กลางดึก
ตอนกลางคืนอุณหภูมิของเมืองโม่เป่ยลดลงอย่างรวดเร็ว
ลมหนาวพัดโชยหอบเอาความหนาวเหน็บทิ่มแทงเข้าไปถึงกระดูก
เฉินตงนั่งอยู่ตรงหน้าต่างเงียบๆ เฝ้ามองแสงไฟที่สว่างกระจายไปทั่วทั้งเมืองอย่างไม่รู้สึกง่วง
ตั้งแต่ในงานฉลองตระกูลเจิ้งจนถึงตอนนี้ จิตใจของเขาไม่เคยสงบลงได้เลย
ความสงบที่แสดงออกมาเบื้องหน้า เป็นเพียงความพยายามของเขาเท่านั้น
พ่อ……อยู่ที่นี่จริงๆ!
แถมยังเกี่ยวข้องกับตระกูลเจิ้งอย่างใกล้ชิด
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ผลงานที่โดดเด่นของจุนหลิน กรุ๊ปในตลาดหุ้นก็เป็นเรื่องที่สามารถอธิบายได้
แก๊ก
ประตูถูกเปิดออก
ท่านหลงกับคุนหลุนเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าอ่อนล้า
“กลุ่มที่เท่าไหร่แล้ว”
เฉินตงถามโดยไม่หันหน้าไปมอง
“กลุ่มที่ 23 แล้วครับ”
ท่านหลงทุบที่เอวพลางนั่งลงบนโซฟ่าอย่างเหนื่อยล้า “หรือพวกเราจะเปลี่ยนโรงแรมดี อาจจะไม่ครบครันเท่านี้ก็ไม่เป็นไร จะได้ผ่านคืนที่ทรมานนี้ไปได้สักที”
“หรือจะให้ผมไปยืนเฝ้าด้านนอกดีครับ” คุนหลุนเสนอ
เฉินตงส่ายหน้า “ในงานเลี้ยงของตระกูลเจิ้ง ทุกคนต่างเห็นภาพที่เจ้าบ้านเจิ้งก้มหัวให้ผม คนชั้นสูงพวกนั้นไม่มีทางอยู่เฉยได้แน่ ต่อให้พี่ไปยืนอยู่ก็คงแก้ปัญหาอะไรไม่ได้”
หยุดครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง เฉินตงจึงกล่าวกับคุนหลุนว่า “พี่คุนหลุนลงไปบอกคนดูแลโรงแรมหน่อยดีกว่า ใครก็ตามที่ต้องการจะมาพบผมให้กันไว้อยู่ด้านนอกไม่อนุญาตให้เข้ามาด้านใน ประกาศให้คนที่ต้องการมาพบพวกเราทราบตามที่ผมบอก เพราะคนพวกนี้ไม่คุ้มค่าให้สมาคมด้วย”
“รีบไปเร็วเข้า ตอนนี้เอวฉันใกล้จะหักเต็มทีแล้ว” ท่านหลงรีบโบกมือ
เดิมทีตระกูลเจิ้งยิ่งใหญ่ในเมืองนี้ แต่เศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองกลับเริ่มขยายอำนาจออกไปนอกเมืองแล้ว
และในงานฉลอง บุคคลใหญ่โตของเมืองในโถงด้านในต่างก็เห็นแล้วว่าเจ้าบ้านเจิ้งยอมก้มหัวให้เฉินตง
แม้ว่าพวกเขาดูจะเรียบเฉย แต่หลังจากจบงาน บุคคลใหญ่โตเหล่านี้ไม่มีทางปล่อยผ่านโอกาสดีๆ แบบนี้ไปแนุ่
ตั้งแต่ออกจากงานเลี้ยงมาจนถึงตอนนี้ ผู้มาเยือนกว่ายี่สิบกลุ่ม ทำเอาท่านหลงต้องรับหน้าไปก่อนอย่างยากลำบาก
และอย่างที่เฉินตงกล่าวว่าบุคคลใหญ่โตของเมืองเล็กๆ แห่งนี้ไม่คุ้มค่าที่จะไปสมาคมด้วย
กบเมื่อนั่งอยู่ในบ่อย่อมคิดว่าตัวเองมองเห็นท้องฟ้า ส่วนท้องฟ้าก็คิดว่าบ่อที่ตนเองควบคุมอยู่ข้างใต้นั้นคือโลกทั้งใบ
ขณะที่คุนหลุนหันตัวตั้งท่าจะเดินออกไปด้านนอกอยู่นั้น
วอที่เหน็บอยู่ตรงเอวของท่านหลงก็ส่งเสียงดังออกมา
เนื่องจากคนที่มาขอพบนั้นเยอะราวฝูงผึ้ง ทำให้โรงแรมเองก็รู้สึกปวดหัวเช่นกัน และสิ่งที่สำคัญคือฐานะของคนที่มาพบทำให้ผู้จัดการโรงแรมลำบากใจ ดังนั้นจึงเอาวอให้ท่านหลงติดตัวไว้หนึ่งอัน
เมื่อมีคนมาขอพบก็จะรายงานผ่านวอ แล้วใช้ชื่อของเฉินตงในการปฏิเสธแขกที่ขอเข้าพบ
ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ค่อยให้ท่านหลงกับคุนหลุนออกหน้ารับแทน
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า คนที่มาขอเข้าพบวันนี้ไม่ได้มีแค่ 23 กลุ่ม
“คุณเฉิน คุนชายหลินของตระกูลเจิ้งมาขอเข้าพบครับ” เสียงรายงานดังผ่านวอออกมา
เฉินตงยิ้ม “คุนหลุน ไปพาเขาเข้ามา”
ไม่กี่นาทีต่อจากนั้น เจิ้งจุนหลินก็พุ่งเข้ามาด้านในห้องด้วยท่าทางตื่นเต้น
จุดผกผันในวันนี้ ได้ล้มความคิดของเขาทั้งหมดในยี่สิบปีที่ผ่านมา
เขาเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้ง และเป็นคนที่ทุกคนต่างรู้ดีว่าเป็นคนไร้ประโยชน์ คนตระกูลเจิ้งไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตา เพราะทุกคนต่างคิดว่าเขาไม่มีทางได้เป็นเจ้าบ้านคนต่อไป
แต่ตอนนี้ พ่อของเขาได้แต่งตั้งเขาเรียบร้อยแล้ว!
และทั้งหมดเป็นเพราะเฉินตง!
“พี่ตง พี่คือตัวนำโชคของผม!”
เมื่อก้าวผ่านประตูเข้ามา เจิ้งจุนหลินก็รีบคุกเข่าลงกับพื้นดังตุ้บ แล้วส่งเสียงราวกับกำลังจะตะโกนออกมา
“เด็กคนนี้ เข้าห้องมาก็คุกเข่าซะแล้ว?”
ท่านหลงแปลกใจรีบกวักมือเรียกคุนหลุน “ไปประคองเขาขึ้นมาเร็ว”
แต่เจิ้งจุนหลินไม่สนใจ เขาโขกหัวลงบนพื้น
ตุ้บๆๆ!
โขกทีเดียวติดกันสามครั้ง ทำเอาหน้าผากของเขาที่โขกลงไปบนพื้นเขียวช้ำ
จากนั้นเจิ้งจุนหลินจึงสะอึกสะอื้นกล่าวว่า “ถ้าไม่ได้พี่ตง ชีวิตนี้ของจุนหลินคงไม่มีทางโงหัวขึ้นมาได้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ชีวิตของเจิ้งจุนหลินจะเป็นของพี่ตง!”
น้ำเสียงดังฟังชัดทำให้คนได้ยินไม่มีข้อกังขา
แม้แต่ท่านหลงกับคุนหลุนเมื่อได้ยินเจิ้งจุนหลินกล่าวเช่นนี้ก็พากันตกตะลึงด้วยเช่นกัน
แค่เข้ามาก็คุกเข่าแล้วมอบชีวิตให้แล้ว ต้องใช้ความเด็ดเดี่ยวมากขนาดไหน?
“แค่เพราะเรื่องนี้เรื่องเดียวถึงกับมอบชีวิตให้ฉันแล้วหรอ”
เฉินตงลุกขึ้นยืนแล้วมองเจิ้งจุนหลินด้วยรอยยิ้ม
ดวงตาของเจิ้งจุนหลินบวมแดง จากนั้นจึงสะอึกสะอื้นกล่าวว่า “พี่ตงไม่เข้าใจ ยี่สิบกว่าปีมานี้ผมโดนรังแกมาตลอด โดนคนนินทาลับหลังสารพัด ที่ผมกลายเป็นคนเจ้าสำราญเที่ยวเสเพล ก็เป็นเพราะผมไม่ต้องการรับรู้เรื่องพวกนี้ แต่อันที่จริงแล้วในใจของผมอยู่กับตายไม่มีความแตกต่างกัน ผมทำได้แค่รังแกผู้หญิงไปวันๆ เท่านั้น”
“เพราะการปรากฏตัวของพี่ที่ทำให้ผมได้เกิดใหม่! ชีวิตของผมเริ่มมองเห็นความหวัง!”
เฉินตงหลุดขำออกมา
“นายนี่มันบ้าจริงๆ!”
เจิ้งจุนหลินยิ้มอย่างไร้เดียงสา จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อกดอารมณ์ที่แปรปรวนของตัวเอง เขาเอามือเช็ดน้ำตาแล้วยิ้มออกมา “ไปๆๆ วันนี้ผมขอเลี้ยงพี่ตงและทุกคนเอง ไปสนุกกันถึงเช้าไปเลย!”
เฉินตงขมวดคิ้ว และคิดถึงคำพูดบ้าๆ ของเจิ้งจุนหลิน เขาเข้าใจดีว่าคำว่าสนุกกันถึงเช้ามันหมายความว่ายังไง
“พวกนายไปกันเถอะ วันนี้ฉันเหนื่อยแล้ว” เฉินตงส่ายหน้า
แต่ตอนนั้นสายตาเหม่อลอยของท่านหลงที่นั่งอยู่บนโซฟากลับสว่างวาบขึ้น
“ผมไปเอง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเอวกับขาหายปวดแล้ว”
“ผมก็คงไม่ไป” คุนหลุนส่ายหน้า
เจิ้งจุนหลินลำบากใจ เขาอยากตอบแทนเฉินตงให้ดี
ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ท่านหลงก็ยกมือพาดบ่าเจิ้งจุนหลิน “รุ่นน้อง พาพี่ไปสนุกหน่อยเถอะ การแลกเปลี่ยนเทคนิคกันสำคัญมาก!”
“ไปเถอะ”
เฉินตงหันไปพูดกับเจิ้งจุนหลินอย่างเอือมๆ
เจิ้งจุนหลินเลยหยักหน้าแล้วพาท่านหลงออกไป
เมื่อประตูปิดลง
คุนหลุนจึงอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา “คุณชาย นับวันท่านหลงก็ยิ่งหน้าหนาขึ้นเรื่อยๆ”
“ขนาดพี่ทำงานกับเขามาตั้งนาน ยังไม่รู้เลยว่าลึกๆ แล้วเขาซ่อนอะไรเอาไว้บ้าง”
เฉินตงยิ้มอย่างลำบากใจ แล้วนึกถึงท่าทางของท่านหลงที่เจอตอนแรก ตอนนั้นท่าทางของเคร่งขรึมมาก
ใครจะรู้ว่าภายใต้ความเคร่งขรึมที่ปิดบังเอาไว้นั้น จะซ่อนจิตวิญญาณที่หมกมุ่นขนาดนี้เอาไว้
ปี๊บ
มือถือส่งเสียงเตือนข้อความเข้า
เฉินตงหยิบมือถือออกมาดูจึงเห็นว่าเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก
เมื่อกดเข้าไปในข้อความ ดวงตาของเขาพลันเกิดแสงสว่างวาบ
ข้อความในมือถือนั้นเรียบง่าย
“พรุ่งนี้ไปเจอกันที่โบราณสถานเฟิงโปนอกเมือง พ่อ”
“พ่อ”
เฉินตงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน จากนั้นค่อยๆ วางมือถือลง
เมื่อคุนหลุนได้ยินเช่นนี้ เขาก็พอเดาได้ว่าข้อความในมือถือคืออะไร
เขายิ้มออกมาราวยกภูเขาออกจากอกแล้วกล่าวเบาๆ “ในที่สุดก็จะได้เจอนายท่านแล้ว ไม่รู้เลยว่าตอนนี้นายท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
เฉินตงพยักหน้า
หลังจากที่พ่อหายตัวไปหลังจากเหตุการณ์ลอบสังหารนั้น เขาก็ไม่เคยวางใจได้เลย
เรื่องราวทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างแปลกประหลาด ถ้าได้พบพ่อพรุ่งนี้จะได้ถามทุกอย่างให้หายข้องใจ
เขาลูบจมูกก่อนจะยิ้มออกมาอย่างแปลกประหลาด
“ผมเป็นลูกชายแท้ๆ แต่ความสามารถไม่ถึงครึ่งของพ่อด้วยซ้ำ”
“ทำไมพูดอย่างนั้น” คุนหลุนถาม
เฉินตงยิ้ม “พ่อคงเดาไว้แต่แรกแล้วว่าผมจะต้องมา จึงตั้งใจรอผมอยู่ที่งานฉลองตระกูลเจิ้ง”
เขาหยุดพักหนึ่ง ก่อนจะเลิกคิ้ว “ถ้าไม่อย่างนั้น จะบอกฐานะของผมกับเจ้าบ้านเจิ้งยังไง แถมยังโทรมาบอกฐานะของผมในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนั้นอีก”
คุนหลุนทำหน้าสงสัย “นายท่านทำแบบนั้นเพื่ออะไรหรอครับ”
เฉินตงเม้มปากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
เขาเอ่ยออกมาอย่างไม่แน่ใจนัก “พี่ว่าที่พ่อทำแบบนี้ เหมือนต้องการจะช่วยให้ผมคุมอำนาจได้ใช่ไหม”