“ฮ่าๆ คิดไม่ถึงล่ะสิ”
เมื่อเห็นเย่หลิงหลงเดินใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเข้ามา เฉินตงพลันตัวเกร็งขึ้นมา
ความยินดีของการพลิกจากฝั่งแพ้กลับมาชนะได้ ตอนนนี้หายไปหมดเป็นปลิดทิ้ง
และตอนนี้บริเวณรอบๆ ก็เริ่มมีคนรวมตัวกันเข้ามามุงดูเขากับเย่หลิงหลงด้วยความชื่นชม
เฉินตงเกลียดความรู้สึกของการโดนคนจ้องมองมากที่สุด
เขาไม่สนใจไยดีเย่หลิงหลง จากนั้นจึงเดินดุ่มๆ ตรงไปที่รถ
สีหน้ายิ้มแย้มของเย่หลิงหลงเริ่มกระตุก เธอรีบก้าวอาดๆ ตรงเข้าไปขวางด้านหน้าเฉินตงเอาไว้
“ทำไมคุณถึงเป็นคนไม่มีมารยาทขนาดนี้? ฉันอุตส่าห์มาทักทายคุณ หงหุ้ยช่วยเหลือคุณตั้งมากมายขนาดนั้นคุณตอบรับสักคำมันจะตายหรือไง?”
“ช่วย?”
เฉินตงเลิกคิ้ว “เอาฉันลากเข้าไปในหงหุ้ย นี่ก็ถือว่าแลกเปลี่ยนไปแล้ว อีกอย่างคราวนี้หงหุ้ยเองก็ได้กำไรไปไม่น้อยเลยนี่?”
เย่หลิงหลงโดนต่อว่าจนไร้คำพูด
ดวงตาคู่งามของเธอกะพริบปริบๆ ริมฝีปากของเธอสั่นเบาๆ “แต่คุณก็ไม่ควรทำตัวไร้มารยาทแบบนี้นะ ผู้หญิงหน้าตาดีเพียบพร้อมอย่างฉัน เดินยิ้มแย้มเข้ามาทักทายคุณก่อน แถมยังมีคนมองอยู่เยอะขนาดนี้ คุณจะไม่สนใจฉันเชียวหรือ?”
“คุณอยากให้ผมทักทายคุณจริงหรือ”
สายตาของเฉินตงเหลือบกลับมามองเย่หลิงหลง
“ใช่แล้ว มีปัญหาอะไรหรือคะ?” เย่หลิงหลงไม่เข้าใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น
วินาทีต่อมา
เฉินตงหยิบเอาป้ายรุ่นหยวนออกมา “อย่างนั้นคุณก็คุกเข่าลงแล้วเรียกผมว่าจู่เหลาซะ!”
เย่หลิงหลง “?”
ทันใดนั้นเธอเกิดความรู้สึกยัวะจัดขึ้น
นี่มันเรียกว่าทักทายกันซะที่ไหน?
นี่มันกลั่นแกล้งกันชัดๆ !
“ทำไมยังไม่คุกเข่าลงอีก คุณคิดจะฝ่าฝืนกฎของหงหุ้ยหรือยังไง?” เฉินตงเอ่ยเสียงทุ้มต่ำด้วยใบหน้าเย็นชา
“คุณขู่ฉันหรอ?” เย่หลิงหลงโกรธจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง
เฉินตงยิ้มอย่างไร้อารมณ์ “คุณเดาถูกแล้ว นี่คือการข่มขู่! สรุปจะคุกเข่าลงไหม?”
พออยู่ท่ามกลางสายตาของผู้คนเช่นนี้ เย่หลิงหลงเริ่มอิดออดขึ้นมา
เพราะถึงอย่างไรเธอก็เป็นหญิงสาว การคุกเข่าให้เฉินตงต่อหน้าคนอื่น เท่ากับว่าเป็นการหักหน้าเธอ!
แต่กฎของหงหุ้ยนั้นเข้มงวดมาก ให้ความสำคัญกับลำดับอาวุโสเป็นที่สุด
และยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เฉินตงยังคว้าป้ายรุ่นหยวนออกมาอีก เท่ากับว่าเขาเป็นรุ่นเดียวกับคุณปู่
หากไม่คุกเข่าลงก็เท่ากับทำผิดกฎของหงหุ้ย
เย่หลิงหลงรู้สึกราวกับในอกของเธอกำลังมีภูเขาไฟก่อตัวขึ้น เธอขบฟันแน่นจนฟันแทบแตก
ไปตายซะ!
สาวน้อยคนนี้ไม่รู้จักแยกแยะชั่วดีหรืออย่างไร ทำไมต้องพยายามมาดักพบเขาให้ได้?
“สรุปจะคุกเข่าลงไหม ?”
น้ำเสียงของเฉินตงเย็นเฉียบ
เมื่อสิ้นเสียง
มีเสียงตะโกนด่าดังออกมาจากกลุ่มฝูงชน “เป็นผู้ชายอกสามศอกแท้ๆ ทำไมถึงให้ผู้หญิงคุกเข่าลงต่อหน้าคนตั้งเยอะ รู้จักยางอายบ้างไหม”
บทสนทนาของเฉินตงกับเย่หลิงหลงเมื่อครู่นี้ทำให้เกิดความรู้สึกกดดันอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ผู้คนที่ล้อมรอบต่างได้ยินชัดเจน เวลานี้จึงเริ่มมีคนตะโกนด่ายิ่งเป็นการปลุกเร้าให้ฝูงชนเริ่มมีอารมณ์ร่วมขึ้นมาด้วย
“ใช่แล้ว กลางวันแสกๆ แถมยังอยู่กลางเมืองแบบนี้แท้ๆ ผู้ชายอกสามศอกทำแบบนี้ถือว่าไร้หัวใจเกินไปหน่อย!”
“โคตรแย่เลย ผู้หญิงหน้าตาดีๆ แบบนี้ ทำไมไม่รู้จักทะนุถนอมเธอบ้าง?”
ทว่า
เกิดเสียงวัตถุกระแทกบนพื้นดังขึ้น!
เย่หลิงหลงคุกเข่าลงท่ามกลางสายตาประหลาดใจของฝูงชน
“เย่หลิงหลงคารวะจู่เหลา”
เปรี้ยง!
การคุกเข่านี้ ทำเอาฝูงชนที่อารมณ์กำลังปะทุ รู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า
ทุกคนพากันนิ่งงัน
คุก…เข่าลงจริงหรือ?
คุณพระ!
ผู้หญิงสวยแบบนี้ ทำไมถึงสายตามืดบอด?
ถึงขั้นยอมให้ผู้ชายคนนี้สั่งสอนเหมือนตัวเองเป็นคนต่ำต้อยแบบนี้
เมื่อรับรู้ได้ถึงความแปลกใจของฝูงชน
เย่หลิงหลงที่กำลังคุกเข่าอยู่พลันรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา
แต่เธอจำเป็นต้องคุกเข่า เพราะนี่คือกฎของหงหุ้ย!
ในใจของเธอเต็มไปด้วยความอับอายทะลักทะล้น ในตอนนั้นเอง ดวงตาของเย่หลิงหลงเกิดไอน้ำบางๆ ขึ้นมา เธอกัดฟันแน่น “พอใจรึยังล่ะ”
“เป็นเด็กดี! จู่เหลาต้องไปแล้ว คราวหน้าอย่ามารบกวนชีวิตของจู่เหลาอีก”
เฉินตงยิ้มอย่างใจเย็น พลางเอามือลูบหัวเย่หลิงหลงอย่างสบายใจแล้วหันหลังกลับขึ้นรถไป
ไปดื้อๆ อย่างนี้เลยหรือ?
เขาไปง่ายๆ อย่างนี้เลยหรือ?
เย่หลิงหลงเหม่อลอยไม่ขยับเขยื้อน ความอับอายเริ่มทวีรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายผอมบางของเธอสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้
ผู้ชายสารเลว เขาทำแบบนี้กับเธอได้อย่างไร?
ที่เขาลูบหัวเธอเมื่อกี้นี้ คิดว่ากำลังลูบหัวหมาอยู่หรือ?
วิลล่าเขาเทียนซาน
เมื่อเฉินตงเดินเข้าประตูบ้านมาแล้วกลับไม่พบกู้ชิงหยิ่ง
ท่านหลง คุนหลุนและฟ่านลู่นั่งอยู่ด้วยกันสามคน สีหน้าของคนทั้งสามแลดูไม่สู้ดีนัก
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เฉินตงกำลังจะบอกข่าวดีกับทุกคน เรื่องที่ฉินเย่สามารถพลิกสถานการณ์ให้กลับมาชนะได้ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของคนทั้งสามก็จำต้องหยุดความคิดนี้ของตัวเองลงไป
“คุณชาย กลับมาเสียทีนะครับ”
ท่านหลงถอนหายใจดังแล้วชี้ไปบนตึก “คุณนายน้อยอยู่บนตึกครับ”
“งั้นผมจะขึ้นไปหาเธอ”
เฉินตงยิ้ม เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าสองวันนี้กู้ชิงหยิ่งมีเรื่องบางอย่างในใจ
และแน่นอนว่าเขาเข้าใจความหมายที่อยู่ในคำพูดของท่านหลง
“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณเฉิน”
เขากำลังจะหันหลังผละจากไป ฟ่านลู่กลับรั้งเขาไว้ แล้วรีบหันหลังกลับวิ่งเข้าไปในห้องครัว
จากนั้นไม่นาน ในขณะที่เฉินตงกำลังส่งสายตาสงสัยอยู่นั้น ฟ่านลู่ก็วิ่งแบกทุเรียนออกมา และยัดใส่มือของเฉินตงโดยไม่พูดอะไร
เฉินตงชะงักไป “นี่มันอะไรกัน?”
“มีประโยชน์แน่ ไปเถอะค่ะ”
ฟ่านลู่ทำท่าถอนหายใจยาว
เฉินตงอุ้มทุเรียนขึ้นไปบนตึก
ในห้องนอน ผ้าม่านผืนหนาถูกปิดเอาไว้สนิทจึงบดบังแสงแดดจากด้านนอกเอาไว้
กู้ชิงหยิ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้นอน มือทั้งสองถือมือถือเอาไว้ สีหน้ามืดมน ดวงตาคู่สวยของเธอปรากฏไอน้ำหนาๆ ขึ้นมาบดบัง
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ที่รัก ผมกลับมาแล้ว”
กู้ชิงหยิ่งรีบเอามือเช็ดน้ำตาและฝืนยิ้มออกมา “เข้าห้องนอนตัวเอง จะเคาะประตูทำไมคะ”
เฉินตงผลักประตูเข้ามา แล้วเอาทุเรียนที่ตนถืออยู่วางไว้บนโต๊ะ
หลังจากนั้นจึงเดินยิ้มเข้าไปหากู้ชิงหยิ่ง
ทว่าเมื่อเข้าใกล้มากยิ่งขึ้น
รอยยิ้มพยายามฝืนยิ้มออกมาของกู้ชิงหยิ่งก็หายวับไป
“กลิ่นหอมแบบนี้อีกแล้ว”
จมูกของกู้ชิงหยิ่งฟึดฟัด ใจของเธอแข็งสะท้าน อารมณ์ของเธอหม่นหมองลง
มือขวาของเธอกำมือถือแน่นขึ้นทันที
“ทำไมหรือ”
เมื่อเฉินตงเห็นสีหน้าของกู้ชิงหยิ่งเปลี่ยนไปจึงถามขึ้น
วินาทีถัดมา
กู้ชิงหยิ่งทนไม่ไหวอีกต่อไป
เธอยื่นมือขวาออกมาแล้วส่งมือถือที่อยู่ในมือให้เฉินตง
“ผู้หญิงคนนี้ใช่ไหม”
เสียงแข็งกระด้างเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
เฉินตงหยุดชะงักอยู่กับที่ สายตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
มือถือกำลังฉายวิดีโออยู่
และวิดีโออันนั้น ก็เป็นภาพเหตุการณ์ที่เย่หลิงหลงอยู่กับเขาที่บริษัทไท่ติ่งตอนไปเอารถ
แต่เป็นเพราะมุมในการถ่ายทำ ทำให้เนื้อหาในวิดีโอดูค่อนข้างกำกวม
รวมทั้งชื่อวิดีโอที่น่าตื่นตาตื่นใจ “เจ้าของบริษัทไท่ติ่งใช้ชีวิตเมียงหลวงกับเมียน้อยอย่างสมานฉันท์”
ในตอนนั้นเอง
เฉินตงจ้องคลิปวิดีโอจนตาแทบถลนออกมา ความเครียดทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัว
เขารีบอธิบายอย่างร้อนรน “เสี่ยวหยิ่ง ไม่ได้เป็นอย่างในคลิปนะ ผม…”
แต่กู้ชิงหยิ่งกลับไม่ให้โอกาสเขาในการอธิบาย
เธอดึงมือถือกลับไปแล้วจ้องคลิปวิดีโออย่างเจ็บปวด
เธอเอ่ยเบาๆ ว่า “สาวน้อยคนนี้สวยมาก ฉันยอมรับเลยว่าเธอสวยเสียจนทำให้ฉันอิจฉาเลย”
แย่แล้ว!
หัวใจของเฉินตงเต้นระส่ำ ใบหน้าของเขาซีดขาว
ต่อจากนั้น กู้ชิงหยิ่งสูดน้ำมูกเสียงดัง
ดวงตาของเธอปรากฏไอน้ำพร่า เธอเงยหน้าขึ้นจ้องเฉินตง “กลิ่นน้ำหอมบนตัวคุณ ใช่ของเธอด้วยไหม?”
“ผม…” เฉินตงคิดจะอธิบาย แต่เมื่อเผชิญหน้ากับกู้ชิงหยิ่งในตอนนี้ นอกจากความละอายและเจ็บปวดหัวใจแล้ว คำพูดทั้งหมดต่างตีบตันอยู่ในลำคอ
“เธอมีรสนิยมดี ครอบครัวของเธอคงจะร่ำรวยมากใช่ไหม”
กู้ชิงหยิ่งพยายามฝืนความแน่นในจมูกของตน แต่เสียงของเธอก็ยังคงอู้อี้ “แล้วทำไมเวลาคุณกลับมาถึงบ้านแล้วถึงไม่ยอมล้างกลิ่นของเธอออกไปก่อน”