The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – บทที่ 429 จู่เหลาของคนรุ่นหยวนแล้วยังไง?

บทที่ 429 จู่เหลาของคนรุ่นหยวนแล้วยังไง?

ภายในวิลล่าเขาเทียนซาน

เฉินตงกำลังจ้องมองตู้เสื้อผ้าของกู้ชิงหยิ่ง

เขายิ้มอย่างสลดใจ “คิดจะไปก็ไป ถึงขั้นไม่ยอมมาเก็บของเลยหรอ”

หลังจากรับสายจากคุนหลุน สิ่งแรกที่เขาทำคือรีบมุ่งหน้าไปที่สนามบิน

ทางเดียวที่กู้ชิงหยิ่งจะสามารถขึ้นเครื่องหนีเขาไปได้ก่อนที่เขาจะไปถึง มีแค่ออกจากภูเขาซี่สุ่ยแล้วตรงไปที่สนามบินเลย โดยไม่กลับมาที่บ้าน

เรื่องราวทั้งหมดนี้สามารถยืนยันได้จากสัมภาระของสองสามีภรรยากู้โก๋ฮั๋ว

ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“คุณชาย…”

เสียงของท่านหลงรอดเข้ามาจากด้านนอก

เฉินตงลูบหน้าแล้วกล่าวอย่างท้อใจ “ท่านหลง ผมขออยู่คนเดียวเงียบๆ ได้ไหม”

“ครับ”

จากนั้นท่านหลงจึงออกห่างไป

เฉินตงเหม่อมองรูปของกู้ชิงหยิ่งในชุดเจ้าสาวบนหัวเตียงอย่างล่องลอย ดวงตาแดงก่ำ

การเข้าใจผิดครั้งนี้ ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องราวจะลงเอยแบบนี้

การปรากฏตัวของเย่หลิงหลง ถือเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น

แต่เมื่อนึกถึงตอนแรกที่ตนมัวแต่ลังเล ทั้งๆ ที่อยู่ต่อหน้ากู้ชิงหยิ่งแต่ไม่ยอมหาโอกาสอธิบายให้เธอฟังแล้ว เฉินตงก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นตบตัวเอง

ถ้าหากตอนนั้น…เขาพยายามกว่านี้สักหน่อย บางทีอาจจะไม่เกิดเหตุการณ์อย่างเช่นตอนนี้

“เสี่ยวหยิ่ง…” เฉินตงตกอยู่ในภวังค์ การจากไปของกู้ชิงหยิ่งทำให้เขารู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขามีบางส่วนขาดหาย เปล่าเปลี่ยวอย่างไม่เคยเป็น

วิลล่าเขตชานเมือง

บรรยากาศในห้องรับแขกเงียบสงบไร้คำพูด

ไอร้อนลอยฟุ้งออกมาจากถ้วยน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะ

เย่หยวนชิวกับเย่หลิงหลงนั่งอยู่บนโซฟาด้วยความรู้สึกสับสนทั้งคู่

ใบหน้าสมส่วนรูปไข่ของเย่หลิงหลงหมองหม่น มือทั้งสองข้างเกาะกุมกัน

สีหน้าของเย่หยวนชิวนิ่งสงบ สายตาลึกซึ้งราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง

เหตุการณ์บังเอิญเจอบนภูเขาซี่สุ่ย ทำให้ปู่กับหลานสองคนนี้ไม่รู้ว่าต้องจัดการอย่างไรต่อไปดี

ในตอนแรก เย่หยวนชิวต้องการจะไปพบเฉินตงเพื่ออธิบายเรื่องราว แต่ปฏิกิริยาของเฉินตงได้บอกเป็นนัยถึงผลลัพธ์แล้ว และนี่เองที่ทำให้เย่หยวนชิวนั่งปวดหัวอยู่ตอนนี้

เขาอุตส่าห์วางแผนลากเฉินตงให้เข้ามาอยู่ในหงหุ้ย ถ้าหากเรื่องนี้ส่งผลรุนแรงกับเฉินตง เขาแน่ใจว่าเฉินตงจะต้องตัดสัมพันธ์กับหงหุ้ยอย่างแน่นอน

แม้ว่า…เฉินตงจะเป็นถึงจู่เหลาของคนรุ่นหยวนของหงหุ้ยที่มีฐานะสูงส่งน่าเกรงขามก็ตาม

“คุณปู่คะ พวกเราไปวิลล่าเขาเทียนซานกันเถอะ”

ดวงตาของเย่หลิงหลงเป็นประกายวับไหว เธอมองเย่หยวนชิวอย่างมีความหวัง “เรื่องนี้หนูเป็นต้นเหตุ ไม่ว่าจะยังไงหนูก็ควรไปขอโทษ”

“เอาเถอะ ในเมื่อติดต่อเฉินตงไม่ได้ พวกเราก็คงต้องใช้วิธีนี้แล้วล่ะ”

เย่หยวนชิวยิ้มอย่างขมขื่น เขาคว้าไม้เท้าและค่อยๆ ลุกขึ้นยืน

ตึ้งๆๆๆ…

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

เย่หยวนชิวเลิกคิ้ว ช่วงศตวรรษที่ผ่านมานี้วิลล่าสไตล์ยุโรปแห่งนี้ได้แปรเปลี่ยนไปเป็นสถานที่เชิงสัญลักษณ์ทางกาลเวลาตั้งนานแล้ว คนที่จะรู้จักจึงมีน้อยมาก

“เฉินตงหรอ”

เย่หลิงหลงเลิกคิ้ว เมื่อเอ่ยออกไป เธอกลับรู้สึกว่าความคิดนี้ของตัวเองไร้ความเป็นไปได้อย่างยิ่ง

ตอนนี้เฉินตงคงกำลังร้อนใจอยู่ราวกับมดที่ไต่อยู่บนหม้อน้ำร้อนกระมัง?

จะหาที่นี่เจอได้อย่างไร?

“หลิงหลง เปิดประตู”

เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูรัวๆ อย่างเสียมารยาทเช่นนี้ เย่หยวนชิวจึงเอ่ยออกมาด้วยความหนักใจ

เย่หลิงหลงค่อยๆ ลุกขึ้น เธอสาวเท้ายาวๆ ไปยังประตู

เมื่อรับรู้ถึงแรงในการเคาะประตู คิ้วของเธอพลันขมวดแน่น จากนั้นจึงคว้าแจกันดอกไม้ที่อยู่ใกล้ๆ ประตูขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ

ธุรกิจตระกูลหงหุ้ยยิ่งใหญ่ก็จริง แต่ยืนหยัดมาได้กว่าสองร้อยปี จึงเปรียบเหมือนไม้ใหญ่ต้านลม ที่มีศัตรูมากมายทั้งในที่ลับและที่แจ้ง

การเคาะประตูอย่างเกรี้ยวกราดเช่นนี้ หมายความได้อย่างชัดเจนว่าผู้มาเยือนนั้นมีจุดประสงค์ไม่ดีนัก

ประตูเปิดออก

เมื่อเย่หลิงหลงเห็นคนที่อยู่ด้านนอกประตู ตัวของเธอก็แข็งทื่อ

คนด้านนอกกลับไม่ใส่ใจเย่หลิงหลง

แล้วก้าวปรี่เข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว

เย่หยวนชิวเองก็ชะงักไปเช่นกัน

ผู้มาเยือนสีหน้าเคร่งขรึม เขาก้าวเดินเข้ามาราวกับราชสีห์ แล้วมาหยุดยืนตรงหน้าเย่หยวนชิว

“พอใจรึยัง”

เย่หยวนชิวยิ้มแล้วหยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “นี่ไม่ใช่ความตั้งใจของพวกเรา ทั้งหมดคือเรื่องเข้าใจผิด”

“แต่การเข้าใจผิดครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่แล้ว!”

น้ำเสียงของผู้มาเยือนแหบพร่า ทำให้เห็นถึงความโหดร้ายที่ซ่อนอยู่ในตัว

“ผู้อาวุโส ฉันกับปู่ตั้งใจจะไปที่วิลล่าเขาเทียนซานเพื่อกล่าวขอโทษอยู่พอดี” เย่หลิงหลงรีบอธิบาย

“เห๊อะ!”

ผู้มาเยือนแค่นหัวเราะอย่างน่าหวาดหวั่น “หน้าใหญ่จริงๆ นะ เรื่องมาขั้นนี้แล้ว ยังจะไปขอโทษเขาอีกหรอ”

ฟึ่บ

สิ้นเสียงพูด บรรยากาศในห้องพลันเกิดไอเย็นแผ่ซ่าน

มีดดาบเล่มหนึ่งฟันฉับลงบนโต๊ะน้ำชาจนเกิดเสียง “ตึ้ง” เสียงมีดเคลื่อนตัวผ่านอากาศส่งเสียงอื้ออึง

“กล้าหรอ!”

เย่หลิงหลงหน้าซีด แล้วรีบก้าวออกมาขวาง

เย่หยวนชิวสีหน้าเคร่งเครียด “หลิงหลง หยุด!”

เมื่อห้ามเย่หลิงหลงแล้ว ใบหน้าหมองคล้ำของเย่หยวนชิวที่จ้องไปที่ผู้มาเยือนอย่างลึกซึ้ง “ท่านคิดจะฆ่าฉันเพราะเรื่องนี้น่ะหรือ ไม่กลัวหงหุ้ยทั้งสามพันหกร้อยตระกูลหรือไง”

“อย่ามาทำเป็นแกล้งโง่เลย แกก็รู้ว่าฉันไม่เคยกลัวหงหุ้ยทั้งสามพันหกร้อยตระกูลอะไรนี่เลย!”

เสียงหัวเราะเย็นเฉียบดังขึ้น

จากนั้นผู้มาเยือนจึงเคลื่อนตัวออกมาแล้วง้างมือขึ้นอย่างรวดเร็ว

เพี๊ยะ!

ฝ่ามือหนักหน่วงตบลงบนใบหน้าของเย่หยวนชิวเต็มแรง

เรี่ยวแรงหนักหน่วง ทำเอาร่างของเย่หยวนชิวโงนเงนเสียสมดุลและล้มลงบนโซฟา ใบหน้าครึ่งซีกของเขาบวมช้ำ

“แกทำร้ายปู่ฉัน ตายซะ!”

เย่หลิงหลงเดือดดาล ในฐานะที่เป็นหงกุ้นของหงหุ้ย เธอไม่กลัวคนที่อยู่ตรงหน้า

เธอฟังการห้ามปรามของปู่ แต่ตอนนี้ปู่ของเธอโดนตบ เธอไม่สามารถหยุดยั้งตัวเองได้อีก!

ในช่วงเวลาอันรวดเร็ว

เย่หลิงหลงพุ่งเข้าใส่ผู้มาเยือนแล้วเหวี่ยงหมัดออกไป

ฟึ่บ!

แสงเงินวับไหว

มีดดาบที่ปักอยู่บนโต๊ะน้ำชากลับถูกดึงออกมา ปลายมีดหันไปจ่อที่คอของเย่หลิงหลง

ช่วงเวลานั้น

บรรยากาศในห้องดุเดือดเลือดพล่าน

เร็วเกินไป!

เย่หลิงหลงงุนงง ตัวของเธอแข็งทื่ออยู่ที่เดิม

ในตอนนั้นเอง หน้าผากของเธอมีเหงื่อเย็นๆ ผุดออกมาไหลลงไปตามแก้ม

คอของเธอถูกกดไว้แน่น ตอนนั้นเธอกลัวจนแม้แต่กลืนน้ำลายยังต้องพยายามฝืนเอาไว้

เพราะเธอกลัวว่าหากคอของเธอกระดิกเพียงนิดเดียวจะสัมผัสเข้ากับคมมีด

“พอได้รึยัง ฉันเป็นถึงจู่เหลาของคนรุ่นหยวนของหงหุ้ยที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็ยอมให้แกตบหน้าไปแล้ว อย่างไรเธอก็เป็นหลานสาวของฉัน แกจะคิดแค้นอะไรกับเด็กรุ่นหลังนัก?”

เย่หยวนชิวพยายามประคองร่างกายสั่นเทาของตัวเองขึ้นมา แม้ว่าใบหน้าด้านหนึ่งของเขาจะฟกช้ำ แต่เขายังคงรักษาสีหน้าแจ่มใสมีสติเช่นอย่างเดิมเอาไว้ได้

หงหุ้ยรุ่นหยวนมีฐานะโดดเด่น สูงส่งจนสามพันหกร้อยตระกูลต้องก้มหัวคารวะ

หากเรื่องการตบหน้าครั้งนี้แพร่สะพัดออกไป

จะไม่เพียงสั่นสะเทือนแค่สามพันหกร้อยตระกูลนี้เท่านั้น

แต่…จะสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลก!

“จู่เหลาของคนรุ่นหยวน แล้วยังไง?”

ผู้มาเยือหัวเราะเยาะ แล้วปล่อยมีดดาบที่จ่ออยู่ที่คอของเย่หลิงหลงลง

น้ำเสียงของเขาโอหัง เต็มไปด้วยความดูถูก

เย่หลิงหลงงุนงง

เธอมองไปที่ผู้มาเยือนด้วยสายตาหวาดผวา หัวใจของเธอเต้นระส่ำ

ไม่เคยมีใครหยามเกียรติปู่แบบนี้เลย!

แต่สีหน้าของเย่หยวนชิวยังคงเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด

“แกได้สิทธิ์นั้น!”

ผู้มาเยือนเก็บมีดดาบลง แล้วนั่งลงเงียบๆ บนโซฟา

จากนั้นจึงยกถ้วยที่มีน้ำชาอยู่ดื่มรวดเดียวหมดโดยไม่แยแสเย่หยวนชิวกับเย่หลิงหลง

จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไป

เกิดเพียงเสียงเย็นเยียบหนึ่งคำที่ดังสนั่นราวฟ้าผ่าก้องสะท้อนเนิ่นนานอยู่ในวิลล่า

“ไสหัวไป!”

จนกระทั่งผู้มาเยือนจากไป

เย่หลิงหลงยังคงสติล่องลอย

เหตุการณ์เมื่อครู่ ทำลายภาพลักษณ์ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาที่เธอเคยรู้จักปู่ของเธอในฐานะผู้สูงศักดิ์ในหงหุ้ย

ครู่ใหญ่

“หลิงหลง เก็บของ กลับบ้านกัน” เย่หยวนชิวกล่าว

เย่หลิงหลงร่างกายสั่นสะท้าน เธอมองไปที่เย่หยวนชิวอย่างประหลาดใจ “คุณปู่คะ คนเมื่อกี้เป็นใครกันแน่”

เย่หยวนชิวยิ้มด้วยสีหน้าซับซ้อน “เขาน่ะหรือ? ตำนานในยุทธภพที่ยังมีลมหายใจเท่านั้นแหละ”

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท