เฉินตงมีสีหน้าเรียบเฉย เขามองไปยังประตูใหญ่ของโถงด้านใน
ตอนนี้มีวัยรุ่นท่าทางน่าเกรงขามคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามายังลานด้านในโดยมีคนล้อมหน้าล้อมหลัง
วัยรุ่นคนนี้น่าจะมีอายุมากกว่าเจิ้งจุนหลินสองถึงสามปี ใบหน้าของเขาให้ความรู้สึกถึงความดุดัน ดวงตาของเขาเป็นประกายระยับ
ด้านหลังของเขายังมีวัยรุ่นสองคนเดินตามมาติดๆ
เมื่อเดินเข้ามาด้านในก็ยกมือขึ้นทำท่าคารวะแขกเหรื่อที่ยืนต้อนรับอยู่ในงาน
บรรยากาศดูยิ่งใหญ่กว่าตอนที่เจิ้งจุนหลินมาถึงมากทีเดียว
แถมเฉินตงยังรู้สึกชัดเจนด้วยว่า ท่าทางของแขกในงานที่มีต่อคนทั้งสองนั้นต่างกันราวฟ้ากับดิน
สำหรับเจิ้งจุนหลินนั้น ทุกคนต้องฝืนใจทำเพราะฐานะของเขา
แต่สำหรับจุนเซี่ยนที่กำลังเดินเข้ามาอยู่นี้ ทุกคนแสดงออกด้วยความนับถือในตัวเขา!
“เจิ้งจุนเซี่ยนเป็นเด็กหนุ่มในตระกูลเจิ้งของเรา ความสามารถโดดเด่นกว่าคนอื่น ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด อนาคตพ่อของฉันคงยกตำแหน่งเจ้าบ้านของตระกูลให้เขา”
เจิ้งจุนหลินบีบถ้วยน้ำชาในมือแน่น แล้วกัดฟันกล่าวประโยคนี้ออกมา
น้ำเสียงของเขาแสดงความไม่พอใจและคับแค้นอย่างชัดเจน
“ส่วนอีกสามคนที่อยู่ข้างหลังเขา ก็เป็นเครือญาติที่มีความสามารถเหนือกว่าคนอื่นเช่นกัน”
เฉินตงเพียงยิ้มออกมา แต่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจอะไร
หลังจากเจิ้งจุนเซี่ยนกับพวกเดินเข้ามาแล้ว
เสียงพูดคุยรอบๆ ตัวก็ได้เปลี่ยนจากเรื่องของเฉินตงกับเจิ้งจุนหลินไปเป็นเรื่องของเจิ้งจุนเซี่ยนแทน
“คุณชายจุนเซี่ยนเปรียบเหมือนมังกร ท่าทางของเขาโดดเด่น บุคลิกของเขาคือบุคลิกของคนที่เป็นผู้นำของตระกูล”
“น่าเสียดายเจ้าบ้านตระกูลเจิ้งทั้งฉลาดทั้งมีความสามารถ แต่กลับได้ลูกไร้ความสามารถ น่าเศร้าจริงๆ”
“อย่าเอาเจิ้งจุนหลินไปเปรียบกับเจิ้งจุนเซี่ยนเลย แค่เปรียบกับคนสองสามคนด้านหลังเขาก็เทียบไม่ติดแล้ว”
……
เสียงวิจารณ์ที่ดังขึ้นรอบๆ ทำให้เจิ้งจุนเซี่ยนยิ้มออกมา
ส่วนเจิ้งจุนหลินที่นั่งอยู่ข้างๆ เฉินตงก็กำลังยิ้มอยู่เช่นกัน
แต่รอยยิ้มนี้ เต็มไปด้วยความขมขื่น
เขาเลิกคิ้วมองเฉินตง “คุณชายใหญ่อย่างฉันดูต่ำต้อยมากเลยใช่ไหม”
“ออกจะเป็นอย่างนั้น”
เฉินตงไม่ปิดบัง
วิธีการในการเลือกเจ้าบ้านของตระกูลเฉินกับตระกูลเจิ้งแทบจะไม่ต่างกันเลย
เจิ้งจุนหลินเป็นลูกชายแท้ๆ ของเจ้าบ้านเจิ้ง ส่วนเขาก็ไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ ของเจ้าบ้านเฉินเช่นกัน
แม้ว่าสิ่งที่ทั้งสองต้องเจอจะคล้ายกัน แต่นิสัยกลับไม่เหมือนกัน
เฉินตงตบไหล่เจิ้งจุนหลิน ก่อนจะกล่าวช้าๆ ว่า “เข้าใจคำว่าสติปัญญามนุษย์เอาชนะธรรมชาติได้ไหม ยอมแพ้ต่อโชคชะตาของตัวเองโดยไม่พยายามทำอะไรเลย แล้วจะไปโทษฟ้าดินได้ยังไง”
เจิ้งจุนหลินสั่นสะท้าน แววตาของเขาล่องลอย
เฉินตงยิ้มอย่างเย็นชา “ในเมื่อใช้วิธีคัดเลือกผู้แข็งแกร่งเป็นผู้สืบทอด แล้วทำไมคุณต้องยึดติดกับฐานะของตัวเอง แทนที่จะไปคิดวิธีเอาชนะเพื่อให้ได้เป็นผู้กุมอำนาจเสียเอง”
สายตาของเจิ้งจุนหลินเวิ้งว้างล่องลอย มือขวาของเขาปล่อยแก้วชาลง
“เป็นเพราะฐานะคุณชายใหญ่ของตัวเอง เลยคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องตกเป็นของตน และคิดแค้นคนที่มีความสามารถโดดเด่นกว่าตน แต่คุณเคยถามตัวเองไหมว่าถ้าคุณได้เป็นเจ้าบ้านขึ้นมาจริงๆ คุณจะเป็นได้นานแค่ไหน”
“ทำไมนายต้องพูดเรื่องนี้กับฉันด้วย” เจิ้งจุนหลินถาม
เฉินตงอมยิ้ม “ผมเหมือนกับคุณ และก็มีบางอย่างไม่เหมือนกับคุณ ผมไม่เคยโทษฟ้าโทษดินว่าไม่ยุติธรรม ดังนั้นผมเลยขยี้พวกเขาแหลกคาพื้น แต่คุณกลับฝืนทนเสียงหัวเราะเยาะ และทำได้แค่ใช้รอยยิ้มตอบโต้”
แววตาเวิ้งว้างของเจิ้งจุนหลินหายไป มือทั้งสองของเขากำหมัดแน่นจนเส้นเอ็นหลังมือปูดโปนออกมา
และในตอนนั้น
น้ำเสียงแข็งกร้าวดังแทรกขึ้นมา
“เจิ้งจุนหลิน แกไม่รู้จักกฎระเบียบบ้างเลยหรือไง”
เจิ้งจุนเซี่ยน!
เจิ้งจุนหลินหรี่ตา อารมณ์กระสับกระส่ายในใจเริ่มสงบลง จากนั้นจึงค่อยๆ หันไปมองเจิ้งจุนเซี่ยนและพวก
“กฎอะไร”
เฉินตงก็หันไปมองเจิ้งจุนเซี่ยนเงียบๆ
ตอนนี้เจิ้งจุนเซี่ยนมีคนล้อมหน้าล้อมหลัง ท่าทางของเขาแข็งกร้าวกดขี่เจิ้งจุนหลิน
คำพูดและท่าทางของเขาแสดงไม่แสดงออกถึงความนับถือ
แม้กระทั่งสายตาของเขา ก็ยังเต็มไปด้วยความดูถูกอย่างรุนแรง
เจิ้งจุนเซี่ยนยกมือขึ้นชี้พวกเฉินตง “คนสามคนนี้ไงที่ผิดกฎ! แกเป็นถึงคุณชายใหญ่ของตระกูลเจิ้ง กลับไม่รู้จักยางอาย เอาหมาแมวที่ไหนมานั่งโต๊ะวีไอพี?”
สิ้นเสียง
คุนหลุนหน้าตาเย็นเยียบเตรียมจะลุกขึ้นจัดการ
เฉินตงกลับยื่นมือออกไปกดขาคุนหลุนเพื่อห้ามเขาเอาไว้
เจิ้งจุนหลินค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ สีหน้าของเขาโกรธจัด สายตาคมปลาบ
เหตุการณ์เช่นนี้ทำเอาเจิ้งจุนเซี่ยนและพวกทั้งสี่คนตกตะลึงไป
ไอ้สวะตัวนี้เปลี่ยนนิสัยไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ภายในโถงด้านใน
สายตาทุกคู่ต่างเพ่งมองมารวมกันอยู่ที่นี่ด้วยความสงสัย
ทุกคนต่างรับรู้ถึงความคุกรุ่นของเชื้อเพลิงได้อย่างชัดเจน
แต่ปฏิกิริยาของเจิ้งจุนหลินกลับทำให้ทุกคนที่รู้จักสถานการณ์ของตระกูลเจิ้งประหลาดใจ
เมื่อก่อนเวลาที่เจิ้งจุนหลินต้องเผชิญหน้าพวกเจิ้งจุนเซี่ยน ท่าทางของเขาจะอ่อนแอขี้ขลาด
“แกยังรู้ด้วยหรอว่าฉันเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลเจิ้ง แล้วแกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนฉัน”
เจิ้งจุนหลินแผดเสียงโต้กลับไปทันที “ถ้าปล่อยให้หมาแมวมาสั่งสอนฉัน อย่างนั้นฉันจะเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลเจิ้งได้อย่างไร”
ห๊า!
ในโถงด้านใน เกิดเสียงโวยวายดังขึ้นมา
เสียงวิจารณ์สนั่นดังอื้ออึงขึ้นมาทันที
“วันนี้เจิ้งจุนหลินเป็นบ้าอะไรขึ้นมา ทำไมถึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนี้”
“กฎของตระกูลเจิ้งเป็นแบบนี้อยู่แล้ว วันนี้เจิ้งจุนหลินกินยาผิดหรือยังไง เขาคิดจะทำลายงานวันเกิดพ่อตัวเองหรอ”
……
เจิ้งจุนเซี่ยนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มเยาะออกมา
“คุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้ง? พอให้ค่าแกก็เรียกตัวเองว่าคุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้ง แกมันคนไร้ความสามารถ เอาแต่พึ่งบารมีของพ่อตัวเอง รอให้เปลี่ยนเจ้าบ้านก่อนเถอะ แกจะยังกล้าโอหังแบบนี้อยู่ไหม”
เมื่อสิ้นเสียง
สามคนที่อยู่ข้างหลังเจิ้งจุนเซี่ยนก็ส่งเสียงหัวเราะเยาะดังขึ้น
“เจิ้งจุนหลิน วันนี้เป็นวันเกิดของพ่อแก แม้พวกเราจะเป็นแค่ญาติ แต่แกทนเห็นพวกเราเก่งกว่าแกไม่ได้น่ะสิ ที่ทำแบบนี้ก็เพราะคิดจะก่อกวนงานวันเกิดพ่อตัวเองใช่ไหม”
“เจิ้งจุนหลิน ฉันแนะนำให้แกใจเย็นหน่อยนะ ขืนแกทำแบบนี้ ตอนที่พ่อแกออกมาก็ต้องเข้าข้างพวกเราอยู่ดี อย่าลืมว่าที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้มาตลอด!”
“รีบไล่พวกหมาแมวนี่ไปนั่งด้านหลังซะ หรือไม่งั้นแกจะตามไปนั่งข้างหลังด้วยก็ได้ พวกเราจะได้มีที่นั่งมากขึ้น อย่าทำให้พวกเราต้องเสียเวลา”
เจิ้งจุนหลินก้มหน้า มือทั้งสองที่กำหมัดแน่นกำลังสั่นระริก
ความอับอาย ความโกรธ ความไม่ยอม อารมณ์ทุกอย่างแทรกซึมไปทั่วร่าง
เขากัดฟันด้วยสายตาดุดัน จากนั้นจึงชี้ไปที่พวกเฉินตง “พวกเขาเป็นเพื่อนฉัน ฉันจะดูซิว่าวันนี้ใครจะกล้าไล่เขาไป!”
เพื่อน?
เฉินตงอ้าปากค้างก่อนจะหัวเราะออกมา
“ใครก็ได้มาจับตัวสามคนนี้ออกไป!”
เจิ้งจุนเซี่ยนโบกมือเรียกคนด้วยท่าทางวางโต
ตอนนั้นการ์ดของตระกูลเจิ้งเจ็ดแปดคนจึงเดินล้อมเข้ามา
“พวกแกกล้ารึ!”
เจิ้งจุนหลินตวาดเสียงแข็ง
แต่การ์ดตระกูลเจิ้งกลับไม่มีใครสนใจและเดินหน้าเข้ามา
เหตุการณ์นี้ทำให้เจิ้งจุนหลินกัดฟันแน่น และก็ยิ่งทำให้เจิ้งจุนเซี่ยนหัวเราะออกมาอย่างได้ใจ
ตอนที่เจิ้งจุนหลินที่กำลังเดือดดาลเตรียมจะด่ากราดออกมานั้น
ปลายหางตาก็หันไปเห็นคนสูงวัยคนหนึ่งเดินเข้ามา
“เพี๊ยะ!”
เสียงตบหน้าดังก้องกังวาน
ชายสูงวัยคนนั้นตำหนิออกมา “คนไร้ค่าอย่างแก วันๆ เอาแต่พึ่งใบบุญที่ตัวเองเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้งก็แย่พออยู่แล้ว วันนี้งานวันเกิดของพ่อแกแท้ๆ แกยังคิดจะก่อเรื่องอีกหรือไง น้ำเสียงแบบนี้คือน้ำเสียงที่แกใช้พูดกับพวกของเจิ้งจุนเซี่ยนรึ”
“คุณปู่สาม!”
ตอนนั้นเจิ้งจุนหลินมึนงง แก้มของเขากำลังส่งความรู้สึกเจ็บแสบ
ทว่าในตอนนั้น
มีมือข้างหนึ่งวางลงบนไหล่ของเจิ้งจุนหลิน
“ช่างเถอะ พวกเราสามคนจะไปนั่งด้านหลังก็ได้ อีกเดี๋ยว พวกเขาก็คงเชิญพวกเรากลับมาเอง”
ทุกคนต่างชะงักไป
พวกเจิ้งจุนเซี่ยนระเบิดหัวเราะออกมา
หมอนี้คงเป็นพวกตัวตลกล่ะมั้ง
คิดว่าพึ่งพาคนอย่างคุณชายใหญ่อย่างเจิ้งจุนหลินแล้วจะได้เปลี่ยนจากนกเป็นหงส์หรือยังไง
แม้แต่แขกที่อยู่รอบๆ ก็พากันหัวเราะขบขันอย่างดูแคลน
เฉินตงไม่ใส่ใจเจิ้งจุนหลิน
และพาคุนหลุนกับท่านหลงเดินไปข้างหลัง
ในสายตาของเขา เจิ้งจุนหลินเป็นแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับคนคลุ้มคลั่งเสียสติ ที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์อะไรได้เลย
และมีแต่จะยิ่งทำให้แขกในงานหัวเราะเยาะเท่านั้น
เขามาเพื่อสืบข่าวของพ่อ
เพื่อจะได้รู้ว่าพ่อที่หายตัวไปของเขามาอยู่ที่จุนหลิน กรุ๊ปหรือไม่
หากเผยฐานะของตัวเองออกมาเพื่อแก้ปัญหาเล็กๆ แค่นี้ อย่างไรตระกูลเจิ้งก็ต้องเชิญเขาไปนั่งที่โต๊ะวีไอพีอยู่ดี
เพราะจุนหลิน กรุ๊ปของตระกูลเจิ้ง เดินหน้าได้เพราะใช้ชื่อเสียงของเขาจนกินอิ่มแปล้ในตลาดหุ้น
ทว่า
เดินไปได้เพียงสองก้าว
เสียงหัวเราะเยาะของเจิ้งจุนเซี่ยนก็ดังขึ้นตามหลังมา
“ฮ่าๆ เชิญแกหรอ? คนอย่างเจิ้งจุนเซี่ยนคงไม่ตกต่ำถึงขั้นเชิญสุนัขมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยหรอก”