The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – บทที่ 435 ไร้ความสามารถและคลุ้มคลั่ง

บทที่ 435 ไร้ความสามารถและคลุ้มคลั่ง

เฉินตงมีสีหน้าเรียบเฉย เขามองไปยังประตูใหญ่ของโถงด้านใน

ตอนนี้มีวัยรุ่นท่าทางน่าเกรงขามคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามายังลานด้านในโดยมีคนล้อมหน้าล้อมหลัง

วัยรุ่นคนนี้น่าจะมีอายุมากกว่าเจิ้งจุนหลินสองถึงสามปี ใบหน้าของเขาให้ความรู้สึกถึงความดุดัน ดวงตาของเขาเป็นประกายระยับ

ด้านหลังของเขายังมีวัยรุ่นสองคนเดินตามมาติดๆ

เมื่อเดินเข้ามาด้านในก็ยกมือขึ้นทำท่าคารวะแขกเหรื่อที่ยืนต้อนรับอยู่ในงาน

บรรยากาศดูยิ่งใหญ่กว่าตอนที่เจิ้งจุนหลินมาถึงมากทีเดียว

แถมเฉินตงยังรู้สึกชัดเจนด้วยว่า ท่าทางของแขกในงานที่มีต่อคนทั้งสองนั้นต่างกันราวฟ้ากับดิน

สำหรับเจิ้งจุนหลินนั้น ทุกคนต้องฝืนใจทำเพราะฐานะของเขา

แต่สำหรับจุนเซี่ยนที่กำลังเดินเข้ามาอยู่นี้ ทุกคนแสดงออกด้วยความนับถือในตัวเขา!

“เจิ้งจุนเซี่ยนเป็นเด็กหนุ่มในตระกูลเจิ้งของเรา ความสามารถโดดเด่นกว่าคนอื่น ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด อนาคตพ่อของฉันคงยกตำแหน่งเจ้าบ้านของตระกูลให้เขา”

เจิ้งจุนหลินบีบถ้วยน้ำชาในมือแน่น แล้วกัดฟันกล่าวประโยคนี้ออกมา

น้ำเสียงของเขาแสดงความไม่พอใจและคับแค้นอย่างชัดเจน

“ส่วนอีกสามคนที่อยู่ข้างหลังเขา ก็เป็นเครือญาติที่มีความสามารถเหนือกว่าคนอื่นเช่นกัน”

เฉินตงเพียงยิ้มออกมา แต่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจอะไร

หลังจากเจิ้งจุนเซี่ยนกับพวกเดินเข้ามาแล้ว

เสียงพูดคุยรอบๆ ตัวก็ได้เปลี่ยนจากเรื่องของเฉินตงกับเจิ้งจุนหลินไปเป็นเรื่องของเจิ้งจุนเซี่ยนแทน

“คุณชายจุนเซี่ยนเปรียบเหมือนมังกร ท่าทางของเขาโดดเด่น บุคลิกของเขาคือบุคลิกของคนที่เป็นผู้นำของตระกูล”

“น่าเสียดายเจ้าบ้านตระกูลเจิ้งทั้งฉลาดทั้งมีความสามารถ แต่กลับได้ลูกไร้ความสามารถ น่าเศร้าจริงๆ”

“อย่าเอาเจิ้งจุนหลินไปเปรียบกับเจิ้งจุนเซี่ยนเลย แค่เปรียบกับคนสองสามคนด้านหลังเขาก็เทียบไม่ติดแล้ว”

……

เสียงวิจารณ์ที่ดังขึ้นรอบๆ ทำให้เจิ้งจุนเซี่ยนยิ้มออกมา

ส่วนเจิ้งจุนหลินที่นั่งอยู่ข้างๆ เฉินตงก็กำลังยิ้มอยู่เช่นกัน

แต่รอยยิ้มนี้ เต็มไปด้วยความขมขื่น

เขาเลิกคิ้วมองเฉินตง “คุณชายใหญ่อย่างฉันดูต่ำต้อยมากเลยใช่ไหม”

“ออกจะเป็นอย่างนั้น”

เฉินตงไม่ปิดบัง

วิธีการในการเลือกเจ้าบ้านของตระกูลเฉินกับตระกูลเจิ้งแทบจะไม่ต่างกันเลย

เจิ้งจุนหลินเป็นลูกชายแท้ๆ ของเจ้าบ้านเจิ้ง ส่วนเขาก็ไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ ของเจ้าบ้านเฉินเช่นกัน

แม้ว่าสิ่งที่ทั้งสองต้องเจอจะคล้ายกัน แต่นิสัยกลับไม่เหมือนกัน

เฉินตงตบไหล่เจิ้งจุนหลิน ก่อนจะกล่าวช้าๆ ว่า “เข้าใจคำว่าสติปัญญามนุษย์เอาชนะธรรมชาติได้ไหม ยอมแพ้ต่อโชคชะตาของตัวเองโดยไม่พยายามทำอะไรเลย แล้วจะไปโทษฟ้าดินได้ยังไง”

เจิ้งจุนหลินสั่นสะท้าน แววตาของเขาล่องลอย

เฉินตงยิ้มอย่างเย็นชา “ในเมื่อใช้วิธีคัดเลือกผู้แข็งแกร่งเป็นผู้สืบทอด แล้วทำไมคุณต้องยึดติดกับฐานะของตัวเอง แทนที่จะไปคิดวิธีเอาชนะเพื่อให้ได้เป็นผู้กุมอำนาจเสียเอง”

สายตาของเจิ้งจุนหลินเวิ้งว้างล่องลอย มือขวาของเขาปล่อยแก้วชาลง

“เป็นเพราะฐานะคุณชายใหญ่ของตัวเอง เลยคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องตกเป็นของตน และคิดแค้นคนที่มีความสามารถโดดเด่นกว่าตน แต่คุณเคยถามตัวเองไหมว่าถ้าคุณได้เป็นเจ้าบ้านขึ้นมาจริงๆ คุณจะเป็นได้นานแค่ไหน”

“ทำไมนายต้องพูดเรื่องนี้กับฉันด้วย” เจิ้งจุนหลินถาม

เฉินตงอมยิ้ม “ผมเหมือนกับคุณ และก็มีบางอย่างไม่เหมือนกับคุณ ผมไม่เคยโทษฟ้าโทษดินว่าไม่ยุติธรรม ดังนั้นผมเลยขยี้พวกเขาแหลกคาพื้น แต่คุณกลับฝืนทนเสียงหัวเราะเยาะ และทำได้แค่ใช้รอยยิ้มตอบโต้”

แววตาเวิ้งว้างของเจิ้งจุนหลินหายไป มือทั้งสองของเขากำหมัดแน่นจนเส้นเอ็นหลังมือปูดโปนออกมา

และในตอนนั้น

น้ำเสียงแข็งกร้าวดังแทรกขึ้นมา

“เจิ้งจุนหลิน แกไม่รู้จักกฎระเบียบบ้างเลยหรือไง”

เจิ้งจุนเซี่ยน!

เจิ้งจุนหลินหรี่ตา อารมณ์กระสับกระส่ายในใจเริ่มสงบลง จากนั้นจึงค่อยๆ หันไปมองเจิ้งจุนเซี่ยนและพวก

“กฎอะไร”

เฉินตงก็หันไปมองเจิ้งจุนเซี่ยนเงียบๆ

ตอนนี้เจิ้งจุนเซี่ยนมีคนล้อมหน้าล้อมหลัง ท่าทางของเขาแข็งกร้าวกดขี่เจิ้งจุนหลิน

คำพูดและท่าทางของเขาแสดงไม่แสดงออกถึงความนับถือ

แม้กระทั่งสายตาของเขา ก็ยังเต็มไปด้วยความดูถูกอย่างรุนแรง

เจิ้งจุนเซี่ยนยกมือขึ้นชี้พวกเฉินตง “คนสามคนนี้ไงที่ผิดกฎ! แกเป็นถึงคุณชายใหญ่ของตระกูลเจิ้ง กลับไม่รู้จักยางอาย เอาหมาแมวที่ไหนมานั่งโต๊ะวีไอพี?”

สิ้นเสียง

คุนหลุนหน้าตาเย็นเยียบเตรียมจะลุกขึ้นจัดการ

เฉินตงกลับยื่นมือออกไปกดขาคุนหลุนเพื่อห้ามเขาเอาไว้

เจิ้งจุนหลินค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ สีหน้าของเขาโกรธจัด สายตาคมปลาบ

เหตุการณ์เช่นนี้ทำเอาเจิ้งจุนเซี่ยนและพวกทั้งสี่คนตกตะลึงไป

ไอ้สวะตัวนี้เปลี่ยนนิสัยไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

ภายในโถงด้านใน

สายตาทุกคู่ต่างเพ่งมองมารวมกันอยู่ที่นี่ด้วยความสงสัย

ทุกคนต่างรับรู้ถึงความคุกรุ่นของเชื้อเพลิงได้อย่างชัดเจน

แต่ปฏิกิริยาของเจิ้งจุนหลินกลับทำให้ทุกคนที่รู้จักสถานการณ์ของตระกูลเจิ้งประหลาดใจ

เมื่อก่อนเวลาที่เจิ้งจุนหลินต้องเผชิญหน้าพวกเจิ้งจุนเซี่ยน ท่าทางของเขาจะอ่อนแอขี้ขลาด

“แกยังรู้ด้วยหรอว่าฉันเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลเจิ้ง แล้วแกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนฉัน”

เจิ้งจุนหลินแผดเสียงโต้กลับไปทันที “ถ้าปล่อยให้หมาแมวมาสั่งสอนฉัน อย่างนั้นฉันจะเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลเจิ้งได้อย่างไร”

ห๊า!

ในโถงด้านใน เกิดเสียงโวยวายดังขึ้นมา

เสียงวิจารณ์สนั่นดังอื้ออึงขึ้นมาทันที

“วันนี้เจิ้งจุนหลินเป็นบ้าอะไรขึ้นมา ทำไมถึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนี้”

“กฎของตระกูลเจิ้งเป็นแบบนี้อยู่แล้ว วันนี้เจิ้งจุนหลินกินยาผิดหรือยังไง เขาคิดจะทำลายงานวันเกิดพ่อตัวเองหรอ”

……

เจิ้งจุนเซี่ยนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มเยาะออกมา

“คุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้ง? พอให้ค่าแกก็เรียกตัวเองว่าคุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้ง แกมันคนไร้ความสามารถ เอาแต่พึ่งบารมีของพ่อตัวเอง รอให้เปลี่ยนเจ้าบ้านก่อนเถอะ แกจะยังกล้าโอหังแบบนี้อยู่ไหม”

เมื่อสิ้นเสียง

สามคนที่อยู่ข้างหลังเจิ้งจุนเซี่ยนก็ส่งเสียงหัวเราะเยาะดังขึ้น

“เจิ้งจุนหลิน วันนี้เป็นวันเกิดของพ่อแก แม้พวกเราจะเป็นแค่ญาติ แต่แกทนเห็นพวกเราเก่งกว่าแกไม่ได้น่ะสิ ที่ทำแบบนี้ก็เพราะคิดจะก่อกวนงานวันเกิดพ่อตัวเองใช่ไหม”

“เจิ้งจุนหลิน ฉันแนะนำให้แกใจเย็นหน่อยนะ ขืนแกทำแบบนี้ ตอนที่พ่อแกออกมาก็ต้องเข้าข้างพวกเราอยู่ดี อย่าลืมว่าที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้มาตลอด!”

“รีบไล่พวกหมาแมวนี่ไปนั่งด้านหลังซะ หรือไม่งั้นแกจะตามไปนั่งข้างหลังด้วยก็ได้ พวกเราจะได้มีที่นั่งมากขึ้น อย่าทำให้พวกเราต้องเสียเวลา”

เจิ้งจุนหลินก้มหน้า มือทั้งสองที่กำหมัดแน่นกำลังสั่นระริก

ความอับอาย ความโกรธ ความไม่ยอม อารมณ์ทุกอย่างแทรกซึมไปทั่วร่าง

เขากัดฟันด้วยสายตาดุดัน จากนั้นจึงชี้ไปที่พวกเฉินตง “พวกเขาเป็นเพื่อนฉัน ฉันจะดูซิว่าวันนี้ใครจะกล้าไล่เขาไป!”

เพื่อน?

เฉินตงอ้าปากค้างก่อนจะหัวเราะออกมา

“ใครก็ได้มาจับตัวสามคนนี้ออกไป!”

เจิ้งจุนเซี่ยนโบกมือเรียกคนด้วยท่าทางวางโต

ตอนนั้นการ์ดของตระกูลเจิ้งเจ็ดแปดคนจึงเดินล้อมเข้ามา

“พวกแกกล้ารึ!”

เจิ้งจุนหลินตวาดเสียงแข็ง

แต่การ์ดตระกูลเจิ้งกลับไม่มีใครสนใจและเดินหน้าเข้ามา

เหตุการณ์นี้ทำให้เจิ้งจุนหลินกัดฟันแน่น และก็ยิ่งทำให้เจิ้งจุนเซี่ยนหัวเราะออกมาอย่างได้ใจ

ตอนที่เจิ้งจุนหลินที่กำลังเดือดดาลเตรียมจะด่ากราดออกมานั้น

ปลายหางตาก็หันไปเห็นคนสูงวัยคนหนึ่งเดินเข้ามา

“เพี๊ยะ!”

เสียงตบหน้าดังก้องกังวาน

ชายสูงวัยคนนั้นตำหนิออกมา “คนไร้ค่าอย่างแก วันๆ เอาแต่พึ่งใบบุญที่ตัวเองเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้งก็แย่พออยู่แล้ว วันนี้งานวันเกิดของพ่อแกแท้ๆ แกยังคิดจะก่อเรื่องอีกหรือไง น้ำเสียงแบบนี้คือน้ำเสียงที่แกใช้พูดกับพวกของเจิ้งจุนเซี่ยนรึ”

“คุณปู่สาม!”

ตอนนั้นเจิ้งจุนหลินมึนงง แก้มของเขากำลังส่งความรู้สึกเจ็บแสบ

ทว่าในตอนนั้น

มีมือข้างหนึ่งวางลงบนไหล่ของเจิ้งจุนหลิน

“ช่างเถอะ พวกเราสามคนจะไปนั่งด้านหลังก็ได้ อีกเดี๋ยว พวกเขาก็คงเชิญพวกเรากลับมาเอง”

ทุกคนต่างชะงักไป

พวกเจิ้งจุนเซี่ยนระเบิดหัวเราะออกมา

หมอนี้คงเป็นพวกตัวตลกล่ะมั้ง

คิดว่าพึ่งพาคนอย่างคุณชายใหญ่อย่างเจิ้งจุนหลินแล้วจะได้เปลี่ยนจากนกเป็นหงส์หรือยังไง

แม้แต่แขกที่อยู่รอบๆ ก็พากันหัวเราะขบขันอย่างดูแคลน

เฉินตงไม่ใส่ใจเจิ้งจุนหลิน

และพาคุนหลุนกับท่านหลงเดินไปข้างหลัง

ในสายตาของเขา เจิ้งจุนหลินเป็นแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับคนคลุ้มคลั่งเสียสติ ที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์อะไรได้เลย

และมีแต่จะยิ่งทำให้แขกในงานหัวเราะเยาะเท่านั้น

เขามาเพื่อสืบข่าวของพ่อ

เพื่อจะได้รู้ว่าพ่อที่หายตัวไปของเขามาอยู่ที่จุนหลิน กรุ๊ปหรือไม่

หากเผยฐานะของตัวเองออกมาเพื่อแก้ปัญหาเล็กๆ แค่นี้ อย่างไรตระกูลเจิ้งก็ต้องเชิญเขาไปนั่งที่โต๊ะวีไอพีอยู่ดี

เพราะจุนหลิน กรุ๊ปของตระกูลเจิ้ง เดินหน้าได้เพราะใช้ชื่อเสียงของเขาจนกินอิ่มแปล้ในตลาดหุ้น

ทว่า

เดินไปได้เพียงสองก้าว

เสียงหัวเราะเยาะของเจิ้งจุนเซี่ยนก็ดังขึ้นตามหลังมา

“ฮ่าๆ เชิญแกหรอ? คนอย่างเจิ้งจุนเซี่ยนคงไม่ตกต่ำถึงขั้นเชิญสุนัขมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยหรอก”

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท