ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ตอนที่ 868

ตอนที่ 868

ราชันเร้นลับ 868 : ตัวตนร่วม
เอ่อ… ฟอร์สชะงักไปหลายนาที สับสนว่าตนอาจมองเห็นผิด

ถัดมา เธอเริ่มคิดหาเหตุผลมารองรับ

มิสเตอร์เวิร์ลอยากรับงานนี้? นั่นสินะ เขาเองก็อยู่ในเบ็คลันด์

แต่นี่เป็นภารกิจสอบสวน ไม่ใช่ฆาตกรรม ดอน·ดันเตสน่าสังเวชมากพอแล้ว ปล่อยเขาไป!

หรือว่าการจำกัดเป้าหมายก็เป็นแนวทางการสืบสวนประเภทหนึ่ง? เพราะถ้าไม่มีเป้าหมาย ก็ไม่ต้องสืบสวน…

เราจะทำยังไงดี? ควรเสนอตัวทำภารกิจนี้ดีไหม? ค่าจ้างห้าร้อยปอนด์ ลำพังข้อมูลที่เราเกริ่นไปข้างต้นก็น่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าสองร้อยปอนด์แล้ว แต่คู่แข่งคือมิสเตอร์เวิร์ล… บางที เราสามารถร่วมมือกัน ไม่จำเป็นต้องแข่งขันเสมอไป…

ว่าแต่ ทำไมมิสเตอร์เวิร์ลถึงสนใจงานนี้? จุดประสงค์ของเขาคือคดีของบารอนซินดราสหรือส.ส. มัคท์กันแน่?

ขณะฟอร์สกำลังขบคิดถึงแก่นของปัญหา แฮงแมนและเฮอร์มิทหันมาจ้อง ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่อาสารับทำงานนี้ พวกมันมิได้สนใจคดีบารอนซินดราส คดีส.ส. มัคท์ หรือแม้กระทั่งเรื่องที่เศรษฐีดอน·ดันเตสบริจาคเงินหลายหมื่นปอนด์ แต่หากเป็นภารกิจที่ข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูลให้ความสนใจด้วยตัวเอง เกรงว่าเบื้องหลังอาจไม่ธรรมดา

‘เดอะมูน’ เอ็มลินมิได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แค่เริ่มตระหนักว่าภารกิจสืบสวนของจัสติสอาจมีลับลมคมใน ตัวมันซึ่งเคยคิดจะนำเงินห้าร้อยปอนด์มาเติมเต็มกระเป๋าสตางค์ที่กำลังจะบางลง ตัดสินใจปิดปากเงียบกะทันหัน

ดอน·ดันเตสไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นตัวปัญหาใหญ่ มิสเตอร์เวิร์ลจึงต้องการสืบสวน? หรือว่าทั้งสองคดีมีความสำคัญมากกว่าที่เราเข้าใจในตอนแรก? หัวใจออเดรย์เริ่มเต้นแรง ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อย อาศัยตำแหน่งเก้าอี้ที่ได้เปรียบ สำรวจความเป็นไปของสมาชิกชุมนุมทุกคน

จากบรรดาทั้งหมด มีเพียง ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคเท่านั้นที่คิดไม่เหมือนใคร

สำหรับเด็กหนุ่ม เป็นเรื่องปรกติที่สมาชิกชุมนุมทาโรต์จะช่วยเหลือกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? เมื่อมีคนเสนองาน คนที่พร้อมทำแข็งแกร่งพอจะทำได้ ก็ควรเสนอตัวช่วยเหลืออยู่แล้วไม่ใช่หรือ?

‘จัสติส’ ออเดรย์หันสายตาไปยังอีกฝั่งของสุดขอบโต๊ะทองแดงยาว ถามโดยนัย

“มิสเตอร์เวิร์ล คุณจะรับทำงานนี้หรือ?”

หลังจากกลับถึงเบ็คลันด์และรวบรวมข่าวทางทะเลในพักหลัง เธอยืนยันว่ามิสเตอร์เวิร์ลคือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ นักผจญภัยเสียสติผู้โด่งดัง เป็นสุภาพบุรุษแสนอันตรายที่ก่อเรื่องน่าชื่นชมไว้มากมาย และนั่นทำให้ความกระหายอยากผจญภัยทางทะเลของเธอลดลงไปมาก

ไคลน์เตรียมคำตอบไว้นานแล้ว ทันทีที่จัสติสถาม ชายหนุ่มลดมือลงพลางตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำ

“ดอน·ดันเตสเป็นเพียงตัวตนหนึ่ง”

หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ไคลน์ตัดสินใจเปิดเผยข้อมูลบางเรื่อง นั่นคือดอน·ดันเตสเป็นหนึ่งในตัวตนร่วมของบรรดาข้ารับใช้!

ชายหนุ่มเชื่อว่า หากเลือกจะปกปิดเรื่องนี้ไว้ ในอนาคตมีโอกาสจะถูกเปิดโปงได้ง่าย เพราะดอน·ดันเตสมีความประสงค์จะเข้าร่วมแวดวงชนชั้นสูงของเบ็คลันด์ ขณะเดียวกันก็เพื่อสืบหาความจริงเบื้องหลังโศกนาฏกรรมมหาหมอกควัน ดังนั้น มีโอกาสที่ต้องหยิบยืมความช่วยเหลือจากมิสจัสติส ระหว่างนั้น ด้วยความสามารถของ ‘ผู้ชม’ เธออาจค้นพบความลับที่เดอะเวิร์ลพยายามปกปิด อาจค้นพบในสิ่งที่เดอะฟูลไม่เคยเอ่ยถึง

ผลลัพธ์เช่นนี้จะไม่ดีต่อเดอะฟูล มิสจัสติสจะเสื่อมศรัทธาต่อองค์กรและผู้นำ อาจถึงขั้นเคลือบแคลงในตัวเดอะฟูล

จริงอยู่ การที่สมาชิกสองคนไม่รู้จักกัน ไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของกันและกัน แต่สามารถร่วมมือกันทำภารกิจจนลุล่วงและสมบูรณ์แบบ คือเหตุการณ์ในอุดมคติของชุมนุมทาโรต์ แต่ในโลกแห่งความจริง สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ยากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่อีกฝ่ายเป็นผู้วิเศษลำดับกลางของเส้นทางผู้ชม แทบไม่มีโอกาสที่จะตบตาได้แนบเนียนไปตลอดรอดฝั่ง!

ดังนั้น การสารภาพตามตรงจะมอบผลลัพธ์ที่ดีกว่าการโกหก

ส่วนเหตุผลที่ไม่พูดออกมาตรงๆ ว่าดอน·ดันเตสคือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ เพราะไคลน์ไม่อยากให้ชุมนุมทาโรต์มองว่า ทำไมถึงเป็นหมอนี่อีกแล้ว? มิสเตอร์ฟูลไม่มีข้ารับใช้คนอื่นเลยหรือ?

ดอน·ดันเตสเป็นเพียงตัวตนหนึ่ง? ‘จัสติส’ ออเดรย์ตีความนัยแฝงที่ซ่อนอยู่ระหว่างคำ คาดเดาในใจคลุมเครือ

จากนั้น หญิงสาวได้ยิน ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ตอบกระชับ

“เป็นหนึ่งในตัวตนที่ผมและพวกพ้องใช้ร่วมกัน… ในบางครั้งผมก็แปลงโฉมเป็นเขา”

กล่าวจบ มันหันไปมองเมจิกเชี่ยนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

ตัวตนร่วม… แปลงโฉมเป็นเขาในบางครั้ง… ดอน·ดันเตสผู้น่าสังเวชคนนั้นคือ ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์? นักธุรกิจที่ร่ำรวยผู้มีปัญหาเกี่ยวกับไตหรือไม่ก็กระเพาะปัสสาวะ แท้จริงแล้วเป็นคนของชุมนุมทาโรต์? ประหนึ่งถูกฟ้าผ่า ฟอร์สนั่งตัวแข็งทื่อ

สมองขาวโพลนในทันที ในใจเกิดความหวาดกลัวเล็กๆ อย่างอธิบายไม่ได้ เริ่มรู้สึกว่าคำพูดส่งเดชของซิลฟังขึ้น

ถ้าพ่อบ้าน บุรุษรับใช้ และเพื่อนบ้านล้วนเต็มไปด้วยปัญหา ย่อมมีโอกาสสูงที่ตัวเขาเองก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน!

ไม่สิ… เขาไม่ได้บังเอิญย้ายเข้ามาอาศัยในบล็อกถนนที่เต็มไปด้วยความลับ ไม่ได้บังเอิญจ้างพ่อบ้านและบุรุษรับใช้ที่ทำตัวผิดปรกติ แต่ทั้งหมดคือสิ่งที่เขา เกอร์มัน·สแปร์โรว์ เจาะจงเลือกด้วยตัวเอง! คนที่น่าสังเวชไม่ใช่ตัวเขา แต่เป็นเพื่อนบ้าน พ่อบ้าน และบุรุษรับใช้รอบๆ ตัวเขา! เราผิดไปแล้ว ไม่ควรบอกให้ซิลขอให้เทพธิดาอวยพรดอน·ดันเตส นั่นจะเป็นเหมือนคำสาปมากกว่า… ร่างกายฟอร์สสั่นระริกอย่างไร้เหตุผล คิดในใจว่าตนโชคดีมากที่ไม่ได้เขียนเกี่ยวกับปัญหาด้านไตหรือกระเพาะปัสสาวะลงไปในจดหมาย

ไม่อย่างนั้น เธอเชื่อว่าตนคงมิอาจได้เข้าร่วมชุมนุมทาโรต์อีก หรือไม่ก็โผล่มาที่นี่อีกครั้งในฐานะตะกอนพลังซึ่งเป็นสินค้าพร้อมขายของมิสเตอร์เวิร์ล!

ตามปรกติแล้ว มิสเตอร์เวิร์ลไม่ควรรู้ว่าเราคือเมจิกเชี่ยน แต่วันนั้นเราพกสมุดเวทมนตร์เลมาโน่ติดตัวไปด้วย… เขาเคยใช้บันทึกการเดินทางเล่มดังกล่าว แถมในนั้นยังมีพลังของครึ่งเทพถูกบันทึกไว้! เขาต้องสังเกตเห็นแน่ ต้องจดจำรูปลักษณ์เรา ประเมินมูลค่าของตัวเรา… ในใจฟอร์สถูกความกลัวที่เป็นราวกับทะเลคลั่งถาโถม สีหน้าเผยความขื่นขมชัดเจน

ทันใดนั้น เธอสังเกตเห็นสายตาเย็นชาของเดอะเวิร์ลมองตรงมาทางตน ความรู้สึกผิดและสำนึกเสียใจพลันเอ่อล้น

โชคดีที่เรายังไม่ได้เอ่ยข้อมูลของดอน·ดันเตสออกไปต่อหน้ามิสจัสติส… หลังจากความตื่นกลัวของฟอร์สค่อยๆ บรรเทาลง ภายในใจผุดคำถามอื่นแทน

ในภารกิจบอดี้การ์ดเมื่อไม่กี่วันก่อน เราเป็นฝ่ายปกป้องดอน·ดันเตส หรือเขาคอยปกป้องเรากันแน่? แล้วควรคืนเงินให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์ไหม?

นี่มัน… ในทางครั้ง ดอน·ดันเตสคือมิสเตอร์เวิร์ลที่แปลงโฉม… ออเดรย์ผงะเล็กน้อยในต้น หลังจากนั้นก็พบว่าคำถามภายในใจได้รับการไขกระจ่างจนหมด

ฟอร์สรู้จักดอน·ดันเตสมาก่อน แต่ไม่รู้ว่าเขาคือมิสเตอร์เวิร์ล ท่าทีตกตะลึงเมื่อครู่คือเครื่องพิสูจน์

ดอน·ดันเตสตกตะลึงมากตอนที่เห็นเราครั้งแรก เพราะเขาจดจำได้ว่าสร้อยคอคือสมบัติวิเศษที่ชื่อ ‘คำลวง’ แม้รูปลักษณ์ปัจจุบันจะเปลี่ยนไปจากตอนแรก แต่ก็เป็นตะกอนพลังที่เราซื้อต่อจากเขา อาจมีการเชื่อมโยงกันอย่างเจือจาง เพราะต้องไม่ลืมว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์มีพลังในการแปลงโฉมและเปลี่ยนหน้า!

แม้ว่าเราจะเคยถามมิสเตอร์แฮงแมนเกี่ยวกับเรื่องที่สัตว์เลี้ยงเผลอกินโอสถ แต่ในระยะหลัง เราซื้อวัตถุดิบสำหรับโอสถสองชุดมาตลอด มิสเตอร์เวิร์ลน่าจะเดาได้ว่ารอบๆ ตัวเรายังมีผู้ชมอยู่อีกหนึ่ง เขาจึงสงสัยและเริ่มระแวงซูซี่ที่ซ่อนตัวในเงามืดและมองสำรวจไปรอบๆ ห้องโถง… คนอื่นอาจไม่สนใจสัตว์ แต่กับมิสเตอร์เวิร์ลที่มากด้วยประสบการณ์ ต้องเคยเผชิญหน้าสัตว์วิเศษมาบ้าง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะคอยระแวงซูซี่

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ดอน·ดันเตส ไม่สิ มิสเตอร์เวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์ทราบทันทีว่าเราคือจัสติส แต่เลือกจะปิดปากเงียบโดยไม่เข้ามาทักทาย… อา ตัวเลือกของเขาสมเหตุสมผล เพราะในสถานการณ์ดังกล่าว เว้นเสียแต่ละพูดออกมาตรงๆ คงไม่มีวิธีอื่นที่จะทำให้เราเดาได้ว่าเขาเป็นใคร และภายในวิหารนักบุญแซมมวล การเอ่ยชื่อชุมนุมทาโรต์ออกมา นับเป็นพฤติกรรมที่บ้าบิ่นเกินไป!

หลังจากประหลาดใจและตกตะลึงเล็กน้อย ออเดรย์เริ่มสงบสติอย่างรวดเร็ว เหลือทิ้งไว้เพียงความตื่นเต้นแผ่วเบา

หากไม่นับ ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สที่เธอเป็นคนแนะนำเข้ามาเอง นี่คือครั้งแรกที่ออเดรย์ได้พบกับสมาชิกชุมนุมทาโรต์คนอื่นบนโลกความจริง!

ช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์! มิสเตอร์เวิร์ล… รวมถึงข้ารับใช้คนอื่นๆ ของมิสเตอร์ฟูล… ทำไมถึงต้องสร้างตัวตนดอน·ดันเตส พวกเขามีจุดประสงค์อะไร?

คดีการถูกใส่ร้ายของบารอนซินดราส คดีการถูกลอบโจมตีของส.ส. มัคท์ การบริจาคเงินเพื่อก่อตั้งกองทุนการศึกษาของพวกเขา เรื่องราวเริ่มซับซ้อนและยิ่งใหญ่กว่าที่เราคิดไว้มาก… ทำไมเราถึงรู้สึกว่าชนชั้นสูงของอาณาจักรกำลังสั่นคลอน? เป็นความรู้สึกเดียวกับเมื่อครั้งองค์ชายเอ็ดซัคเสียชีวิตท่ามกลางโศกนาฏกรรมมหาหมอกควัน แต่ครั้งนี้เข้มข้นกว่ามาก…

ตอนนี้เรารู้จักตัวตนที่แท้จริงของดอน·ดันเตสแล้ว หมายความว่ามีโอกาสคอยสนับสนุนและให้ความร่วมมือเขา… สิ่งนี้จะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อครอบครัวเรา และถ้าเป็นไปได้ เราจะทำให้ผู้บริสุทธิ์เดือดร้อนน้อยที่สุด… ‘จัสติส’ ออเดรย์ตัดสินใจหนักแน่น เธอจะรับข้อเสนอของบิดา เข้าร่วมทำงานกับกองทุนการกุศลเพื่อการศึกษาแห่งโลเอ็น จากนั้นก็พึมพำในใจ

กองทุนการกุศลที่เดอะเวิร์ลแห่งชุมนุมทาโรต์ก่อตั้ง การมีจัสติสเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งก็สมเหตุสมผลแล้วไม่ใช่หรือ?

‘แฮงแมน’ อัลเจอร์และ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาไม่ประหลาดใจมากนักกับเรื่องที่ดอน·ดันเตสคือเดอะเวิร์ล รวมถึงข้ารับใช้อีกหลายๆ คนของเดอะฟูล ในเวลานี้ ความคิดของพวกมันมีเพียงเรื่องเดียวก็คือ

ในกรุงเบ็คลันด์กำลังจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่!

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

       เป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป
ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่
     แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา
ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง
ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น
    ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว
หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’
หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม
ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด
หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด
แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป
พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง
แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย
    เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท