เปรี้ยง ครืน…
ฝนในฤดูใบไม้ร่วงตกปรอยๆ
ท้องฟ้าในค่ำคืนเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเมฆดำก่อตัวเป็นชั้นหนาๆ ตั้งแต่เมื่อใด
เสียงฟ้าร้อง ดังขึ้นกลางเมฆสีดำอย่างไม่ขาดตอน
ราวกับพร้อมจะแปรสภาพกลายเป็นฝนได้ทุกเมื่อ
ลมราตรีเย็นสบาย
พัดเอาต้นไม้ใบหญ้าในป่าส่งเสียง
โคมไฟหลายดวงสุกสว่างปรากฏขึ้นกลางป่า
เงาร่างนั้นเคลื่อนที่ไปอย่างสั่นไหว ผอมบางและบิดเบี้ยว
แก๊ก … แก๊ก…
ดวงตาของจางซิ่วจือแดงก่ำ เธอออกแรงกวัดแกว่งจอบในมือ ดินในหลุมที่ถูกขุดออกมาแล้วกองรวมกันอยู่ด้านข้างหลุม
เธอเหงื่อออกทั่วหน้า หายใจหอบแรง แต่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพัก
และในตอนนั้นเอง ปลายหางตาของเธอเหลือบไปเห็นรูปภาพของหลี่หลานที่อยู่บนป้ายหลุมศพ
ร่างของจางซิ่วจือสั่นสะท้าน หัวใจของเธอเต้นระส่ำจากความหวาดกลัว
และยิ่งมีแสงจากโคมไฟ รวมทั้งสรรพเสียงที่ดังอยู่รอบๆ ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกขนลุกซู่
ตึ้ง!
จางซิ่วจือถีบไปที่ป้ายบนหลุมศพเต็มแรงและกัดฟันด่ากราด “นางแพศยา แกมันสมควรตาย! ตอนมีชีวิตอยู่ ฉันรังแกแกได้ ต่อให้แกตายแล้ว ฉันก็จะขุดหลุมเอาแกขึ้นมา!”
ดวงตาแดงฉาน แววตากระสับกระส่าย
ยิ่งเห็นรูปภาพบนหลุมศพของหลี่หลาน จางซิ่วจือก็ยิ่งรู้สึกขนลุก
เธอกัดฟันกรอด แล้วยกจอบขึ้นใช้คมจอบฟันไปที่รูปภาพของหลี่หลานจนแตกละเอียด
ทันใดนั้น
โครม!
จางซิ่วจือใช้จอบทุบไปที่ป้ายบนหลุมศพเต็มแรง
หลังจากทุบต่อเนื่องไปหลายครั้ง ป้ายหลุมศพที่ไม่ค่อยแข็งแรงนักก็ส่งเสียงหักและร่วงลงบนพื้น
จากนั้น จางซิ่วจือก็กัดฟันขุดหลุมศพต่อไป
“ฉันจะขุดแกขึ้นมา แล้วเอาเถ้ากระดูกแกไปรีดเงินจากคนเส็งเคร็งอย่างเฉินตงนั่น เขาต้องยอมให้เงินแน่!”
จางซิ่วจือขุดหลุมไปพลางก่นด่าพึมพำราวกับคนเสียสติ “เฉินตง ไอคนเส็งเคร็ง คิดว่าจะรังแกครอบครัวของเราง่ายๆ งั้นรึ คิดแผนการขึ้นมาเพื่อหาเรื่องหย่ากับหวางหนันหนัน นางลูกสาวตัวดีนั่น จนพวกเราไร้บ้าน แกคิดว่าฉันโง่หรือไง?”
“เงินแค่ไม่กี่ล้านจะไปพอได้ยังไง? ไม่พอหรอก ไม่มากพอให้ฉันยอมแพ้ คราวนี้ฉันต้องได้อีกร้อยล้าน!”
“ไม่ให้หรอ ถ้าคนเส็งเคร็งนั่นไม่ยอมให้ ฉันจะเอากระดูกแกไปทิ้ง! ไม่สิ เขาต้องให้แน่ คนไม่เอาไหนอย่างเขากตัญญูกับแกมากที่สุด ต่อให้แกกลายเป็นเถ้าถ่านแบบนี้ไปแล้ว เขาก็ยังคงโง่กตัญญูแกต่อไป”
คำพูดจาชั่วร้ายนี้ เต็มไปด้วยความโกรธชัง
แต่อารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ทำให้ท่าทางของเธอใกล้จะเป็นคนบ้า
จางซิ่วจือในเวลานี้ เดินทางมาถึงทางตันจนทำเรื่องคลุ้มคลั่งเสียสติเช่นนี้
เธอต้องการเงิน!
เงินจำนวนมาก!
เธอถึงจะสามารถใช้หนี้หมดและเอาเงินที่เหลือไปใช้ชีวิตอย่างสุรุ่ยสุร่ายต่อไป
รู้จักประหยัดจนร่ำรวยนั้นไม่ลำบาก แต่หากร่ำรวยแล้วแปรเปลี่ยนเป็นคนจนชีวิตย่อมลำบาก
เธอไม่เพียงกลัวการกระโดดตึกตายเท่านั้น แต่เธอไม่ต้องการกลับไปใช้ชีวิตเหมือนอย่างเมื่อก่อนด้วย!
“ฉันมาไกลเกินไปแล้ว!”
หลังจากก่นด่าจบก็มีเสียงดังขึ้น
เคร้ง!
ระหว่างที่จอบฟันลงไปบนดินอย่างแรงจนขุดเอาดินขึ้นมา ก็เกิดเสียงคล้ายเครื่องกระเบื้องแตก
เสียงแตกร้าวนี้ เมื่อเข้าไปอยู่ในหูของจางซิ่วจือกลับกลายเป็นเสียงที่มาจากสวรรค์
ดวงตาของเธอสว่างไสว และค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความสะใจ
ช่วงเวลานั้น เธอไม่รู้จักความกลัวอีกต่อไป!
“ต่อให้ขุดหลุมออกมาแล้ว นางแพศยาหลี่หลานก็ยังคงทำประโยชน์ให้ครอบครัวเราอยู่”
จางซิ่วจือปาดเหงื่อบนหน้าของตน เธอโยนจอบทิ้ง และใช้สองมือปัดดินที่เหลืออยู่บนหลุมออก
จากนั้นจึงยกโกศใส่กระดูกออกมา เพียงแต่ขอบด้านข้างโดนจอบฟันจนแตกไปแล้ว ทำให้เห็นกระดูกสีขาวเทาอยู่ด้านในอย่างชัดเจน
“เงินทั้งนั้น ของในนี้คือเงินร้อยล้าน!”
จางซิ่วจือตาแดงแสยะยิ้มขึ้นมา เธอกอดโกศใส่กระดูกเอาไว้แล้วนั่งอยู่บนหลุมศพของหลี่หลาน เธอเอ่ยออกมาอย่างมีความคาดหวังเต็มเปี่ยม “รอให้ได้เงินมาก่อนเถอะ พวกแกจะต้องเสียใจ ผู้ชายสารเลวอย่างหวางเต๋อ อยากหย่าก็หย่าเลย ฉันไปหาคนที่หนุ่มกว่าแกก็ได้!”
“หวางหนันหนัน นางลูกไม่รักดี ฉันคลอดแกออกมา เลี้ยงแกมายี่สิบกว่าปี อยู่ๆ ก็มาบอกมาตัดแม่ตัดลูกกัน รอให้ฉันมีเงินก่อน นางเด็กหัวอ่อนนั่นจะต้องกลับมาร้องเรียกฉันว่าแม่”
ระหว่างที่พูด เธอก็ยิ่งจับโกศใส่กระดูกไว้แน่นราวกับเป็นของล้ำค่า ที่หากจับไว้ไม่แน่นจะหายวับไปกับตา
“ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ทุกอย่างจะจบลงแล้ว ฮ่าๆๆ… ถ้าฉันมีเงินเมื่อไหร่ ฉันจะสอนให้พวกแกรู้ว่าเล่นของสูงมันเป็นยังไง ต่อจากนี้ไป ฉันจะเลี้ยงเสี่ยวเห้าอย่างดี หาลูกสะใภ้สวยๆ เอาให้สวยกว่าหลินเสว่เอ๋อนั่นร้อยเท่าพันเท่า!”
ภาพเหตุการณ์นี้ไม่ว่าใครที่มองเห็น จะต้องตกใจหน้าซีด ขนลุกสะท้านไปทั้งตัวอย่างแน่นอน
จะมีใครที่ไหนอีกที่นั่งกอดเศษกระดูกอยู่บนหลุมศพได้อย่างมีความสุขเช่นนี้?
จางซิ่วจือมองไปยังป่ามืดมิดรอบตัว แล้วร้อนใจจนต้องหยิบมือถือออกมาเพื่อโทรหาเฉินตง
แต่เสียงรอสายเพิ่งจะดัง สายก็โดนตัดไปในทันที
จากนั้นก็มีข้อความใหม่ส่งมาอย่างรวดเร็ว
“อยู่ระหว่างทาง”
คำพูดง่ายๆ เช่นนี้กลับทำให้จางซิ่วจือยิ้มกว้าง
เงิน…อยู่ระหว่างทางแล้ว!
และในเวลาเดียวกันนี้
อีกด้านหนึ่ง
รถ BMW X7 กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วจี๋
อู๋จุนหาวเงียบขรึม เพ่งสมาธิไปที่การขับรถ
แต่สายตาของเขาก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองหลินหลิ่งตงที่นั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับ
แปลกจริง…ทำไมพี่หลิ่งตงไม่ยอมไปนั่งเป็นเพื่อนพี่สะใภ้ด้านหลังล่ะ?
เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
เขาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เมื่อครู่นี้ตอนที่เขานั่งจีบสาวอยู่ที่ผับ หลินหลิ่งตงก็โทรมาบอกให้เขาไปขับรถให้
และพอมองไปที่กระจกหลัง อู๋จุนหาวก็เห็นหวางหนันหนันนั่งหมดอาลัยตายอยาก สีหน้าซีดเผือดไม่เห็นสีเลือด
หลินหลิ่งตงนั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก จนอู๋จุนหาวรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ
เขากล่าวเสียงเฉียบว่า “เร็วกว่านี้!”
อู๋จุนหาวชะงักไป “เจ้านาย ตอนนี้ขับ 120 แล้วนะครับ ความเร็วสูงสุดแล้ว”
“นั่นคือความเร็วจำกัด ไม่ใช่ความเร็วสูงสุดที่รถจะขับได้”
หลินหลิ่งตงเอ่ยเสียงเย็นชา หากไม่รีบไปให้ถึง เขาไม่รู้เลยว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นต่อไป
แต่เขาแน่ใจว่า เขารองรับความโกรธแค้นของเฉินตงไม่ไหวแน่!
ขุดหลุมศพของแม่เขาขึ้นมา แถมยังจะเอากระดูกขึ้นมาโปรยทิ้งอีก
เรื่องนี้สำหรับเฉินตงแล้วมันต่างอะไรกับการถูกฆ่ายกตระกูลหรือ?
เรื่องที่เขาไม่กล้าทำ แต่แม่ของหวางหนันหนันกล้าทำ!
หวางหนันหนันที่นั่งอยู่เบาะหลังจิตใจว้าวุ่น สายตาเลื่อนลอย ราวกับวิญญาณได้หลุดจากร่างของเธอไปแล้ว
ที่เท้าของเธอมีกระเป๋าหลุยส์ วิตตองใบใหญ่ใบหนึ่งวางอยู่ ในกระเป๋าเต็มไปด้วยธูปเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และมีข้าวสวยร้อนหนึ่งถ้วย
เธอทำใจไม่ได้ เธอไม่เต็มใจ แต่เมื่อหลินหลิ่งตงมีท่าทีเช่นนี้แล้ว เธอก็ได้แต่สิ้นหวัง
หลินหลิ่งตงเป็นที่พึ่งเดียวของเธอ
และตอนนี้ ที่พึ่งเดียวของเธออยู่ฝั่งดียวกับเฉินตงไปแล้ว
เรื่องที่แม่ทำ ฟ้าดินพิโรธ ผู้คนต้องสาปแช่ง
แม้ว่าเธอจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจางซิ่วจือไปแล้ว แต่หากให้ตัดขาดความผูกพัน ในใจของเธอยังคงไม่สามารถทำใจได้
แต่ตอนนี้ เธอรู้แล้วว่า…
การเดินทางคราวนี้ คือการไปส่งแม่ของเธอ…
เปรี้ยงงง…
เสียงฟ้าฟาดกลางดึก ทำให้หวางหนันหนันรู้สึกผวา
ร่างกายบอบบางของเธอสั่นไหว ดวงตาแดงก่ำที่มีน้ำตาคลอมองไปยังหลินหลิ่งตงที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับด้วยความหวังสุดท้าย
“หลิ่งตง…ไม่มีทางอื่น…”
ยังไม่ทันจะพูดจบ
หลินหลิ่งตงกลับส่ายหน้าและหัวเราะเยาะออกมา แล้วหันไปมองอู๋จุนหาว
“จุนหาว ถ้ามีคนขุดหลุมศพของแม่นายและเอาเถ้ากระดูกของแม่นายออกมาด้วย นายจะทำยังไง?”
อู๋จุนหาวชะงักงัน ความสงสัยในใจของเขาเริ่มจับต้นชนปลายถูกขึ้นมาบ้าง
เขาไม่ได้คิดละเอียดมากนัก เขากัดฟันแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าอำมหิต “ฆ่าพวกมันทั้งบ้าน!”
หลินหลิ่งตงอมยิ้ม ในรอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา
เขาหันหน้ามาช้าๆ แล้วมองไปที่หวางหนันหนันที่กำลังมีความหวัง “เห็นไหมว่าคุณเฉินใจกว้างมากแล้ว”