ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1146 : นักต้มตุ๋นตัวจริง

ราชันเร้นลับ 1146 : นักต้มตุ๋นตัวจริง

หลังจากเดินผ่านประตูมายา ทริสซี่พรางตัวเงียบงันกระโดดจากหน้าผาตรงทางเข้า ร่อนลงไปในหุบเหวที่มืดมิดจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง

ที่นั่นคือสุสานลับของจักรพรรดิโลหิตทูดอร์

ระหว่างกำลังร่อนลง ร่างของทริสซี่เบาราวกับขนนก น้ำหนักของเธอแทบไม่หลงเหลือ แต่ความเร็วกลับไม่ลดลง

ไม่มีเวรยามคนใดตระหนักถึงการลอบเข้ามาของเธอ

ขณะทริสซี่กำลังย่างกรายเข้าใกล้เป้าหมาย เสียงหนึ่งดังขึ้น

“ห้ามซ่อนตัวที่นี่”

ร่างของทริสซี่ถูกเผยทันทีโดยมิอาจขัดขืน เธอพบชายคนหนึ่งกำลังลอยอยู่เหนือสุสานซึ่งเด่นตระหง่านท่ามกลางก้นหุบเหวอันมืดมิด

ชายคนดังกล่าวมีโครงหน้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ผมสีขาว หนวดม้วนเหนือริมฝีปาก คิ้วดกหนา ดวงตาค่อนข้างโต

แต่งกายในชุดสูทสุภาพ สวมผ้าคลุมผืนใหญ่ หัวรองเท้ายาวผิดปกติ รสนิยมค่อนข้างล้าสมัย ไม่ใช่ใครนอกจากครึ่งเทพผู้สนับสนุนจอร์จที่สาม เจ้าชายโกรฟ

นักล่าแห่งกลียุคลำดับสาม รายนี้สวมมงกุฎหนามเหนือศีรษะ ละอองแสงที่มารวมตัวกันรอบมงกุฎถักสานเข้าด้วยกันจนกลายเป็นทะเล

สมบัติปิดผนึก ศูนย์-สามหก

ปลายแม่น้ำทัสซอค ขณะไคลน์พาหุ่นเชิดโจนาสและเอ็นยูนผ่านบานประตูมายา นิมิตภาพหนึ่งผุดขึ้นในความคิด

วิหารสีดำตั้งเด่นตระหง่านเบื้องหน้า ประตูบานมหึมากำลังเปิดกว้าง ด้านในมีชายแต่งกายด้วยกางเกงเอี๊ยมและหมวกทรงสูง สตรีผู้แต่งกายในเดรสแขนฟูฟ่อง และสตรีผู้สวมเดรสปักลวดลายดอกไม้

พวกมันทั้งหมดลอยอยู่กลางอากาศ ไม่มีใครขยับเขยื้อน

“ก๊า!” “ก๊า!” “ก๊า!”

อีกาดำบินวนรอบยอดแหลมของวิหาร ส่งเสียงร้องที่ช่วยให้ใจสั่น

ทั้งที่ยังมิได้คาดเดาสิ่งใด แต่ไคลน์กลับรู้สึกประหนึ่งตกลงไปในรอยแยกธารน้ำแข็ง ร่างกายเย็นเยียบ เส้นขนลุกตั้งชัน

ความคิดนับไม่ถ้วนผุดขึ้นอย่างบ้าคลั่ง แต่ทั้งหมดล้วนเรียกชื่อเดียวกัน

ซาราธ!

ในพริบตาสัญชาตญาณของไคลน์สั่งให้เปลี่ยนตำแหน่งกับหุ่นเชิดที่เตรียมไว้ด้านนอก พยายามหนีออกจาก ‘วิหาร’ ตรงหน้าให้เร็วที่สุด

เห็นได้ชัดว่ามันกำลังเผชิญกับ ‘ปาฏิหาริย์’ เพราะหลังจากผ่านบานประตูมายา แทนที่จะได้เข้าไปในสุสานลับของจอร์จที่สาม แต่มันกลับถูกส่งมายังสถานที่ซึ่งยากจะอธิบาย

วินาทีถัดมาชายหนุ่มพบว่าด้ายวิญญาณที่เชื่อมต่อกับหุ่นเชิดด้านนอกถูกตัดขาด ร่างหลักลอยสูงไปยังด้านในของวิหารสีดำสนิท

หากปราศจากนิมิตลางสังหรณ์ที่สูงกว่าระดับของตัวเองซึ่งช่วยให้ตระหนักถึงอันตรายล่วงหน้า ทุกสิ่งคงสายเกินกว่าจะตอบสนอง และไคลน์คงกลายเป็นหนึ่งในคอลเลกชั่นหุ่นเชิดเรียบร้อยแล้ว

โดยไม่มัวคิดมาก ไคลน์รีบควบคุมด้านวิญญาณ เรียกพวกมันทั้งหมดกลับมาและเชื่อมต่อเข้ากับตัวเองเป็น ‘วงกลม’ ทีละเส้น

ผลลัพธ์ช่วยให้มันรอดพ้นวิกฤติได้ชั่วคราว แต่ก็ต้องสูญเสียหุ่นเชิดโจนาสและเอ็นยูนไปในเสี้ยววินาที

ลำคอของหุ่นเชิดทั้งสองกระตุกรุนแรง จากนั้นก็ถูก ‘มือล่องหน’ กระชากขึ้นไปแขวนไว้ด้านในวิหารที่มียอดแหลม

หลังจากรวมกลุ่มกับกองซากศพ พวกมันโยกเอนแผ่วเบาท่ามกลางสายลม เปล่งเสียงที่แตกต่างแต่เป็นคำพูดเดียวกัน

“ยินดีต้อนรับกลับ…”

ณ จัตุรัสรำลึก ร่างจินตนาการของกษัตริย์จอร์จที่สามยังคงมอบสุนทรพจน์

“…เราจะลดคุณสมบัติขั้นต่ำในการเลือกตั้ง นอกจากนั้นยังจะมอบอำนาจเพิ่มเติมให้กับสภาสามัญ…”

แม้ผู้คนจะยังไม่ค่อยเข้าใจว่า เหตุใดสุนทรพจน์ถึงมีพัฒนาการในทิศทางนี้ แต่ก็เนื้อหาก็ฟังดูไม่เลว

นี่คือร่างกฎหมายที่ยื่นโดยสภาขุนนาง…แต่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายให้ประชาชนฟัง…คล้ายกับเป็นการเน้นย้ำว่า พระองค์จะดำเนินตามนโยบายดังกล่าวในอนาคต…ออเดรย์ค่อนข้างฉงน มิอาจหาเหตุผลมารองรับ

ณ โบราณสถานหมายเลขหนึ่งแถบชานเมืองกรุงเบ็คลันด์ ภายในสุสานลับที่มืดมิดและสง่างาม

จอร์จที่สามตัวจริงซึ่งสวมมงกุฎสีดำเรียบร้อย เริ่มดื่มโอสถ

ร่างกายของมันแปรสภาพกลายเป็น ‘เงาดำแห่งระเบียบ’ และขยายออกไปในลักษณะที่น่าอัศจรรย์ สุสานทั้งเก้าแห่งเปรียบดังเกาะท่ามกลางมหาสมุทรที่ว่างเปล่า เป็นส่วนหนึ่งของ ‘กฎ’ ทั้งมวล ประชาชนซึ่งพากันตะโกนว่า ‘จักรพรรดิจอร์จที่สาม’ อย่างพร้อมเพรียงเปรียบดังประภาคารจำนวนมากที่เป็น ‘หลักยึดเหนี่ยว’ ให้กับผู้ปกครองสูงสุดแห่งโลเอ็น ไบลัมตะวันออก และหมู่เกาะรอสต์ ทั้งหมดช่วยให้จอร์จที่สามหลุดพ้นจากโลกความจริงและกลายเป็นส่วนหนึ่งของ ‘เงาดำแห่งระเบียบ’

ระหว่างนี้ สติของจอร์จที่สามผันผวนอย่างมิอาจควบคุม ประหนึ่งกำลังถูกฉีกเป็นเศษเล็กเศษน้อย

ซาราธแห่งลัทธิเร้นลับติดต่อหาเราและเสนอตัวช่วยเหลือ…

เจ้านั่นบอกว่ามองเห็นความคิดของเกอร์มันสแปร์โรว์ผ่านคดีคาพิน ผ่านเหตุการณ์ลอบสังหารสตรีแห่งโรคภัย ผ่านเหตุการณ์ปิดปากกัปตันคลั่ง ผ่านการหายตัวไปของโจนาสโคลเกอร์ และอีกมากผลการทำนายของมันระบุว่า มันควรร่วมมือกับเราเพื่อช่วยเฝ้าสุสาน…รอให้เกอร์มันสแปร์โรว์เป็นฝ่ายเข้ามาหาด้วยตัวเองจากอิทธิพลของกฎการดึงดูด…

เจ้านั่นยังบอกด้วยว่า ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการกำจัดครึ่งเทพเส้นทางนักทำนายที่เก่งกาจ คือความอดทนและสมาธิ…

ทำตัวเหมือนกับพวกนักต้มตุ๋นไม่มีผิด…

แถมยังพา ‘เทพหายนะ’ เซียอา มาช่วยอีกแรง…

เราใช้พลังของตัวเองในการทำพันธสัญญากับพวกมัน…

ผนวกกับการมีผู้ช่วยที่เราเชิญมาจากสภานักสิทธิ์สนธยา รวมถึงโกรฟที่ถือครองสมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ แม้ว่าครึ่งเทพส่วนใหญ่ของกองทัพและราชวงศ์จะถูกส่งไปรบในแนวหน้าหรือไม่ก็ปกป้องเบ็คลันด์ แต่เราก็ไม่ต้องกังวลว่าพิธีกรรมจะถูกขัดขวาง เว้นเสียแต่เทพแท้จริงจะเสด็จเยือน…

และนั่นก็เป็นไปไม่ได้…เดิมที เราคิดจะใช้โอกาสนี้เพื่อจับ ‘ศัตรู’ ที่คิดขัดขวาง แต่ท้ายที่สุด โอกาสมันเหมาะสมแก่การเลื่อนลำดับ…

หึหึ…แม้แต่โกรฟก็ยังไม่รู้ไพ่ตายของเรา…เจ้านั่นไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้…

อีกเพียงไม่ถึงสองนาที เราจะกลายเป็นเทพผู้มีชีวิตนิรันดร์ จักรพรรดิมืดผู้ปกครองความจริง…

“ก๊า!” “ก๊า!” “ก๊า!”

ท่ามกลางโลกอันมืดมิดที่มีเสียงอีกาดังกังวาน ศพซึ่งถูกแขวนอยู่ใต้ยอดแหลมสีดำ ร่อนลงมาพร้อมกับพุ่งตัวผ่านบานประตูหลัก

ทุกสายตาจดจ้องไคลน์ที่อยู่ด้านนอก

แทบจะในเวลาเดียวกัน ร่างหนึ่งถูกวาดขึ้นอย่างเชื่องช้ากลางอากาศ

ไคลน์ไม่สนใจว่าสิ่งนั้นคืออะไร ขณะอยู่ในสถานะพิเศษของด้ายวิญญาณ ชายหนุ่มรีบดีดนิ้ว

เปาะ!

เปลวไฟสีแดงลุกไหม้ออกจากกระเป๋าสตางค์ทันที เพียงไม่นานก็ลุกท่วมร่างกาย

เปลวไฟดับลงในเวลาไม่นาน แต่ไคลน์ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม มิอาจกระโจนออกไปด้านนอก

มันรีบกระตุ้นยุบพองหิวโหยต่อทันทีและพยายามใช้เทเลพอร์ตโดยปราศจากอาการลนลาน

ร่างไคลน์กลายเป็นโปร่งใส แต่ก็โผล่กลับมาอีกครั้งโดยที่มิอาจเคลื่อนย้ายตัวเองไปไหน

ประหนึ่งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดกลายเป็นจุดเดียวกันอย่างน่าประหลาด

ในเวลาเดียวกันร่างที่ปรากฏตัวกลางอากาศถูกวาดจนเสร็จ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหรา ผมยาวสีเกาลัด ดวงตาสีฟ้า จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง ไม่ใช่ใครนอกจากโรซายล์กุสตาฟในสมัยเป็นมหาจักรพรรดิ

มันมองต่ำมาทางไคลน์ สัญลักษณ์มากมายผุดขึ้นในดวงตา

จิตไคลน์บวมพองทันที อัดแน่นไปด้วยความรู้ปริมาณมหาศาลที่ทั้งมีประโยชน์และไม่มี

เพียงพริบตาชายหนุ่มรู้สึกว่าศีรษะของตนกำลังจะระเบิด ความคิดยุ่งเหยิงโดยสมบูรณ์ ไม่แม้แต่จะขยับปลายนิ้ว

อาศัยสัญชาตญาณไคลน์ถ่ายเทความรู้เหล่านั้นเข้าไปในหนอนวิญญาณจำนวนมหาศาล

ผลลัพธ์ช่วยให้ไคลน์สามารถควบคุมร่างกายได้อีกครั้ง มือขวารีบจับคว้าบางสิ่งจากอากาศตรงหน้า

แขนของมันยวบลงกะทันหัน ไคลน์รีบชักกลับและดึงหางสีเงินสว่างซึ่งปราศจากเกล็ดออกมา ขณะเดียวกัน หุ่นเชิดจากด้านในวิหารกำลังพุ่งผ่านกรอบประตูและเตรียมโจมตี นอกจากนั้นยังมีอีกสองร่างใหม่ถูกวาดขึ้นกลางอากาศ

ในวินาทีที่ไคลน์ปล่อยมือขวา งูยักษ์ได้ปรากฏกายท่ามกลางดินแดนอันมืดมิด

ดวงตามีสีแดงสด สายตาเย็นชา บนร่างกายเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ ‘กงล้อ’ ที่แตกต่างกันจำนวนมาก

อสรพิษแห่งชะตา!

ไคลน์มิได้อัญเชิญตัวตนดังกล่าวจากช่องว่างประวัติศาสตร์ แต่เป็นวิลอัสตินที่ใช้ยันต์วันวานอีกครั้งและปรากฏตัวจากการเผาไหม้นกกระเรียนกระดาษในกระเป๋าสตางค์

การใช้ ‘กระโจนเพลิง’ เมื่อครู่ แท้จริงแล้วเป็นการขอความช่วยเหลือจากอสรพิษแห่งชะตา

และเหตุผลที่ต้องทำท่าทาง ‘ดึงออกมา’ ก็เพื่อปกปิดความจริงจากเทวทูตฝั่งตรงข้าม ไม่ให้อีกฝ่ายทราบตำแหน่งของอสรพิษแห่งชะตาและสร้างความเดือดร้อนแก่ครอบครัวนายแพทย์อลัน

สถานการณ์ปัจจุบันไม่เหมือนกับการกำจัดร่างโคลนอามุนด์ในคราวก่อน ไคลน์ไม่มั่นใจว่าจะขจัดภัยอันตรายได้ทั้งหมด จึงปรึกษากับวิลล่วงหน้าเพื่อหารือทางออกที่ดีที่สุด

โชคดีที่แผนการของวิลอัสติน ช่วยปิดบังแก่นแท้ของ ‘การอัญเชิญ’ เมื่อครู่อย่างมิดชิด

ทันใดนั้น อสรพิษปรอทขนาดมหึมาอ้าปากงับหางตัวเอง กลายเป็นกงล้อที่ดูลึกลับและน่าอัศจรรย์

สองร่างลึกลับปรากฏขึ้นสองฝั่งซ้ายขวาของภาพฉายของโรซายล์ที่ลอยอยู่กลางอากาศ ร่างหนึ่งคือราชินีเงื่อนงำ แบร์นาแดตซึ่งตัวจริงกำลังต่อกรกับเทวทูตลำดับหนึ่ง ‘หัตถ์ประกาศ’ วิลเลียมออกัสตัสที่หนึ่งอย่างดุเดือด ส่วนอีกร่างหนึ่งมีปีกเปล่งแสงบริสุทธิ์สยายจากแผ่นหลัง บรรยากาศยืนยันได้ชัดเจนว่าเป็นเทวทูต!

เพียงพริบตา ร่างของเทวทูตที่เพิ่งปรากฏกายทั้งสองเลือนหายอย่างรวดเร็ว ส่วนหุ่นเชิดที่พยายามโจมตีไคลน์ ถูกส่งกลับไปแขวนไว้ใต้ยอดแหลมของวิหารสีดำอีกครั้ง

หุ่นเชิดโจนาสและเอ็นยูนถูกไคลน์พาออกจากบานประตูมายาด้านหลัง หลบหนีออกจากโลกที่มีเสียงอีกาดังกังวานและโผล่ที่ปลายแม่น้ำทัสซอคอีกครั้ง

อสรพิษแห่งชะตา เริ่มต้นใหม่!

อสรพิษยักษ์ไร้เกล็ดเลือนหายไป ส่วนไคลน์ไม่ลังเลที่จะใช้เทเลพอร์ตส่งตัวเองผ่านโลกวิญญาณไปโผล่ที่สุสานลับอีกแห่งหนึ่ง มันใช้เลือดที่ยังเหลือวาดสัญลักษณ์และทำการเปิดประตูมายา

ในคราวนี้ มันเข้าไปด้านในจนกระทั่งพบสุสานลับที่มืดมิดและหม่นหมอง จากนั้นก็อัญเชิญคทาเทพสมุทร เสกพายุสายฟ้าอันน่าสะพรึงหนแล้วหนเล่าเพื่อทำลายเป้าหมายให้สิ้นซาก

ถัดมาไคลน์หันหลังกลับและจากไป

ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างราบรื่นราวกับความฝัน

ใช่แล้วความฝันอันแสนหวาน

ไคลน์ซึ่งตื่นตัวตลอดเวลาในความฝัน ตระหนักว่านับตั้งแต่ที่ตนย่างกรายเข้าไปในซากโบราณสถาน มันตกอยู่ในความฝันที่ใครบางคนสร้างขึ้น!

…………………………

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

       เป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป
ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่
     แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา
ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง
ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น
    ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว
หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’
หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม
ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด
หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด
แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป
พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง
แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย
    เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท