เมื่อคำพูดเช่นนี้หลุดออกไป บรรยากาศมีเพียงความเงียบงัน
รอยยิ้มบนใบหน้าของเจ้าบ้านเจิ้งแข็งทื่อ
เจิ้งจุนหลินสติล่องลอย
ส่วนเจิ้งจุนเซี่ยนตอนนี้รู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งตัวราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง
เขารู้สึกหายใจติดขัดอย่างรุนแรง ทำให้เขารู้สึกหมดหวังเวิ้งว้างราวกับตกลงไปในน้ำ
“ท่าน เจ้าบ้าน…”
เจิ้งจุนเซี่ยนเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกัก ทำลายความเงียบสงัดรอบด้าน
แต่ว่า…
เพี๊ยะ!
เจ้าบ้านเจิ้งยกมือตบหน้าเจิ้งจุนเซี่ยนเต็มแรงด้วยสีหน้าเย็นเยียบ
“คุกเข่าลง ขอโทษคุณเฉินเดี๋ยวนี้!”
น้ำเสียงของเขาราวเสียงฟ้าฟาด ที่ดังสะท้านไปทั่วทั้งงาน
เกิดเสียงอื้ออึงดังขึ้นภายในโถง
ภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เจ้าบ้านเจิ้งเปลี่ยนท่าทีไปราวกับเป็นคนละคนอย่างเหนือความคาดหมายของทุกคน
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ก่อนหน้านี้เจ้าบ้านเจิ้งยังชื่นชมเจิ้งจุนเซี่ยนอยู่เลย ตอนนี้ทำไมถึงไม่รักษาหน้าเขาต่อหน้าคนอื่นซะแล้ว”
“คนแซ่เฉินคนนั้นคือใคร ทำไมฉันรู้สึกว่าเจ้าบ้านเจิ้งดูกลัวๆ เขา”
……
เกิดเสียงกระแทกดังขึ้น
เจิ้งจุนเซี่ยนทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้น แก้มทั้งสองด้านบวมเปล่ง
แม้ว่าในใจเขาจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่เขาไม่ใช่คนโง่ เขาได้อันดับหนึ่งของตระกูลเจิ้งในรุ่นเดียวกัน ดังนั้นเขาเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง
ท่าทางที่เปลี่ยนแปลงไปของเจ้าบ้านเจิ้ง เป็นเรื่องที่เขาไม่สมควรถามตอนนี้ การเชื่อฟังต่างหากถึงจะเป็นการควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดเอาไว้ได้
หากตอนนี้ขืนเขายังยึดติดกับการเป็นอันดับหนึ่งของรุ่น เซ้าซี้เจ้าบ้านอยู่ ผลที่เกิดหลังจากนี้เขาอาจจะต้องเสียใจทีหลัง
“คุณเฉินครับ จุนเซี่ยนมีตาหามีแววไม่ คุณเฉินได้โปรดเมตตา ให้อภัยจุนเซี่ยนด้วย!”
ปั้ง!
หลังจากเอ่ยเสียงวิงวอนอันแหบแห้ง เจิ้งจุนเซี่ยนตัดสินใจโคกหัวตัวเองลงบนพื้นอย่างแรง
เสียงศีรษะกระแทกพื้นนั้น ทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่นี้อกสั่นขวัญแขวน
เฉินตงหรี่ตามองเจิ้งจุนเซี่ยนอย่างดูแคลน
ลำพังความเก็บกดยังรุนแรงเช่นนี้ จึงไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เขาจะกดขี่ลูกชายแท้ๆ ของเจ้าบ้านจนไม่ให้มีโอกาสได้เงยหัวขึ้นมา
เฉินตงถอนหายใจออกมาช้าๆ ก่อนจะเม้มปากแล้วเอ่ยออกมาอย่างชิงชัง
“คุณไม่ได้เป็นคนบอกเองหรือว่า คนอย่างเจิ้งจุนเซี่ยนไม่มีทางตกต่ำถึงขั้นต้องร่วมโต๊ะอาหารกับสุนัขอย่างผม”
เพี๊ยะ!
ประโยคนี้ เปรียบเสมือนฝ่ามือใหญ่ๆ ที่ไร้รูปร่างตบเข้าที่หน้าของเจิ้งจุนเซี่ยนอย่างแรง
ตอนนี้ เจิ้งจุนเซี่ยนรู้สึกเจ็บแสบมากกว่าโดนเจ้าบ้านเจิ้งตบหน้าเมื่อกี้นี้เสียอีก
เขารู้สึกได้ถึงสายตาคบปราบราวมีดของเจ้าบ้านเจิ้ง และความประหลาดใจของคนรอบๆ รวมทั้งสายตาสะใจที่เห็นเขาเป็นเช่นนี้
เจิ้งจุนเซี่ยนรู้สึกร้อนรุ่ม ในใจของเขากำลังเดือดปุดๆ
เขายังคงพยายามกัดฟันแน่น บังคับความโกรธที่อยู่ในใจของตนเอง
ปั้ง!
เขาโขกหัวตัวเองลงบนพื้นอย่างแรงอีกครั้ง
“คุณเฉินได้โปรดให้อภัย คุณเฉินได้โปรดให้อภัย สำหรับคุณเฉินแล้ว จุนเซี่ยนต่างหากที่เป็นสุนัขตัวหนึ่ง”
ห๊ะ……
เกิดเสียงร้องอย่างประหลาดใจดังขึ้นภายในโถงด้านใน
ผู้ที่สามารถเข้ามานั่งในโถงด้านในได้แบบนี้ ล้วนเป็นคนที่มีหน้ามีตาของเมืองนี้ทุกคน
พวกเขาต่างรู้ถึงการตระเตรียมผู้รับตำแหน่งเจ้าบ้านเจิ้งคนต่อไปมานานแล้ว
แต่วันนี้ เจิ้งจุนเซี่ยนที่ทุกคนคิดว่าจะได้เป็นเจ้าบ้านเจิ้งคนต่อไป กลับกำลังคุกเข่าโขกศีรษะลงบนพื้นอย่างน่าเวทนาอย่างยิ่ง
ตอนนั้นเจิ้งจุนหลินเพิ่งจะได้สติกลับมา
เขาอ้าปากค้างมองไปที่เฉินตง ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงคำพูดที่เฉินตงพูดก่อนหน้านี้
“นาย นายค่าตัวหมื่นล้านจริงหรอ ถึงจะไปนั่งที่โต๊ะวีไอพีได้”
เฉินตงหันหน้าไปมองเจิ้งจุนหลิน สีหน้าเย็นชาของเขาหายไป จากนั้นจึงยิ้มอย่างอบอุ่นว่า “นายคิดว่าไง?”
คำพูดเบาๆ เพียงสี่คำ แต่เมื่อเข้าไปในหูของเจิ้งจุนหลินแล้วกลับคล้ายเสียงระฆังกังวาน
ร่างกายของเขาล่องลอยราวกับฝันไป
พระเจ้า บรรพบุรุษคุ้มครองเจิ้งจุนหลินแท้ๆ
การโดนตบหน้าที่บาร์เหล้า ทำให้เขาสามารถคบหากับคนเช่นนี้ได้เลยหรือ?
ในขณะที่กำลังตื่นตะลึงอยู่นั้น เจิ้งจุนหลินก็หลุดปากกล่าวออกมาว่า “เยสเข้ พี่ชายโคตรเจ๋งเลย!”
เฉินตงอมยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ให้ทุกคนรู้สึกอบอุ่นราวลมในฤดูใบไม้ผลิ
เจ้าบ้านเจิ้งสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของเฉินตงอย่างชัดเจน
ตอนนี้เจ้าบ้านเจิ้งกำลังแอบดีใจ สายตาของเขาเป็นประกาย แววตาของเขาที่มองเจิ้งจุนหลินเต็มไปด้วยความเมตตา ส่วนสายตาที่มองไปยังเจิ้งจุนเซี่ยนที่กำลังคุกเข่าโขกหัวอยู่นั้นเต็มไปด้วยความว่างเปล่า เขาแสยะยิ้มออกมาอย่างเย็นชาแล้วแอบส่ายหน้า
“นาย นายเป็นใครกันแน่” หลังจากหายประหลาดใจแล้ว เจิ้งจุนหลินก็เอ่ยปากขึ้น
หลังจากคำพูดนี้หลุดออกไปแล้ว ทุกสายตาก็หันมาจดจ้องอยู่ที่เฉินตง
แม้แต่เจิ้งจุนเซี่ยนที่กำลังคุกเข่าโขกหัวอยู่นั้น เวลานี้ก็หันมามองเฉินตงอย่างสงสัยเช่นกัน
เฉินตงยิ้มแต่ไม่ได้กล่าวตอบ
หลังจากเจ้าบ้านเจิ้งวางสายแล้ว ท่าทางของเขาก็กลับตาลปัตร ทำให้เฉินตงแน่ใจถึงเรื่องที่ตนเองคาดเดาไว้
แม้แต่ท่านหลงกับคุนหลุนที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาด้วย
เจ้าบ้านเจิ้งอมยิ้มก่อนจะเอ่ยอย่างราบเรียบว่า “เขาก็คือความโชคดีในงานนี้!”
เปรี้ยง!
แม้เสียงจะเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา
แต่กลับทำให้เจิ้งจุนเซี่ยนรู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่า
ตอนนั้น เจิ้งจุนเซี่ยนสยดสยอง สีหน้าของเขาซีดเผือดไร้เลือดฝาด
“โชคดี? เขาก็คือผู้สูงศักดิ์ที่เจ้าบ้านพูดถึงเหรอ แย่แล้ว ทำไมเราถึงซวยได้ขนาดนี้”
นี่คือสิ่งที่เจิ้งจุนเซี่ยนคิดในใจ
เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ ดวงตาของเจิ้งจุนเซี่ยนปรากฏน้ำตาคลอด้วยความเสียใจที่ท่วมท้น
เขาโขกหัวลงบนพื้นถี่รัวราวกับไก่จิกอาหาร
“คุณเฉินได้โปรดอภัย ขอแค่ให้อภัยจุนเซี่ยน ให้จุนเซี่ยนเป็นคนรับใช้ก็ยอม!”
ท่าทีของเขาต่ำต้อยน่าอนาถใจ
ไม่หลงเหลือความโอหังเหมือนอย่างก่อนหน้า
เพราะเขารู้ว่า ความโชคดีตรงหน้าสำคัญกับเขาขนาดไหน!
สำคัญถึงขั้นตัดสินความเป็นตายของเขาได้!
กึก!
กึก!
กึก!
ในเวลาเดียวกัน พี่น้องตระกูลเจิ้งทั้งสามคุกเข่าลงบนพื้นด้วยสีหน้าหวาดหวั่น
จากนั้นจึงโขกหัวลงบนพื้นอย่างบ้าคลั่งเช่นเดียวกับเจิ้งจุนเซี่ยน
ทั้งโถงด้านในเงียบจนสามารถได้ยินเสียงเข็มตก
แขกในงานมองเหตุการณ์นี้อย่างงุนงง
ทุกคนต่างไม่มีใครคาดคิดว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัตรถึงขั้นนี้!
มีเพียงเจิ้งจุนหลินคนเดียวที่ตบไหล่เฉินตงด้วยความสับสน เขาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “สรุปแล้ว นายคือ…ความโชคดีอะไร”
ประโยคนี้ทำเอาเจ้าบ้านเจิ้งโงนเงน แล้วมองไปยังเจิ้งจุนหลินด้วยสายตาแปลกประหลาด
เด็กคนนี้ เป็นเด็กโง่ที่มีบุญจริงๆ!
ส่วนพวกเจิ้งจุนเซี่ยนทั้งสี่คน ตอนนี้แทบจะกระอักเลือดออกมา
พวกเขาสี่คนได้รับการสอนสั่งจากเจ้าบ้าน เปิดไฟนำทางให้ได้เจอผู้สูงศักดิ์และภาวนาให้พวกเราได้เจอโชคดี แต่นอกจากพวกเราจะหาไม่เจอแล้วยังง้างมือตั้งท่าจะต่อยหน้าผู้สูงศักดิ์อีกด้วย
ส่วนเจิ้งจุนหลินที่ไม่รู้จักธรรมเนียมเพียงครั้งเดียว กลับกระโดดเข้าไปอยู่ในอกของผู้สูงส่งได้
นี่มัน…หมาจรจัดชัดๆ!
เฉินตงอมยิ้ม แต่ไม่ได้สนใจว่าเจิ้งจุนเซี่ยนใช้หัวโขกจนหัวแตกเลือดไหลนอง
เขามองไปที่เจ้าบ้านเจิ้งอย่างสงบ
“เจ้าบ้านเจิ้ง ผมเชื่อว่าคุณสามารถแก้ปัญหานี้ได้ดีแน่ งานเลี้ยงคืนนี้สนุกมาก พรุ่งนี้ผมจะไปเยี่ยมท่านที่บ้านเพื่อไปพบเขาด้วย”
เมื่อเอ่ยจบ เฉินตงก็หันตัวเดินออกไป
ท่านหลงกับคุนหลุนรีบเดินตามไป
“น้อมส่งคุณเฉิน!”
เจ้าบ้านเจิ้งรีบค้อมตัวทำมือคารวะเอ่ยคำอำลาอย่างเคารพนอบน้อม
เจิ้งจุนหลินยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างล่องลอย
ส่วนเจิ้งจุนเซี่ยนนั้นยังคงแน่นิ่งอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าขาวซีด เลือดไหลนองเต็มไปใบหน้า
เขามองตามเฉินตงที่เดินออกไปอย่างสบายๆ ความคิดน่าสยดสยองอย่างหนึ่งไหลทะลักเข้ามาหอบตัวเขาออกไป
เป็นอย่างที่คิด
วินาทีต่อมา
เมื่อเจ้าบ้านเจิ้งเงยหน้าขึ้นมายืนเหยียดตรงแล้ว
เขาก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาไร้อารมณ์ที่ดังสะท้อนไปทั่วโถงด้านในราวเสียงฟ้าร้องกระหึ่ม
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ยึดอำนาจและทรัพย์สินทั้งหมดของเจิ้งจุนเซี่ยนและพวก ห้ามยื่นมาเข้ามายุ่งกิจการใดๆ ของตระกูลเจิ้ง มีฐานะเป็นเพียงลูกจ้างคนหนึ่ง ถอดถอนรายชื่อผู้เข้าร่วมตำแหน่งเจ้าบ้านทุกคน!”
เปรี้ยง!
เจิ้งจุนเซี่ยนตัวสั่น สายตาของเขาแดงก่ำ น้ำตาคลอล้นทะลักออกมา
คำสั่งนี้ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีไปหมดไป ไม่สิ พรากทุกอย่างจากเขาไปจนหมดสิ้น!