ราชันเร้นลับ 715 : เสียสติในบั้นปลาย
“เราได้รับสูตรโอสถ ‘จักรพรรดิความรู้’ มาจากองค์กรลับที่เก่าแก่ที่สุด ปัจจุบันเหลือแค่การรวบรวมวัตถุดิบหลัก บางทีอาจอยู่กับเทวทูตบางตน หรือไม่ก็หลอมรวมเข้ากับวัตถุรอบข้างไปแล้ว กลายเป็นสัตว์ประหลาดหรือไม่ก็สมบัติปิดผนึกระดับ ‘0’ ที่น่าหวาดกลัว สรุปโดยสั้น เราต้องระมัดระวังพอสมควร ถ้าเป็นไปได้ก็ต้องหาคนช่วย”
“จักรพรรดิความรู้… ชื่อโอสถลำดับ 1 ของเส้นทางนี้ฟังดูน่าสนใจ หากไม่เคยเห็นศิลาเย้ยเทพมาก่อน คงคิดว่าเป็นโอสถบนเส้นทาง ‘นักอ่าน’ แห่งโบสถ์เทพปัญญาความรู้ และที่แปลกยิ่งกว่านั้นคือ ทั้งสองเส้นทางไม่สามารถสับเปลี่ยนกันได้”
“เราเคยคุยกับหัวหน้าองค์กรสุดลึกลับคนนั้นและเฒ่าเฮอร์มิส ทุกคนมีความเห็นตรงกันว่า เส้นทาง ‘นักอ่าน’ มีแก่นสำคัญคือความ ‘ปราดเปรื่อง’ ที่อยู่ในคำว่า ‘ปราดเปรื่องและทรงพลัง’ … ส่วนเส้นทาง ‘ผู้ส่องความลับ’ มีแก่นสำคัญคือ ‘ความรู้’ โดยที่ความรู้ก็ยังแบ่งได้เป็นส่องแง่มุม หนึ่งคือการค้นหาความลับ และหนึ่งคือการเข้าใกล้ความจริง”
“อา.. เมื่อเรากลายเป็น ‘จักรพรรดิความรู้’ เมื่อไร แบร์นาแดตก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูก ‘ปราชญ์เร้นลับ’ บังคับถ่ายทอดองค์ความรู้มหาศาลอีกต่อไป และไม่ต้องกลัวการตั้งคำถาม”
ท้ายที่สุด จักรพรรดิเปลี่ยนไปเป็นเส้นทาง ‘ผู้ส่องความลับ’ ? เรายังไม่มีข้อมูลว่าเขาได้เป็นจักรพรรดิความรู้สมใจหรือไม่… อาจเพราะด้วยเหตุนี้ โบสถ์จักรกลไอน้ำจึงตัดขาดความสัมพันธ์ ส่งผลให้โรซายล์กลายเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก ความหวังสุดท้ายจึงเหลือเพียง ‘สภานักสิทธิ์สนธยา’ … ไคลน์คาดเดาด้วยอารมณ์ซับซ้อน
นอกจากนั้น ชายหนุ่มยังสนใจประเด็นที่เส้นทาง ‘นักอ่าน’ ไม่สามารถสับเปลี่ยนกับเส้นทาง ‘ผู้ส่องความลับ’ และ ‘นักปราชญ์’ ได้แม้จะฟังดูคล้ายกันมาก หากคิดเรื่องนี้ให้ลึกลงไป อาจพบกฎและหลักเกณฑ์ในการ ‘สับเปลี่ยน’ เส้นทางผู้วิเศษ
ในสายตาของผู้วิเศษทั่วไป ‘นักอ่าน’ ‘ผู้ส่องความลับ’ และ ‘นักปราชญ์’ ล้วนถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ ‘ความรู้’ จึงควรเป็นเส้นทางใกล้เคียงกัน แต่ในความเป็นจริง นักอ่านกลับแปลกแยกจากพวก…
หาก ‘นักอ่าน’ สื่อถึงความ ‘ปราดเปรื่อง’ ในคำว่า ‘ปราดเปรื่องและทรงพลัง’ ถ้าอย่างนั้น ‘ผู้วิงวอนความลับ’ ของเส้นทาง ‘คนเลี้ยงแกะ’ ก็คงสื่อถึง ‘ทรงพลัง’ ในคำว่า ‘ปราดเปรื่องและทรงพลัง’ … และทั้งสองเส้นทางมีความเกี่ยวข้องกันอย่างลับๆ ในบางแง่มุม ยกตัวอย่างเช่น ปัญญาคือบ่อเกิดของพลัง ขณะเดียวกัน พลังก็คือบ่อเกิดของปัญญา ส่งผลให้สามารถสับเปลี่ยนกันได้…
หากเริ่มจากหลักการนี้ เส้นทาง ‘วายุสลาตัน’ สามารถนิยามได้ว่า ‘ทรงพลัง’ ทั้งทางทะเล ทางบก และทางอากาศ ส่วน ‘ผู้ชม’ จะทรงพลังในขอบเขตของ ‘จิตใจ’ เป็นส่วนที่เส้นทางพายุขาดหายไป ถ้าอย่างนั้นทำไม ‘สุริยัน’ ถึงถูกจัดอยู่ในกลุ่มนี้? ถ้าลองพิจารณาว่า ‘มหาเทพผู้ปราดเปรื่องและทรงพลัง’ คนล่าสุดคือ ‘เทพสุริยันบรรพกาล’ หมายความว่า ‘สุริยัน’ คือรากฐานสำคัญของ ‘ปราดเปรื่องและทรงพลัง’ ?
อา… ถ้าอ้างอิงจากตรรกะข้างต้น ‘ความรู้’ จากเส้นทาง ‘นักปราชญ์’ และ ‘ผู้ส่องความลับ’ ก็ถือเป็นคนละส่วน ทำให้สามารถสับเปลี่ยนกันได้… แล้ว ‘นักลอบสังหาร’ กับ ‘นักล่า’ ต่างกันยังไง? ‘รัตติกาล’ ‘มรณา’ และ ‘เทพสงคราม’ ? ไคลน์พยายามเค้นสมองคิด แต่ยังมีเวลาและข้อมูลไม่มากพอจะวิเคราะห์ จึงต้องละทิ้งความสงสัย พลิกเปิดไปยังหน้าที่สาม
กวาดสายตาตรวจสอบสักพัก ไคลน์พลันตั้งสติ เนื่องจากเนื้อหาของไดอารีหน้าปัจจุบันมีความแตกต่างจากสองหน้าแรกอย่างชัดเจน
ไม่มีวันที่เขียนกำกับไว้ ตัวอักษรมีขนาดใหญ่และเขียนห่างกันมาก คงเป็นไดอารีต้นฉบับไม่ผิดแน่ นอกจากนั้นยังเห็นได้ชัดว่า น้ำหนักในการกดปากกาไม่ปรกติ!
ไคลน์กวาดตาอ่านอีกครั้ง เนื้อหาบนกระดาษสีเหลืองสะท้อนอยู่ในห้วงความคิด
“ไม่! เป็นไปไม่ได้!”
“ได้ยังไงกัน!”
“ถ้าเดาไม่ผิด เราไม่น่าจะใช่คนเดียวที่เคยสัมผัสประสบการณ์เช่นนี้!”
“ไม่! ไม่! เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง!”
“ภาพที่เราเห็นกำลังบอกว่า ทุกสิ่งจะถูกทำลาย ไม่เว้นแม้แต่สิ่งที่เราสร้างขึ้น! ไม่! เราไม่ยอมรับจุดจบแบบนี้เด็ดขาด!”
“ต้องช่วยตัวเองให้ได้ ห้ามหวังพึ่งพาเจ็ดเทพจารีต!”
“มีเพียงการขึ้นไปครองบัลลังก์ลำดับ 0 เท่านั้น ตัวเองและคนที่เรารักถึงจะรอด!”
“ควรพามิสเตอร์ประตูกลับมายังโลกความจริงดีไหม? ไม่! ไม่ได้! แม้อีกฝ่ายจะอ้างว่าอยู่เพียงลำดับ 1 แต่เราเชื่อว่าชายคนนั้นไม่ใช่ลำดับ 1 ธรรมดา! มีโอกาสมากที่จะนำพาหายนะเหนือจินตนาการมาสู่เรา!”
อักษรจีนกลางมีขนาดใหญ่กว่าสองหน้าที่แล้ว ข้อความไม่กี่ประโยคกินเนื้อที่เกือบทั้งหมดของกระดาษสีเหลือง แม้จะมีเนื้อหาไม่มาก แต่ศีรษะไคลน์กลับรู้สึกเจ็บแปลบกะทันหัน
ขณะที่เขียนไดอารีหน้านี้ จักรพรรดิโรซายล์น่าจะกลายเป็นลำดับ 1 ‘จักรพรรดิความรู้’ เรียบร้อยแล้ว เนื้อหาที่อีกฝ่ายเขียนอัดแน่นไปด้วยอำนาจเหนือธรรมชาติอย่างรุนแรง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าอ่านบนโลกความจริง ไคลน์อาจเสียสติและคลุ้มคลั่งทันที!
โชคดีที่มาดาม ‘เฮอร์มิท’ ไม่รู้ภาษาจีน ไม่อย่างนั้นคงเกิดการกลายพันธุ์ในตอนที่เธอทำการคัดลอกเนื้อหา… แต่ถึงจะอ่านแล้วไม่เข้าใจ จิตวิญญาณคงได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย เผชิญความอ่อนเพลียกว่าปรกติ… หากเผชิญหน้ากับสิ่งนี้เป็นเวลานาน อาจเห็นภาพหลอนและได้ยินเสียงที่ไม่มีอยู่จริง จากนั้นก็แสดงอาการเริ่มต้นของภาวะคลุ้มคลั่ง… ไคลน์ครุ่นคิดพลางขอบคุณความโชคดีของตน
สมาธิหันกลับมาจดจ่ออยู่กับไดอารีอย่างรวดเร็ว ภายในใจผุดข้อสงสัย
จักรพรรดิไปเห็นอะไรเข้า? ทำไมถึงเปี่ยมด้วยอารมณ์สุดโต่งเช่นนี้?
แปลกมาก… ความตื่นเต้นที่แสดงให้เห็นระหว่างบรรทัดมีมากจนผิดปรกติ ไม่สมกับที่ดำรงความเป็นตัวตนระดับสูงอย่างเทวทูตมานาน นอกจากนั้นจักรพรรดิยังเคยพูดไว้เองว่า หากวาระสุดท้ายของตนมาถึง ต่อให้น้ำท่วมฟ้าก็จะไม่หวาดกลัวต่อความตายอย่างเด็ดขาด… แล้วทำไมถึงได้ตื่นตระหนกขนาดนี้…
ถูกอิทธิพลของบางอย่างครอบงำ? หรือถูกปนเปื้อนด้วยบางสิ่ง?”
นอกจากนั้นยังเขียนว่า… เขาไม่น่าจะเป็นคนเดียวที่ได้สัมผัสประสบการณ์แบบนี้ หมายถึงอะไร? การเดินทางข้ามโลก? ก็จริงที่เขาไม่ได้เผชิญประสบการณ์นั้นคนเดียว ยังมีเราด้วย… หรือจะบอกว่ามีมากกว่านี้?
หลังจากความคิดมากมายแล่นผ่าน ไคลน์ไม่มัวเสียเวลา รีบสลายไดอารีทั้งสามหน้าทิ้งและยิ้มให้แคทลียา
“คิดข้อเสนอได้หรือยัง”
แคทลียาโค้งคำนับราวกับเตรียมพร้อมนานแล้ว
“ดิฉันอยากทราบว่า เหตุใดจักรพรรดิโรซายล์ถึงเสียสติในช่วงบั้นปลาย”
ออเดรย์ที่นั่งฟังในแถวเดียวกันพลันกะพริบตา เคลือบแคลงว่าตนอาจได้ยินผิดไป เพราะคาดไม่ถึงว่ามาดามเฮอร์มิทจะนำประเด็นที่ใหญ่ขนาดนี้มาเป็นคำถาม
แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าจักรพรรดิโรซายล์เสียสติในช่วงบั้นปลาย? นอกจากนั้น ไดอารีคราวนี้ยังมีเพียงสามหน้า แต่กลับกล้าถามในประเด็นที่ยิ่งใหญ่ ไม่สอดคล้องกับกฎการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม! ภายในใจออเดรย์ผุดข้อสงสัยมากมาย แต่สุดท้ายก็มิได้ขัดขวางคำถามของอีกฝ่าย กลับกัน เธอเองก็สนใจและรอฟังคำตอบจากมิสเตอร์ฟูล
‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ ‘เดอะมูน’ เอ็มลิน และ ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สล้วนกลั้นหายใจพลางมองไปทางสุดขอบโต๊ะทองแดงยาว มีเพียง ‘เดอะซัน’ เดอร์ริค และ ‘เดอะเวิร์ล’ เท่านั้นที่มิได้แยแส
‘เดอะฟูล’ ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก หัวเราะในลำคอ
“ก่อนอื่น ขอออกตัวไว้ก่อนว่า… เรามิได้ปราดเปรื่อง และมิได้ทรงพลัง”
เป็นการพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายเจือความถ่อมตน แต่นั่นก็มิได้ทำให้มาดามเฮอร์มิทและคนอื่นๆ ขาดความยำเกรงต่อเดอะฟูล ตรงกันข้าม ทุกคนยิ่งทวีความศรัทธา
พวกมันทราบดีอยู่แล้วว่ามิสเตอร์ฟูลมิได้ปราดเปรื่องและทรงพลัง ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่พระองค์กำลังฟื้นฟูพลังกลับคืนมา ลำพังการที่พระนามเต็มไม่มีคำว่า ‘ปราดเปรื่องและทรงพลัง’ กำกับไว้ก็มากพอจะช่วยยืนยัน
เหนือสิ่งอื่นใด ณ ปัจจุบัน ไม่มีเทพจารีตหรือเทพมารตนใดที่พระนามเต็มมีคำว่า ‘ปราดเปรื่องและทรงพลัง’ กำกับอยู่!
หลังจากตั้งบรรทัดฐานความเข้าใจของทุกคน ไคลน์ตอบคำถามของมาดามเฮอร์มิท
“เราเองก็อยากทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับโรซายล์ในช่วงบั้นปลาย… แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ชัดก็คือ หลังจากถูกบางสิ่งกระตุ้นอย่างรุนแรง โรซายล์เริ่มเล็งตำแหน่งลำดับ 0”
ชายหนุ่มมิได้อธิบายว่าลำดับ 0 หมายถึงสิ่งใด มีหลายคนที่รู้ความหมายแล้ว และถึงจะมีคนไม่รู้ พวกเขาก็คงพอเดาได้
ลำดับ 0… จักรพรรดิโรซายล์ต้องการกลายเป็นเทพ? ไม่แปลกใจที่เสียสติในช่วงบั้นปลาย… ‘จัสติส’ ออเดรย์ทราบว่าลำดับ 0 หมายถึงสิ่งใด จึงถอนหายใจแผ่ว เช่นเดียวกันกับ ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์
‘เฮอร์มิท’ แคทลียาเองก็เข้าใจความหมายของลำดับ 0 เธอแสดงความคำนับอย่างนอบน้อมและถอนสายตากลับ
ลำดับ 0… ‘เดอะมูน’ เอ็มลินและ ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สเคี้ยวคำในใจ พอจะเดาได้ว่าเป็นลำดับที่สูงกว่า ‘1’ และนั่นหมายถึงลำดับของเทพแท้จริง!
‘เดอะซัน’ เดอร์ริคจ้องมิสเตอร์ฟูลโดยปราศจากอารมณ์ ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไรว่า การเล็งตำแหน่งลำดับ 0 ของจักรพรรดิโรซายล์เป็นเรื่องน่าแปลกอย่างไร เพราะสำหรับชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ ทุกคนล้วนต้องการเป็นลำดับ 0 ต้องการกลายเป็นเทพแท้จริงเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับทุกคน หรือไม่ก็พาออกจากดินแดนอันรกร้างแห่งนั้น
ไคลน์ไม่กล่าวเพิ่มเติม เพียงเอนหลังและมองไปรอบๆ
“เชิญเริ่มได้”
กล่าวจบ ชายหนุ่มรีบบังคับ ‘เดอะเวิร์ล’ มองไปทาง ‘เดอะซัน’ และกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“สูตรโอสถ ‘ผู้รับรอง’ ที่คุณต้องการพร้อมแล้ว”
“ขอบคุณมากมิสเตอร์เวิร์ล จากข้อตกลงของพวกเรา ผมจะติดหนี้ก้อนนี้ไว้ก่อน รอให้คุณแจ้งความประสงค์ภายหลัง” เดอร์ริคกล่าวอย่างจริงใจ
“ตกลง” ไคลน์ตอบพลางควบคุมเดอะเวิร์ลให้หันมาขอสิทธิ์การเขียนกับเดอะฟูล
เพียงไม่นาน สูตรการปรุงโอสถก็มาอยู่ในมือเดอะซันน้อย
เดอร์ริครับไว้ด้วยความยินดี กวาดตาอ่านเนื้อความบนกระดาษอย่างหิวกระหาย
“ลำดับ 6 ‘ผู้รับรอง’ วัตถุดิบหลัก : ผลึกรากของต้นคนชราหนึ่งก้อน, ขนแพนหาของนกพันธสัญญาวิญญาณห้าเส้น วัตถุดิบเสริม : ยางของต้นพันธสัญญาวิญญาณเจิดจ้าหนึ่งร้อยมิลลิลิตร, ดอกทานตะวันขอบทอง, ดอกทานตะวันขอบขาว, ยางของต้นเฟิร์นน้ำห้าหยด”
ไม่เปิดโอกาสให้ใครพูดต่อ เดอะเวิร์ลมองไปทาง ‘แฮงแมน’
“อย่างที่คุณทราบ ผมมีสูตรโอสถ ‘ผู้ขับขานสมุทร’ และวัตถุดิบหลัก”
อะไรนะ…? ‘จัสติส’ ออเดรย์และคนที่เหลือต่างตกตะลึง
แคทลียาหันมาจ้องเดอะเวิร์ลด้วยความประหลาดใจยิ่งกว่าใคร เธอยังไม่ลืมว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์เพิ่งล่า ‘จอมเชือด’ จิลเซียสไปเมื่อสัปดาห์ก่อน แล้วสูตรโอสถ ‘ผู้ขับขานสมุทร’ กับวัตถุดิบหลักมาจากไหน?
อย่าบอกนะว่าเขาล่า ‘ผู้ขับขานสมุทร’ เพิ่มอีกคน? แม้แต่ในโบสถ์วายุสลาตัน ลำดับดังกล่าวก็ถือว่าค่อนข้างสูง… แถมยังเพิ่งผ่านไปแค่สัปดาห์เดียว! แคทลียาพบว่าเธอมิอาจหาเหตุผลมารองรับในเรื่องนี้