The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – บทที่ 430 เดินทางไปจุนหลิน กรุ๊ป

บทที่ 430 เดินทางไปจุนหลิน กรุ๊ป

ตลอดทั้งคืน

เฉินตงพยายามต่อสายถึงกู้ชิงหยิ่งนับครั้งไม่ถ้วน

แต่ปลายสายยังคงปิดเครื่องอยู่ตลอด

แม้จะเป็นคู่รักที่ผูกพันลึกซึ้งมากที่สุด แต่กู้ชิงหยิ่งกลับต้องเจ็บปวดราวโดนมีดเป็นพันเล่มทิ่มแทงเพราะความเข้าใจผิดเพียงครั้งเดียว

เฉินตงละอายใจราวกับเขาตกลงไปสู่เหวลึก มืดมิดไร้ความหวัง

เมื่อฟ้าเริ่มสาง

ในที่สุดเฉินตงที่ไม่ได้นอนมาตลอดคืนก็วางโทรศัพท์ลงอย่างหมดหวัง

ระบบของโทรศัพท์ยังคงทำงาน เสียงการติดต่อเล็ดลอดออกมาเตือนให้รู้ว่าปลายสายยังคงปิดเครื่องอยู่

เขาถูหน้าตัวเองอย่างแรง จากนั้นจึงลุกขึ้นเงียบๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ

ในห้องอาหาร

กลิ่นหอมลอยคลุ้ง

ท่านหลง คุนหลุนและฟ่านลู่กลับไม่รู้สึกอยากอาหาร

เรื่องราวของเฉินตงกับกู้ชิงหยิ่ง กระตุกหัวใจของพวกเขาให้รู้สึกหวาดหวั่น

“คุณเฉินลงมาแล้ว” ฟ่านลู่เอ่ยขึ้น

ท่านหลงกับคุนหลุนรีบลุกขึ้นเพื่อต้อนรับเฉินตง

“กินข้าวกันเถอะ”

เฉินตงไม่พูดอะไรต่อ

ท่านหลงกับคุนหลุนแลกสายตาซึ่งกันและกัน

นี่มันนิ่งสงบเกินไปรึเปล่า

พวกเขาไม่ได้เห็นอารมณ์เศร้าสลดที่พวกเขาคาดการณ์ว่าจะได้เห็น คำพูดปลอบใจที่ท่านหลงกับคุนหลุนเตรียมเอาไว้จึงไม่ได้นำออกมาใช้

แต่ความนิ่งเงียบของเฉินตงกลับทำให้หัวใจของคนทั้งสองกระจุกขึ้นมาอยู่ตรงคอหอย

หลังจากนั่งที่แล้ว

คุนหลุนจึงเอ่ยว่า “คุณชายครับ เย่หยวนชิวกับเย่หลิงหลงกลับไปแล้ว”

ตอนที่ได้เจอกันบนภูเขาซี่สุ่ย เขาได้ลั่นคำพูดเอาไว้แล้วว่า ถ้าเกิดเรื่องบาดหมางอะไรขึ้นมาระหว่างเฉินตงกับกู้ชิงหยิ่ง เขาจะต้องกลับไปจัดการเย่หยวนชิวกับเย่หลิงหลง

เมื่อคืนเขาจึงสืบหาที่พักของสองปู่หลานแล้วแอบออกไปกลางดึก

แต่เมื่อไปถึง กลับหาตัวคนไม่พบเสียแล้ว

“อืม” เฉินตงเอ่ยพลางกินข้าวต้ม

อืม?!

ท่านหลง คุนหลุน ฟ่านลู่ต่างพากันชะงักไป

ในสายตาของพวกเขา ปฏิกิริยานิ่งสงบของเฉินตงเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างยิ่ง

ผิดปกติเสียจนทำให้คนทั้งสามรู้สึกกลัว

“คุณชาย…”

ท่านหลงค่อยๆ เอ่ยปาก แต่เฉินตงกลับยกมือขึ้นมาขัดไว้

เฉินตงเช็ดมุมปากแล้วเอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “ท่านหลง วันนี้ผมจะเดินทางไปที่จุนหลิน กรุ๊ปที่มั่วเป่ย ช่วยผมจัดการหน่อย”

อะไรนะ?!

ท่านหลงและคนทั้งสองพากันแปลกใจ

ฟ่านลู่เอ่ยถามอย่างกระอึกกระอักว่า “ไม่ไปตามเสี่ยวหยิ่งเหรอคะ”

“ต้องเอาเรื่องสำคัญมาก่อน”

เฉินตงส่ายหน้า “เสี่ยวหยิ่งกลับไปพร้อมคุณพ่อกับคุณแม่ คงจะไม่มีอันตรายอะไร แต่ความปลอดภัยของพ่อกลับยังไม่สามารถยืนยันได้”

ตลอดทั้งคืนที่เขาพยายามติดต่อกู้ชิงหยิ่ง

เขาก็พยายามคิดว่าควรทำอย่างไรต่อไป

กู้ชิงหยิ่งกลับไปกับพ่อตาแม่ยายถือว่าหายห่วงเรื่องความปลอดภัยไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้กู้ชิงหยิ่งกับพ่อตาแม่ยายกำลังโกรธจัด ต่อให้ข้ามน้ำข้ามทะเลไปก็อาจหาตัวพวกเขาไม่พบ

ในทางกลับกัน การตามหาพ่อต่างหากที่เป็นเรื่องเร่งด่วนมากกว่า

พ่อจะอยู่ที่จุนหลิน กรุ๊ปในมั่วเป่ยหรือไม่นั้นยังเป็นแค่การคาดเดาของเฉินตง เขาจึงต้องรีบพิสูจน์การคาดเดานี้โดยเร็ว

สิ่งที่สำคัญคือเขาต้องแน่ใจให้ได้ว่าตอนนี้พ่อยังอยู่ในสถานการณ์ที่ปลอดภัย

ถึงแม้ว่าพ่อจะเคยบอกเขาเอาไว้ว่าตนปลอดภัย แต่การที่เจ้าบ้านตระกูลเฉินผู้ยิ่งใหญ่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้จะต้องเป็นเพราะกำลังหวาดกลัวบางอย่างอยู่แน่นอน

และสิ่งที่พ่อหวาดกลัวนั้น อาจเป็นสิ่งที่สามารถทำให้พ่อยอมออกจากสถานที่ที่ปลอดภัยไปอยู่ในสถานที่ที่ไม่ปลอดภัยได้

“กระผมจะรีบไปจัดการ” ท่านหลงพยักหน้า

เฉินตงเอ่ยอย่างนิ่งขรึมว่า “คุนหลุนกับท่านหลงเดินทางไปเป็นเพื่อนผม”

คุนหลุนพยักหน้าแล้วขึ้นไปเก็บของด้านบน

จากนั้นเฉินตงจึงมองกลับไปที่ฟ่านลู่ “พี่เสี่ยวลู่ ระหว่างที่พวกเราไม่อยู่นี้ รบกวนช่วยผมติดต่อเสี่ยวหยิ่งด้วย”

“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณเฉิน” ฟ่านลู่พยักหน้า

สิบนาทีผ่านไป

รถโรลส์-รอยซ์ขับมุ่งหน้าไปยังสนามบินชานเมือง

ระหว่างทางเฉินตงไม่ได้หยุดพัก แถมยังประชุมวิดีโอคอลกับเสี่ยวหม่าและกูหลังเรื่องงานที่บริษัทไท่ติ่งที่ต้องจัดการต่อจากนี้

มีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการ!

ความผูกพันของสามีภรรยานั้นแน่นแฟ้น บางครั้งอาจเป็นแค่การหยุดเวลาเอาไว้ชั่วคราวเท่านั้น

เฉินตงยังคงจำคำพูดที่แม่กล่าวก่อนจะจากไปได้ นี่คือ…คำสั่งเสียสุดท้ายของแม่

เมื่อถึงสนามบินชานเมือง คนทั้งสามรีบเดินไปตามช่องทางพิเศษของวีไอพีแล้วขึ้นเครื่องบินส่วนตัวออกไป

เฉินตงเหม่อดูกลุ่มก้อนเมฆผ่านหน้าต่าง แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “ท่านหลง สถานที่ตั้งของจุนหลิน กรุ๊ปในมั่วเป่ย มีสำนักงานของตระกูลเฉินอยู่บ้างไหม”

“ไม่มีครับ”

ท่านหลงส่ายหน้า “มั่วเป่ยพื้นที่กว้างขวาง บวกกับเศรษฐกิจที่ไม่ดี สำนักงานของตระกูลเฉินจะตั้งอยู่ในเขตเมืองสำคัญๆ เท่านั้น ส่วนตำแหน่งที่จุนหลิน กรุ๊ปตั้งอยู่นั้นเป็นเพียงเมืองเล็กๆ เท่านั้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องไปตั้งสำนักงานอยู่ที่นั่น”

“เล็กขนาดไหน”

จู่ๆ เฉินตงก็ยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่แปลกประหลาด

ท่านหลงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “รวมทั้งนอกตัวเมืองและในตัวเมืองแล้ว มีคนอาศัยอยู่ไม่เกินหนึ่งล้านคนครับ”

“เล็กจริงๆ”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินตงยิ่งชัดเจนขึ้น

ที่ท่านหลงบอกว่าทั้งในตัวเมืองและนอกตัวเมืองนั้น แสดงว่าในจำนวนคนไม่ถึงหนึ่งล้านคนนี้ รวมคนที่อยู่ในเมืองและยังมีคนที่อยู่ในเขตปกครองด้านตัวนอกเมืองด้วย!

เมืองนี้เล็กของจริง!

“คุณชายมีประเด็นอะไรรึเปล่าครับ” ท่านหลงทำท่าแปลกใจ

เฉินตงขยี้จมูก “ดินแดนที่ไกลหูไกลตาการปกครอง แม้จะเล็กแต่มีทุกอย่างเพียบพร้อม จุนหลิน กรุ๊ปก่อตั้งอยู่ในเมืองเล็กมานานขนาดนี้ คงจะกลายเป็นสถานที่น่าจับตาของเมืองแห่งนี้แล้วล่ะมั้ง”

แววตาของท่านหลงเป็นประกายสว่างวาบ คล้ายเข้าใจทุกอย่างในตอนนั้น

ไม่มีสำนักงานของตระกูลเฉินอยู่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีคนของตระกูลเฉินคอยสอดส่อง?

นี่ต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญ!

เมื่อคิดตามทันแล้ว อารมณ์ของท่านหลงจึงพลุ่งพล่านขึ้นมา เขายกมือตบฉาดเข้าที่หน้าผาก “ปัดโธ่ ทำไมกระผมถึงนึกไม่ถึงสถานที่สำคัญอย่างนี้ได้”

“อยู่ที่นี่จริงๆ หรือ”

ละเอียดรอบคอบ。

คุนหลุนเอ่ยถามขึ้นเบาๆ เขาไม่ได้มีความคิดถี่ถ้วนเช่นเดียวกับเฉินตงและท่านหลง

แต่การจะมีตำแหน่งราชาทหารได้นั้น จะใช้เพียงร่างกายกับศิลปะในการต่อสู้แค่นั้นไม่ได้ สติปัญญาก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก

“ไปดูเดี๋ยวก็รู้” ท่านหลงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

แม้ว่าจะยังไม่ได้คำตอบที่แน่นอน แต่แววตาที่เป็นประกายเพราะความตื่นเต้นและอกของเขาที่กระเพื่อมขึ้นลงนั้น คล้ายกำลังจะอธิบายคำตอบทั้งหมดได้

เมื่อเครื่องบินถึงสนามบินก็เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว

เนื่องจากเมืองที่ตั้งของจุนหลิน กรุ๊ปเล็กมาก แถมยังไม่มีสนามบิน จึงทำให้เฉินตงและพวกต้องลงจอดที่สนามบินในเมืองใหญ่เมืองหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่นั่นมากที่สุด

พวกเขาใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงในการเช่ารถเมอร์เซเดส-เบนซ์ จี คลาสคันหนึ่งและขับมุ่งหน้าไปยังเมืองที่ตั้งของจุนหลิน กรุ๊ป

ตลอดทางเห็นแต่ทรายสีเหลืองเวิ้งว้าง สองข้างทางมีเพียงทะเลทรายที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา

นานๆ ครั้งกว่าจะมีรถ off road สักคันสองคันแล่นผ่านมา แต่เนื่องจากความกว้างใหญ่ของถนน จึงยังคงให้ความรู้สึกไร้ชีวิตชีวา

ยังดีที่ดวงอาทิตย์ที่มั่วเป่ยตกช้า

ดังนั้นตอนที่เฉินตงและพวกเดินทางมาถึงเมืองเล็กๆ แห่งนี้ แม้ว่าจะเป็นเวลาสามทุ่มแล้ว แต่ดวงอาทิตย์ก็ยังคงลอยอยู่บนท้องฟ้า

“พวกเราหาที่พักกันก่อนเถอะ”

เฉินตงไม่ได้รีบร้อน ในเมื่อมาถึงที่แล้ว การจะไปจุนหลิน กรุ๊ปจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร

ตอนนี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะรู้เรื่องราวจากปากคนแถวนี้ว่าจุนหลิน กรุ๊ปเป็นอย่างไร!

บริษัทหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรไม่เกินหนึ่งล้านคน แต่กลับยังได้กำไรในเวลาที่พวกกระเป๋าหนักทำสงครามกันในตลาดหุ้น

ฉะนั้นสำหรับที่นี่ จุนหลิน กรุ๊ปจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!

เมื่อดวงตะวันค่อยๆ ลับขอบฟ้าลง

เฉินตงและพวกสามารถหาโรงแรมได้และเอาสัมภาระไปเก็บ จากนั้นจึงกลับขึ้นรถกันอีกครั้ง

คุนหลุนรับหน้าที่คนขับรถจึงถามขึ้นมาว่า “คุณชาย จะไปไหนหรือครับ”

เฉินตงลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “ที่เมืองเล็กๆ นี่น่าจะมีร้านเหล้าบ้างล่ะมั้ง”

“ร้านเหล้า?” ท่านหลงประหลาดใจ

จากนั้นใบหน้าดูมีอายุของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มที่ออกมาอย่างรู้ทัน

ส่วนคุนหลุนเองก็หัวเราะจนรถส่าย

เฉินตงยิ้มแล้วมองไปด้านนอกรถ “จะมีที่ไหนที่จะสามารถสืบข่าวได้ดีไปกว่าที่ร้านเหล้าอีกเหรอ?”

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท