ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ตอนที่ 885

ตอนที่ 885

ราชันเร้นลับ 885 : จดหมายสองฉบับ
ได้ยินคำพูดไคลน์ หนึ่งในสี่หัวของไรเน็ตต์ที่มีผมสีทองและดวงตาสีแดง อ้าปากตอบ

“ตกลง”

เธออ้าปากกว้าง ตามด้วยการดูดเหรียญทองเกือบทั้งหมดกลับเข้าไป ไม่มีใครทราบว่าถูกนำไปเก็บไว้ที่ไหน

ชำเลืองเหรียญทองที่ยังเหลืออีกหลายสิบ ไคลน์เอื้อมมือไปหยิบซองจดหมายที่ค่อนข้างหนา กวาดสายตาอ่านและพบว่าเป็นรายละเอียดของหัวขโมยโลกวิญญาณอย่างที่คิด

รอจนกระทั่งผู้ส่งสารกลับสู่โลกวิญญาณ ชายหนุ่มเก็บเหรียญทอง ปิดผ้าม่าน นั่งลงบนโต๊ะอ่านหนังสือ อาศัยแสงแดดยามเช้าเพื่ออ่านเนื้อหาที่ถูกเขียนไว้ด้วยลายมืออันงดงาม

“ขอบคุณอีกครั้งสำหรับความช่วยเหลือ”

“มัมมี่ตูตันส์ที่สองเป็นส่วนหนึ่งในพิธีกรรมเลื่อนลำดับของฉัน มันมีความหมายกับฉันมาก”

“หัวขโมยโลกวิญญาณจะอาศัยอยู่ในส่วนลึกของโลกวิญญาณ มีจำนวนน้อยมาก เฉลียวฉลาดและก้าวร้าว สามารถเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตที่ถูกจับหรือถูกฆ่าให้เป็นอวตารวิญญาณของมัน สามารถใช้พลังแบบเดียวกับมัน แข็งแกร่งในระดับทัดเทียมกับมัน และยังสามารถแปลงโฉมเป็นสัตว์วิญญาณชนิดอื่น หากเผชิญหน้ากับหัวขโมยโลกวิญญาณโดยตรง ให้พึงระวังไว้ว่า สัตว์วิญญาณรอบข้างทั้งหมดอาจเป็นพวกมัน หรือไม่ก็อวตารวิญญาณของมัน ห้ามประมาทเด็ดขาด”

“สิ่งมีชีวิตชนิดนี้มีพลังในการรบกวนความคิดของเหยื่อ ทำให้ศัตรูตกอยู่ในภวังค์เหม่อลอยไปชั่วขณะ… ร่างต้นของมันมีพลังวิญญาณเข้มข้นมาก ส่งผลให้ได้เปรียบในการต่อสู้”

“พวกมันถูกพบตัวได้ยากมาก ปัจจุบันมีเพียงสถานที่เดียวที่มีร่องรอยความเคลื่อนไหว เมืองกัลเดรอนแห่งโลกวิญญาณ”

“กัลเดรอนคือเมืองในตำนาน ยังไม่มีใครทราบต้นกำเนิดที่แน่ชัด มีการคาดเดากันไว้สามทฤษฎีหลักๆ ทฤษฎีแรก เมืองกัลเดรอนเคยเป็นอาณาจักรของเทพมรณาในอดีต เป็นทางเข้าของโลกแห่งความตาย ทฤษฎีที่สอง กัลเดรอนเป็นดินแดนของเทพบรรพกาลบางตนที่ร่วงหล่นในยุคสมัยที่สอง ในภายหลังถูกดูดกลืนเข้าสู่โลกวิญญาณและค่อยๆ จมลง กลายเป็นเมืองที่เชื่อมต่อกับความจริงและโลกมายา ทฤษฎีที่สาม กัลเดรอนเคยเป็นเมืองที่มีตัวตนจริงมาก่อน แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์มหาภัยพิบัติ เมืองกัลเดรอนได้ถูกโลกวิญญาณกลืนกิน”

“ไม่ว่าทฤษฎีไหนจะเป็นจริง ทั้งหมดล้วนระบุตรงกันว่า เมืองแห่งนี้อันตรายมาก เต็มไปด้วยความพิเศษและลึกลับ”

“ฉันไม่มีพิกัดของเมืองกัลเดรอนในโลกวิญญาณ แม้แต่สัตว์วิญญาณระดับสูงส่วนใหญ่ก็ยังไม่ทราบ”

“ฉันสามารถแนะนำได้สองแนวทาง หนึ่งคือการใช้พิธีกรรมเฉพาะเพื่อสวดวิงวอนถึง ‘แสงแดง’ ไอร์·โมเรีย จากนั้นก็สอบถามหาพิกัดที่แน่ชัด ฉันจะไม่อธิบายว่าแสงแดงคือสิ่งใด หากคุณไม่เข้าใจให้เขียนจดหมายกลับมาถาม วิธีที่สอง ปรึกษาคนของตระกูลอับราฮัม พวกเขาครอบครองเส้นทางนักท่องเที่ยวและสามารถสำรวจโลกวิญญาณได้ลึกกว่าใคร”

แม้กระทั่งในยามเขียนจดหมาย ชารอนก็ยังพยายามระงับอารมณ์… นึกแล้วเชียว มัมมี่ฟาโรห์คือองค์ประกอบหลักของพิธีกรรมเลื่อนลำดับเป็นหุ่นกระบอก… วิญญาณมารในซากอาคารใต้ดินเคยกล่าวว่า มันสามารถเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมให้เธอได้… หรือว่าเงื่อนไขก็คือ ต้องเป็นศพของผู้วิเศษลำดับสูงที่ยังมีพลังวิญญาณเข้มข้น หรือไม่ก็วิญญาณมารที่ก่อตัวจากความเคียดแค้นหลังความตาย?

หึหึ… ขอสวดวิงวอนถึง ‘แสงส้ม’ ได้ไหม? แล้วให้ท่านช่วยถามพิกัดจากแสงแดงแทน? อา สำหรับคนอื่น การค้นหาเมืองในตำนานอย่างกัลเดรอนคงเป็นเรื่องยาก แต่ใกล้ตัวเรามีมิสเมจิกเชี่ยน วีรสตรีที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลอับราฮัม

อยากให้ทฤษฎีแรกเกี่ยวกับเมืองกัลเดรอนเป็นความจริง… เพราะถ้าเป็นแบบนั้น หลังจากเราเขียนจดหมายติดต่อกับมิสเตอร์อะซิกและบอกให้เขาช่วยพาไป เกรงว่าชาวเมืองกัลเดรอนคงยืนได้ต่อแถวสองฝั่งคอยรับเสด็จ… ไคลน์ส่ายหน้า สลัดจินตนาการฟุ้งซ่าน

ชายหนุ่มอ่านทบทวนรายละเอียดของหัวขโมยโลกวิญญาณอีกครั้ง จากนั้นก็ยืนยันว่ามันมีลักษณ์คล้ายคลึงกับ ‘นักเชิดหุ่น’ และ ‘จอมเวทพิสดาร’ ในบางแง่มุม แถมยังเป็นสัตว์วิญญาณลำดับสูงที่อันตรายมาก

สามารถมอบพลังพิเศษของตัวเองให้ ‘อวตารวิญญาณ’ ใช้งานแทน? ฟังดูเหมือนกับ ‘จอมเวทพิสดาร’ ที่สามารถมอบพลังพิเศษให้กับหุ่นเชิด… หากเป็นระดับของซาราธ หรือลำดับ 3 อย่าง ‘ปราชญ์โบราณ’ เราเองก็สามารถมอบพลังพิเศษให้สิ่งมีชีวิตอื่นที่ไม่ใช่หุ่นเชิดใช้งานได้ด้วย? ไคลน์ครุ่นคิดพลางพับกระดาษจดหมาย สะบัดหนึ่งครั้ง เฝ้ามองกระดาษถูกเปลวไฟสีแดงเข้มลุกไหม้ เศษขี้เถ้าโปรยปรายลงในถังขยะ

ท่ามกลางความคิดมากมาย ชายหนุ่มเดินไปยังประตูห้องนอน เรียกให้บุรุษรับใช้ริชาร์ดสันเข้ามาช่วยแต่งตัว

ชั้นใต้ดินของวิหารนักบุญแซมมวล

เฉกเช่นทุกครั้ง เลียวนาร์ด·มิเชลนั่งในท่าเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ปลายเท้าพาดลงบนโต๊ะ

ภายนอกอาจดูเหมือนไม่ได้คิดอะไร แต่ภายในกำลังกังวลเกี่ยวกับอามุนด์

นับตั้งแต่ทราบว่าอามุนด์มาถึงเบ็คลันด์ พาลีส·โซโรอาสเตอร์ ปรสิตในร่างก็เงียบลงอย่างมาก ทำตัวแตกต่างไปจากทุกที พูดน้อยลงชัดเจน แทบไม่เป็นฝ่ายแสดงความเห็นก่อน

หากไม่ใช่เพราะยังคอยตอบคำถามในใจ เลียวนาร์ดคงเกิดความสงสัยว่า ชายชราคงแอบหนีไปสิงร่างอื่นแล้ว

ท่ามกลางกระแสความคิด หัวหน้าหน่วยถุงมือแดง อาวุโสใหญ่แห่งเหยี่ยวราตรี โซสต์เดินเข้ามาในห้อง

“ผลการสอบปากคำเป็นอย่างไรบ้างครับ? ได้ความคืบหน้าบ้างไหม?” ถุงมือแดงภายในห้องที่กำลังจัดการธุระส่วนตัว ต่างหันไปมองที่ประตูพลางตั้งคำถาม

เมื่อคืน พวกมันเพิ่งทำงานใหญ่เสร็จ เป็นการจับกุมสามสมาชิกนิกายวิญญาณที่ตามแกะรอยมาระยะหนึ่ง ปัจจุบันกำลังรอผลการสอบปากคำ

โซสต์มองไปรอบห้อง กล่าวด้วยสีหน้าขึงขัง

“พวกเราสร้างผลงานชิ้นใหญ่ในคดีนี้ แต่ผลลัพธ์ไม่น่าประทับใจสักเท่าไร… จากคำสารภาพของสมาชิกนิกายวิญญาณทั้งสาม รวมถึงข้อมูลที่ทางโบสถ์เคยรวบรวมได้ในอดีต เราสามารถยืนยันได้เบื้องต้นว่า นิกายวิญญาณแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝั่งคือหนึ่งกลุ่มที่ต้องการคืนชีพให้เทพมรณา ส่วนอีกฝั่งคือกลุ่มที่ต้องการสร้างมรณาเทียม โดยฝ่ายหลังมีความคืบหน้าพอสมควร แถมยังได้รับประโยชน์ไม่น้อย… ในสายตาพวกมัน ทางเราและอาณาจักรโลเอ็นล้วนเป็นศัตรู ดังนั้น การทดลองมรณาเทียมชุดแรกจะถูกนำมาทดสอบกับกรุงเบ็คลันด์! ใช่แล้ว พวกมันกำลังคิดในสิ่งที่พวกคุณคิด แม้การทดลองจะล้มเหลว แต่ก็ยังมีโอกาสทำให้เมืองหลวงของโลเอ็นได้รับความเสียหายใหญ่หลวง!”

เลียวนาร์ดสะดุ้งตื่นจากภวังค์ หันไปมองหน้าซินดี้ บ็อบ และคนที่เหลือ เห็นความตกตะลึงและเดือดดาลภายในดวงตาแต่ละคน

ทันใดนั้น โซสต์เคาะโต๊ะเพื่อหยุดการพูดคุยระหว่างสมาชิก

มันกระแอมในลำคอ

“งานของเราในตอนนี้ก็คือ อาศัยเบาะแสจากคำให้การ เดินทางไปยังทวีปใต้เพื่อค้นหาสมาชิกคนสำคัญของนิกายวิญญาณฝ่ายที่ต้องการสร้างมรณาเทียม ตรวจสอบว่าเบ็คลันด์ยังมีเสี้ยนหนามเหลืออีกเท่าไร จากนั้นก็ค่อยๆ ถอนออกจนหมด… สำหรับงานนี้ ทางเราจะได้รับความช่วยเหลือจากมาดามดาลีย์ โดยศาสนจักรจะมอบโอสถให้เธอเป็นค่าตอบแทนล่วงหน้า ช่วยให้เธอกลายเป็น ‘ผู้เฝ้าประตู’ ก่อนออกเดินทาง… นอกจากนั้น อาวุโสใหญ่ที่คอยดูแลพื้นที่เขตทวีปใต้ ‘ดวงตาแห่งเทพธิดา’ ท่านเจ้าคุณอิลิยาและเหยี่ยวราตรีท้องถิ่น จะช่วยอำนวยความสะดวกกับเราด้านสมบัติปิดผนึก รวมถึงการสืบสวนหาเบาะแสล่วงหน้า… สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย กลับไปพักผ่อนให้เต็มที่ เตรียมตัวให้พร้อม เราจะออกเดินทางกันในคืนวันพรุ่งนี้”

“ครับ หัวหน้า!” บ็อบ ซินดี้ และคนที่เหลือต่างยืนขึ้นและขานรับ

เลียวนาร์ดเองก็ลุกขึ้นยืน แต่ไม่ได้กล่าวคำใด ความคิดในหัวมีเพียง:

เราสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อออกจากเบ็คลันด์ หลบหนีภัยอันตรายที่เกิดจากอามุนด์!

กลับถึงบ้านเลขที่ 7 ถนนพินสเตอร์ มันปิดประตูและขึงผ้าม่าน จากนั้นก็พูดเสียงค่อย

“ตาแก่ ปัญหามีทางออกแล้ว… การออกไปทำภารกิจให้ถุงมือแดงตามปรกติ คงไม่ทำให้อามุนด์เอะใจหรอกใช่ไหม?”

ภายในใจ เสียงค่อนข้างชราตอบเชื่องช้า

“คงไม่”

หลังจากได้ยิน เลียวนาร์ดพบว่าน้ำเสียงของชายชราผ่อนคลายลงมาก จึงครุ่นคิดสักพักและกล่าวต่อ

“คุณคิดว่าผมควรเขียนจดหมายถึงไคลน์·โมเร็ตติไหม? บอกเขาว่าเราจะไม่อยู่เบ็คลันด์ไปอีกสักพัก เพราะอย่างไรก็ดี เขาคือคนที่เตือนเราเกี่ยวกับอามุนด์”

พาลีส·โซโรอาสเตอร์ตอบเสียงเรียบ

“แล้วแต่เจ้าเลย”

เลียวนาร์ดถอนหายใจ ดึงกระดาษจดหมายออกมาพร้อมกับปากกาหมึกซึม

ครุ่นคิดสักพัก มันตวัดมือเขียน

“ผมมีภารกิจที่ต้องเดินทางออกจากเบ็คลันด์”

อ่านทวนข้อความสั้นๆ ซ้ำหนึ่งรอบ เลียวนาร์ดวางกระดาษลง นำปากกาทับกระดาษ

จากนั้น มันจัดเตรียมพิธีกรรมสำหรับอัญเชิญผู้ส่งสาร จุดเทียนไข ก้าวถอยหลัง เปล่งเสียงภาษาเฮอมิสโบราณด้วยความเคารพ

“ตัวข้า!”

“ขออัญเชิญด้วยนามของข้า!”

“ผู้เตร็ดเตร่ในความว่างเปล่า… สิ่งมีชีวิตที่เป็นมิตรและพร้อมรับคำสั่ง… ผู้ส่งสารของเกอร์มัน·สแปร์โรว์แต่เพียงผู้เดียว!”

ภายในห้อง เสียงลมกระโชกดังขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด

เปลวไฟของเทียนไขขยายขนาดพร้อมกับสีที่ซีดจางลง จนกระทั่งมีใบหน้าสตรีผมทองดวงตาสีแดงโผล่ออกมา

เลียวนาร์ดเลิกคิ้วเล็กน้อย เตรียมกล่าวบางสิ่ง แต่ทันใดนั้นก็พบว่าสิ่งที่ตามออกมาไม่ใช่ลำคอ แต่เป็นมือที่กำลังจับเส้นผม

ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ในชุดเดรสยาวสีดำซับซ้อนเดินออกจากเปลวไฟเทียนไข ศีรษะทั้งสี่ในมือหันไปมองเลียวนาร์ดอย่างพร้อมเพรียง ตามด้วยการเปล่งเสียงไล่เรียงทีละหัว

“เจ้า…” “ต้องการ…” “ส่ง…” “จดหมาย…?”

เป็นสัตว์วิญญาณที่ทรงพลังมาก… นี่คือสิทธิประโยชน์ที่ไคลน์ได้รับหลังจากเข้าร่วมองค์กร? เลียวนาร์ดครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะพยักหน้าและตอบ

“ใช่”

ศีรษะทั้งสี่ในสองมือของไรเน็ตต์พูดอีกครั้ง

“เจ้า…” “ต้อง…” “จ่าย…” “หนึ่งเหรียญทอง…”

หนึ่งเหรียญทอง? ผู้ส่งสารจากโลกวิญญาณเก็บเงินด้วยหรือ? เลียวนาร์ดผงะเล็กน้อย ตอบสนองไม่ถูกสักพัก แต่สุดท้ายก็ล้วงเข้าไปในเสื้อและหยิบเหรียญทองออกมา

ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ยกศีรษะที่มีดวงตาสีแดงและเส้นผมสีทองขึ้น ปากหนึ่งกัดกระดาษ ปากหนึ่งกัดเหรียญทอง

ถัดมา เธอก้าวเข้าไปในความว่างเปล่า หายตัวไปอย่างสมบูรณ์

รอจนกระทั่งเปลวไฟเทียนไขกลับเป็นปรกติ เลียวนาร์ดหัวเราะพลางพึมพำ

“เป็นผู้ส่งสารที่ประหลาดชะมัด…”

กล่าวจบ เสียงค่อนข้างชราของพาลีส·โซโรอาสเตอร์ดังขึ้นในใจ

“อย่าพยายามพูดจาแย่ๆ ลับหลังท่านจะดีกว่า…”

…ท่าน? ตาแก่เรียกผู้ส่งสารว่าท่าน? ผู้ส่งสารสามารถเป็น ‘ท่าน’ ได้ด้วยหรือ? ดวงตาเลียวนาร์ดเบิกกว้างกะทันหัน

พาลีสกระแอมในลำคอ

“อาการของท่านไม่ปรกติ… ไม่ต่างจากข้านัก… สรุปโดยสั้น องค์กรที่ศรัทธาเดอะฟูล แข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดไว้พอสมควร… อา คราวหน้าที่ติดต่อกับไคลน์·โมเร็ตติ จงระวังตัวให้มากขึ้น”

กล่าวจบ ปรสิตปิดปากเงียบ ไม่กล่าวคำใดอีกเป็นเวลานาน

สรุปได้ว่า เลียวนาร์ดจะเดินทางออกจากเบ็คลันด์สักระยะเนื่องจากติดภารกิจ… นี่คือวิธีหลบหนีจากอามุนด์? เป็นแผนที่คุณปู่ปรสิตรายนั้นคิดขึ้น? อีกฝ่ายน่ากลัวถึงเพียงนี้เชียว? ไคลน์ที่ได้รับจดหมาย พึมพำเงียบสองสามประโยค

ตัวมันเองก็เริ่มพิจารณาอย่างจริงจัง ว่าจะใช้ข้ออ้างในการค้าอาวุธเถื่อนเพื่อออกจากเบ็คลันด์สักระยะ

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

       เป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป
ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่
     แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา
ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง
ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น
    ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว
หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’
หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม
ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด
หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด
แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป
พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง
แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย
    เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท