The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – บทที่ 437 หัดสำนึกบุญคุณเสียบ้าง

บทที่ 437 หัดสำนึกบุญคุณเสียบ้าง

เมื่อเห็นพวกเจิ้งจุนเซี่ยนสี่คนกระซิบกระซาบแล้วมองมาทางตนอย่างดูแคลน

เจิ้งจุนหลินอดไม่ได้ที่จะหลุดด่าออกมา “พวกชั้นต่ำ!”

เฉินตงอมยิ้มแล้วมองไปทางพวกของเจิ้งจุนเซี่ยนทั้งสี่คน แววตาของเขาเย็นเฉียบ

งานเลี้ยงของตระกูลเจิ้งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ

แขกเหรื่อจำนวนมากพยายามมาที่นี่เพื่อร่วมอวยพร

ที่นั่งภายในโถงด้านในเต็มทุกที่อย่างรวดเร็ว

เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน

นอกคฤหาสน์ เสียงพลุดังสนั่นจนหูอื้ออึง

จากนั้นขั้นตอนสำคัญของพิธีก็เริ่มขึ้น มีเสียงประกาศเริ่มพิธี

เสียงปรบมือดังสนั่นขึ้น

บนเวที ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งสวมเสื้อคอจีนสีแดงเดินขึ้นมาบนเวทีช้าๆ

แขกในงานทั้งหมดยืนขึ้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่ชายวัยกลางคนด้วยความเลื่อมใส

“นั่นพ่อของคุณหรอ”เฉินตงถามขึ้น

“อืม” เจิ้งจุนหลินพยักหน้าอย่างสงบ

และในเวลาเดียวกันนั้น

ชายวัยกลางคนบนเวทีขมวดคิ้วแน่นจ้องมองมาทางนี้

เมื่อสายตามาหยุดอยู่ที่ร่างของเจิ้งจุนหลิน สายตาก็แปรเปลี่ยนไปเป็นความโมโห

เห็นได้ชัดเจนว่าการที่คุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้งไม่ยอมนั่งโต๊ะวีไอพีร่วมกับพ่อ แต่กลับไปนั่งอยู่ตรงโต๊ะตรงประตูของโถงด้านในที่ถือว่าเป็นตำแหน่งระดับต่ำนั้น ทำให้ชายวัยกลางคนผู้นั้นไม่พอใจอย่างยิ่ง

หรือพูดได้อีกอย่างหนึ่งว่า ลูกชายคนนี้กำลังตบหน้าพ่อของตัวเอง!

“หึ! ตอนนี้รู้แล้วหรอว่าฉันเป็นลูกเขาอีกคนด้วย”

เจิ้งจุนหลินยิ้มอย่างไร้ความรู้สึกแล้วนั่งลงบนเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์ จึงยิ่งทำให้แปลกแยกออกจากคนที่อยู่บริเวณรอบๆ

ชายวัยกลางคนผู้นั้นยืนสง่างามอยู่บนเวที สีหน้าของเขายิ้มแย้มและกล่าวบทพูดด้วยคำพูดที่เข้าใจง่ายเพื่อนำไปสู่การเริ่มงานเลี้ยง

แขกทั้งหมดจึงนั่งลงและเริ่มรับประทานอาหาร

ด้านหน้าเวที โต๊ะวีไอพีทั้งสามโต๊ะกลายเป็นที่จดจ้องของคนทั้งงาน

แขกที่เดินมาขอชนแก้วกับโต๊ะวีไอพีทั้งสามมีมาอย่างไม่ขาดตอนราวกับสายน้ำไหล

คนที่นั่งโต๊ะวีไอพีทั้งสามล้วนเป็นคนที่ได้รับการนับหน้าถือตาในตระกูลเจิ้งและหนุ่มสาวที่มีความสามารถโดดเด่นในรุ่นต่างเข้ามาชนแก้วกับเจ้าบ้านเจิ้ง

ส่วนโต๊ะของเฉินตงกัยเจิ้งจุนหลินกลับไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าไรนัก

และเพราะเจิ้งจุนหลิน ทำให้แขกคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนี้เริ่มรู้สึกเกร็งและหวาดระแวง

ใครๆ ต่างก็รู้ว่าเจิ้งจุนหลินเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้ง แถมยังโดนจับตามองจากเหตุการณ์เมื่อครู่นี้

เมื่อคุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้งนั่งอยู่ตรงนี้ด้วย แค่พวกเขาคิดจะไปขอชนแก้วคารวะเจ้าบ้านเจิ้งยังเกิดความลังเลใจ

“ในโอกาสงานฉลองวันเกิดของเจ้าบ้าน กระผมจุนเซี่ยนขอมอบของเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ให้เป็นของขวัญแก่เจ้าบ้าน”

ในตอนนั้นเอง เจิ้งจุนเซี่ยนที่นั่งอยู่ข้างๆ เจ้าบ้านเจิ้งก็ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

และประโยคนี้ยังสามารถดึงดูดความสนใจสายตาของทุกคนได้

ริมฝีปากของเฉินตงปรากฏรอยยิ้มแข็งกร้าว พลางคิดในใจว่า “ดึงดูดความสนใจเก่งเสียจริงนะ”

งานวันเกิดของเจ้าบ้าน รายการของขวัญวันเกิดทุกชิ้นต่างทุกจดเอาไว้ในบันทึกตั้งแต่ตอนที่เดินเข้ามาในคฤหาสน์แล้ว

เจิ้งจุนเซี่ยนนำของขวัญมามอบให้กลางโต๊ะอาหารเช่นนี้ เห็นได้ชัดเจนว่าเขาต้องการเป็นที่สนใจ

จากนั้นเฉินตงจึงเหลือบไปมองเจิ้งจุนหลินโดยอัตโนมัติ

เห็นได้อย่างชัดเจนว่า

เจิ้งจุนหลินในเวลานี้สีหน้าเขียวคล้ำ และกัดฟันเอาไว้แน่น

ส่วนบริเวณโต๊ะวีไอพีด้านหน้า เจ้าบ้านเจิ้งกำลังยิ้มอย่างพออกพอใจโดยไม่ได้ขัดอะไร แถมยังมองเจิ้งจุนเซี่ยนด้วยสายตาชื่นชมอีกด้วย

จากนั้นจึงตามด้วยเสียงอ่านรายการของขวัญ

“พระพุทธรูปหยกหยกโฮตันหนึ่งองค์”

“หินทิเบต 3 ตาหนึ่งเม็ด”

“เจ้าแม่กวนอิมทองคำบริสุทธิ์99% หนึ่งองค์”

……

ในโถงด้านในมีเสียงฮือฮาดังขึ้น

บรรยากาศเต็มไปด้วยความโออ่า

“พระเจ้า ของขวัญพวกนี้มูลค่ารวมเกินหนึ่งล้านใช่ไหมน่ะ คุณชายจุนเซี่ยนใจกว้างมากเลย”

“ใจกว้างอะไรเล่า นี่คือการแสดงน้ำใจต่อเจ้าบ้านเจิ้ง เขามีน้ำใจเต็มเปี่ยมจริงๆ”

“ไม่เสียดายเลยที่คุณชายจุนเซี่ยนเป็นอันดับหนึ่งของคนรุ่นหนุ่มสาวตระกูลเจิ้ง จัดการทุกอย่างไม่เหมือนอย่างคนธรรมดา พอลองเทียบกันดูทำให้คนบางคนกลายเป็นคนอกตัญญูและใจแคบไปเลย!”

……

เสียงซุบซิบนินทาของแขกในงานดังระงม

ทำให้เฉินตงขมวดคิ้วเล็กน้อย และรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเจิ้งจุนหลินที่นั่งอยู่ข้างๆ กำลังตัวสั่น

โทสะที่กำลังเดือดดาลราวเปลวเพลิงที่ลุกโชน

“ดีๆๆ จุนเซี่ยน ไม่เสียแรงที่ฉันสั่งสอน เจ้าคือความภาคภูมิใจของคนในตระกูลเซี่ยน”

เจ้าบ้านเจิ้งหน้าตาเบิกบาน กล่าวชมออกมาด้วยเสียงดังฟังชัด ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดนี้ทำให้คนที่กำลังวางแผนบางอย่างค่อยๆ เดาความหมายได้

ส่วนเจิ้งจุนเซี่ยนกับพวก เมื่อได้ยินคำกล่าวชมเช่นนี้ก็ดีใจจนหน้าบาน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคำพูดเช่นนี้เป็นการบอกทางอ้อมถึงคนที่จะรับตำแหน่งเจ้าบ้านคนต่อไป!

ทว่ากลับไม่มีใครสังเกตเห็นว่าระหว่างที่เจ้าบ้านเจิ้งกำลังกล่าวคำพูดเช่นนี้นั้น สายตาของเขาแอบเหลือบไปมองเจิ้งจุนหลินที่กำลังนั่งกัดฟันกรอดอยู่

เมื่อดื่มกินกันไปจนถึงช่วงท้ายของมื้ออาหารแล้ว

คนในงานก็เริ่มชนแก้วกับแขกคนอื่นๆ และพูดคุยกันอย่างครึกครื้น

เจ้าบ้านเจิ้งเป็นจุดสนใจตลอดงานเลี้ยงนี้ ทำให้เขาดื่มเข้าไปมากจนตอนนี้สายตาเริ่มพร่าจากอาการเมา

และด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์นี้เองที่ทำให้เจ้าบ้านเจิ้งลุกขึ้นยืน

“จุนเซี่ยน พวกเธอคือความภาคภูมิใจของตระกูลเจิ้ง ดังนั้นไปชนแก้วกับแขกเหรื่อคนอื่นๆ ในงานด้วยกันเถอะ”

แขกภายในโถงด้านใน ล้วนเป็นคนที่มีหน้ามีตาใหญ่โตในเมืองนี้

เดิมทีเจ้าบ้านเจิ้งก็เป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ชอบนั่งอยู่กับที่เฉยๆ เพื่อรอให้คนอื่นมาอวยพรและขอดื่มคารวะด้วย นี่คือกฎของเขา

เจ้าบ้านเจิ้งเดินไปขอชนแก้วกับทุกโต๊ะด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบาน

ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เขาก็พาพวกเจิ้งจุนเซี่ยนเดินมายังโต๊ะที่อยู่ตรงประตูใหญ่ และหยุดยืนอยู่ด้านหน้าเฉินตง

ทว่ารอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเจ้าบ้านเจิ้งก็หายไปเป็นปลิดทิ้งด้วยเมื่อหันไปมองเจิ้งจุนหลิน

“ลูกเนรคุณ!”

จู่ๆ เจ้าบ้านเจิ้งก็กัดฟันและต่อว่าเจิ้งจุนหลิน “งานเลี้ยงวันเกิดของพ่อแกแท้ๆ แกไม่ใช้ฐานะคุณชายใหญ่ของตัวเองไปต้อนรับแขกในงานก็แย่แล้ว แต่นี่ยังไม่ยอมไปนั่งร่วมโต๊ะกับพ่อตัวเอง กลับมานั่งอยู่โต๊ะติดประตูแบบนี้อีก แกอยากทำให้ฉันปวดหัวใช่ไหม ได้ๆๆ ตอนนี้ในฐานะที่ฉันเป็นพ่อจะขอมาดื่มคารวะแกสักหน่อย!”

คำพูดประโยคนี้ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะเย็นยะเยือก

แขกคนอื่นๆ เกิดความหวาดหวั่นรู้สึกราวนั่งไม่ติดเก้าอี้

ส่วนพวกของเจิ้งจุนเซี่ยนกลับยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มยินดีที่เห็นคนเดือดร้อน

เจิ้งจุนหลินตัวสั่นระริก จู่ๆ ความโกรธบนใบหน้าของเขาพลันหายไป

แต่กลับนั่งเอนกายสบายๆ อยู่บนเก้าอี้ “ผมพอใจที่จะนั่งเป็นเพื่อนกับเพื่อนผม”

“เพื่อน?”

เจ้าบ้านเจิ้งขมวดคิ้วแน่น แล้วมองไปที่เฉินตง ท่านหลงและคุนหลุน

ในตอนนั้นเอง

เจิ้งจุนเซี่ยนพลันเอ่ยออกมาอย่างนอบน้อมว่า “ท่านเจ้าบ้าน เป็นความผิดของผมเอง คนต่างถิ่นทั้งสามคนนี้เป็นเพื่อนกับจุนหลิน เมื่อครู่นี้คิดอยากจะนั่งกับจุนหลินที่โต๊ะวีไอพี จุนเซี่ยนรู้สึกว่าการกระทำเช่นนี้ออกจะไร้มารยาทเกินไป จึงเชิญคนต่างถิ่นทั้งสามคนนี้มานั่งตรงนี้ จุนหลินไม่พอใจขึ้นมาก็เลยออกมานั่งร่วมโต๊ะกับพวกเขาตรงนี้”

“ไร้สาระ!”

ปัง!

เจิ้งจุนหลินโกรธจัดจนใช้ฝ่ามือตบลงบนโต๊ะ “เพื่อนผมนั่งโต๊ะวีไอพีด้วยมันไร้มารยาทตรงไหน เป็นเพราะผมไม่พอใจหรือว่าพวกแกที่พยายามรังแกเพื่อนของฉันกันแน่”

เพี๊ยะ!

เจ้าบ้านเจิ้งตบหน้าเจิ้งจุนหลิน

“แกมันลูกเนรคุณ แกทำแบบนี้ในงานเพราะต้องการจะทำลายงานวันเกิดของฉันใช่ไหม”

“พ่อ……”

ตอนนั้นเจิ้งจุนหลินอึดอัดใจอย่างถึงที่สุด เขาเอามือกุมใบหน้าอย่างโกรธแค้น

“เฮ้อ……”

เฉินตงถอนหายใจออกมาแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เขากดไหล่ของเจิ้งจุนหลินเอาไว้ “นายมันบ้าบิ่นเกินไป”

เหตุการณ์เมื่อครู่นี้ หากเจิ้งจุนหลินใจเย็นสักหน่อย ทำตัวนอบน้อมต่อหน้าเจ้าบ้านเจิ้งก็คงจะไม่เกิดเรื่องวุ่นวายถึงขั้นยากจะแก้ไขภายในชั่วเวลาพริบตาเดียวแบบนี้

ถึงอย่างไรก็เป็นพ่อลูกกัน เจ้าบ้านเจิ้งคงจะปกป้องเขาบ้าง

เพราะความบุ่มบ่ามใจร้อนของเจิ้งจุนหลินแท้ๆ ที่เอาความลำเอียงของเจ้าบ้านเจิ้งมาจุกอยู่ที่อก

“ฉัน…”

เจิ้งจุนหลินอ้าปากเตรียมจะตอบโต้

แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไป

เจิ้งจุนเซี่ยนพลันก้าวออกมาด้านหน้า แล้วปัดมือของเฉินตงที่วางอยู่บนไหล่เจิ้งจุนหลินออก

จากนั้นเขาจึงหันไปจ้องหน้างเฉินตงอย่างเอาเรื่อง

แล้วเอ่ยเสียงแข็งว่า “พวกแกสามคนเป็นสุนัขต่างถิ่น คบกับจุนหลินเพื่อเป็นเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวกับเขาก็เท่านั้น คิดว่าพวกแกมีสิทธิ์ที่จะสอดปากเข้ามาพูดเรื่องนี้งั้นหรือ”

“เจ้าบ้านของพวกเราจะสั่งสอนลูกบ้าง มันเกี่ยวอะไรกับพวกแก ถ้าไม่ถือว่าพวกแกเป็นแขกของเจ้าบ้าน สุนัขต่างถิ่นอย่างพวกแกคงโดนลากตัวออกไปนานแล้ว ฉันขอเตือนให้พวกแกเจียมตัวหน่อย หัดสำนึกบุญคุณของคนอื่นเสียบ้าง!”

และตอนนั้นเอง

มือถือของเจ้าบ้านเจิ้งที่กำลังโกรธจัดส่งเสียงดังขึ้น

เขาหยิบมือถือออกมาด้วยอาการมึนเมา แต่เมื่อเห็นเบอร์มือถือท่าทางของเขาก็สำรวมขึ้นทันทีและรีบรับโทรศัพท์

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท