็เห็นจะมีแต่ฉู่เจียนเจียคนเดียวเท่านั้น
“เจียนเจีย ทำอย่างไรดี ? ตอนนี้จะทำอย่างไรกันดี ?” จางหยู่หลันร้องห่มร้องไห้ ขณะที่ถามฉู่เจียนเจีย แววตากลับเต็มไปด้วยความเป็นห่วงฉินเย่ที่ต่อสู้อยู่ท่ามกลางฝูงชนอยู่ตลอดเวลา
ใบหน้าอันงดงามของฉู่เจียนเจียซีดเผือด สถานการณ์ที่สูญเสียการควบคุมจนถึงขั้นนี้ ล้วนแล้วแต่อยู่เหนือความคาดหมายของเธอโดยสิ้นเชิง
ตระกูลหลี่ผู้ยิ่งใหญ่ ถึงแม้จะกำลังตกต่ำเช่นไร ก็ควรจะรักษาเกียรติของตนเองไว้บ้างไม่ใช่หรือ ?
แต่ตอนนี้ ตระกูลหลี่กลับยอมอับอาย และไม่คิดหน้าคิดหลังอีกต่อไป !
และสิ่งที่ทำให้เธอยิ่งคิดไม่ถึงก็คือ ความบ้าระห่ำของหลี่เต๋อซานนั้น ไม่เหลือช่องว่างให้คนอื่นตั้งหลักได้เลย
ในมือกำมือถือไว้แน่น ก้มหน้าลงไปดู พบว่าไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หลงเหลืออยู่เลย
จิตใจของฉู่เจียนเจียจมดิ่งลงเล็กน้อย “หลี่เต๋อซานวางแผนเอาไว้นานแล้ว เขาใช้ตระกูลหลี่ที่กำลังจะพังทลายลงทั้งหมด เพื่อส่งคุณเฉินไปสู่ความตาย”
“หรือ หรือพวกเราจะวิ่งออกไป ?” จางหยู่หลันรู้ว่าตอนนี้สัญญาณภายในโรงแรมถูกตัด หากไม่วิ่งออกไปเพื่อขอความช่วยเหลือ เธอไม่อยากจะคิดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้เลย
“ออกไปไม่ได้”
ฉู่เจียนเจียยิ้มออกมาอย่างหดหู่ จากนั้นจึงส่ายหัวแล้วพูดว่า “แม้แต่สัญญาณก็ถูกตัดหมดแล้ว เธอคิดว่าพวกเรายังจะออกไปได้อีกหรือ ?”
“แต่ว่า……”
ขณะที่จางหยู่หลันกำลังจะเอ่ยปากพูด จู่ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “อ้า” เสียงกรีดร้องดังขึ้น
ในฝูงชน ฉินเย่ถูกอันธพาลใช้ท่อเหล็กตีเข้าที่ด้านหลัง ในขณะที่เขาวิ่งโซเซไปด้านหน้า ก็ถูกอันธพาลที่ยืนอยู่ด้านหน้า ตีเข้าให้อีกหนึ่งครั้ง
“ฉินเย่ !”
แทบจะในเวลาเดียวกัน เฉินตง คุนหลุน และท่านหลงที่กำลังอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ที่วุ่นวาย ต่างก็หน้าถอดสี
“ท่านหลงช่วยฉินเย่เร็ว”
ท่าทางของเฉินตงดุดัน และแววตาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าในทันที “คุนหลุนกับฉัน จัดการหัวหน้าของพวกมัน !”
การต่อสู้ที่วุ่นวายเช่นนี้ วิธีที่จะแก้ไขสถานการณ์ได้ดีที่สุดก็คือ ต้องจัดการกับหัวหน้า
ขอเพียงจับหลี่เต๋อซานได้ การต่อสู้ที่วุ่นวายนี้ก็จะค่อยๆ สิ้นสุดลง
ทันใดนั้น
คุนหลุนตะโกนออกมาด้วยความโมโห เขาใช้กำปั้นชกลงไปที่หน้าอกของอันธพาลที่อยู่ตรงหน้าของเขาอย่างรุนแรง จนยุบลงไป
เข้าไปร่วมต่อสู้กับเฉินตงอย่างรวดเร็ว ราวกับรอบข้างนั้นว่างเปล่าไร้ผู้คน
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ท่านหลงรีบเข้าไปช่วยเหลือฉินเย่อย่างรวดเร็ว เขาโบกมือทั้งสองข้างที่ดูเหมือนจะอ่อนแอ แต่กลับทรงพลังราวกับสายฟ้า และจัดการกับอันธพาลสองคนที่อยู่ข้างๆ ฉินเย่ให้ล้มลงในทันที
“คุณชายฉิน คุณยังสู้คนแก่อย่างผมไม่ได้เลยนะ” ท่านหลงพูดเยาะเย้ย
ฉินเย่กระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง “ให้ตายเถอะ ฉันถูกหลอกด่า”
อีกทางด้านหนึ่ง
เฉินตงและคุนหลุนเปรียบเสมือนนักฆ่าระดับพระกาฬสองคน โดยมีเป้าหมายก็คือหลี่เต๋อซาน จึงพุ่งกระโจนเขาไปหาอย่างรวดเร็ว ราวกับเสือโคร่งที่หลุดออกจากกรง
คุนหลุนเคยเป็นราชาของทหารรับจ้างอยู่ในสนามรบ อีกทั้งยังเป็นนักฆ่าระดับพระกาฬที่ออกมาจากคุกมืด ด้วยชัยชนะที่ติดต่อกันถึงสิบครั้ง
สถานการณ์เช่นนี้ เมื่อเทียบกับสนามรบที่เต็มไปด้วยกระสุนปืนและการนองเลือดแล้ว แทบจะเทียบกันไม่ติดเลยแม้แต่น้อย
ด้วยความสามารถของเขาแล้ว สามารถจัดการได้อย่างหมดจด !
ส่วนเฉินตง ที่ไม่เคยผ่านการฝึกฝนทักษะการต่อสู้มาก่อน ต่อให้เป็นเวลาที่อ่อนแอที่สุด ก็ทำเพียงแค่ลดความรุนแรงลง แต่ไม่เคยคิดที่จะหยุด
ตอนนี้ทั้งสองคนรวมพลังกันต่อสู้ เผชิญหน้ากับเหล่าอันธพาลที่กรูกันเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ราวกับการเข้าทำลายกองกำลังอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองดูเฉินตงและคุนหลุนที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา
เส้นเลือดบริเวณหางตาของหลี่เต๋อซานก็กระตุกหลายครั้ง
ทีนใดนั้นเอง มุมปากของเขายิ่งเผยรอยยิ้มออกมามากยิ่งขึ้น
“แข็งแกร่งจริงๆ ! ที่คุณท่านใหญ่อยากให้แกขึ้นเป็นเจ้าบ้านมาโดยตลอด ถือว่ามีเหตุผลจริงๆ แต่สิ่งที่ผิดมหันต์ก็คือ แก่ไม่ควรจะเข่นฆ่าบรรพบุรุษของตัวเอง คืนนี้ แกกับตระกูลหลี่จงลงนรกไปพร้อมกันเถอะ !”
ขณะที่กำลังพึมพำอยู่นั้น หลี่เต๋อซานก็ค่อยๆ ปล่อยมือขวาลงอย่างเงียบๆ
เขาเผชิญหน้ากับเฉินตงและคุนหลุน โดยไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
และในแววตากลับเต็มไปด้วยเส้นเลือดที่ปูดโปน เผยให้เห็นถึงความบ้าคลั่งและตื่นเต้น
“คุณชาย มีบางอย่างผิดปกติ !”
เมื่อกำลังจัดการกับวงล้อมชั้นสุดท้าย คุนหลุนก็สังเกตเห็นท่าทีที่ผิดปกติของหลี่เต๋อซาน
“คงเป็นความบ้าคลั่งครั้งสุดท้าย”
เฉินตงพูดออกมาอย่างเย็นชา ท่อเหล็กที่อยู่ในมือ ฟาดลงไปบนแขนของอันธพาลอย่างแรง
คุนหลุนมีท่าทีดุร้าย ราวกับสัตว์ร้ายที่อยู่ในร่างของมนุษย์ การลงมืออย่างฉับพลัน สามารถจัดการกับอันธพาลที่เหลืออยู่อีกสองสามคนได้จนหมดสิ้น
แทบจะในเวลาเดียวกัน
เฉินตงและคุนหลุนก็พุ่งตรงเข้าไปหาหลี่เต๋อซานอย่างรวดเร็วราวกับติดปีก
“ในที่สุดก็จบลงแล้วหรือ ?”
ฉู่เจียนเจียที่เฝ้าดูการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ก็แอบถอนหายใจออกมา ด้วยความโล่งใจ
แต่ทันทีที่พูดจบ ใบหน้าอันงดงามของเธอก็ปรากฏความหวาดกลัวขึ้นมาทันที เธอรู้สึกตกใจจนถึงขีดสุด
ในเวลาเดียวกันนี้
ภายในห้องจัดเลี้ยง จู่ๆ บรรยากาศทุกอย่างก็เงียบสงบลงอย่างน่าประหลาด
ราวกับเวลาหยุดนิ่ง
สายตาหวาดกลัวค่อยๆ มองตรงไปยังจุดเดียวกัน
ส่วนเฉินตงและคุนหลุนเองก็หยุดยืนอยู่ที่เดิม แล้วมองไปที่หลี่เต๋อซานด้วยความหวาดกลัว
หลี่เต๋อซานยกมือข้างขวาขึ้นมา ปากกระบอกปืนสีดำสนิท จ่อมาทางเฉินตง
ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ
“ปืน ! เขามีปืน !”
บรรดาคนที่กำลังตกใจกลัวอยู่ก่อนแล้ว มาบัดนี้ยิ่งกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว
มีหญิงสาวบางคนตกใจจนใบหน้าซีดเผือด ร้องห่มร้องไห้ออกมา ยิ่งไปกว่านั้น บางคนตกใจถึงขั้นมุดเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะด้วยความกลัว
สำหรับคนจำนวนมากที่อยู่ในงาน ปืนถือเป็นสิ่งที่ไกลตัว
ปืนกระบอกเดียว เพียงพอที่จะกำหนดชะตาชีวิตของทุกคนได้ !
“แกคำนวณได้ดีนี่ แต่แกคิดจริงๆ หรือว่าฉันจะพาแค่พวกขยะร้อยคนมาจัดการกับแก ?”
หลี่เต๋อซานยิ้มออกมาอย่างดุร้าย และพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ ถึงขั้นเชิดหน้า จนหันรูจมูกไปทางเฉินตง
บ้าคลั่งและคิดมาอย่างรอบคอบ
ทว่า
ในขณะที่ทุกคนกำลังจ้องมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
จู่ๆ เฉินตงก็ผลักคุนหลุนที่ยืนอยู่ข้างๆ ออก
จากนั้น จึงเดินเข้าไปหาหลี่เต๋อซานทีละก้าวๆ
น้ำเสียงเย็นชา ราวกับสายลมที่พัดขึ้นมาจากขุมนรก
“มีอยู่อย่างหนึ่งคือถ้าหากแกยิงแล้ว แกฆ่าฉันไม่ตาย ฉันก็จะฆ่าแกให้ตาย !”