คุนหลุนชะงักไป
ยังไม่ทันได้ขยับตัวทำอะไรต่อ
“ดีจริง! สมกับฤดูนี้จริงๆ!”
กู้โก๋ฮั๋วยังไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของกู้ชิงหยิ่ง จึงเอ่ยปากชมออกมา
และก็เพราะคำชมนี้เองที่ทำให้เย่หยวนชิวกับเย่หลิงหลงที่หยุดยืนอยู่ท่ามกลางพุ่มดอกไม้หันตัวกลับมา
นาทีนั้น
ราวกับเวลาหยุดเดิน
กู้ชิงหยิ่งกำลังจ้องมองเย่หยวนชิวกับใบหน้าสวยหมดจดของเย่หลิงหลง ในใจของเธอรู้สึกโต้แย้งกันอย่างรุนแรง จนทำให้เกิดความเจ็บปวดขมขื่น
เธอจับมือของกู้โก๋ฮั๋วกับหลี่หวั่นชิงเอาไว้โดยสัญชาตญาณ แล้วจิกเสื้อของคนทั้งสองเอาไว้แน่น
กู้โก๋ฮั๋วกับหลี่หวั่นชิงรับรู้ได้ถึงแรงที่กดลงบนแขนของตน สองสามีภรรยาพากันตกใจแล้วส่งสายตาสงสัยไปที่กู้ชิงหยิ่ง
ทว่าตอนนี้ เย่หยวนชิวยังคงมองไปที่กู้ชิงหยิ่งและคนอื่นๆ ด้วยสีหน้าปกติเหมือนเก่า
เขารู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมา นี่มันจะ…บังเอิญเกินไปหน่อยไหม?
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทันทีต่อจากนั้นคือ เย่หลิงหลงขวางฟ่านลู่เอาไว้ “จริงอย่างที่เขาว่า ยิ่งไม่อยากเจอก็ยิ่งได้เจอ เมื่อวานแกไม่ได้ลงมือกับฉัน วันนี้เลยตามมาถึงที่นี่เลยหรอ”
“นี่คุณ…” ฟ่านลู่เริ่มฉุนเฉียว
คุนหลุนแอบดึงตัวฟ่านลู่เอาไว้ให้หยุด
เขารู้ดีว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่แน่!
เขารู้จักหงหุ้ยรุ่นหยวนดี
และยังรู้ด้วยว่า การมาบังเอิญเจอกันครั้งนี้ มันจะทำให้เกิดอะไรตามมา
แต่คุนหลุนยังคงก้าวขึ้นไปข้างหน้าแล้วประสานมือคารวะ “คุนหลุนทำความเคารพท่านเย่”
รอให้เย่หยวนชิวพยักหน้าตอบรับก่อน คุนหลุนถึงจะมองไปที่เย่หลิงหลงด้วยสายตาคับแค้น
“คุณหนูเย่ กรุณารักษาความสงบด้วย การบังเอิญเจอกันในครั้งนี้ คงไม่มีใครตั้งใจให้เกิดขึ้น”
เย่หลิงหลงเลิกคิ้วขึ้นทันที ในใจของเธอเต็มไปด้วยโทสะเดือดพล่าน
ในคำพูดของคุนหลุนมีความหมายแฝงอยู่ มีหรือที่เธอจะฟังไม่เข้าใจ?
ในหัวของเธอเริ่มปรากฏภาพเรื่องราวเมื่อวาน ความเดือดดาลในอกของเย่หลิงหลง กำลังจะทำให้เรื่องราวบานปลาย
“พวกคุณรู้จักกันหรือ”
กู้โก๋ฮั๋วกล่าวออกมาอย่างแปลกใจ
สิ้นเสียงพูด
กู้ชิงหยิ่งแอบดึงแขนของกู้โก๋ฮั๋วเบาๆ “พ่อคะ พวกเรากลับบ้านกันเถอะ หนูไม่อยากดูดอกไม้แล้ว”
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
เย่หลิงหลงตวาดออกมา
ร่างของกู้ชิงหยิ่งเริ่มสั่นโงนเงน ดวงตาของเธอปรากฏความขุ่นเคือง
เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะเก็บงำเอาไว้ ตอนนี้คงปิดบังไม่ได้อีกแล้ว?
“แม่หนู ไม่เห็นต้องทำกันแบบนี้เลย”
สีหน้าของกู้โก๋ฮั๋วเข้มขึ้น เขาไม่มีเหตุผลอะไรต้องกลัวสาวน้อยที่บังเอิญเจอคนนี้
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้สาวน้อยคนนี้กำลังตวาดใส่ลูกสาวของตนอีกด้วย
“ไม่เห็นต้องทำกันแบบนี้หมายความว่ายังไง”
เย่หลิงหลงก้าวขึ้นไปข้างหน้าด้วยท่าทางก้าวร้าว “เมื่อวานฉันกับปู่อุตส่าห์ไปขอโทษขอโพยถึงที่บ้านตามธรรมเนียม ตอนที่พวกแกบังคับข่มขู่ไล่พวกเราออกจากบ้าน เคยคิดบ้างไหมว่าไม่เห็นต้องทำกันแบบนี้เลย?”
“หลิงหลง!”
สีหน้าของเย่หยวนชิวเปลี่ยนไป เขารีบแผดเสียงออกมาห้าม
ทว่าสีหน้าของกู้โก๋ฮั๋วกลับยิ่งเครียดขึ้น “ขอโทษขอโพย? แม่หนู ไม่ทราบว่าหนูคือใคร แต่ฉันเชื่อว่าลูกสาวของเราได้รับการอบรมมาดี คงไม่มีทางทำเรื่องเสียมารยาทกับใครได้แน่”
“อะไรนะ? หมายความว่ายังไง”
ตอนนั้นเย่หลิงหลงเดือดดาลขึ้นมาทันที เธอยกมือขึ้นชี้ฟ่านลู่ “ก็นางนี่ไงที่ขู่พวกเราว่าจะทำร้ายพวกเรา หล่อนก็อยู่ตรงนี้ด้วย ทำไมไม่รู้จักถามดูล่ะ”
ฟ่านลู่หรี่ตาเล็กอย่างที่สุด
เธอกำหมัดขึ้นทั้งสองข้างตามสัญชาตญาณ
เมื่อต้องเผชิญกับการข่มเหงของเย่หลิงหลงอย่างไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้ เธอก็เริ่มจัดการตัวเองไม่ถูก
ส่วนคุนหลุนตอนนี้สีหน้าเริ่มเคร่งเครียดขึ้น
เขาหันไปมองเย่หยวนชิว “ท่านเย่ ท่านสอนหลานสาวอย่างนี้หรือ”
เย่หยวนชิวยิ้มอย่างหนักใจ และเตรียมจะเอ่ยตอบ
“สั่งสอน? แกกำลังจะบอกว่าฉันไม่ได้รับการสั่งสอนงั้นเหรอ”
เย่หลิงหลงยืดอกขึ้น เธอเอ่ยกับคุนหลุนอย่างไม่สบอารมณ์ “แกเกี่ยวข้องอะไรกับเฉินตงมิทราบ ขนาดเฉินตงเองยังไม่เคยบอกว่าฉันไม่ได้รับการสั่งสอนเลย!”
เปรี้ยง!
คำพูดเช่นนี้ราวกับเสียงฟ้าผ่าเข้าไปในหูของกู้โก๋ฮั๋วกับหลี่หวั่นชิง
สองสามีภรรยารู้ดีว่าเกิดปัญหาบางอย่างขึ้นระหว่างเฉินตงกับกู้ชิงหยิ่ง แต่เมื่อกู้ชิงหยิ่งไม่พูด คนทั้งสองจึงไม่อยากถาม
แต่คำพูดเมื่อกี้ของเย่หลิงหลง ทำให้สองสามีภรรยานึกโยงไปถึงสถานการณ์ที่น่ากลัวขึ้นทันที
“พอได้แล้ว!”
กู้ชิงหยิ่งหันขวับมาแล้วแผดเสียงพร้อมน้ำตาไหลพราก “เธอต้องการอะไรกันแน่ แค่บังเอิญเจอกันเท่านั้น คิดจะเอาเรื่องกันขนาดนี้เลยหรอ”
เมื่อเห็นกู้ชิงหยิ่งน้ำตานองหน้าเช่นนี้
เย่หลิงหลงที่กำลังหยิ่งผยองกลับมึนงง
ก็แค่โวยวายนิดหน่อย ทำไมต้องเป็นถึงขนาดนี้ด้วย?
“ทำไมเธอต้องมาโวยวายใส่ฉันด้วย”
เย่หลิงหลงไม่เข้าใจเท่าไหร่จึงเอ่ยว่า “เมื่อวานฉันกับปู่ต่างหากที่เป็นฝ่ายโดนรังแก!”
“โดนรังแก?”
กู้ชิงหยิ่งน้ำตาไหลพราก ริมฝีปากของเธอสั่นไหว “ใครกันแน่ที่โดนรังแก? คนที่รังแกคนอื่นตอนนี้กลับพยายามจะแก้ผิดเป็นถูกงั้นเหรอ”
“ฉัน…” เย่หลิงหลงมึนงง “ฉันไปรังแกเธอตั้งแต่เมื่อไหร่”
“พอแล้ว!”
กู้โก๋ฮั๋วเดือดดาล เขายกมือขึ้นแล้วชี้ไปที่เย่หลิงหลงพลางตวาดออกไป “เป็นเด็กเป็นเล็กไม่รู้จักร่ำเรียนให้ดี ลูกสาวของกู้โก๋ฮั๋วไม่เคยต้องเสียใจมากถึงขนาดนี้มาก่อน สาวน้อยอย่างเธอหน้าตาสะสวยก็จริง แต่จิตใจชั่วร้าย!”
เย่หลิงหลงหัวหมุน
คุนหลุนกับฟ่านลู่ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้นมาพักใหญ่แล้ว
ใครจะไปคิดว่าเมื่อวานฟ้าไม่ผ่า แต่กลับจะมาผ่าลงตรงกลางสถานที่พักผ่อนแห่งนี้!
เมื่อได้ยินคำต่อว่าของกู้โก๋ฮั๋วเช่นนั้น เย่หยวนชิวพลันขมวดคิ้วแน่น
เขาก้าวออกมาเพื่อมายืนอยู่ข้างๆ เย่หลิงหลง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “หลานสาวของฉัน ไม่เคยโดนใครดูหมิ่นแบบนี้มาก่อนเลย สิ่งที่เธอพูดคือความจริง คนเป็นผู้ใหญ่อย่างคุณ ทำไมถึงพูดจาเหลวไหล?”
“เรื่องจริง?”
กู้โก๋ฮั๋วโกรธจนยิ้มแยกเขี้ยว คล้ายกำลังกัดฟัน “จริงอย่างที่เขาว่ากันว่า ผู้ใหญ่เป็นตัวอย่างไม่ดี เด็กก็ย่อมเป็นแบบนั้น ดำเนินตามเส้นทางเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน”
เมื่อเขาได้ยินคำว่าเรื่องจริงที่หลุดออกมาจากปากเย่หยวนชิว เขาจึงรู้สึกราวกับว่านี่คือการตอกย้ำว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นถูกต้อง!
เหลวไหล!
นี่มันเรื่องเหลวไหลชัดๆ !
ส่วนหลี่หวั่นชิงตอนนี้มีสีหน้าเขียวคล้ำ เธอโอบกู้ชิงหยิ่งเอาไว้อย่างไม่รู้ตัว
ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน เรื่องราวเช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่อาจอดทนได้ที่สุด!
นี่เป็นฟางเส้นสุดท้ายของคนเป็นภรรยาทุกคน!
“พ่อคะ ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ พวกเราไปกันเถอะ ไปกันได้แล้ว!”
กู้ชิงหยิ่งไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเย่หลิงหลงที่เข้ามาโวยวายใส่ เธอรู้สึกพังทลายไม่เหลือชิ้นดี
สีหน้านิ่งสงบและรอยยิ้มต่างๆ ล้วนเป็นเพียงสิ่งบังหน้า เมื่อสิ่งบังหน้านี้ถูกกระชากออกก็เหลือเพียงความเจ็บปวด
“ไป พวกเรากลับบ้านกัน กลับบ้าน!”
หลี่หวั่นชิงแสดงอาการเกรี้ยวกราดออกมาแบบที่เห็นได้น้อยครั้งนัก เธอประคองกู้ชิงหยิ่งมุ่งหน้าเดินลงเขาไป
กู้โก๋ฮั๋วชี้หน้าคุนหลุนกับฟ่านลู่อย่างยัวะจัด “พวกเธอสองคนกลับไปบอกไอ้เฉินตงนั่นด้วยว่าลูกสาวของฉันอยู่กับเขาตั้งแต่ตอนที่เขาตัวเปล่าด้วยความรัก ลูกของฉันไม่ใช่คนที่เขาจะมาดูถูกกันได้ตามใจ! ตระกูลกู้ของเราดูแลเขาด้วยความหวังดี ลูกสาวของฉันรักเขาหมดทั้งหัวใจ แต่เขากลับทำเรื่องแบบนี้ พฤติกรรมแบบนี้มันไม่ต่างอะไรจากสัตว์เดรัจฉานเลย!”
เมื่อได้ยินคำต่อว่าของกู้โก๋ฮั๋ว
สีหน้าของฟ่านลู่ซีดเผือด สีหน้าของคุนหลุนก็หมองคล้ำเช่นกัน
จบกัน!
จบแล้วจริงๆ!
ส่วนเย่หลิงหลงกับเย่หยวนชิวนั้นนิ่งงันไปเมื่อโดนกู้โก๋ฮั๋วต่อว่ารุนแรงจนไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อไป
เมื่อกู้ชิงหยิ่งกับพ่อแม่ลับสายตาไปแล้ว
ตอนนั้นเย่หลิงหลงถึงจะได้สติกลับมา “ปู่คะ ทำไมหนูไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้เลยคะ”
“เธอไม่เข้าใจอะไร?”
ฟ่านลู่กล่าวด้วยเสียงเย็นเยียบ “เป็นเพราะการปรากฏตัวของเธอ ที่ทำให้คุณเฉินกับเสี่ยวหยิ่งต้องเข้าใจผิดกัน เสี่ยวหยิ่งเข้าใจว่าเธอเป็นเมียน้อย การวางท่าจองหอง โวยวายของเธอ ในสายตาของเสี่ยวหยิ่งคือพฤติกรรมของคนเป็นเมียน้อย ไหนลองว่ามาซิว่ายังมีอะไรไม่เข้าใจอีก”
“เธอรู้ไหมว่าคุณนายน้อยต้องเสียใจเพราะเรื่องนี้มากขนาดไหน? เมื่อวานถ้าการปรากฏตัวเข้ามาโวยวายของเธอไม่ทำให้คุณนายน้อยต้องร้องไห้จนตาบวมช้ำแบบนี้ เธอคิดว่าฉันจะอยากออกไปพูดกับเธองั้นหรอ?”
เย่หลิงหลงที่วางตัวหยิ่งผยองเริ่มโงนเงน ในหัวของเธอคล้ายได้ยินเสียงฟ้าผ่า
เย่หยวนชิวหน้าถอดสี
ไม่รอให้ปู่หลานสองคนได้เอ่ยปาก
ความอาฆาตแค้นเย็นยะเยือกได้แผ่ซ่านไปถึงร่างของปู่หลานสองคน
คุนหลุนหรี่ตาลงแล้วจ้องไปที่เย่หยวนชิวและเย่หลิงหลง
สุดท้ายก็ไปหยุดค้างอยู่ที่เย่หลิงหลง
“ถ้าเกิดเรื่องผิดพลาดอะไรขึ้นระหว่างคุณชายกับคุณนายน้อย ต่อให้เธอเป็นผู้สืบทอดของหงหุ้ยรุ่นหยวน คนอย่างคุนหลุนก็ไม่มีทางปล่อยเธอไว้แน่!”