พลังของราชินีเงื่อนงำช่างอัศจรรย์… เหมือนกับในเทพนิยาย… ไคลน์ชำเลืองปากกาที่เขียนเอง ก่อนจะหยิบปากกาและกระดาษจากกระเป๋าของตนออกมาเขียนพิธีกรรมอัญเชิญผู้ส่งสาร รวมถึงเน้นย้ำว่าการส่งจดหมายทุกครั้งต้องจ่ายค่าจ้างหนึ่งเหรียญทอง
ทันทีหลังจากนั้น ชายหนุ่มยื่นกระดาษให้แบร์นาแดต ตามด้วยการหยิบกระดาษของอีกฝ่ายขึ้นมากวาดสายตาอ่าน
“สิ่งมีชีวิตล่องหนซึ่งพเนจรท่ามกลางดินแดนเบื้องบน… วิญญาณพิสดารที่เป็นมิตรกับมนุษย์… ผู้ส่งสารที่เป็นของแบร์นาแดตกุสตาฟแต่เพียงผู้เดียว…”
มีบางจุดแตกต่างจากคาถาทั่วไป แต่แก่นสำคัญยังคงเดิม… อา… ราชินีเงื่อนงำคงจงใจปรับแต่งเล็กน้อย ไม่ให้คนอื่นทดสอบอัญเชิญผู้ส่งสารเพื่อแกะรอยพิกัดแบบย้อนกลับจากสายสัมพันธ์… แต่สำหรับเราคงไม่ต้องกังวล มิสผู้ส่งสารเป็นถึงเทวทูต มีแต่จะไปข่มขู่ผู้อื่น ไม่ใช่ฝ่ายถูกกระทำ หรือต่อให้เผชิญหน้ากับซาราธ ก็คงป้องกันตัวเองได้ในระดับหนึ่ง สามารถการหลบหนีได้ง่ายดาย… ไคลน์พึมพำสองสามคำ ตามด้วยการสะบัดฝ่ามือข้างที่ถือกระดาษ จุดเพลิงสีแดงฉาน
เฝ้ามองกระดาษกลายเป็นเถ้าท่านในเปลวไฟ ราชินีเงื่อนงำ แบร์นาแดตถามอย่างไร้อารมณ์
“เกี่ยวกับแผนการขัดขวางจอร์จที่สาม คุณมีความเห็นอย่างไร”
ไคลน์ที่เตรียมคำตอบไว้แล้ว จงใจกล่าวเชื่องช้า
“อันดับแรก ต้องไม่ประมาท ห้ามเสี่ยงเกินจำเป็น และไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์”
หากไม่ใช่เพราะราชินีเงื่อนงำ แบร์นาแดตเพิ่งพูดออกมาว่าเธอเกลียดสงครามและการเบียดเบียนผู้บริสุทธิ์ ไคลน์คงไม่จงใจกล่าวออกไป เพราะนั่นจะเป็นการเผยจุดอ่อนตัวเอง มันจะเลือกใช้คำพูดที่อ้อมค้อมและนุ่มนวลมากกว่าเดิม
ได้ยินประโยคดังกล่าว แบร์นาแดตพยักหน้าแผ่วเบา เป็นนัยเห็นด้วย
“พวกเรามีสามทางเลือก หนึ่ง ทำลายพิธีกรรมของจอร์จที่สามในช่วงเวลาสำคัญ ส่งผลให้การเลื่อนลำดับล้มเหลว สอง พยายามลอบสังหารล่วงหน้าเพื่อไม่ให้จอร์จที่สามได้มีโอกาสประกอบพิธีกรรม” ไคลน์จงใจเล่าแค่สองวิธี และเริ่มวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของสองวิธีแรก “การลอบสังหารเป็นตัวเลือกที่มีโอกาสสำเร็จต่ำมาก จอร์จที่สามซึ่งเตรียมตัวจะเป็นจักรพรรดิมืด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอยู่ในลำดับหนึ่งเป็นศัตรูที่พวกเราไม่มีปัญญาจะกำจัด… หรือถ้าจอร์จที่สามยังไม่ใช่ลำดับหนึ่งแต่ก็คงสวมบทบาทเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว ทันทีที่เดิมโอสถลำดับหนึ่งเข้าไป ตัวยาจะถูกย่อยอย่างสมบูรณ์ทันที พร้อมสำหรับการก้าวไปเป็นเทพ… แต่แน่นอน ต่อให้สมมติฐานที่เป็นไปได้ยากเช่นนี้ดันตรงกับความจริง จอร์จที่สามก็ยังเป็นถึงผู้วิเศษลำดัสอง… ตระกูลออกัสตัสของท่านมีสมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ไว้ในครอบครองไม่น้อย อีกทั้งยังมีเทวทูตจำนวนมากคอยอารักขา โอกาสลอบสังหารสำเร็จเกือบเป็นศูนย์”
ถึงตรงนี้ ไคลน์เปลี่ยนสรรพนามของจอร์จที่สามจาก ‘เขา’ เป็น ‘ท่าน’
แบร์นาแดตที่ฟังอย่างตั้งใจ ไตร่ตรองสักพักราวกับกำลังเรียบเรียง
“ตราบใดที่สภาพแวดล้อมเอื้ออำนวย การลอบสังหารเทวทูตลำดับสองยังพอมีโอกาสสำเร็จ ทว่า ไม่คุณก็ฉันต้องล้มตายไปสักคน หรือไม่ก็ทั้งสอง”
ความหมายโดยนัยก็คือ เธอครอบครองสมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ที่ทรงพลัง อัศจรรย์ และน่าสะพรึง แต่หากต้องการใช้งานอย่างเต็มที่ จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนด้วยราคาแพง
ถ้าเธอพูดแบบนั้น ตัวเลือกที่สองก็มีโอกาสสำเร็จอยู่ไม่น้อย นั่นเพราะเราโกหกในตอนแรก… หากเราทุ่มเททุกสิ่งที่มี นั่นจะหมายถึงการได้รับความช่วยเหลือจากวิล·อัสติน พาลีส·โซโรอาสเตอร์ และมิสผู้ส่งสาร โดยทุกคนจะใช้ยันต์วันวานอีกครั้งเพื่อฟื้นคืนพลังชั่วคราว… แต่ปัญหาคือ ต่อให้แผนการสำเร็จ เราอาจต้องเสียใครบางคนไป และไม่รู้ว่าผลลัพธ์หลังจากนั้นจะเป็นเช่นไร สถานการณ์โลกจะดำเนินไปในทิศทางไหน และต้องไม่ลืมว่า การต่อสู้อาจไปกระตุ้นความสนใจของราชาเทวทูตอย่างอามุนด์และโอโรเลอุส…
คงจะดีไม่น้อยถ้ามิสเตอร์อะซิกลืมตาตื่น เพราะเมื่อผนึกกำลังราชินีเงื่อนงำ สมบัติปิดผนึกระดับศูนย์และเทวทูตจำนวนสี่ตนเข้าด้วยกัน ต่อให้ศัตรูคือลำดับหนึ่งก็ยังมีโอกาสสำเร็จ แต่แน่นอน โอกาสล้มเหลวยังคงสูงอยู่ดี คงได้ไม่คุ้มเสี่ยง… ไคลน์เริ่มหวั่นไหวหลังจากทราบว่าสมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ของราชินีเงื่อนงำมีพลังเหนือจินตนาการ แต่ท้ายที่สุด มันปัดตกประเด็นดังกล่าว
ไม่ใช่ว่าชายหนุ่มไม่อยากร่วมมือด้วย หรือเพราะไม่เชื่อใจราชินีเงื่อนงำ แต่วิลอัสตินและพาลีส· ซโรอาสเตอร์ต่างอยู่ในสภาพไม่สู้ดีนัก หากแผนการล้มเหลวจนทำให้พวกเขาถูกตามล่า นั่นอาจหมายถึงการร่วงหล่น เป็นพัฒนาการที่ไคลน์ไม่อยากเห็น
ชายหนุ่มตอบคลุมเครือ
“หากตัวเลือกเหลือแค่การลอบสังหาร ผมสามารถขอความช่วยเหลือจากเทวทูตได้อย่างน้อยสองตน”
สองตนที่ว่าหมายถึง กงสุลมรณะ’อะซิกอายเกสและ อสรพิษปรอทวิล อัสตินซึ่งแบร์นาแดตน่าจะเดาได้จากเลือดของสัตว์ในตำนาน
แบร์นาแดตเผยอาการตะลึงแผ่วเบา
“เป็นความประสงค์ของท่านผู้นั้นหรือ”
หากไม่ได้รับความยินยอมจากเดอะฟูล ลำพังข้ารับใช้คงไม่มีอำนาจเคลื่อนพลเทวทูต
“ท่านไม่คัดค้าน” ไคลน์ตอบตามความจริง
ดวงตาสีฟ้าของราชินีเงื่อนงำมืดลงกะทันหัน ไม่กล่าวสิ่งใดอีก ทำเพียงพยักหน้าเชื่องช้า
ไคลน์นำบทสนทนากลับเข้าประเด็น
“หากเลือกวิธีทำลายพิธีกรรม ผิวเผินอาจฟังดูง่าย แต่ยากในการปฏิบัติจริง เพราะเราต้องลงมือในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ไม่อย่างนั้นการเถลิงบัลลังก์ของจอร์จที่สามก็แค่เลื่อนเวลาออกไป… ท่านได้รับอนุญาตโดยปริยายจากทวยเทพแล้ว ต่อให้สุสานถูกทำลายก็ไม่ต้องกังวล สามารถสร้างใหม่ภายในเวลาอันสั้น… แต่ถ้าทำลายพิธีกรรมในจังหวะสำคัญ จอร์จที่สามจะเลื่อนลำดับล้มเหลวและกลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาดเสียสติ เหล่าทวยเทพคงไม่ปล่อยให้สิ่งมีชีวิตดังกล่าวเดินเตร็ดเตร่บนโลก จอร์จที่สามจะถูกกำจัด… แต่ปัญหาก็คือ อีกฝ่ายมีราชาเทวทูตคอยมอบคำแนะนำและให้ความช่วยเหลือ จอร์จที่สามคงไม่เปิดช่องโหว่ง่ายนัก ขณะประกอบพิธีกรรมคงมีการยกระดับความปลอดภัยจนถึงขีดสุด โอกาสล้มเหลวมีสูงมาก อาจเป็นรองแค่แผนลอบสังหาร… สำหรับวิธีดังกล่าว เราต้องรวบรวมข้อมูลโดยเร็ว และค้นหาสถานที่ลงมือให้พบ… ไม่ว่าจะเป็นวิธีที่หนึ่งหรือสอง โอกาสสำเร็จจะเพิ่มขึ้นมากหากคุณเลื่อนเป็นลำดับสองผู้ทรงปัญญา”
แบร์นาแดตพยักหน้าแผ่วเบา เป็นนัยว่าเข้าใจ
เธอกล่าวต่อ
“แล้ววิธีที่สาม?”
ไคลน์ไตร่ตรองสักพักก่อนจะเล่า
“ย้อนกลับไปในอดีต หากพิธีกรรมเลื่อนเป็นลำดับศูนย์ของจักรพรรดิโรซายล์ประสบความสำเร็จ นั่นแปลว่าพระองค์ยังมีโอกาสคืนชีพ ขอเพียงเราพบเบาะแสที่พระองค์ทิ้งไว้และช่วยคืนชีพก่อนจอร์จที่สามจะเถลิงบัลลังก์ แผนการของจอร์จที่สามก็จะล้มเหลวอย่างมิอาจเลี่ยง”
มันเรียนรู้จากแบร์นาแดตว่า ไม่ควรเรียกโรซายล์ว่าท่านไม่อย่างนั้นตัวตนอาจรั่วไหล
ดวงตาราชินีเงื่อนงำสว่างวาบก่อนจะกลับมามืดมิดและสงวนกิริยา
ริมฝีปากของเธอขยับแผ่วเบา
“ฉันจะส่งไดอารีที่เหลือให้แคทลียา”
ไคลน์ไม่สานต่อหัวข้อเดิม ทำเพียงยิ้ม
“อันที่จริง ยังมีตัวเลือกที่สี่”
แบร์นาแดตขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ปิดบังความสงสัย
“นั่นคือการไม่ทำอะไรเลย เฝ้ามองจอร์จที่สามพยายามเลื่อนลำดับเป็นเทพ และแช่งให้ท่านล้มเหลว” ไคลน์หัวเราะจิกกัดตัวเอง “ยิ่งเป็นผู้วิเศษลำดับสูง โอกาสล้มเหลวก็ยิ่งมาก”
ประโยคดังกล่าวมีความจริงแฝงอยู่ เพราะต่อให้พี่ชายอามุนด์เขียนบทเพื่อกรุยทางสู่ความสำเร็จ และต่อให้จอร์จที่สามย่อยโอสถได้อย่างสมบูรณ์ แต่โอกาสในการเลื่อนลำดับเป็นเทพสำเร็จก็ไม่สูงไปกว่าห้าในสิบ
แน่นอน ไคลน์จงใจติดตลกมากกว่า
ราชินีเงื่อนงำ แบร์นาแดตยังไม่ตอบสนอง เพียงจ้องหน้าเกอร์มัน·สแปร์โรว์นานหลายวินาที
“ฉันสัมผัสได้ว่า คุณแตกต่างไปจากการพบกันครั้งก่อน”
“เป็นคำแนะนำจากจิตแพทย์ส่วนตัว” ไคลน์ยิ้ม บอกเป็นนัยว่าตนคือผู้ป่วยทางจิต
แบร์นาแดตไม่เวิ่นเว้อ ถอนสายตากลับมามองปากกาบนโต๊ะ
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราจะแยกกันรวบรวมข้อมูลและแลกเปลี่ยนทางจดหมาย”
กล่าวจบ เธอเว้นวรรคครู่หนึ่ง กล่าวต่อโดยไม่ขยับดวงตา
“อันที่จริง ฉันเคยสงสัยว่าเขาอาจคืนชีพสำเร็จแล้ว แต่ยังคงพยายามรื้อฟื้นความทรงจำและอดีต ฉันเองก็ไม่รู้รายละเอียดของขั้นตอนการคืนชีพจักรพรรดิมืดมากนัก… บางทีก็สงสัยว่า ในท้ายที่สุดแล้ว เขาเลือกที่จะเป็นจักรพรรดิมืดจริงหรือ…”
เสียงของแบร์นาแดตแผ่วลงทีละนิด แฝงอารมณ์ที่ยากจะพรรณนา
เมื่อได้ยิน ไคลน์เข้าใจทันทีว่าราชินีเงื่อนงำกำลังคิดและหวังสิ่งใด
เธอสงสัยว่าเดอะฟูลคือโรซายล์ที่ฟื้นคืนชีพ สงสัยว่ามหาจักรพรรดิแห่งอินทิสหลอกลวงคนทั้งโลกโดยการย้ายไปยังเส้นทางอื่นที่ไม่ใช่จักรพรรดิมืด และปัจจุบันกำลังรวบรวมไดอารี ไพ่เย้ยเทพ เพื่อเรียกความทรงจำของตนกลับมา
น่าเสียดาย ฉันเป็นแค่ลุงโจวเพื่อนข้างห้อง… ไคลน์อยากรำพันติดตลกในใจ แต่เนื่องจากสถานการณ์กำลังตึงเครียด จึงเป็นการยากที่จะให้ผ่อนคลาย
โดยไม่กล่าวคำใดต่อ มันยืนขึ้นคำนับ สวมหมวกกลับและเดินออกจากห้อง
เมื่อปิดประตูโรงละครทองคำและเดินไปสองสามก้าว ไคลน์ได้ยินท่วงทำนองอันไพเราะดังแว่วจากด้านหลัง
ทำนองดังกล่าวฟังดูล่องลอยและโศกเศร้า
ไคลน์หยุดฟังสักพัก ก่อนจะหันหน้าไปทางห้องโถงและจากไปพร้อมกับเปลวไฟ
…
เมืองเงินพิสุทธิ์ ทีมสำรวจรวมตัวกันที่ประตูเมืองเพื่อเตรียมออกเดินทาง
จุดหมายคือหมู่บ้านยามบ่าย จากนั้นจะเข้าไปสำรวจวังราชาคนยักษ์
เดอร์ริค เบเกอร์ยืนอยู่กลางขบวน ส่วนสูงน้อยที่สุดเป็นอันดับสอง ถือไม้กางเขนทองแดงประดับหนาม
ประกบซ้ายและขวาเป็นโจชัวร์กับฮาอิมตามลำดับ หน้าที่คือการรับฝากไม้กางเขนเจิดจรัสเพื่อมิให้เดอร์ริคถูกขับตะกอนพลัง
เพื่อจะเอาชนะผลข้างเคียง สมบัติปิดผนึกชิ้นนี้จำเป็นต้องถูกใช้งานโดยทีมสามคน
ขณะก้มมองมรดกจากพระผู้สร้าง เดอร์ริคสัมผัสถึงสายตาที่จ้องมองมา จึงเงยหน้าขึ้นและมองกลับไป พบว่าอีกฝ่ายคือหนึ่งในหกสภาอาวุโสคนเลี้ยงแกะโลเฟียร์
หญิงสาวซึ่งสูงน้อยที่สุดในกลุ่ม เจ้าของผมสีเทาเงินหยักศกตอนปลาย ยืนจ้องไม้กางเขนเจิดจรัสด้วยดวงตาสีเทาซีด สายตาแฝงความร้อนรุ่ม
เมื่อตระหนักถึงการจ้องมองจากเดอร์ริค มุมปากอาวุโสคนเลี้ยงแกะขดขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มซึ่งยากจะอธิบาย
“สิ่งนี้เป็นมรดกจากพระองค์”
ขณะเดอร์ริคกำลังตัวสั่น มันได้ยินเสียงของเจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์ โคลินอีเลียดกล่าว
“ออกเดินทางได้”
………………………………….