ฟิ้ว!
คลื่นความร้อนพัดหวนกลับมา
ระเบิดพุ่งทะยานออกไปพร้อมลำแสงไฟ
ตู้ม!
เฮลิคอปเตอร์ที่อยู่กลางท้องฟ้ากลายเป็นทะเลเพลิง ตกลงสู่พื้นดิน ทำให้เกิดระเบิดรุนแรงขึ้นอีกครั้ง
“สำเร็จ!”
ดวงตาของเฉินตงเป็นประกายขึ้นด้วยความดีใจ
แต่หลังจากนั้นความเจ็บปวดอย่างรุนแรงได้แล่นพล่านขึ้นมาตามแขนทั้งสอง ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเขากลายเป็นการกัดฟันแน่นอย่างเจ็บปวด
แรงกระแทกจาก RPG ทำให้แขนทั้งสองข้างของเฉินตงระบม รู้สึกราวกับกระดูกของเขาได้แตกออกเป็นเสี่ยง
เป็นความเจ็บที่จี๊ดไปถึงหัวใจ!
เมื่อเห็นเฉินตงยิงไปถูกเป้าหมายภายในครั้งเดียว เฉินเต้าหลินที่กำลังขับรถกับคุนหลุนที่นั่งอยู่เบาะหลังต่างพากันยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ
เฮลิคอปเตอร์สามลำ ถูกกำจัดไปแล้วสองลำ
ถือว่าความบีบหัวใจลดลงไปไม่น้อยสำหรับคนทั้งสาม
ทว่า
เฉินเต้าหลินหันไปมองกระจกหลังในทันที สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไป
“ระวัง!”
สิ้นเสียงตะโกน รถจี๊บก็ส่งเสียงคำรามราวสัตว์ดุร้าย
ความเร็วส่งให้รถพุ่งทะยานไปอย่างรุนแรง รถกระโดดไปข้างหน้าได้ไกลระยะหนึ่ง
และในเวลาเดียวกันนั้นเอง
ตู้ม!
ระเบิดอีกลูกล่วงลงมาไล่หลังรถจี๊บพอดี
พละกำลังที่น่าหวาดกลัว ระเบิดทรายสีทองพวยพุ่งไปทั่วท้องฟ้า ราวกับได้ถลกเปลือกโลกออกไปด้วย
สมองของเฉินตงที่อยู่ด้านในรถตอนนี้เกิดเสียงดัง หึ่งๆ ราวกับตอนนี้โลกเข้าสู่ภาวะแห่งความเงียบงัน
เขารับรู้ได้ถึงความน่าพรั่นพรึง ของแรงอันน่าหวาดหวั่นที่ปะทะเข้ากับรถจี๊บ จากนั้นจึงเห็นท้ายรถฉีกขาด รถจี๊บทั้งคันกำลังพุ่งทะยานขึ้นด้านบน
โครม……
รถจี๊บที่บินอยู่กลางอากาศล่วงลงกระแทกกับพื้นทรายก่อนจะกลิ้งไปอีกสิบตลบ ระเบิดทรายลอยสูงขึ้นมาสิบกว่าเมตร ย้อมท้องฟ้ากลายเป็นสีเหลืองทอง
แม้แต่เฮลิคอปเตอร์ที่เหลืออยู่อีกลำ ยังต้องบินวนบนท้องฟ้าเพื่อหลบทรายสีทองที่ลอยตลบอยู่ทั่วทั้งท้องฟ้า
ตุ้บ!
สุดท้ายรถจี๊บก็หยุดการเคลื่อนไหว
ฝุ่นหนาอบอวล ตัวรถเสียหายไปค่อนข้างมาก
ถังน้ำมันแตก ส่งผลให้น้ำมันไหลนองลงบนพื้น บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นน้ำมันเชื้อเพลิงที่เข้มข้น
เฮลิคอปเตอร์หยุดนิ่งอยู่กลางท้องฟ้าราวกับกำลังเฝ้าสังเกต เสียงคนสนทนากันดังลอยมาเบาๆ
ภายในรถ เฉินเต้าหลินถูกเข็มขัดนิรภัยคาดไว้อยู่กับเบาะ แรงกระแทกทำให้ศีรษะของเขาแตกเป็นรูและมีเลือดไหลปุดออกมา
แขนของคุนหลุนถูกเหล็กที่ฉีกออกมาจากตัวรถเสียบตัวเขาล็อคไว้อยู่ด้านบน
ทั่วร่างของเฉินตงเองก็กระแทกอยู่ในตัวรถตามแรงรถที่พลิกคว่ำ เขารู้สึกมึนหัว สายตาพร่ามัว จมูกของเขาก็มีเลือดไหลออกมา
แต่คนทั้งสามกลับพยายามอยู่ในความเงียบ
คุนหลุนยังคงพยายามฝืนตัวเองยกมือขึ้นบอกใบ้ให้เฉินตงเงียบ
เฉินตงเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากจมูก ด้วยสีหน้าเย็นชา แววตาของเขาแน่วแน่
ในสถานการณ์เช่นนี้ หากส่งเสียงอะไรออกไปแม้เพียงนิดเดียว คงจะต้องรับมือกับระเบิดที่มาจากเฮลิคอปเตอร์อีกลูก
สิ่งที่เฉินตงแน่ใจมากไปกว่านั้นคือ ตอนนี้เขาคือคนคนเดียวในรถที่พอมีแรงโต้ตอบกลับไปได้
ถ้าไม่ยิงเฮลิคอปเตอร์ให้ตกลงมา ความตายจะต้องมาเยี่ยมเยียนเขาในไม่ช้า
ในความเงียบสงัด เฉินตงพยายามออกแรงเคลื่อนกาย มือขวาของเขากำปืน RPG เอาไว้แน่น
เขามองผ่านหมอกควันและทรายที่ลอยคลุ้ง จนกระทั่งเจอตำแหน่งของเฮลิคอปเตอร์
โอกาสมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น!
ถ้าสำเร็จ จะรอด
ถ้าไม่สำเร็จก็ตาย
เฉินตงไม่รู้ว่าคนที่อยู่ในเฮลิคอปเตอร์คือพวกของใครกันแน่ แต่เขารู้เพียงอย่างเดียวว่า อีกฝ่ายต้องการเอาชีวิตของพวกเขา
ในสถานการณ์เช่นนี้มีผลลัพธ์เพียงสองอย่างเท่านั้นคืออยู่หรือตาย
ครืน…….
เสียงใบพัดของเฮลิคอปเตอร์หมุนแหวกอากาศดังกระหึ่ม
เฉินตงมองเห็นอย่างชัดเจนว่า เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นกำลังลงจอดอย่างช้าๆ
แสดงว่า…ต้องการจับเป็น?
เฉินตงเริ่มสงสัยขึ้นมา
และในตอนนั้นเอง มือใหญ่ๆ ที่อาบไปด้วยเลือดจับขาของเขาเอาไว้
เขาเงยหน้าขึ้นมอง พ่อค่อยๆ หันหน้ามามองเขาอย่างยากลำบาก
“คิดวิธีหนีไป!”
เฉินเต้าหลินเอ่ยคำพูดนี้ออกมาอย่างระมัดระวัง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความมืดมนของคนที่เลือกความตาย “พ่อกับคุนหลุนจะขวางพวกมันไว้เอง”
หนี?
เฉินตงชะงักมองไปที่พ่อของตนที่เลือดท่วมกาย ใบหน้าตรากตรำของเขา ตอนนั้นเขารู้สึกราวกับหัวใจของเขาถูกเข็มนับไม่ถ้วนทิ่มแทง
ถ้าปล่อยให้พ่อกับคุนหลุนล่อพวกมันเอาไว้ แล้วเขาหนีไป?
ถ้าเขาทำแบบนั้นคงไม่ต่างอะไรกับ…สัตว์?
ในตอนนั้น สมองของเฉินตงปรากฏภาพของแม่ในช่วงเวลาก่อนตาย
ความรู้สึกเจ็บปวดจากการโดนเข็มทิ่มแทงเข้มข้นรุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง
ร่างกายของเขารู้สึกราวกับถูกมีดกรีด
แค่หายใจยังทำได้ลำบาก
“หึ!”
เฉินตงหัวเราะออกมา “ในสายตาของพ่อ ลูกชายคนนี้ต้องการการปกป้องจากพ่อตลอดเลยงั้นหรือ”
เฉินเต้าหลินเงียบงัน
วินาทีถัดมา สายตาของเฉินตงเกิดประกายวับ ปากที่มีเลือดท่วมเริ่มแผดเสียงออกมาอีกครั้ง
“แม่จากไปแล้ว ผมไม่มีทางยอมเห็นพ่อต้องตายไปต่อหน้าต่อตาหรอก!”
หลังจากแผดเสียงแล้ว
เฉินตงถีบประตูรถอย่างแรงจนประตูเปิดออก เขาลุกขึ้นยืน
ปืน RPG เล็งไปยังเฮลิคอปเตอร์ที่กำลังลงจอดอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ไกลนัก
การแผดเสียงของเขา ดึงดูดสายตาของคนที่อยู่ในเฮลิคอปเตอร์
ปังๆๆ……
กระสุนปืนยิงมาทางนี้ราวกับห่าฝนที่จะหอบเอาทุกอย่างไป
ฟิ้ว!
และในช่วงเวลาเดียวกัน เฉินตงลั่นไกปืนออกไปขณะที่กำลังแผดเสียงตะโกน
ตอนนั้นห้วงเวลาได้ผ่านไปอย่างช้าๆ
ระเบิด RPG ติดไฟพุ่งทะยานขึ้นไปบนอากาศ ทำให้บรรยากาศเริ่มบิดเบี้ยว
ท่ามกลางห่ากระสุน ระเบิดได้พุ่งทะยานออกไปราวกับมังกร
ตู้ม!
เฮลิคอปเตอร์ถูกระเบิดโจมตีกลายเป็นเปลวเพลิงก้อนใหญ่ที่ค่อยๆ ร่วงลงสู่พื้นก่อให้เกิดระเบิดลูกใหญ่อีกครั้ง
ส่วนห่ากระสุนก็ถูกรถจี๊บขวางเอาไว้แล้วสะท้อนตกลงไปบนพื้นทราย
ตึ้ง!
ปืน RPG ในมือเฉินตงหล่นลงบนพื้น เขามองไปยังทะเลเพลิงที่ลุกโชนสูง
เขายิ้มราวกับยกภูเขาออกจากอก “สำเร็จแล้ว!”
ในพจนานุกรมของเฉินตงไม่มีคำว่ารอความตาย และไม่เคยปล่อยให้พ่อกับพี่น้องต้องสละชีวิตเพื่อแลกชีวิตของเขา
ต่อให้สามารถรอดจากความตายอย่างหวุดหวิดได้ แต่เขาขอเลือกความตายยังจะดีกว่า!
ในเวลาเดียวกันนั้น เฉินเต้าหลินกับคุนหลุนที่อยู่ด้านในรถก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจเช่นกัน
สายตาที่คนทั้งสองใช้มองเฉินตง กลับแปรเปลี่ยนเป็นสายตาที่พิลึกพิลั่นขึ้น
คุนหลุนรู้สึกยำเกรง
ส่วนเฉินเต้าหลินรู้สึกชื่นชม
……
สิบนาทีต่อจากนั้น
เฉินตงได้ย้ายเฉินเต้าหลินกับคุนหลุนให้ออกมาจากรถที่ถังน้ำมันแตก
ทิ้งระยะห่างจากรถได้ประมาณสามสิบกว่าเมตร ด้วยระยะทางเท่านี้ก็เพียงพอที่จะรอดพ้น หากรถจี๊บเกิดระเบิดตัวเองขึ้นมา
เวลาใกล้เที่ยง
อุณหภูมิของทะเลทรายสูงขึ้น ราวกับหม้อนึ่งใบใหญ่หม้อหนึ่ง
คนทั้งสามคนมีเหงื่อไหลท่วมกาย
แต่หลังจากเพิ่งรอดพ้นความตายกลับมา ทำให้คนทั้งสามไม่มีอารมณ์สนใจเรื่องความร้อนเท่าไหร่นัก
เฉินตงสำรวจบาดแผลของเฉินเต้าหลินกับคุนหลุน บาดแผลของคุนหลุนค่อนข้างหนัก แต่ก็ไม่ถึงขั้นอันตรายถึงชีวิตในตอนนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขาก็แทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรง ในพื้นที่รกร้างห่างไกลเช่นนี้ที่ไม่มีแม้แต่สัญญาณโทรศัพท์ จึงไม่ต้องพูดถึงการหาคนมาช่วยเหลือ
เฉินตงจึงทำได้เพียงฉีกเสื้อของตัวเองออกมาแล้วทำเป็นผ้าเพื่อพันแผลของคุนหลุนเอาไว้
“ตงเอ๋อ ลูกโตขึ้นแล้วจริงๆ”
เฉินเต้าหลินมองไปยังเฉินตงที่กำลังทำแผลให้คุนหลุนและยิ้มออกมาอย่างชื่นชม
คุนหลุนที่อยู่ข้างๆ พลอยยิ้มตามไปด้วย เพียงแต่ความเจ็บจากบาดแผล ทำให้เขาต้องกัดฟันยิ้ม รอยยิ้มของเขาจึงเป็นรอยยิ้มที่แปลกประหลาด
เฉินตงมัดผ้าเสร็จเรียบร้อย จากนั้นนั่งลงบนพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง
จากนั้นจึงตอบกลับมาอย่างเหนื่อยหอบ “ผมไม่รู้ว่าผมโตหรือไม่โต แต่ผมขอเตือนพ่อไว้สักเรื่อง”
สายตาที่ใช้มองเฉินเตาหลินเย็นเฉียบ เฉินตงเอ่ยเสียงแข็ง “ต่อจากนี้ไป ผมกับพ่อต้องรวมใจกันเป็นหนึ่งและลงมือร่วมกัน ถ้าไม่อย่างนั้นผมจะจัดการคนเดียว ผมทำไม่ได้หากผมจะรอดชีวิตโดยต้องทิ้งพ่อกับพี่น้องเอาไว้ ต่อให้พ่อเป็นพ่อผม ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะสอนผมแบบนี้!”
เฉินเต้าหลินสบตาเฉินตง ตอนนั้นสายตาของเฉินตงทำให้เขาเกิดความรู้สึกเกรงขาม แม้แต่คุนหลุนเองก็มองเขาด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
แปะๆ……
ความเย็นชาบนสีหน้าของเฉินตงหายไปฉับพลัน จากนั้นจึงหันไปปัดเศษทรายที่ติดอยู่ที่มือออก
เขาเอ่ยถามช้าๆ “ตอนนี้พ่อบอกผมได้รึยังว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”