ราชันเร้นลับ 945 : ตอนจบของเรื่องราว
ในวินาทีที่ยันต์โจรปล้นดวงหลุดจากมือเลียวนาร์ด มันหายไปในอากาศ ไม่มีใครทราบว่าไปโผล่ที่ใด แต่ก็สามารถเปลี่ยนให้จุดที่เลียวนาร์ดและอินซ์·แซงวิลล์กำลังยืนถูกปกคลุมด้วยความมืดและเยือกเย็น แม้แต่สายฟ้าสีเงินสว่างก็ยังมิอาจส่องแสง
ทันใดนั้น เลียวนาร์ดสัมผัสได้ว่าผิวหนังของตนเริ่มชา ประหนึ่งสายฟ้ากำลังแล่นไปทั่วร่าง มอบความเจ็บแปลบคล้ายกับถูกเข็มทิ่มแทง ร่างกายสามารถแปรสภาพเป็นเถ้าท่านได้ทุกเมื่อ
แต่ในวินาทีถัดมา มันกลับไม่ถูกสายฟ้าเล่นงาน ความเจ็บปวดเลือนหายไปราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ไม่สิ มีบางสิ่งเกิดขึ้น สายฟ้าผ่าลงมายังตนไม่ผิดแน่ ส่งผลให้พื้นดินเต็มไปด้วยรอยไหม้เกรียม
ในเวลาเดียวกัน ไคลน์เองก็ฉวยโอกาสในจังหวะที่เลียวนาร์ดใช้ยันต์โจรปล้นดวง เปลี่ยนเป้าหมายการยิงฟ้าผ่าจากอินซ์·แซงวิลล์มาเป็นเลียวนาร์ด·มิเชล!
“อ๊าาาาาก!”
ท่ามกลางเสียงแหกปากดังสนั่น ความมืดมิดรอบกายอินซ์·แซงวิลล์ล้มเหลวในการดูดซับพายุสายฟ้า ร่างกายท่วมท้นไปด้วยพลังแห่งภัยพิบัติ
มันสืบทอดชะตากรรมที่ต้องถูกพายุสายฟ้าเล่นงานของเลียวนาร์ด!
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าร้องคำรามระลอกใหญ่ก่อนที่สายฟ้าจะเริ่มเลือนหาย แต่ยังไม่ทันจะหายไปโดยสมบูรณ์ สายฟ้าเส้นแล้วเส้นเล่าพลันกระหน่ำยิงลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้ง
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
โทสะของเทพสายฟ้ากำลังปะทุด้วยความเกรี้ยวกราด ความถี่ของสายฟ้ากลับเป็นเหมือนในช่วงต้น ปราศจากช่องว่างให้พักหายใจ แม้ในตำแหน่งของอินซ์·แซงวิลล์จะมีความมืดมิดแผ่ขยายออก แต่ก็ไม่สามารถดูดซับความพิโรธไปได้ทั้งหมด
หลังจากเกิดพายุสายฟ้าหนแล้วหนเล่า ในที่สุดแสงสว่างก็เริ่มหม่น อสรพิษสายฟ้าบนพื้นส่ายไปมาอย่างอ่อนแรง
อินซ์·แซงวิลล์ยังคงยืนในจุดเดิมโดยไม่ล้มลง
ทว่า ศีรษะของมันที่มีดวงตาสีดำสนิท แสงสว่างสีแดงเข้ม และสัญลักษณ์ลึกลับ ปัจจุบันอยู่ในสภาพแยกออกจากกัน เนื้อที่โผล่ออกมามีสภาพไหม้เกรียม ของเหลวสีเทาขุ่นกำลังล้นทะลัก
ขาทั้งสี่ข้างซี่โครงและเอวไหม้เกรียมโดยสมบูรณ์ อยู่ในสภาพขดงอ คล้ายกับพร้อมจะหลุดขอเพียงนำมือไปสัมผัส
บนแขนขาเหล่านั้น ไม่เพียงขนนกสีขาวจะแทบไม่หลงเหลือ แต่เส้นเลือดและผิวหนังรอบๆ ก็กลายเป็นสีไหม้เกรียมในสภาพปริแตก ผงสีดำกระจายไปรอบทิศ
แต่ถึงอย่างนั้น อินซ์·แซงวิลล์ก็ยังมีชีวิตอยู่ ตัวตนที่ได้รับเศษเสี้ยวความเป็นเทพ ย่อมถึกทนชนิดที่คนธรรมดาไม่มีวันจินตนาการถึง!
แสงสีแดงเลือดในดวงตาของมันทวีความเข้มข้น ออร่าที่บ้าคลั่งและสะกดข่มดูราวกับไม่มีวันจางหายอีกต่อไป โทสะเอ่อล้นท่วมร่างจนรู้สึกอยากหาที่ระบาย
มันเกลียดตัวเองในตอนแรกที่เลือกจะหนีแทนการฆ่าทุกคนที่นี่ ย้อนกลับไปในตอนนั้น หากมันใช้พลังของตนโดยไม่เก็บงำ เผยความโหดเหี้ยมของครึ่งเทพอย่างไร้ความปรานี ต่อให้โดนฟ้าผ่าอย่างต่อเนื่อง มันเชื่อว่าตนสามารถสังหารดาลีย์·ซิโมเน่และเลียวนาร์ด·มิเชลได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องถูกทำให้อับอายโดยผู้วิเศษลำดับกลางทั้งสองเช่นนี้
“บัดซบ! บัดซบ!” อินซ์·แซงวิลล์คำถามพร้อมกับโยนปากกา 0-08 ที่มีสีหม่นลงทิ้ง อาศัยขาทั้งสี่ที่ยังเหลือกระโจนเข้าหาเลียวนาร์ด·มิเชล
ขณะเลียวนาร์ดเตรียมขยับตัว ร่างกายของมันหนาวเย็นกะทันหัน คล้ายกับถูกเส้นขนล่องหนยืดออกจากความมืดมิดและพันธนาการร่างกาย ยากจะขยับตัวเคลื่อนไหว
เปรี้ยง!
สายฟ้าเส้นหนึ่งผ่าเข้าใส่อินซ์·แซงวิลล์อย่างจัง แต่มันเพียงแค่สั่นระริกแผ่วเบา มีเนื้อไหม้เกรียมอีกสองสามจุด มิได้หยุดการเคลื่อนไหวโดยสมบูรณ์ แถมยังเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
พิจารณาจากสายฟ้าเมื่อครู่ มันมั่นใจว่าบุคคลลึกลับที่คอยสร้างฟ้าผ่ากำลังถึงขีดจำกัด ไม่สามารถใช้พลังระดับครึ่งเทพได้มากกว่านี้อีกแล้ว!
สำหรับเลียวนาร์ดที่ถูกพันธนาการด้วยเส้นขนล่องหน สติของมันเข้าสู่ภาวะหลับใหลอย่างรวดเร็ว ยากจะต้านทานขัดขืน ถูกกล่อมให้หลับสนิทท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด
ในสภาพที่ขยับไม่ได้ มันกัดลิ้นตัวเองเพื่อดึงสติกลับมาเล็กน้อย รีบสร้างหนังสือมายาขึ้นตรงหน้าพร้อมกับพึมพำเสียงแผ่ว
“ข้าบรรลุ ข้าประจักษ์ ข้าบันทึก”
ท่ามกลางสายลมเกรี้ยวกราด พายุเฮอร์ริเคนที่ทรงพลังพัดปะทะกับอินซ์·แซงวิลล์ที่กระโจนเข้าใส่ตน
สายลมอันแหลมคมเฉือนบางสิ่งที่คล้ายกับเส้นผมมายาจนขาดวิ่น ช่วยให้เลียวนาร์ดได้รับอิสระคืนมา
โครม!
อินซ์·แซงวิลล์ถูกพัดจนลอยขึ้น ก่อนจะตกกระแทกพื้นด้วยความหนักหน่วง รอยปริแตกบนร่างกายทวีจำนวนขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเลือดสีซีดที่พวยพุ่ง
แม้จะเสีย ‘ขาหน้า’ ไปอีกหนึ่งข้าง แต่มันก็ยังไม่ตาย อินซ์·แซงวิลล์ ‘ลุกขึ้นยืน’ อีกครั้ง สายตาจ้องไปยังนักกวีเที่ยงคืนที่ยังคงยืนปิดตาสนิท
โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย เลียวนาร์ดเสียหลักล้มลงกับพื้น ถึงอยากพยุงตัวลุกก็มิอาจรักษาสมดุลไว้ได้ ถึงจะมีสายลมกระโชกที่ตัวเองสร้างขึ้นช่วยพยุง การทรงตัวก็ยังล้มเหลวอย่างน่าสมเพช
“บัดซบ! ย้อนกลับไปที่ทิงเก็น ข้าน่าจะฆ่าเจ้าที่นอนสลบอยู่ให้ตายไปซะ!” อินซ์·แซงวิลล์ขบกรามสาปแช่ง “ผู้หญิงคนนั้นกำลังจะตาย และเจ้าก็ต้องตายตามหล่อนไป!”
ขณะสาปส่ง มันเดินกะเผลกไปหาเลียวนาร์ด คล้ายกับสูญเสียความสามารถในการวิ่งด้วยความเร็วสูงไปแล้ว ขณะเดียวกันก็แผดเสียงด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวจนน่ากลัว
“หัวหน้าของเจ้าเป็นตัวน่ารำคาญ พวกพ้องของเจ้าก็เช่นกัน… ตัวเจ้าเองก็ด้วย! หลังจากฆ่าเจ้าแล้ว ข้าจะกลับไปที่ทิงเก็นและขุดสุสานของพวกมันขึ้นมาใหม่!”
ท่ามกลางเสียงก่นด่า ความมืดสนิทที่อัดแน่นไปด้วยออร่าแห่งความตายพวยพุ่งออกจากร่างอินซ์·แซงวิลล์ ห่อหุ้มเลียวนาร์ด·มิเชลที่อยู่ไม่ห่างออกไป
เลียวนาร์ดสัมผัสได้ว่า ตนถูกสาปให้ได้รับเคราะห์ร้าย แต่ก็มิอาจทำอะไรได้ ไม่กล้าแม้แต่จะลืมตา
ปัง!
ท่ามกลางเสียงปืน กระสุนสีทองอ่อนถูกยิงเข้ามาในความมืดที่อัดแน่นด้วยออร่าความตาย แสงคล้ายดวงอาทิตย์ส่องสว่างอย่างเจิดจ้าพร้อมกับขจัดความผิดปรกติด้านใน
ฉึกฉึก! ไพ่ทาโรต์พุ่งตามเข้ามา ปักลงบนพื้นในจุดต่างๆ
หนึ่งในนั้นตกลงตรงหน้าเลียวนาร์ด ระเบิดพร้อมกับลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีแดงเข้ม
ท่ามกลางเปลวไฟ ชายสวมหมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูง สวมสูทสุภาพสีดำ ถือปืนลูกโม่ ผมสีดำและดวงตาสีน้ำตาล เค้าโครงใบหน้าชัดลึก กลิ่นอายคล้ายหนอนหนังสือ ไม่ใช่ใครนอกจากไคลน์·โมเร็ตติ
เนื่องจากใช้คทาเทพสมุทรไม่ได้อีกต่อไป มันจึงกลับมายังโลกแห่งความจริงพร้อมกับลูกโม่ลางมรณะ!
“นี่เจ้า… เป็นเจ้านี่เอง! ยังมีชีวิตอยู่สินะ! ถ้าอย่างนั้นก็ตายพร้อมกันไปแล้ว!” อินซ์·แซงวิลล์กลับมาเร่งความเร็วอีกครั้ง ขยับตัววนไปรอบๆ ไคลน์พร้อมกับพยายามดึงอีกฝ่ายเข้ามาในความฝัน
เมื่อครู่มันแกล้งทำเป็นเชื่องช้า!
ทว่า ไคลน์ไม่ได้รับผลกระทบใด ไม่มีทีท่าว่าจะปิดตาหลับ เพียงยกมือขวาขึ้นและเหนี่ยวไกลางมรณะ
ปัง!
อินซ์·แซงวิลล์ล้มลงหลังจากถูกปะทะอย่างหนักหน่วง รอยแยกบนกะโหลกศีรษะกว้างขึ้นเรื่อยๆ
“นัดเมื่อครู่สำหรับมาดามดาลีย์” ไคลน์กล่าวด้วยเสียงหนักแน่นพร้อมกับดีดนิ้ว ส่งตัวเองกระโจนผ่านเปลวไฟมาโผล่ด้านข้างอินซ์·แซงวิลล์
ดวงตาของอินซ์·แซงวิลล์แทบจะถลนออกจากเบ้า มันยังคงพยายามเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงพร้อมกับแพร่โชคร้าย แต่น่าเสียดายที่ไคลน์ไม่ได้รับอิทธิพลใดๆ
“นัดนี้สำหรับเลียวนาร์ด”
ไพ่ทาโรต์ทั้งหมดติดไฟพร้อมกัน ดูคล้ายกับดอกไม้ไฟกำลังปะทุ ไคลน์โผล่ขึ้นด้านหลังอินซ์·แซงวิลล์พร้อมกับง้างนก อาศัยสัมผัสวิญญาณเพื่อเหนี่ยวไกปืน
ปัง!
ขาซ้ายของอินซ์·แซงวิลล์ระเบิดออกพร้อมกับสาดกระเซ็นของเหลวจนดูคล้ายกับดอกไม้สีซีด
การวิ่งส่ายไปมาของมันหยุดลงทันที กระทั่งสมดุลร่างกายก็ยากจะรักษา
ไคลน์อาศัยกระโจนไฟเคลื่อนย้ายตัวเองไปตามตำแหน่งของไพ่ทาโรต์ ไม่ปล่อยให้ตกอยู่ในอำนาจพันธนาการของ ‘เส้นผม’ สีดำ
“นัดนี้สำหรับเมกูส…”
“นัดนี้สำหรับผู้คุม…”
“นัดนี้สำหรับบริษัทรักษาความปลอดภัยหนามทมิฬที่พังพินาศ…”
“นัดนี้สำหรับเหยี่ยวราตรีทุกคน”
“นัดนี้สำหรับตัวฉันเอง”
ท่ามกลางเสียงปืน ไคลน์เหนี่ยวไกอย่างต่อเนื่อง ยิงกระสุนปราบมารสีเงินเพื่อทำลายขาอีกข้างของอินซ์·แซงวิลล์ แหวกกะโหลกหน้าผาก ส่งผลให้เสียงคำรามของอีกฝ่ายค่อยๆ แผ่วลงพร้อมกับทิ้งร่างนอนลงบนพื้น
ในที่สุด ไคลน์โผล่ตัวด้านหน้าอินซ์·แซงวิลล์พร้อมกับใช้ลางมรณะจ่อบนใบหน้าอีกฝ่าย
ในวินาทีนี้ บนศีรษะของอินซ์·แซงวิลล์ที่ใกล้พังเต็มที อักขระลึกลับและพิสดารจำนวนมากสว่างขึ้นพร้อมกับสร้างแรงปะทะ
มันยังมีเหลือฤทธิ์สำหรับขัดขืน!
มันกำลังรอให้อีกฝ่ายเข้าใกล้ จากนั้นก็ใช้ร่างสัตว์ในตำนานเพื่อพลิกสถานการณ์!
ทว่า ดวงตาสีน้ำตาลของไคลน์ยังคงจ้องอีกฝ่ายโดยมิได้สะท้อนภาพใดบนกระจกตา
มันวางลูกโม่ลางมรณะทาบลงบนกะโหลกอีกฝ่ายพร้อมกับลั่นไก
ปัง!
ศีรษะของอินซ์·แซงวิลล์ระเบิดโดยสมบูรณ์ประหนึ่งผลแตงโมถูกรถทับ เศษซากและของเหลวจำนวนมากกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง
ลางมรณะกำลังมอบ ‘มรณภาพ’ ให้มัน!
ไคลน์ยกมือซ้ายขึ้น ปาดลงบนดวงตาทั้งสองข้าง เปลี่ยนให้ดวงตาที่แท้จริงกลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิม
ดวงตาสีน้ำตาลของมันเต็มไปด้วยของเหลวสีใส มุมปากยกโค้งเล็กน้อย กล่าวกับร่างไร้วิญญาณของอินซ์·แซงวิลล์อย่างเชื่องช้า
“นัดนี้… สำหรับหัวหน้า”
มันไม่เปิดโอกาสให้อินซ์·แซงวิลล์สั่งเสียทิ้งท้าย ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะมีอดีตอันขื่นขมหรือไม่
จากนั้น มันหยิบไพ่ทาโรต์ใบสุดท้ายออกจากกระเป๋าเสื้อ โยนลงบนศพอินซ์·แซงวิลล์
ไพ่ ‘เดอะสตาร์’ กลับด้าน
พร้อมกันนั้น บุคคลหนึ่งปรากฏตัวในจุดไม่ห่างออกไป โน้มตัวลงหยิบปากกาขนนกที่มีสีหม่นหมอง
บุคคลดังกล่าวสวมชุดคลุมสีขาวเรียบง่าย ครึ่งล่างใบหน้าปกคลุมด้วยหนวดเคราสีทองอ่อน กึ่งกลางหน้าอกห้อยสร้อยไม้กางเขน ภายนอกดูคล้ายกับนักบวชแสนธรรมดา แต่ความจริงแล้วคือราชาเทวทูต อาดัม!
อาดัมจ้องไคลน์ ยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าว
“น่าเสียดาย… ข้าปล่อยงูตัวนั้นหลุดมือไป”
มันจ้องปากกาขนนกในมือ ก่อนจะหันมามองไพ่ทาโรต์พร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ของขวัญทั้งหมดที่โชคชะตาเคยมอบให้ ทุกสิ่งล้วนมีราคาต้องจ่าย… ใช่ไหมล่ะ?”
กล่าวจบ มันหันหลังกลับและเดินจากไปทีละก้าว ออกจากจัตุรัสที่พังทลาย ทุกก้าวเดินทิ้งข้อความคล้ายกับบทสวด:
“ภายใต้การเป็นสักขีพยานของ ‘ผู้ชม’ ไคลน์·โมเร็ตติกำกับบทละครได้อย่างงดงาม รังสรรค์การฆาตกรรมที่วิเศษจนโอสถถูกย่อยอย่างสมบูรณ์ และยังเหลือพลังพอที่จะเลื่อนลำดับก่อนละครจะปิดม่านลง”
ไคลน์มิได้สนใจความคืบหน้าในการย่อยโอสถนักเชิดหุ่นที่เกิดขึ้น เพียงใช้กระโจนไฟกระโดดไปหาดาลีย์·ซิโมเน่
สตรีผู้ใกล้คลุ้มคลั่งเต็มที เธอกล่าวด้วยเสียงล่องลอย
“ฉันไม่อยาก… กลายเป็นสัตว์ประหลาด…”
“ตกลง…” ไคลน์มองเธอด้วยสายตาเศร้าหมอง ขบคิดหาวิธีช่วยให้อีกฝ่ายรอดพ้นจากภาวะคลุ้มคลั่ง
มันคิดจะให้อีกฝ่ายเอ่ยนามเต็มของเดอะฟูลและดึงร่างวิญญาณขึ้นไปบนมิติหมอก แต่เมื่อพิจารณาจากสภาพปัจจุบันที่เริ่มกลายพันธุ์แล้ว ความพยายามดังกล่าวคงไร้ผล เว้นเสียแต่จะให้ดาลีย์อยู่บนมิติหมอกไปตลอดกาล และแหวน ‘บุปผาโลหิต’ ของตนก็จนปัญญาจะแก้ปัญหานี้
ดาลีย์เผยรอยยิ้มอย่างยากลำบาก พยายามระงับมิให้ปุยขนนกและเกล็ดสีเขียวเข้มลุกลาม
“เป็นคุณนี่เอง… คุณเคยถามใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงไม่เป็นฝ่ายริเริ่มจับดันน์โยนลงบนเตียง?”
หญิงสาวถอนหายใจ ยิ้มขื่นขม
“ในอดีต ฉันทำตามใจตัวเองมากเกินไป… ส…ส่วนเขาเป็นชายหัวโบราณ… ฉ…ฉันรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยกว่า”
เธอพร้อมจะคลุ้มคลั่งและกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดได้ทุกเมื่อ
ทันใดนั้น หญิงสาวได้ยินเสียงไคลน์·โมเร็ตติ
“หัวหน้าเองก็ชอบคุณมากเหมือนกัน แต่คุณงดงามเกินไป และยังสาวยังสวย เขาจึงรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยกว่ามา”
ขณะดาลีย์กำลังยิ้ม ด้วยดวงตาที่พร่ามัว เธอเห็นชายสวมเสื้อกันลมสีดำ หน้าผากเถิก ดวงตาสีเทาลุ่มลึก อีกฝ่ายใช้มือข้างหนึ่งทาบหน้าอก โน้มตัวลงเล็กน้อยพร้อมกับเหยียดแขนอีกข้างมาหา เชื้อเชิญให้ออกไปเต้นรำ
หญิงสาวเหยียดแขนออกไปจับด้วยความคิดที่ค่อยๆ ล่องลอย
บุรุษเจ้าของดวงตาสีเทาในเสื้อคลุมสีดำ ดึงดาลีย์ขึ้นมายืน ความเร็วในการกลายพันธุ์ของเธอค่อยๆ ช้าลง ท่ามกลางการเฝ้ามองของเลียวนาร์ด จัตุรัสที่มีสภาพทรุดโทรมและน้ำพุสาดกระเซ็น ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเต้นรำอย่างออกรส
วัตถุดิบชิ้นแล้วลอยขึ้นกลางอากาศ มีทั้งเถาวัลย์สีทองและหน้ากากยางอัปลักษณ์ พวกมันถูกพลังวิญญาณชักนำและค่อยๆ ผสมผสานกัน ก่อนจะถูกบรรจุลงในขวดโลหะ
ท่ามกลางการเต้นรำที่ยอดเยี่ยม ดาลีย์เอนตัวไปด้านหน้าอย่างอ่อนโยน ซบอ้อมอกของดันน์ด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
ไคลน์ถือขวดโอสถในมือ เลื่อนขึ้นมาจ่อปากและกระดกดื่ม