แสนล้าน?!
พนักงานต้อนรับสาวชะงัก จากนั้นจึงหันกลับมาใช้สายตามองสำรวจเฉินตง
รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้านิ่งเฉย
“ขอโทษนะคะคุณผู้ชาย วันนี้คืองานวันฉลองวันเกิดของตระกูลเจิ้ง”
พนักงานต้อนรับสาวเอ่ยด้วยท่าทางสงบ “คุณชายกรุณาอย่าล้อเล่นนะคะ”
เฉินตงไร้คำพูด
ค่าตัวแสนล้าน คงจะเป็นเรื่องที่เขาแต่งขึ้นมาเองล่ะมั้ง
ท่านหลงกับคุนหลุนที่ตามหลังมาก็มีท่าทีกระอักกระอ่วน
“ค่าตัวแสนล้าน เยอะมากเลยหรือ”
เฉินตงหยักไหล่ ที่เขามาที่งานฉลองวันนี้ เป้าหมายก็เพื่อตามหาพ่อ
ยิ่งเข้าใกล้ประธานเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะได้ยินข่าวที่มีประโยชน์มากขึ้น
“เยอะมาก…หรือ”
ริมฝีปากของพนักงานต้อนรับสาวเริ่มกระตุก สายตาที่มองเฉินตงเริ่มเปลี่ยนเป็นการดูถูก จากนั้นจึงกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณพูดแบบนี้คิดอยากจะก่อกวนหรือคะ”
เธอไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาท
แต่ในเมืองที่ประชากรไม่ถึงหนึ่งล้านคนแห่งนี้ ไม่น่าจะมีคนที่ค่าตัวแสนล้านอยู่
ต่อให้เป็นคนต่างถิ่น ก็ควรรู้จักถ่อมตัว เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามบ้างไม่ใช่หรือ
ในสายตาของเธอ คำพูดของเฉินตงไม่ถือว่าเป็นการหลิ่วตาตามเอาเสียเลย
ยิ่งไปกว่านั้น เศรษฐีที่มีค่าตัวแสนล้านจะมาร่วมงานเลี้ยงของตระกูลเจิ้งที่เมืองเล็กๆ แห่งนี้หรือ
ตอนนี้คนต่างเมืองที่ไม่ทราบค่าตัวแน่ชัด แจ้งค่าตัวตามใจเพราะอยากจะไปนั่งโต๊ะด้านหน้า
นี่คงจะเป็นแค่คนที่คุยโวโอ้อวด ตั้งใจจะมาก่อกวนล่ะมั้ง
“ก่อกวน?”
เฉินตงเลิกคิ้ว จากจึงหัวเราะออกมา
ทำตัวอย่างกับหมาเห่าเครื่องบินอย่างไรอย่างนั้น!
ในตอนนั้นเอง
“คุณชายจุนหลินมาถึงแล้ว!”
เสียงตะโกนประกาศก้อง
ตอนนั้นภายในลานเกิดเสียงอื้ออึงดังขึ้น
คนส่วนมากต่างมองไปทางประตูใหญ่ของสนามด้านใน
พวกเฉินตงเองก็เช่นเดียวกัน
เจิ้งจุนหลินสวมชุดสูทรองเท้าหนังเดินเข้ามาช้าๆ ด้วยท่าทางสบายๆ และยิ้มแย้ม
ระหว่างที่ก้าวไปข้างหน้า ก็ยกมือขึ้นขึ้นคารวะทักทายคนที่อยู่บริเวณรอบๆ ท่าทางของคุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้งมีท่วงท่าที่สง่างามอย่างยิ่ง
“รบกวนคุณชายเฉินอย่ามัวช้าอยู่นะคะ วันนี้แขกของตระกูลเจิ้งค่อนข้างเยอะเลย ฉันไม่สามารถอ้อยอิ่งอยู่กับคุณได้”
พนักงานต้อนรับสาวเอ่ยกระตุ้นอย่างเหลืออด
สำหรับที่นี่ ตระกูลเจิ้งย่อมต้องมีความมั่นใจเช่นนี้!
ดังนั้นเธอจึงกล้าแสดงอารมณ์เช่นนี้
“รอเดี๋ยว”
เฉินตงพยักหน้าอย่างสงบ แล้วหันไปกล่าวกับคุนหลุนว่า “ไปเชิญคุณชายเจิ้งมาที่นี่”
คุนหลุนมุ่งหน้าเข้าไปหาเจิ้งจุนหลินทันที
“เชิญคุณชายเจิ้ง?”
พนักงานต้อนรับสาวตกใจ จากนั้นจึงส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมา
คนต่างเมืองสามคนนี้ ตอแยเก่งจริงๆ
สายตาของเธอมองไปที่คุนหลุนอย่างดูแคลน
ทุกคนในเมืองนี้ต่างรู้ดีว่าเจิ้งจุนหลินเป็นคนเย่อหยิ่งถือตัว ที่ตอนนี้เขายิ้มแย้มทักทายทุกคนแบบนี้ก็เป็นเพราะเขารู้ว่าคนที่นั่งอยู่เหล่านี้คือคนใหญ่โตของเมืองนี้
แต่คนทั่วไปคิดจะเข้าไปทักทายน่ะหรือ
หากไม่โดนต่อยหน้าบวม ก็ถือว่ามีบุญมากทีเดียว
ทว่า
ในตอนนั้น
พนักงานต้อนรับสาวตัวสั่นสะท้าน ดวงตาของเธอหรี่เล็กลง
“เป็นไปได้ไง” เธอกล่าวออกมาด้วยความแปลกใจ
คุนหลุนยืนอยู่ด้านหน้าเจิ้งจุนหลิน
เจิ้งจุนหลินชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะจึงยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร จากนั้น…จึงเดินตามคุนหลุนมาทางนี้
ช่วงเวลานั้น พนักงานต้อนรับหญิงรู้สึกชาไล่ขึ้นมาถึงที่หัว ดวงตาของเธอเริ่มพร่าเลือน
หรือว่าคนต่างเมืองสามคนนี้รู้จักคุณชายเจิ้งจริงๆ?
“มีอะไร?”
เจิ้งจุนหลินเสียงแข็ง ทำเอาพนักงานต้อนรับสาวหน้าซีด
พนักงานต้อนรับสาวรีบร้อนอธิบาย “คุณชายเจิ้งคะ คือ ฉัน…”
เจิ้งจุนหลินโบกมือ แล้วหันมามองเฉินตง “นายมาจริงๆ สินะ”
“มาหาความครื้นเครงหน่อย”
เฉินตงหยักไหล่ “แต่พนักงานต้อนรับของตระกูลนายออกจะเข้าใจยากไปหน่อย ผมแค่ถามว่าคนที่ค่าตัวแสนล้านต้องนั่งตรงไหน แต่เธอกลับบอกว่าผมมาก่อกวน”
เฉินตงหยักไหล่ ”
“แสนล้าน?”
หางตาของเจิ้งจุนหลินกระตุก จากนั้นจึงหัวเราะออกมาอย่างแปลกประหลาด “ขับแค่รถเบนซ์จีคลาส ก็บอกว่าค่าตัวแสนล้านแล้วหรอ ฉันล่ะชอบท่าทางการโม้ของนายจริงๆ”
เมื่อเอ่ยจบ เขาก็โบกมือให้พนักงานหญิงออกไป
จากนั้นจึงยิ้มแล้วกล่าวว่า “ไปกัน ในเมื่อนายมาแล้ว ก็ไปนั่งกับฉันแล้วกัน”
พนักงานต้อนรับหญิงที่แอบถอนหายใจ แล้วหมุนตัวห่างออกไป ตอนนั้นเมื่อได้ยินประโยคนี้ใบหน้าของเธอก็ขาวซีด
พระเจ้า!
นั่งโต๊ะเดียวกับคุณชายเจิ้ง หรือว่าเขาจะเป็นคนใหญ่โตที่มีค่าตัวแสนล้านจริง?
ความหวาดกลัวแผ่ขยายไปทั่วร่างของเธอ เธอก้มหน้างุดแล้วรีบจ้ำเท้าเดินหลบไป
“เมื่อคืนท่าทางของนายไม่ได้เป็นแบบนี้” เฉินตงยิ้มแล้วมองไปทางเจิ้งจุนหลินอย่างแปลกใจ
“นายไม่เข้าใจ”
เจิ้งจุนหลินส่ายหน้า “ฉันกับนายเจอกันโดยบังเอิญ หรือให้พูดตามตรงคือ นายต่อยหน้าฉัน พวกเราสองคนถือว่าเป็นศัตรูกัน ฉันเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลเจิ้ง ฐานะค่อนข้างอ่อนไหว งานฉลองวันเกิดของพ่อฉันวันนี้ ตามธรรมเนียมแล้วจึงไม่ควรพานายมาด้วย”
“แล้วทำไมตอนนี้ถึงพาฉันมาด้วย”
เฉินตงขยี้จมูกแล้วมองเจิ้งจุนหลินอย่างขบขัน
เมื่อครู่นี้หากเขาพูดมากอีกแค่ประโยคเดียว เกรงว่าพนักงานต้อนรับสาวคงเรียกคนให้มาไล่เขาออกไปแล้ว
“ที่ฉันตั้งใจพานายมาด้วย กับเรื่องที่เราบังเอิญเจอกัน เป็นคนละเรื่อง อีกอย่างฉันรู้สึกว่านายมีลับลมคมใน ในเมื่อนายมาถึงแล้ว ฉันเลยอยากรู้ว่านายต้องการจะมาทำอะไรที่งานวันเกิดของพ่อฉันกันแน่”
เจิ้งจุนหลินกะพริบตา จากนั้นจึงลดเสียงต่ำลง “แต่ว่านายรู้เรื่องของฉันแล้ว พอมานั่งกับฉันแบบนี้คงจะเสียอารมณ์หน่อย ฉันให้เวลานายพิจารณา ฉันช่วยให้นายย้ายโต๊ะได้นะ”
เฉินตงกล่าวว่า “ผมไม่ชินกับการนั่งแถวหลัง”
“โอเค”
เจิ้งจุนหลินผายมือพาเฉินตงกับพวกเดินไปยังโต๊ะวีไอพีด้านหน้า แล้วนั่งลง
เหตุการณ์ตั้งแต่เริ่มจนจบ เป็นเพราะเจิ้งจุนหลิน ทำให้สายตาของคนจำนวนมากหันมาสนใจเฉินตงกับพวก
เมื่อเห็นเจิ้งจุนหลินพาพวกเฉินตงไปนั่งที่โต๊ะวีไอพี คนทั้งหมดต่างพากันงุนงง
คนสามคนนี้คือใคร
กล้าดียังไงมานั่งที่โต๊ะวีไอพีของตระกูลเจิ้ง
เสียงซุบซิบค่อยๆ ดังหึ่งขึ้น
“คุณพระ โต๊ะวีไอพีของตระกูลเจิ้งทั้งสามโต๊ะ จะต้องเป็นคนใหญ่โตและผู้ที่มีชื่อเสียงโดดเด่นในตระกูลเท่านั้น เจิ้งจุนหลินคิดจะทำอะไรน่ะ”
“ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าเป็นลูกชายแท้ๆ ของเจ้าบ้านเจิ้ง เจิ้งจุนหลินไม่มีคุณสมบัติใดๆ ที่จะได้นั่งโต๊ะวีไอพี แถมยังกล้าพาคนอื่นไปนั่งด้วยอีก?”
“ได้ยินเขาว่ากันว่าเจิ้งจุนหลินเป็นเพลย์บอย ได้มาเจอกับตัววันนี้ถือว่าเปิดหูเปิดตาว่าเขาเป็นคนที่ไม่รู้จักกฎระเบียบจริงๆ”
……
เสียงวิจารณ์ดังอื้ออึงขึ้นรอบๆ ตัว
เฉินตงขมวดคิ้วเบาๆ “ไม่โกรธหรอ”
ในแววตาของเจิ้งจุนหลินปรากฏความโมโหแล่นผ่านแวบหนึ่ง จากนั้นจึงยักไหล่แล้วยิ้ม “ฉันจะโกรธอะไร ชินตั้งนานแล้ว พวกเขาก็แค่กล้าพูดเท่านั้นแหละ มีที่แย่กว่านั้นรออยู่ นายต้องเตรียมใจให้ดี ตอนนี้จะย้ายไปนั่งโต๊ะอื่นก็ยังทัน”
“ผมไม่ชินกับการนั่งแถวหลังจริงๆ” เฉินตงเอนกายพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน
ท่านหลงกับคุนหลุนที่นั่งอยู่อีกด้านก็กำลังอมยิ้มอยู่ เห็นได้ชัดเจนว่าพวกเขาไม่เก็บคำพูดของเจิ้งจุนหลินมาใส่ใจ
งานฉลองวันเกิดตระกูลเจิ้ง ยิ่งใหญ่สมเกียรติ
แขกวีไอพีมากันแน่นขนัด แขกเหรื่อมากมายนับไม่ถ้วน
ตลอดระยะเวลาที่เฉินตงและคนอื่นๆ นั่งมาตลอดครึ่งชั่วโมงนี้ ยังคงมีแขกถูกเชิญเข้ามาด้านในลานด้านในอย่างไม่ขาดสาย
ขนาดโถงด้านในยังเป็นเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่ต้องคิดถึงลานด้านนอก
ในโถงด้านในตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ล้วนมีเสียงวิจารณ์เจิ้งจุนหลินกับพวกของเฉินตงดังขึ้นมาให้ได้ยินไม่ขาดตอน
เมื่อคนเริ่มเข้ามาเยอะมากขึ้น เสียงวิจารณ์เหล่านั้นก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ
สีหน้าของเฉินตง ท่านหลงและคุนหลุนไม่แปรเปลี่ยน สถานการณ์เช่นนี้ไม่สามารถทำให้พวกเขารู้สึกร้อนใจได้
ส่วนเจิ้งจุนหลินนั้นก็ไม่ยี่หระเช่นกัน เขาเอาแต่วางท่าอย่างเพลย์บอยแล้วเล่นถ้วยน้ำชาที่วางอยู่ตรงหน้า
ทันใดนั้น
โถงด้านในพลันเงียบลงกะทันหัน
แขกในโถงด้านในจำนวนมากต่างพากันลุกขึ้นยืน
“คุณชายจุนเซี่ยนมาถึงแล้ว!”
จากนั้นจึงมีเสียงตะโกนร้องดังขึ้น
จู่ๆ เจิ้งจุนหลินก็กำถ้วยน้ำชาเอาไว้แน่น แล้วมองไปที่เฉินตงด้วยสายตาที่แปลกประหลาดไป ก่อนจะฝืนยิ้มออกมา “ตอนนี้ถ้านายอยากจะย้ายไปด้านหลังก็คงไม่ทันแล้ว”