ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1303 : กระตุ้น

ราชันเร้นลับ 1303 : กระตุ้น

“ตายไปแล้ว…”

เอ็ดเวิร์ดหันมาจ้องทาสรับใช้ล่องหนของแบร์นาแดตด้วยดวงตาสีฟ้าอ่อน แววตาของมันไม่เฉยเมยและว่างเปล่าอีกต่อไป หากแต่กำลังส่องประกายเจือความไม่ยอมรับ

ราวกับมันเพิ่งตระหนักได้ว่า ตนตายไปนานแล้วละคืนชีพกลับมาอีกครั้ง ไม่ได้แตกต่างไปจากวิลเลียม โพลี กริมม์ ที่เคยบอกให้คอยระวัง

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นราวสองวินาที จากนั้น ใบหน้าเอ็ดเวิร์ดพลันบิดเบี้ยว ผิวหนังที่ซีดเซียวเป็นทุนเดิมยิ่งจางลงและฉีกขาด

ใต้ผิวหนัง เนื้อสีแดงสดเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว ของเหลวสีเหลืองไหลหยดพร้อมกับส่งกลิ่นเหม็น

เอ็ดเวิร์ดรีบยกขวานเหล็กสีดำในมือขึ้น

ฉับ!

ขวานในมือสับลงบนศีรษะเต็มแรง ราวกับป้องกันมิให้ความคิดด้านลบผุดขึ้นในใจ

ขวานเล่มดังกล่าวทั้งหนักทั้งคม มันสับผ่านกะโหลกศีรษะเอ็ดเวิร์ดทะลุลงมาจนถึงหว่างคิ้ว

ติ๋ง ติ๋ง น้ำไขสันหลังสีขาวข้นที่เลี้ยงสมอง ไหลจากใบหน้าอันบิดเบี้ยวของเอ็ดเวิร์ดลงไปตามคมขวาน ประหนึ่งเทนมราดสตรอว์เบอร์รีสีแดงสด

“อ…อย่าเข้ามาใกล้กระหม่อม…” หลังจากใช้ขวานจามหัวตัวเอง เอ็ดเวิร์ดกล่าวกับทาสรับใช้ล่องหนของแบร์นาแดตด้วยเสียงสั่นเครือ

ยังไม่ทันกล่าวจบ สีหน้าของมันเปลี่ยนกลับไปเป็นเหม่อลอยอีกครั้ง ดวงตากลายเป็นว่างเปล่าขณะหมุนตัวกลับและเดินเข้าไปในป่า

ร่างกายซึ่งผอมสูง งอตัวลงเล็กน้อยจนดูคล้ายกับหลังค่อม

แบร์นาแดตตัดสินใจถามหยั่งเชิงอีกฝ่ายเพราะมีข้อสงสัยและกังวลเกี่ยวกับการเข้าไปสำรวจสุสาน จึงพยายามตะล่อมปัญหาของเอ็ดเวิร์ดทางอ้อมเพื่อดูว่าจะได้เบาะแสจากคำตอบหรือไม่ ใครจะไปคิดว่า อัศวินผู้เคยโด่งดังระดับทวีปเหนือรายนี้จะตอบสนองด้วยปฏิกิริยาสุดโต่งและพิสดาร

หลังจากเงียบไปสองวินาที ผ่านทาสรับใช้ล่องหน แบร์นาแดตกล่าวกับเอ็ดเวิร์ดซึ่งกำลังหันหลังให้สุสาน

“ลูกหลานของคุณทำได้ดีทีเดียว พวกเขาประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง”

เอ็ดเวิร์ดซึ่งยืนหันหลังให้สุสาน ชะงักฝีเท้าเล็กน้อยก่อนจะเดินต่อไป ผ่านเขตแดนล่องหนและหายเข้าไปในป่า

เป้าหมายของมันน่าจะเป็นสุสานเสาหินซึ่งคนตายจะได้รับ ‘ชีวิตใหม่’

ขณะเดียวกัน แบร์นาแดตแหงนหน้ามองฟ้า

เห็นได้ชัดว่าชั้นสีดำเจือจางด้านบนบางตาลงมาก แต่ก็ยังมอบความรู้สึกยากจะบรรยาย ไม่เพียงเท่านั้น เธอสัมผัสได้ว่า ทั่วทั้งเกาะโบราณเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยซึ่งยากจะจำแนกรายละเอียด

ทันใดนั้น แบร์นาแดตซึ่งซ่อนตัวอยู่ริมเขตแดนล่องหน เลื่อนมือขึ้นมาสัมผัสแผ่นหลังตัวเอง

หญิงสาวรู้สึกหนัก ประหนึ่งมีบางสิ่งเกาะอยู่ที่นั่น

หลังจากมือซ้ายแบร์นาแดตสัมผัสกับเป้าหมาย เธอพบว่าสิ่งนั้นคือเส้นผมของตัวเอง

ปัจจุบัน แบร์นาแดตกำลังแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสตรีสไตล์อินทิส คอเสื้อตกแต่งด้วยลูกไม้ เสื้อนอกเป็นชุดกัปตันสีครามปักลวดลาย กางเกงขายาวและรองเท้าบูตสีเบจยาวถึงเข่า เหนือศีรษะสวมหมวกสามมุมประดับขนนก เป็นการแต่งกายตามแบบฉบับกัปตันเรือโจรสลัด

ด้วยรูปแบบการแต่งกายดังกล่าว ผมยาวสีเกาลัดของเธอย่อมถูกมัดหางม้าและยาวประมาณกลางหลัง แต่ปัจจุบัน ทั้งที่ทรงผมของเธอไม่แปรเปลี่ยน แต่ปลายผมกลับยาวไปจนถึงสะโพก

ทันทีหลังจากนั้น แบร์นาแดตก้มศีรษะลง จ้องฝ่ามือขวาของตนและได้พบว่า เล็บนิ้วมือทั้งห้าของเธอกำลังงอกยาว

ราชินีเงื่อนงำมิได้ประหลาดใจหรือตื่นตระหนก เธออาศัยสัญชาตญาณของผู้หยั่งรู้และประสบการณ์ซึ่งสั่งสมมานานหลายปี รีบก้าวเท้าออกไปข้างหน้า เดินผ่านเขตแดนล่องหน ออกจากป่าดงดิบเข้าไปในพื้นที่เปิดโล่งซึ่งมีภูเขาสุสานจักรพรรดิมืดตั้งอยู่

ระหว่างนี้ แบร์นาแดตส่งทาสรับใช้ล่องหนกลับสู่โลกวิญญาณ

สามสี่วินาทีถัดมา หญิงสาวสัมผัสได้ว่าพื้นดินสั่นสะเทือนเล็กน้อย ตัวสุสานเองก็เริ่มสั่น

แบร์นาแดตหันไปมองทางผืนป่าดงดิบตามจิตใต้สำนึก

ทันใดนั้น สายตาของเธอพลันแข็งค้าง

ต้นไม้ยักษ์สีเขียวเข้มเริ่มโบกกิ่งก้านประหนึ่งท่อนแขน ทยอยถอนรากออกจากพื้นดิน จากนั้นก็เดินเข้าหาแบร์นาแดตราวกับมนุษย์

ผืนป่าดงดิบทั้งหมดมีชีวิตขึ้นมา!

เมื่อเห็นกองทัพต้นไม้ใหญ่ซึ่งสูงจนเกือบบดบังท้องฟ้ากรูเข้าใส่ แบร์นาแดตรู้สึกราวกับกำลังเผชิญวันสิ้นโลก ทุกหย่อมหญ้ากำลังจะถูกปกคลุมด้วยป่าไม้

มังกรแดงตัวใหญ่ซึ่งมีผิวหนังเป็นเปลวเพลิง บินขึ้นท้องฟ้าด้วยความเร็วสูง หมาป่าอสูรแปดขาเริ่มวิ่งพล่านท่ามกลางดงต้นไม้ สัตว์วิเศษกลายพันธุ์ทั้งหมดบนเกาะต่างเผชิญความโกลาหลและรีบวิ่งมาทางสุสาน

แม้จะเป็นผู้หยั่งรู้ แต่แบร์นาแดตย่อมจินตนาการไม่ถึงว่า คำถามง่ายๆ ทางอ้อมของตนจะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ราวกับมันคือกุญแจสำหรับไขประตูสู่ขุมนรก

ไคลน์เหนือสายหมอกสีเทาย่อมเห็นในมุมกว้างกว่า ผนวกกับความรู้เชิงศาสตร์เร้นลับ มันพอจะคาดเดาบางสิ่งได้:

สถานการณ์ของเอ็ดเวิร์ดแตกต่างจากวิลเลียม โพลี และกริมม์… ดูคล้ายกับเป็นช่องโหว่ของกฎระเบียบบนเกาะ… ใช่แล้ว เงาดำแห่งกฎระเบียบ…

เมื่อเอ็ดเวิร์ดตระหนักว่าตัวเองตายไปแล้ว ช่องโหว่ดังกล่าวจึงถูกค้นพบโดยเงาดำแห่งกฎระเบียบ จากนั้นก็เริ่มดำเนินการ ‘ซ่อมแซม’.ไอรีนโนเวล.

และการซ่อมแซมดังกล่าวนำมาซึ่งการยกระดับกฎระเบียบ ส่งผลให้ทั่วทั้งเกาะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

เราสัมผัสถึงอำนาจบางส่วนในขอบเขตจักรพรรดิมืด สิ่งนี้ส่งอิทธิพลต่อเอ็ดเวิร์ด ทำให้เอ็ดเวิร์ดยังหลงเหลือเจตจำนงแม้จะได้รับ ‘ชีวิตใหม่’ หลังความตาย… เช่นนั้นแล้ว กฎระเบียบดั้งเดิมของเกาะมาจากไหน?

หืม…

ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์เริ่มสังเกตเห็นความผิดปรกติที่เกิดขึ้นกับแบร์นาแดต

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก แบร์นาแดตได้ยินเสียงหัวใจตัวเองกำลังเต้นแผ่วเบา

จังหวะการเต้นค่อนข้างวุ่นวายประหนึ่งมีสองเสียงผสมกัน

สอง… แบร์นาแดตฉุกคิดบางสิ่งได้ เธอรีบเพ่งสมาธิกับร่างกายตัวเอง

วินาทีถัดมา หญิงสาวพบว่าเสียงการเต้นของหัวใจตนดังมาจากสองแหล่ง

หนึ่งดังมาจากหัวใจ ส่วนอีกหนึ่งดังมาจากท้อง

คล้ายกับในท้องมีหัวใจเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งดวง มันกำลังพองตัวและหดกลับอย่างต่อเนื่อง

ไม่เพียงเท่านั้น หัวใจดวงดังกล่าวยังขยายขนาดขึ้นทีละนิด!

โดยไม่ต้องใช้พลังส่องความลับเพื่อจ้องหน้าท้อง แบร์นาแดตทราบได้ทันทีว่ามีทารกถือกำเนิดขึ้นในครรภ์ของเธอ

‘มัน’ เติบโตจากขนาดเท่าลูกเกดจนใหญ่ใกล้เคียงฝ่ามือผู้ใหญ่ และยังเติบโตได้อีก คล้ายกับหากปล่อยเอาไว้สักพัก คงใช้เวลาไม่นานก็จะเติบโตอย่างเต็มที่ จากนั้นก็ฉีกท้องมารดาออกมาในสภาพเลือดชุ่ม

แบร์นาแดตลงเอยด้วยการตั้งครรภ์โดยไม่รู้ตัว ทั้งสมบัติวิเศษบนร่างกายและสัมผัสวิญญาณต่างล้มเหลวในการแจ้งเตือนอันตรายล่วงหน้าหรือยับยั้งเหตุการณ์ ราวกับระดับตัวตนไม่สูงพอที่จะตอบสนองต่ออิทธิพลดังกล่าว

พระแม่ธรณี… ดวงจันทร์บรรพกาล… มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย… ชื่อของเทพทั้งสามแล่นเข้ามาในหัวแบร์นาแดต

เท่าที่เธอทราบ มีตัวตนลึกลับไม่มากที่สามารถสร้างความผิดปรกติในแง่มุมนี้ ส่วนใหญ่จะมาจากขอบเขตจันทราและธรณี

ลำดับ 0 ของเส้นทางนักเพาะปลูกคือพระแม่ ดวงจันทร์บรรพกาลเองก็มีพลังในการขยายพันธุ์ และมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายนั้นต้องสงสัยว่าจะถือครองอำนาจในระดับสูงของขอบเขตจันทรา

แบร์นาแดตไม่รีบร้อนจัดการกับทารกในครรภ์ ดวงตาของเธอกลายเป็นสีหม่นขณะใช้พลังพยากรณ์เพื่อตรวจสอบว่าตัวเลือกใดดีที่สุด

สำหรับคราวนี้ เธอได้รับผลการทำนายภายในเวลาเพียงหนึ่งวินาที

“ความหวังที่จะรอดชีวิตอยู่ในสุสาน”

โดยปราศจากความลังเล แบร์นาแดตยื่นมือขวาออกไปวาดอักขระที่ส่องแสงคล้ายดวงดาว

อักษรดังกล่าวดูคล้ายกับสิ่งที่บันทึกในศิลาเย้ยเทพ พวกมันถักสานเข้ากับสัญลักษณ์ประหลาดจนเกิดเป็น ‘ประตูลับ’ ซึ่งนำพาไปยังส่วนลึกของโลกวิญญาณ

ถัดมา บานประตูลับเปิดออกพร้อมกับสายลมพัดกระโชก สายลมดังกล่าวกลายร่างเป็นครึ่งคนครึ่งลม ร่างกายท่อนบนห่อด้วยผ้าขาว

“รัดเกล้านักปราชญ์” แบร์นาแดตออกคำสั่งเสียงขรึม

ชายคนดังกล่าวตอบสนองด้วยท่าทีเคารพ จากนั้นก็หยิบเครื่องประดับออกจากผ้าขาวซึ่งพันอยู่รอบกาย

แกนกลางของเครื่องประดับชิ้นดังกล่าวคือดวงตาแนวตั้งฝัง ‘เพชร’ ซึ่งส่องประกายด้วยแสงบริสุทธิ์ ช่วยให้ผู้คนรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์และเกิดสติปัญญาอย่างน่าฉงน แต่ขณะเดียวกันทำให้ร่างกายเย็นยะเยือกราวกับปราศจากความร้อน

แบร์นาแดตหยิบเครื่องประดับดังกล่าวมา ‘ฝัง’ ไว้กึ่งกลางหน้าผากตัวเอง

นี่คือสมบัติปิดผนึกระดับ 0 ซึ่งแบร์นาแดตจะไม่พกติดตัวโดยเด็ดขาด เพราะผลข้างเคียงของมันรุนแรงเกินไป

แต่ในวินาทีนี้ รัดเกล้านักปราชญ์มีพลังที่สำคัญมากต่อแบร์นาแดต เธอจึงยินดีแบกรับผลข้างเคียงซึ่งจะไม่สามารถใช้เวทมารได้ทุกชนิด อีกทั้งตะกอนพลังของรัดเกล้าก็จะส่งอิทธิพลและผสานเข้ากับร่างกายแบร์นาแดตทีละนิด

หากไม่รีบถอดรัดเกล้านักปราชญ์ออกในเวลาที่กำหนด แบร์นาแดตจะเผชิญการเปลี่ยนแปลงแบบเดียวกับการราดโอสถลำดับ 2 ลงบนร่างกาย เมื่อถึงตอนนั้น ชะตากรรมของเธอจะออกได้แค่สองหน้า หนึ่ง บังเอิญโชคดีและได้เลื่อนลำดับเป็น ‘ผู้ทรงปัญญา’ และสอง คลุ้มคลั่งพร้อมกับกลายเป็นสัตว์ประหลาด ยิ่งเมื่อพิจารณาว่าเป็นการอาบโอสถโดยปราศจากวัตถุดิบเสริมและพิธีกรรม โอกาสที่จะเกิดกรณีแรกนั้นแทบเป็นศูนย์

เมื่อดวงตาเพชรแนบติดกับหน้าผาก ร่างกายแบร์นาแดตเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นมายา คล้ายกับกลุ่มก้อนมวลความรู้

เพียงพริบตา เธอกลายเป็นสิ่งมีชีวิตเชิงข้อมูลบริสุทธิ์

ทารกในครรภ์ย่อมมิอาจดำรงอยู่ในสภาวะปัจจุบัน จึงร่วงหล่นลงกับพื้นในทันที

‘มัน’ มีขนาดเป็นครึ่งหนึ่งของทารกปรกติ มีใบหน้าและแขนขา ผิวหนังเหี่ยวย่น ร่างกายชุ่มด้วยหนองเหนียว

เมื่อ ‘มัน’ หลุดออกจากครรภ์มารดา ร่างกายซึ่งยังไม่สมบูรณ์ได้เสื่อมสภาพและสลายไปในอากาศ

เห็นได้ชัดว่าทารกยังไม่ยอมจำนน มันพยายามลืมตาที่มีเมือกปกคลุม พยายามอ้าปากเพื่อดิ้นรนครั้งสุดท้าย

ทันใดนั้นเอง ไคลน์เหนือสายหมอกสีเทาทำการเคาะโต๊ะทองแดงยาว

กึก!

มันเพิ่มโอกาสล้มเหลวแก่ทารก ไม่คิดประมาทการดิ้นรนของอีกฝ่าย

เมื่อมิอาจคงสภาพร่างกายไว้ได้ ในที่สุดทารกก็สลายไปต่อหน้า ‘ผืนป่า’ ซึ่งกำลังขยับเข้ามาใกล้

ในเวลาเดียวกัน แบร์นาแดตในร่างข้อมูลลอยผ่านประตูหินขนาดมหึมาเข้าไปในสุสานจักรพรรดิมืด จากนั้นก็จัดระเบียบร่างกายใหม่

ระหว่างนั้น คล้ายกับเธอได้เห็นเงาดำร่างหนึ่ง

…………………………………………………….

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

       เป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป
ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่
     แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา
ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง
ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น
    ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว
หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’
หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม
ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด
หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด
แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป
พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง
แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย
    เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท