น้ำเสียงที่ดังก้องและเชือดเฉือนราวกับมีด
มีเสียงตบมือดังขึ้น ใกล้เข้ามาทุกทีๆ ร่างทั้งสามค่อยๆ เดินออกมาจากในความมืด
เฉินตงซึ่งกำลังก้มศีรษะลง ก็หยุดนิ่ง และเผยรอยยิ้มอำมหิตขึ้นที่มุมปากทันที
จางซิ่วจือที่กำลังมีท่าทีหยิ่งผยอง กลับแปลเปลี่ยนเป็นตกใจในทันที
เธอหันไปมองร่างทั้งสามที่เดินออกมาจากความมืดด้วยความโมโห และตะโกนด่าทอ “ใคร? ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”
“แม่……”
หวางหนันหนันตะโกนออกมาด้วยความโศกเศร้า
จางซิ่วจือผงะไป จากนั้นจึงยิ้มร่าออกมา
“หวางหนันหนัน พวกเราตัดสัมพันธ์กันแล้ว แกยังเรียกฉันว่าแม่อีก หมายความว่าอย่างไรกัน?”
ขณะที่พูด
หลินหลิ่งตงพาอู๋จุนหาวและหวางหนันหนันเดินเข้าไปหาเฉินตง
ใบหน้าของหวางหนันหนันเปียกปอนไปด้วยคราบน้ำตา เอามือปิดปากพร้อมจ้องมองไปยังจางซิ่วจือ และส่ายหัวไม่หยุด
หลินหลิ่งตนกลับไม่ได้สนใจ และช่วยประคองเฉินตงขึ้นมา
“ขอโทษด้วยครับคุณเฉิน ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยด้วยตัวเอง”
“ดีมาก”
เฉินตงพยักหน้าอย่างเฉยเมย สายตาหันไปมองถุงใบใหญ่ที่อู๋จุนหาวถืออยู่ ซึ่งเต็มไปด้วยกระดาษเงินกระดาษทอง
ตอนนี้เอง เขาจึงหันไปหัวเราะกับหลินหลิ่งตง แล้วพูดว่า “ฉันพอใจมาก”
ทันทีที่พูดจบ
หวางหนันหนันที่ใบหน้าเปียกปอนไปด้วยน้ำตา ก็วิ่งเข้าไปหาจางซิ่วจือทันที
“แม่ รีบวางลงเร็วเข้า!”
ถึงจะไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว แต่ก็ไม่อาจตัดขาดความสัมพันธ์ทางสายเลือดได้อยู่ดี
เมื่อตัดขาดความสัมพันธ์กันแล้ว ตอนนี้หวางหนันหนันยิ่งร้อนใจกว่าใคร
เธอรู้ดีว่าหลินหลิ่งตงพาเธอมาด้วยจุดประสงค์อะไร แต่เธอหวังว่าสิ่งนั้นจะไม่เกิดขึ้น เธอหวังว่าเรื่องนี้จะยังคงพอมีหนทางแก้ไขได้!
ทว่า
“นังเด็กโง่ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันไม่ใช่แม่ของแก!”
ใบหน้าของจางซิ่วจือดูดุร้าย เธอแผดเสียงออกมา “ฉันรู้แผนกระจอกๆ ที่แกร่วมมือกับเจ้าหลินนี่ คิดที่จะช่วยพวกมันขัดขวางฉัน ยังดีที่สามีใหม่ของแกคนนี้มีเครดิตดี ไม่อย่างนั้นฉันจะบอกแกให้นะว่า ไม่มีทาง!”
ทันทีที่พูดจบ
จู่ๆ จางซิ่วจือก็ปล่อยมือด้านขวา ขี้เถ้าที่อยู่ในมือของเธอ ปลิวกระจัดกระจายไปทั่วบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
ฉากนี้ไร้ซึ่งเสียงใดๆ
แต่ดูราวกับมีฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ ลงไปยังร่างของทุกคน
“แม่……”
หวางหนันหนันร้องไห้ออกมาเสียงดังด้วยความเจ็บปวด เธอรู้สึกเวียนหัว พลันทุกเข่าลงไปบนพื้น แล้วเริ่มร้องไห้ออกมาดังลั่นด้วยเสียงที่แหบพร่า
“แม่!”
เฉินตงจ้องมองด้วยความโกรธ ราวกับว่าดวงตาจะถลนออกมา อารมณ์ที่กำลังสงบอยู่ แปรเปลี่ยนเป็นปั่นป่วนราวกับคลื่นลูกใหญ่ทันที
ภาพของเถ้ากระดูกที่ฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศตรงหน้า ดูเหมือนจะลอยช้าลงอย่างมาก ระยะที่ลอยห่างออกไปเพียงเล็กน้อย แต่กลับไม่สามารถนำกลับคืนมาได้อีก!
“คุณนาย!”
ท่านหลงและคุนหลุนตะโกนเสียงดัง และคุกเข่าลงไปบนพื้น
มีเพียงหลินหลิ่งตง ที่แสดงสีหน้าเย็นชาออกมาในทันที
“ในเมื่อทำผิด ก็ต้องได้รับโทษอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ คนโง่เขลาเบาปัญญา แม้แต่เทวดาก็ไม่อาจช่วยได้!”
คำพูดหนึ่งประโยคซึ่งเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
ในสายตาของทุกคนแล้ว การกระทำของหวางหนันหนันเมื่อครู่ ก็เพื่อต้องการเตือนจางซิ่วจือ และพยายามช่วยชีวิตเธอเอาไว้
แต่ในสายตาของผู้หญิงโง่เขลาที่กำลังเสียสติคนนี้ กลับกลายเป็น…… “แรงกระตุ้น”?!
หลินหลิ่งตงเหลือบมองอู๋จุนหาว จากนั้นจึงจุดบุหรี่ขึ้นอย่างเงียบๆ
“จุนหาว ส่งเธอไปตายได้แล้ว”
คำพูดประโยคนี้ พูดด้วยน้ำเสียงที่เบา แต่ก็เพียงพอที่ทุกคนจะสามารถได้ยิน
“ฆ่าฉัน? พวกแกกล้า!”
ใบหน้าของจางซิ่วจือเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและดุร้าย เธอชูโกศที่อยู่ในมือขึ้นมาทันที “ถ้าวันนี้ฉันเป็นอะไรไปแม้เพียงสักนิดแล้วละก็ เถ้ากระดูกของนังแพศยาคนนี้ จะไม่หลงเหลืออีกเลย ฉันจะดูซิว่าพวกแก มีใครกล้าบ้าง!”
ทว่า
หลังจากเสียงพูดที่เย่อหยิ่งของจางซิ่วจือสิ้นสุดลง ก็มีเสียง “คลิก” ของไกปืนดังขึ้นทันที
อู๋จุนหาวค่อยๆ ยกมือขวาขึ้น และหันปลายกระบอกปืนสีดำ เล็งเป้าไปยังจางซิ่วจือ
หัวใจของจางซิ่วจือเต้นระส่ำ
หากเป็นการเข้ามาแย่ง เธอมั่นใจอย่างยิ่งว่าเธอจะสามารถโยนโกศให้แตกเสียหายได้
แต่ถ้าหากเป็นปืน……
ตอนนี้ เธอซึ่งกำลังอยู่ในอาการบ้าคลั่ง ในที่สุดก็ค่อยๆ เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาภายในจิตใจ!
ตุ้บ!
อู๋จุนหาวโยนถุงใบใหญ่ที่อยู่ในมือลงไปตรงหน้าหวางหนันหนัน “พี่สะใภ้ ให้เวลาคุณสามนาที!”
เกิดเสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้นในสมองของหวางหนันหนัน เธอก้มลงมองถุงใบใหญ่ที่อยู่บนพื้นทั้งน้ำตาทันที
เมื่อเปิดซิปออก ก็สามารถมองเห็นกระดาษเงินกระดาษทองที่บรรจุอยู่ด้านในได้อย่างชัดเจน รวมถึงถ้วยและอาหารที่ยังอุ่นๆ อยู่
อาหารถ้วยนั้นคือ……อาหารมื้อสุดท้าย ที่เธอเตรียมให้แก่จางซิ่วจือ
แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์เกิดขึ้นตรงหน้า เธอก็เหม่อลอยไป
หลังจากนั้นเพียงไม่นาน
จู่ๆ แววตาที่ฉาบไปด้วยคราบน้ำตาของหวางหนันหนัน ก็แปรเปลี่ยนเป็นความมุ่งมั่นขึ้นทันที
จู่ๆ เธอก็หันกลับมาและคุกเข่าให้กับเฉินตง พร้อมทั้งร้องไห้ และโขกหัวกับพื้นอย่างรุนแรง
“เฉินตง ขอร้องคุณปล่อยแม่ของฉันสักครั้ง ขอร้องคุณช่วยปล่อยเธอด้วย เธอไม่ได้ตั้งใจ เธอเองก็ถูกบีบบังคับ เห็นแก่ความเป็นสามีภรรยาตลอดสามปีของเรา ฉันขอร้องคุณล่ะ……”
ไม่ได้ตั้งใจ?
ถูกบีบบังคับ?
ดวงตาที่แดงก่ำของเฉินตงปรากฏเจตนาฆ่าขึ้นมาทันที และหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ
ทันใดนั้น เขาก็หันมองหวางหนันหนันด้วยแววตาที่ดูราวสัตว์ร้ายที่กำลังกระหายเลือด
แววตาอำมหิต ทำให้หวางหนันหนันตกใจจนสีหน้าซีดเผือดทันที
“ปล่อยแม่ของเธอ? แล้วใครปล่อยแม่ของฉัน? ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาตลอดสามปี ที่ถูกตระกูลหวางของพวกคุณเอาเปรียบมาโดยตลอด คอยบงการชีวิตของผมและแม่ รวมทั้งไม่สนใจว่าผมและแม่ของผมจะเป็นหรือตายอย่างนั้นหรือ?”
คำถามที่ถูกถามออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้หวางหนันหนันพูดอะไรไม่ออก
ตอนนี้ เธอนึกถึงช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตร่วมกับเฉินตงตลอดสามปีขึ้นมาได้ทันที
หากจะพูดเรื่องของความรัก ดูเหมือนตระกูลหวางขอพวกเธอ จะไม่มีให้กับเฉินตงจริงๆ!
“พูดมาสิ! ไหนเธอลองพูดมา!”
เฉินตงแทบจะบ้าคลั่ง เขากัดฟัน แววตาเต็มไปด้วยความดุร้าย
ส่วนหลินหลิ่งตงที่อยู่ข้างๆ เมื่อเห็นแววตาของหวางหนันหนันในตอนนี้ ก็แสดงความรังเกียจที่เห็นได้ยากยิ่งออกมา!
“ฉัน……” หวางหนันหนันร้องไห้อย่างหนัก น้ำตาไหลรินลงมาราวกับสายฝน “แต่เธอเป็นแม่ของฉันนะ หรือว่า……หรือว่า……ที่ฉันนอนข้างๆ คุณมาตลอดสามปี จะแลกกับการปล่อยชีวิตเธอไปไม่ได้เลยหรือ?”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา เท่ากับว่าเธอได้ทำลายเกียรติของตนเองไปหมดสิ้นแล้ว
ความรังเกียจที่ปรากฏอยู่ในสายตาของหลินหลิ่งตงยิ่งรุนแรงขึ้น
อู๋จุนหาวเองก็ขมวดคิ้วแน่น
แววตาของเฉินตงสั่นคลอดเล็กน้อย จากนั้นจึงส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า
“นอนด้วยกันมาสามปี? เหอะๆ……นี่เป็นสิ่งที่เธอควรหยิบยกมาเป็นข้อต่อรองอย่างนั้นหรือ? มันช่าง……น่ารังเกียจจริงๆ!”
หวางหนันหนันตัวสั่น เธอรู้สึกอ่อนแรงราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่างทันที
เธอคุกเข่าลงไปบนพื้น เมื่อนึกถึงจางซิ่วจือที่ยืนอยู่ด้านหลัง แววตาของเธอก็กลับแน่วแน่ขึ้นมาอีกครั้ง
เธอต้องการช่วย!
ที่ยืนอยู่ด้านหลังคือแม่ของเธอเอง ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ต้องช่วยให้ได้!
ทว่า
ตุ้บ!
มีหินก้อนหนึ่ง กระแทกลงบนหลังของหวางหนันหนัน
กระแทกเสียจนหวางหนันหนันฟุบลงไปบนพื้น
จากนั้น
จางซิ่วจือก็กรีดร้องออกมาและก่นด่าสาปแช่ง “หวางหนันหนัน แกเลิกแสดงละครได้แล้ว แกมันก็แค่ผู้หญิงไร่ค่า ตัดสัมพันธ์กับฉันแล้ว ตอนนี้ยังจะมาเสแสร้งแกล้งมีเมตตาอีกทำไม? ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียนจริงๆ!”
เปรี้ยง!
หวางหนันหนันรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า ในขณะที่ฟุบอยู่นั้น ก็รู้สึกไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะกลับขึ้นมานั่งได้ใหม่
ตอนนี้เอง
เฉินตงค่อยๆ เดินเข้ามาหาหวางหนันหนันทีละก้าวๆ
จากนั้นจึงหยุดยืนอยู่ด้านหน้าถุงใบใหญ่ ที่อยู่ตรงหน้าของหวางหนันหนัน
ภาพนี้ ทำให้จางซิ่วจือตกใจจนใบหน้าบิดเบี้ยว
“อย่าเข้ามานะ ถ้าเข้ามาอีกฉันจะทำให้แกไม่ได้เห็นเถ้ากระดูกของแม่อีกเลย เงินล่ะ? เงินหนึ่งร้อยล้านที่ฉันต้องการล่ะ? เอามาให้ฉัน! ไม่อย่างนั้น เถ้ากระดูกของแม่แก จะไม่มีเหลืออีกเลย!”
“สกปรกจริงๆ!”
เฉินตงข่มความเจ็บปวดและโศกเศร้าเอาไว้ ทันใดนั้น เขายกมือขวาของเขาขึ้น แล้วหยิบถ้วยข้าวที่อยู่ในถุงใบใหญ่ขึ้นมาโยนลงบนพื้นอย่างแรง
เพล้ง!
เสียงถ้วยข้าวแตกกระจัดกระจาย
หวางหนันหนันที่ฟุบอยู่บนพื้นตัวสั่นเทา
หลังจากถ้วยข้าวแตกกระจาย เฉินตงก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ราวกับลมหนาวที่พัดขึ้นมาจากขุมนรก
“สัตว์ร้ายเช่นนี้ ไม่สมควรที่จะได้กินข้าวมื้อสุดท้าย!”
ปัง!
หลังจากพูดจบ เสียงปืนก็ดังขึ้น