ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ตอนที่ 855

ตอนที่ 855

ราชันเร้นลับ 855 : ผู้มาเยือนรายใหม่
เมื่อกลับจากวิหารนักบุญแซมมวลถึงบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน ไคลน์เห็นพ่อบ้านสวมถุงมือสีขาวเดินเข้ามาทักทาย

“นายท่าน เมื่อครู่มีคนมาส่งนามบัตร เขากล่าวว่านายจ้างของตนจะแวะเข้ามาเยี่ยมในช่วงสี่ถึงห้าโมงเย็น” วอลเตอร์ตอบสุขุม

ไคลน์พยายามวิเคราะห์ว่าผู้มาเยือนเป็นใคร แต่ก็ไม่พบเบาะแส จึงทำได้เพียงพยักหน้า

“นายจ้างของเขาเป็นใคร?”

วอลเตอร์ชำเลืองไปรอบๆ เมื่อพบว่ากลุ่มคนรับใช้อยู่ค่อนข้างห่างออกไปจึงลดเสียงลง

“บารอนซินดราส”

บารอนซินดราส… มหาเศรษฐีที่ได้รับบรรดาศักดิ์จากความช่วยเหลือของพรรคอนุรักษนิยมและดยุคนีแกน นายธนาคารและเจ้าของธุรกิจคนดังของอาณาจักรโลเอ็น? เราเคยช่วยมาดามแมรี่ซื้อหุ้นของบริษัทโคอิม และดูเหมือนว่าคู่แข่งจะเป็นเขา… ถึงกับมาเยี่ยมเราด้วยเรื่องแค่นี้? กับแค่เงินหนึ่งหมื่นสามพันปอนด์เนี่ยนะ? ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด… ไคลน์ผุดคำถามมากมายขณะเดินขึ้นไปยังชั้นสอง

วอลเตอร์ที่เดินตามมาครึ่งก้าว กล่าวเสริม

“นายท่าน หากคุณไม่ต้องการพบบารอนซินดราส ผมสามารถแจ้งกับเขาได้ว่า คุณกำลังฟังเทศน์จากบิชอปของวิหารนักบุญแซมมวล อาจใช้เวลานานมากกว่าจะกลับ”

ความนัยแฝงก็คือ บารอนซินดราสเป็นสาวกโบสถ์วายุสลาตัน คงไม่แวะเข้าไปตามหาคนในวิหารนักบุญแซมมวล

ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก เผยรอยยิ้มมุมปากพลางกล่าว

“เขาคือขุนนางที่มีอิทธิพลอย่างมากในวงการธนาคาร ในอนาคตอาจต้องทำธุรกิจร่วมกัน ผมยินดีพบเขาอยู่แล้ว… เอาเป็น… ไว้เขามาถึง พาขึ้นไปยังห้องรับแขกเล็กๆ บนทั้งสองที่มองเห็นแสงอาทิตย์ตกดิน”

เท่าที่ไคลน์ทราบ บารอนซินดราสคือผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสามของธนาคารเบ็คลันด์ และเป็นผู้ถือหุ้นสูงสุดของธนาคารนันวีลล์ สำหรับวงการธนาคารในอาณาจักรโลเอ็น ชายคนนี้มีอิทธิพลกว้างขวางมาก

“ครับ นายท่าน” วอลเตอร์ไม่ซักไซ้

สี่โมงสิบนาที ไคลน์ได้พบกับแขกที่มักปรากฏตัวบนหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยครั้ง ภายในห้องนั่งเล่นเล็กๆ ที่จัดเตรียมไว้ล่วงหน้า

สิ่งเดียวที่แตกต่างจากความคาดหวังก็คือ หลังบ่ายสามโมงเย็น เมฆบนท้องฟ้ากรุงเบ็คลันด์เริ่มจับตัวหนาพร้อมกับโปรยปรายสายฝนลงมา ปราศจากแสงแดดยามเย็นแสนอบอุ่น

บารอนซินดราสมีรูปลักษณ์ตรงตามที่ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกประการ ผมสีดำแซมขาวถูกหวีเรียบไปด้านหลัง เผยให้เห็นหน้าผากกว้างและไรผมเล็กๆ

โครงหน้ากลมแต่ขาดมวลเนื้อ โหนกแก้มค่อนข้างสูง มีริ้วรอยประปรายหลายจุด

แตกต่างจากชาวโลเอ็นในวัยเดียวกัน บารอนซินดราสไม่ไว้หนวดเครา โกนจนเกลี้ยงเกลา ดวงตาสีฟ้าซีดจนแทบไม่เห็นสี

รอบตัวมีบุรุษรับใช้และบอดี้การ์ดที่หน้าตาธรรมดาจำนวนหนึ่ง คนที่โดดเด่นที่สุดมีผมค่อนข้างบาง รองลงมาเป็นคนที่โกนหัวแต่ไว้เคราดกตั้งแต่ใบหูจนถึงคาง

“ทิวาสวัสดิ์ บารอนซินดราส เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คนอย่างคุณมาเป็นแขกของบ้านหลังนี้” ไคลน์นำมือทาบอกและโค้งทักทาย

ตามปรกติ เจ้าของบ้านต้องโน้มตัวไปข้างหน้าพร้อมกับเหยียดแขนออกไปขอจับมือทักทาย แต่กับสถานการณ์ปัจจุบัน อีกฝ่ายเป็นขุนนาง จำเป็นต้องสุภาพกว่าปรกติ

บารอนซินดราสพยักหน้ารับ ยิ้มพลางทักทาย

“ไม่จำเป็นต้องสุภาพ ผมควรแวะมาหาคุณนานแล้ว ดอน·ดันเตส สุภาพบุรุษมากประสบการณ์และเชี่ยวชาญทวีปใต้”

หลังจากทักทายตามมารยาทจบ คนทั้งสองแยกกันนั่งโดยมีบุรุษรับใช้และบอดี้การ์ดยืนคุมเชิงด้านหลัง

ขณะไคลน์เตรียมกล่าว บารอนซินดราสเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง

“ดันเตส ผมชื่นชมคนอย่างคุณมาก ไม่ใช่ทุกคนที่จะไขว่คว้าความมั่งคั่งจากทวีปใต้อันแสนวุ่นวายได้สำเร็จ จำเป็นต้องมีความกล้าที่มากเพียงพอ ความกล้าที่จะเผชิญกับความยากลำบาก รวมถึงต้องมีการตัดสินใจที่น่าทึ่ง… ในตอนที่ผมเผชิญหน้ากับสถานะบุคคลล้มละลาย ผมอยากจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่บนทวีปใต้ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีความกล้าหาญมากพอ”

แม้บารอนซินดราสจะเพิ่งได้รับบรรดาศักดิ์ขุนนาง แต่ต้นกำเนิดของมันก็มิได้เป็นสามัญชนยากไร้อะไรนัก ปู่ทวดและปู่ของมันอาศัยความเจริญของอาณานิคม ทำกำไรมหาศาลจากการค้าทางทะเล กลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ รวมถึงบิดาของมันที่ลงทุนกับอุตสาหกรรมจนมีชื่อเสียงและโรงงานมากมาย

จนกระทั่งถึงรุ่นของมัน ซินดราสอาศัยมรดกจำนวนมหาศาลของครอบครัว บุกตลาดธนาคารที่กำลังเฟื่องฟูสุดขีด ผันตัวกลายเป็นมหาเศรษฐีรุ่นแรกๆ ของอาณาจักรโลเอ็น

ระหว่างนี้ บารอนซินดราสเผชิญความล้มเหลวสามครั้งใหญ่ๆ แต่ก็สามารถผ่านพ้นมาได้ทั้งหมด จากบรรดาวิกฤติทั้งสาม เหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดคือภาวะธนาคารนันวีลล์ขาดความน่าเชื่อถืออย่างรุนแรง ส่งผลให้ธุรกิจเกือบล้มละลาย

เอาแต่พูดเรื่องประสบการณ์ในทวีปใต้ของเรา… หรือนี่จะเป็นการบอกใบ้ว่า เขารู้จักตัวตนที่แท้จริงของเราและพยายามขู่? แต่คงคิดไม่ถึงว่านั่นเองก็เป็นประวัติปลอมเหมือนกัน เรื่องราวที่กุขึ้นบนทวีปใต้ล้วนเป็นความเท็จทั้งหมด… ไคลน์จิกกัดในใจ แต่ภายนอกยังคงหน้านิ่ง

“นั่นไม่ใช่ความกล้า แต่เรียกว่าบ้าบิ่น… ผู้คนจำนวนมากเดินทางไปยังทวีปใต้ด้วยจิตวิญญาณของนักผจญภัย แต่นั่นยังไม่พอ”

โดยไม่รอให้บารอนซินดราสพูด ชายหนุ่มยิ้มและกล่าวต่อ

“ผมเคยเกือบจ้างมิสเตอร์รีบัคเป็นพ่อบ้าน เขาเล่าว่าคุณเป็นนายจ้างที่ดีมาก”

บารอนซินดราสนั่งฟังอย่างเงียบงันสักพัก ตามด้วยถอนหายใจและกล่าว

“นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมเสียใจ… ผมอยากจ้างรีบัค แต่เขามิอาจขจัดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับตำแหน่งของตัวเอง”

กล่าวจบ บารอนซินดราสจ้องหน้าดอน·ดันเตส สุภาพบุรุษวัยกลางคนผู้หล่อเหลาและสง่างาม ก่อนจะรับชาดำจากสาวใช้มาจิบ

“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะเป็นมิตรไมตรีต่อกันได้… หวังว่าคุณจะยอมขายหุ้นสามเปอร์เซ็นต์ของบริษัทโคอิมให้ผม… ทางนี้ยินดียื่นข้อเสนอที่คุณมิอาจปฏิเสธ”

นั่นปะไร… แต่เรากับมาดามแมรี่ทำสัญญากันแล้ว… ไคลน์เงียบงันสักพัก ถอนหายใจพลางยิ้มขื่นขม

“ผมให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของตัวเอง”

ได้ยินคำตอบ บารอนซินดราสมิได้เผยความขุ่นเคือง เพียงแสดงความประหลาดใจปนอยากรู้อยากเห็น

“จะไม่ฟังข้อเสนอก่อนหรือ?”

ไคลน์ในร่างดอน·ดันเตสยังคงยิ้มเจื่อนๆ

“ผมกลัวว่าตัวเองจะปฏิเสธไม่ลง”

“ฮะฮะ!” บารอนซินดราสหัวเราะพร้อมกับยืนขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “คุณเป็นคนขบขันอย่างที่เขาเล่าลือกัน ขณะเดียวกันก็เปี่ยมด้วยความเด็ดเดี่ยวที่ยังไม่มีใครพูดถึง”

มันหันไปมองบอดี้การ์ดและบุรุษรับใช้ ก่อนจะยิ้มและพูดกับดอน·ดันเตส

“การเป็นมิตรกับคุณน่าสนใจกว่าการเป็นศัตรู… เอาล่ะ ผมคงต้องขอตัวก่อน ยังมีอีกหลายสิ่งต้องไปสะสาง”

นั่นเป็นคำชมจากก้นบึ้ง หรือมีเจตนาร้ายแอบแฝง? ไคลน์ที่ไม่ใช้ ‘ผู้ชม’ ย่อมมีอาจตีความภาษากาย ทำได้เพียงตอบกลับอย่างไร้ยางอาย

“ผมเองก็มีความรู้สึกคล้ายคลึงกัน… หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ทำงานอื่นร่วมกับคุณในอนาคต”

บารอนซินดราสในชุดสูททางการและโบหูกระต่ายยิ้มพร้อมกับผงกศีรษะเล็กน้อย ไม่กล่าวคำใดเพิ่มเติม เพียงเดินทางดอน·ดันเตสและพ่อบ้านออกจากประตูหน้า

หลังจากเห็นรถม้าหรูหราแล่นจากไป พ่อบ้านวอลเตอร์กล่าว

“นายท่านอยากจ้างบอดี้การ์ดสักสองสามคนเป็นการชั่วคราวไหม?”

หือ? ไคลน์ตามความคิดพ่อบ้านไม่ทัน

เมื่อเห็นสีหน้าของนายจ้างยังไม่แปรเปลี่ยน วอลเตอร์เสริม

“ในบางครั้ง การแข่งขันทางธุรกิจก็นำมาซึ่งอันตรายถึงตัว”

มิสเตอร์พ่อบ้านเองก็ตระหนักถึงการข่มขู่จากบารอนซินดราสได้เช่นกัน? ไคลน์เม้มปากเล็กน้อยก่อนจะตอบ

“ผมไม่กังวลมากนัก เพราะที่นี่คือเบ็คลันด์”

นอกจากนั้น เรายังกลายเป็นบุคคลสำคัญในสายตาโบสถ์รัตติกาล และในอนาคตมีแผนจะร่วมงานกับกองทัพ… ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกตอบโต้ด้วยพลังพิเศษ ไม่ต้องกังวลว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปในทิศทางเดียวกับคดีราชทูตอินทิส เหนือสิ่งอื่นใด บารอนซินดราสเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เขาไม่มีทางหุนหันพลันแล่น… ไคลน์ไตร่ตรองในใจเงียบงัน

ขณะวอลเตอร์เตรียมพูดต่อ ไคลน์หัวเราะและพูดตัดหน้า

“อย่างไรก็ดี ความไม่ประมาทคือสิ่งที่ช่วยให้อายุยืน… ตกลง คุณสามารถจ้างบอดี้การ์ดได้สองคน คอยคุ้มครองผมอย่างลับๆ โดยที่ไม่ให้คนใช้ในบ้านรู้ตัว”

“ครับ นายท่าน” วอลเตอร์ขานรับ

ไคลน์ไตร่ตรองสักพักก่อนจะพูดต่อ

“คุณไปที่บ้านของส.ส. มัคท์ เชิญเขาพร้อมกับภรรยาและลูกสาวไปรับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคารอินทิสเซอเรนโซ่ในวันพรุ่งนี้ หากไม่สะดวกให้เลื่อนเวลาออกไป”

ชายหนุ่มกำลังจะแจ้งให้ส.ส. มัคท์ทราบว่า ตนยินดีรับการทดสอบจากกองทัพ ลงมือค้าขายอาวุธเถื่อนขนาดย่อม

อันที่จริง วิธีที่สะดวกที่สุดคือการแวะไปที่บ้านส.ส. มัคท์และมอบคำตอบโดยตรง แต่เมื่อพิจารณาว่าภายในบ้านหลังดังกล่าวมีผู้วิเศษระดับครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรมซ่อนตัวอยู่ใกล้เฮเซล ไคลน์กังวลว่าอีกฝ่ายอาจมองเห็นออร่าสายหมอก จึงตัดสินใจเปลี่ยนสถานที่แจ้งข่าวเป็นข้างนอกแทน

ด้วยวิธีนี้ หากเป็นไปถามที่ไคลน์คาดเดา ผู้วิเศษที่ไม่มีพลังมากพอจะสิงร่างเฮเซลในฐานะปรสิต ย่อมไม่มีทางออกมาด้วยกัน

ซิลกำลังซ่อนตัวในเงามืด เฝ้ามองรถม้าแล่นผ่านไปอย่างไม่เร่งรีบ หักเลี้ยวเข้าไปในบล็อกถนนย่านราชินี

บนรถม้ามีตราประจำตระกูลเด่นชัด ภาพหลักคือดอกไม้ รายล้อมด้วยแหวนสองวง ไม่ใช่ตระกูลใดนอกจากราชองครักษ์แห่งอาณาจักรโลเอ็น ไวเคาต์สตาร์ฟอร์ด

เมื่อไม่พบเบาะแสเพิ่มเติม หญิงสาวออกจากจุดซ่อนตัวด้วยความผิดหวัง ขึ้นรถม้าสาธารณะจากสถานีใกล้เคียง ย้อนกลับไปยังย่านสะพานเบ็คลันด์ จากนั้นก็เดินเท้าเข้าไปในเขตตะวันออก

เมื่อเข้ามาในผับบนถนนดาราวี ซิลเดินผ่านกลุ่มขี้เมาที่หลีกทางให้ ซักถามบาร์เทนเดอร์ที่กำลังเช็ดแก้ว

“มีงานใหม่บ้างไหม?”

บาร์เทนเดอร์ฉีกยิ้มทันที

“มี… พ่อบ้านวอลเตอร์ที่เคยจ่ายเงินสองร้อยปอนด์เพื่อจับกุมนักต้มตุ๋นกลุ่มหนึ่ง คราวมีเสนองานใหม่ที่ไม่ซับซ้อน แค่คอยปกป้องนายจ้างของเขาอย่างลับๆ สองถึงสามวัน ค่าจ้างคุยกันนอกรอบ แต่รับประกันว่าจ่ายหนักแน่นอน… เขาพึงพอใจในประสิทธิภาพการทำงานของเธอคราวก่อนมาก จึงระบุว่าให้ถามเธอก่อนเคยเสนอกับคนอื่น… เป็นยังไง สนใจไหม?”

ซิลค่อนข้างประทับใจพ่อบ้านวอลเตอร์และนายจ้าง เพราะเงินสองร้อยปอนด์ถูกจ่ายในทันทีหลังจากเธอจับกุมตัวแก๊งต้มตุ๋นที่โกงค่าผ้าไปเพียงหนึ่งพันปอนด์

ใจกว้าง จ่ายหนัก จ่ายไว… ครุ่นคิดสักพัก ซิลพยักหน้า

“ตกลง”

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

       เป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป
ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่
     แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา
ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง
ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น
    ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว
หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’
หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม
ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด
หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด
แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป
พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง
แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย
    เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท