ไคลน์จำไม่ได้ว่าตนเคยคุยกับแฮงแมนเรื่องที่เส้นทางสุริยัน วายุ นักอ่าน ผู้ชม และคนเลี้ยงแกะสามารถสลับเปลี่ยนกันได้ไปหรือยัง หากต้องการจะนึกให้ออก เห็นทีต้องพึ่งพาการทำนายความฝันเพียงอย่างเดียว
แต่ในเมื่อแฮงแมนสงสัยในการวางตัวของโบสถ์วายุสลาตัน แปลว่ามีโอกาสสูงที่จะไม่เคยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันมาก่อน หรือเคยแล้วแต่อีกฝ่ายเชื่อมโยงข้อมูลไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบใด ชายหนุ่มมองว่าตนควรประกาศจุดยืนของบรรดาโบสถ์หลักให้สมาชิกชุมนุมทาโรต์ทราบโดยทั่วกัน จะได้หลีกเลี่ยงอันตรายในอนาคต
หลังจากถูกแฮงแมนจ้องมอง ไคลน์บังคับเดอะเวิร์ล เกอร์มัน สแปร์โรว์กล่าวเสียงต่ำเจือความไม่มั่นใจ
“วายุ สุริยัน นักอ่าน ผู้ชม และผู้วิงวอนความลับคือเส้นทางกลุ่มเดียวกัน… เช่นเดียวกันกับรัตติกาล เทพสงคราม มรณา… เส้นทางในกลุ่มเดียวกันมักจะไม่ลงรอยกัน แต่แน่นอน เรื่องนั้นไม่เสมอไป เพราะอย่างน้อยเจ็ดเทพจารีตก็จับมือเป็นพันธมิตรกัน”
เมื่อได้ยินคำตอบจากเดอะเวิร์ล แฮงแมน อัลเจอร์นึกถึงแผนการของอาดัมเป็นสิ่งแรก จากนั้นก็นึกทบทวนทัศนคติของโบสถ์วายุสลาตันและเริ่มกระจ่าง
ข้อมูลดังกล่าวทำให้มันมีความสุขและเกิดความรู้สึกเหนือกว่า ราวกับได้เห็นภาพรวมของสงครามก่อนใคร เป็นสิ่งที่แม้แต่สมาชิกเบื้องบนบางคนของโบสถ์ก็ยังไม่ทราบ
จัสติส ออเดรย์เริ่มเข้าใจความเงียบอันผิดธรรมชาติของอินทิส และยิ่งทวีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของลุนเบิร์ก มาซิล และเซกัล
นอกจากนั้นเธอยังได้ทราบว่า ตนสามารถย้ายไปดื่มโอสถ ผู้เจิดจรัส ผู้สังเวยภัยพิบัติ และลำดับสี่ ของเส้นทางนักอ่านได้
สำหรับลำดับสี่ของเส้นทางผู้วิงวอนความลับ หญิงสาวไม่เก็บมาคิดแม้แต่น้อย
แต่แน่นอน อันดับหนึ่งในใจยังคงเป็นจอมบงการ ออเดรย์ชื่นชอบธรรมชาติของเส้นทางผู้ชม แต่ขณะเดียวกันก็กังวลที่จะพัฒนาไปเป็นครึ่งเทพในเส้นทางดังกล่าว พฤติกรรมของเฮอร์วิน แรมบิสทำให้เธอเห็นตัวอย่างที่ไม่ดี และคุณสมบัติทุกการเอ่ยถึงจะถูกล่วงรู้ของอาดัมได้สร้างความหวาดระแวงให้เธอไม่น้อย จำเป็นต้องบำบัดจิตตัวเองอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษา
เฮอร์มิท แคทลียาทราบข้อมูลเหล่านี้ดีอยู่แล้ว และยังรู้มากกว่าที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์เปิดเผย นั่นก็คือ เส้นทางผู้ส่องความลับกับนักปราชญ์อยู่ในกลุ่มเดียวกัน เช่นเดียวกันกับเส้นทางผู้ตัดสินและนักกฎหมาย นักโทษและอาชญากร นักล่าและนักลอบสังหาร นักเพาะปลูกและนักปรุงยา
ขณะที่สมาชิกชุมนุมทาโรต์ขยายกรอบความคิด แฮงแมนกล่าวกับเดอะเวิร์ล
“ขอบคุณสำหรับคำตอบ”
มันไม่ได้เล่าในสิ่งที่ตัวเองกระจ่าง
อันที่จริง มีช่วงเวลาหนึ่งที่อัลเจอร์อยากจะออกจากโบสถ์วายุสลาตันและเปลี่ยนเส้นทาง เพราะนั่นคงอนาคตมากกว่าการรอโอกาสจากโบสถ์วายุสลาตันด้วยความหวังอันริบหรี่ แต่ในท้ายที่สุด มันปัดตกความคิดดังกล่าว เพราะหนึ่งในความฝันของมันคือการได้เป็นคาร์ดินัลแห่งโบสถ์วายุสลาตัน จากนั้นก็ไต่เต้าไปเป็นคาร์ดินัลอันดับหนึ่ง เป็นเทวทูตผู้กุมอำนาจสูงสุดในฝ่ายทูตพิพากษาหรือไม่ก็ฝ่ายนักบวช
สำหรับตำแหน่งสันตะปาปา อัลเจอร์มิได้ปรารถนาแม้แต่น้อย เพราะนั่นจะเป็นการเข้าใกล้วายุสลาตันมากเกินไป
หากในท้ายที่สุด มันได้รับเลือกให้เป็นสันตะปาปาจริง อัลเจอร์สงสัยว่าตนคงถูกฟ้าผ่าจนกลายเป็นเนื้อบดทันทีที่นำมงกุฎมาสัมผัสศีรษะ
เมื่อพบว่าบทสนทนาของเดอะเวิร์ลและแฮงแมนจบลง เดอะมูน เอ็มลินถามด้วยความสงสัย
“เส้นทางนักปรุงยาใกล้เคียงกับเส้นทางใด?”
ด้วยความหยิ่งทะนงของเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือด ย่อมไม่มีใครในตระกูลที่ต้องการเปลี่ยนเส้นทาง เพราะนั่นจะหมายถึงการสูญเสียตัวตนไปอย่างถาวร เอ็มลินจึงไม่เคยสนใจเรื่องนี้มาก่อน
“เส้นทางนักเพาะปลูกของโบสถ์พระแม่ธรณี” เฮอร์มิท แคทลียาตอบอย่างเป็นกันเอง
เส้นทางนักเพาะปลูก… ของโบสถ์พระแม่ธรณี… เดอะมูน เอ็มลินขมวดคิ้วคล้ายกับฉุกคิดบางสิ่ง
คราวนี้เป็นจัดจ์เมนต์ ซิลที่ถาม
“เส้นทางผู้ตัดสินใกล้เคียงเส้นทางใด”
“นักกฎหมาย” แคทลียาตอบห้วน
นักกฎหมาย… เส้นทางจักรพรรดิมืด… ถ้าอย่างนั้น หลังจากลำดับห้า เราสามารถสับเปลี่ยนไปยังลำดับ 4 ของเส้นทางจักรพรรดิมืดได้ ฟอร์สเคยเล่าว่ามิสเตอร์ฟูลมีไพ่เย้ยเทพของเส้นทางจักรพรรดิมืดซึ่งบรรจุความลับทั้งหมดของเส้นทางเอาไว้… ซิลเริ่มมองเห็นแสงแห่งความหวัง
ต้องไม่ลืมว่า เส้นทางผู้ตัดสินถูกผูกขาดจากถึงสองตระกูลราชวงศ์อย่างเข้มงวด แม้แต่กองทัพก็ยังมีสูตรโอสถแค่ลำดับล่างถึงกลาง หากต้องการเลื่อนลำดับให้สูงกว่าห้า จะต้องได้รับการอนุมัติจากราชวงศ์เท่านั้น เฉกเช่นที่ตำแหน่งนายพลของกองทัพต้องถูกแต่งตั้งโดยกษัตริย์หรือพระราชินี ในระหว่างพิธี สิ่งที่พวกมันจะได้รับคือโอสถและการอำนวยความสะดวก
สำหรับซิล นั่นหมายความว่าแทบจะหมดสิทธิ์ในการครอบครองสูตรโอสถหรือตะกอนพลังลำดับสี่ แห่งเส้นทางผู้ตัดสิน
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าแนวป้องกันจะรัดกุมสักเพียงใด แต่ก็ต้องมีช่องโหว่เผยให้เห็น ครึ่งเทพของกองทัพล้วนทราบพิธีกรรม เพราะพวกมันเคยผ่านมาแล้ว และเนื่องจากเคยออกล่าสัตว์วิเศษกับราชวงศ์บ่อยครั้ง จึงพอจะตีกรอบวัตถุดิบหลักของโอสถให้แคบลงได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นการลองผิดลองถูกอยู่ดี และครึ่งเทพของกองทัพไม่มีทางเชี่ยวชาญวัตถุดิบ หากต้องการเลื่อนลำดับผ่านพวกมัน อันดับแรกที่ต้องทำคือสวดมนต์
แต่ในปัจจุบัน ซิลมองเห็นโอกาสใหม่ที่สดใส
ขณะเดียวกัน ออเดรย์เริ่มสรุปข้อมูลเส้นทางที่มิสเตอร์เวิร์ลและมาดามเฮอร์มิทเปิดเผย จากนั้นก็ตั้งคำถาม
“สำหรับเส้นทางนักโทษ อาชญากร นักล่า นักลอบสังหาร ผู้ส่องความลับ นักปราชญ์ และสัตว์ประหลาด เส้นทางใดอยู่กลุ่มเดียวกับใครบ้างหรือคะ?”
เดอะเวิร์ล เกอร์มัน สแปร์โรว์ชำเลืองไปทางเฮอร์มิทและตอบเสียงแหบพร่า
“นักโทษกับอาชญากร นักล่ากับนักลอบสังหาร นักปราชญ์และผู้ส่องความลับ”
ทั้งหมดคือข้อมูลที่ไคลน์สืบหามาได้ เส้นทางนักโทษและอาชญากรได้ยินมาจากบทสนทนาระหว่างวิญญาณมารเทวทูตสีชาดกับชารอน เส้นทางนักปราชญ์กับผู้ส่องความลับได้จากโรซายล์ และนักล่ากับนักลอบสังหารเกิดจากการรวบรวมข้อมูลในระยะหลังจนมั่นใจ
“แล้วสัตว์ประหลาดล่ะ? เหลือแค่เส้นทางเดียวแล้ว” เมจิกเชี่ยน ฟอร์สซึ่งนั่งฟังมาสักพัก อดไม่ได้ที่จะถาม
เมื่อแคทลียาเห็นว่าเกอร์มัน สแปร์โรว์ปิดปากเงียบ เธอไตร่ตรองสักพักก่อนจะพูด
“เส้นทางสัตว์ประหลาดไม่ถูกจำแนกให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับใคร พวกเขาต้องอยู่ตามลำพังเฉกเช่นชะตากรรม สำหรับเรื่องนี้ ฉันมั่นใจมาก… อย่าลืมว่ารากฐานของพลังพิเศษบนโลกเกิดจากความวุ่นวายและไม่เป็นระเบียบ”
แคทลียากล้ายืนยันเพราะว่า ในพิธีกรรมเลื่อนเป็นครึ่งเทพ เธอทำการวิเคราะห์เลือดของอสรพิษปรอทแห่งเส้นทางสัตว์ประหลาด
“อย่างนั้นหรือ…” ออเดรย์ค่อนข้างคาใจกับความไม่เข้าคู่ของเส้นทาง แต่สุดท้ายก็ปรับอารมณ์กลับมาเป็นปรกติ
หลังจากการแลกเปลี่ยนจบลง สมาชิกทุกคนหันมาทางเดอะซัน เดอร์ริค
เด็กหนุ่มไม่ลังเล รีบกล่าวเข้าประเด็น
“พวกเราออกเดินทางแล้ว ปัจจุบันเหลืออีกไม่ถึงครึ่งวันก็จะถึงหมู่บ้านยามบ่าย จากนั้นก็หยุดพักสักวันสองวันก่อนจะเริ่มสำรวจวังราชาคนยักษ์”
คำพูดของเดอะซันทำให้แฮงแมนและเฮอร์มิทรู้สึกว่าตำนานกำลังจะกลายเป็นจริง เมื่อเทียบกับซากสมรภูมิแห่งเทพแล้ว วังราชาคนยักษ์คือสัญลักษณ์อันโด่งดังที่มีการบันทึกไว้มากมาย
ด้านในจะซ่อนความลับใดไว้ และจะค้นพบสิ่งใดบ้าง!
แม้จะเคยติดตามเกอร์มัน·สแปร์โรว์เข้าไปในเมืองแห่งปาฏิหาริย์ เลฟซิด ซึ่งมีศักดิ์ศรีทัดเทียมกับวังราชาคนยักษ์ แต่เดอะสตาร์กับมิสจัสติสก็ไม่ปิดบังความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับวังราชาคนยักษ์ของตน เพราะต้องไม่ลืมว่าการเดินทางของกรอซายที่มังกรจินตนาการขึ้น สูญเสียกระบวนการไปมากหลังจากหนังสือเปลี่ยนมือ นับแต่นั้นเป็นต้นมาก็แทบไม่เหลือเบาะแสที่มีค่า เว้นเสียแต่ตัวอาคารและสถาปัตยกรรม มีเพียงเสาหินยักษ์ตั้งที่เรียงรายเท่านั้น จึงจะสร้างเสน่ห์ระดับเทวตำนานได้อย่างสมจริง
และเหนือสิ่งอื่นใด เดอะซัน เดอร์ริคเคยเล่าว่า เหล่าราชาเทวทูตต่างสมคบคิดแผนหักหลังภายในวังราชาคนยักษ์!
เดอะฟูล ไคลน์กำลังคิดเรื่องอื่น
เราต้องบอกให้เดอะซันน้อยสวดวิงวอนถึงเดอะฟูลก่อนออกเดินทาง จากนั้นเราจะอาศัยดาวแดงตัวแทนเขาในการรับชมถ่ายทอดสดด้วยมุมมองที่กว้างไกล…
ด้วยวิธีดังกล่าว หากเกิดปัญหาขึ้นกับพวกเขา เราสามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงที แต่ปัญหาเดียวกันก็คือ มุมมองที่ได้จากการสวดวิงวอนจะอยู่ได้ไม่นานนัก…
ระยะเวลาของคำสวดวิงวอนไม่เกี่ยวกับปริมาณพลังวิญญาณ แต่เป็นเพราะการเชื่อมต่อนั้นหมดอายุและสลายไป สามารถคงไว้ได้นานที่สุดเพียงสี่สิบห้านาที… หรือควรบอกให้เดอะซันน้อยคอยสวดวิงวอนทุกๆ เวลาที่กำหนด? แต่แน่นอน ต้องไม่ทำในตอนที่กำลังต่อสู้ และห้ามให้คนใกล้ตัวล่วงรู้ความจริง…
ด้วยวิธีดังกล่าว พลังวิญญาณของเราจะทนได้นานสองชั่วโมง แตกต่างจากสมัยยังเป็นลำดับห้าโดยสิ้นเชิง แต่ส่วนหนึ่งคงมาจากการย่อยโอสถจอมเวทพิสดารได้ค่อนข้างคืบหน้า…
หลังจากไตร่ตรองสักพัก ไคลน์เลิกคุยกับตัวเองและบังคับให้เดอะเวิร์ลมอบคำใบ้แก่เดอะซัน
“ก่อนที่จะเริ่มสำรวจวังราชาคนยักษ์ คุณสามารถสวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูลเพื่อขอการอำนวยพร และระหว่างทางก็สวดวิงวอนได้เรื่อยๆ ตราบเท่าที่ต้องการ”
มิสเตอร์เวิร์ลนิสัยดีมาก… หลังจากเดอะซันขอบคุณจากก้นบึ้ง มันรีบหันศีรษะไปทางตำแหน่งประธานโต๊ะทองแดงยาว
ทันใดนั้น มันเห็นมิสเตอร์ฟูลที่รายล้อมด้วยสายหมอก พยักหน้ารับแผ่วเบา
………………………………….