ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1310 : ทูต

ราชันเร้นลับ 1310 : ทูต

โถงสวดมนต์ของวิหารรัตติกาลมีบรรยากาศสลัวเหมือนกันทุกแห่ง แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวส่องลงมาจากช่องวางด้านบนกำแพงสูงจนดูคล้ายดวงดาวในยามค่ำคืน

ไคลน์นั่งตรงมุมซึ่งไม่เด่นสะดุดตา ถอดหมวกทรงสูงออกพร้อมกับเริ่มสวดวิงวอนประหนึ่งผู้ศรัทธาเคร่งศาสนา

มันเล่าถึงข้อเท็จจริงอย่างกระชับโดยมีใจความว่า โรซายล์คืนชีพในสุสานสุดท้าย แต่ยังคงถูกเล่นงานโดยการกัดกร่อนจากดวงจันทร์บรรพกาล และกำชับว่ามหาจักรพรรดิรายนี้ตัดสินใจยับยั้งมิให้พระจันทร์สีแดงภายในร่างกายถือกำเนิดบนโลกความจริง ถึงขั้นยอมตัดกระบวนการที่ ‘เอกลักษณ์’ และตะกอนพลังลำดับ 1 ทั้งสามก้อนจะย้อนกลับมาอยู่ในมือ

ในช่วงท้ายของการสวดวิงวอน ไคลน์เล่าถึงอันตรายของไพ่เย้ยเทพ และแสดงความกังวลต่อไพ่มารดากับไพ่จันทรา

อันที่จริง โรซายล์บอกเพียงให้ระวังไพ่มารดาเท่านั้น มิได้เอ่ยถึงไพ่จันทรา แต่ไคลน์ทราบดี เส้นทางธรณีและจันทราล้วนเป็นของมารดาเทพธิดาแห่งความเสื่อมทราม การเสริมไพ่จันทราจึงไม่ใช่เรื่องผิด

และนั่นทำให้มันกังวลเกี่ยวกับพระแม่ธรณีลิลิธเป็นพิเศษ

จากบรรดาทั้งยี่สิบสองเส้นทาง ผู้วิเศษลำดับสูงของเส้นทางทางจันทราและนักเพาะปลูกนั้นมีข้อได้เปรียบอย่างมาก เพราะพวกมันไม่ต้องกังวลว่าจะมีมหาต้นกำเนิดลืมตาตื่นขึ้นในร่าง ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดบุคลิกภาพแตกแยกขณะเข้าใกล้ใต้ดิน เนื่องจากตะกอนพลังของพวกมันมิได้มาจากมหาต้นกำเนิดโดยตรง จึงไม่มีตราประทับทางจิตแฝงมาด้วย อย่างไรก็ดี หากพวกมันบ้าบิ่นบุกเข้าไปยังใต้ดินหรือทะเลแห่งโกลาหลโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นใครก็หลีกหนีการถูกกัดกร่อนไม่ได้ เพียงแต่ความรุนแรงอาจไม่เท่าเส้นทางอื่น

ความได้เปรียบดังกล่าวทำให้ลิลิธถือไพ่เหนือกว่าเทพบรรพกาลตนอื่นในอดีต เพราะเธอไม่ต้องแบ่งพลังบางส่วนไปคอยสยบเจตจำนงของมหาต้นกำเนิดที่ลืมตาตื่นขึ้น และในสมัยโบราณ บาเรียคุ้มกันโลกยังคงแข็งแรงแน่นหนา เพียงพอที่จะกีดกันอิทธิพลจากอวกาศอย่างมารดาเทพธิดาแห่งความเสื่อมทรามจนแทบมิอาจแทรกแซงสถานการณ์ภายในโลก

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความได้เปรียบนั้นเริ่มกลายมาเป็นปัญหา

เมื่อการกัดกร่อนจากใต้ดินเริ่มอ่อนกำลังลง บาเรียคุ้มกันโลกก็อ่อนแอลงไปด้วย ถึงขั้นเกิดรอยร้าวหลายจุด ในสถานการณ์ดังกล่าว พระแม่ธรณีลิลิธมีแต่จะยิ่งเผชิญความยากลำบาก นั่นเพราะเธอต้องรับมือกับการคุกคามที่แข็งแกร่งขึ้นของมารดาเทพธิดาแห่งความเสื่อมทราม – ในแง่ดังกล่าว มหาต้นกำเนิดหรือพระผู้สร้างต้นกำเนิดผู้ร่วงหล่นไปนานแล้ว ย่อมสร้างการคุกคามได้ไม่มากเท่ามารดาเทพธิดาแห่งความเสื่อมทรามซึ่งยังมีชีวิตอยู่

เมื่อพิจารณาว่าเทพภายนอกซึ่งเป็นตัวตน ‘เหนือลำดับ’ สามารถสร้างอิทธิพลกับตัวตนลำดับต่ำในเส้นทางตัวเองได้ ไคลน์เชื่อว่าในกรณีของพระแม่ธรณีเองก็ไม่น่าจะมีข้อยกเว้น

สวดวิงวอนเสร็จ ไคลน์รอเกือบห้านาที เมื่อยืนยันจนแน่ใจว่าไม่มีการตอบสนอง มันยืนขึ้น สวดหมวกทรงสูงของนักมายากลพเนจร เดินออกจากวิหารของรัตติกาล

สำหรับไคลน์ งานของมันมีเพียงแจ้งให้เทพธิดารัตติกาลรับทราบ ส่วนอีกฝ่ายจะจัดการเช่นไร จะส่งคำเตือนมาหรือไม่ ไคลน์ควบคุมไม่ได้

สรุปโดยสั้น ไคลน์ทำได้เพียงเชื่อว่า ตอนนี้เทพธิดารัตติกาลทราบถึงปัญหาซึ่งค่อนข้างร้ายแรงแล้ว

กรุงเบ็คลันด์ ย่านทิศใต้ของสะพาน วิหารฤดูเก็บเกี่ยว

เอ็มลิน·ไวท์ลงจากรถม้า ชำเลืองแสงแดดที่ถูกก้อนเมฆและหมอกควันบดบังเล็กน้อย ก่อนจะนำหมวกผ้าไหมทรงสูงขึ้นมาสวม

ระหว่างทางก่อนถึงประตูวิหาร มันบรรจงหมุนแหวนที่มือซ้ายคล้ายกับกำลังโอ้อวดฐานะ

แหวนมีลักษณะโปร่งแสง คล้ายกับทำจากอำพันสีแดงอ่อน ด้านบนแหวนเลี่ยมด้วยอัญมณีสีแดงเลือด สิ่งนี้คือรางวัลที่เอ็มลินได้รับเมื่อนานมาแล้ว: แหวนลิลิธ

หลังจากกลายเป็นครึ่งเทพ เอ็มลินสามารถระงับ ‘ความกระหาย’ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงของแหวนได้ในระดับหนึ่ง ตลอดทั้งวัน มันต้องการดื่มเลือดมนุษย์เพียงสามขวดเพื่อมิให้ต้องทุกข์ทรมานกับอาการด้านลบ ดังนั้น เพื่อเปิดเผยสถานะความเป็นคนโปรดของบรรพชน เอ็มลินเริ่มสวมแหวนวงนี้ติดตัวตลอดเวลา

หลังจากเข้าไปในวิหารฤดูเก็บเกี่ยว เอ็มลินถอดหมวกทรงสูงอย่างเป็นธรรมชาติ

ทันใดนั้น คาซีมี เออร์เนส และผีดูดเลือดตนอื่นภายในกรุงเบ็คลันด์ซึ่งกำลังรอฟังเทศนาจากบิชอปยูทรอฟสกี้ ต่างทยอยลุกขึ้นยืนและก้มมองพื้นทางเดิน ปากเปล่งเสียงแผ่วเบา:

“อรุณสวัสดิ์ ท่านเอิร์ล”

เอ็มลินมองตรงไปข้างหน้า ผงกศีรษะเล็กน้อยจนเกือบมองไม่เห็น

“มิสทราลยังมาไม่ถึงอีกหรือ?”

“ท่านเอิร์ลมิสทราลสร้างวิหารภายในบ้าน” เออร์เนสอธิบายสั้นกระชับ

เอ็มลินมิได้แสดงความเห็น เพียงเดินตรงไปข้างหน้าและกล่าวอย่างเป็นกันเอง

“แต่ถ้ามีมิสซา ทุกคนก็ต้องเข้าร่วม”

มันมองไปรอบตัวก่อนจะถาม

“บิชอปยูทรอฟสกี้ไปไหน?”.ไอรีนโนเวล.

“ท่านบิชอปกำลังรอท่านเอิร์ลอยู่ด้านใน ทูตของศาสนจักรมารอนานแล้ว” เออร์เนสควบคุมสีหน้าขณะตอบคำถามของเอ็มลินด้วยท่าทีสุภาพ

ทูตของศาสนจักร… เอ็มลินหมุดแหวนสีแดงสว่างบนมือซ้ายก่อนจะเดินเข้าไปด้านในวิหาร

ในไม่ช้า มันได้พบหลวงพ่อยูทรอฟสกี้และทูตของศาสนจักรรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีดำ ดวงตาลุ่มลึก

“นี่คือท่านเจ้าคุณลอเรโต้ เป็นอาร์ชบิชอป” หลวงพ่อยูทรอฟสกี้แนะนำให้เอ็มลินรู้จักกับทูต

มันกำลังยืนริมหน้าต่าง บดบังแสงสว่างเกือบทั้งหมด

“อรุณสวัสดิ์ ท่านเจ้าคุณลอเรโต้” เอ็มลินตอบรับตามมารยาทของศาสนจักร

ลอเรโต้ยิ้ม ตามด้วยกล่าวเป็นภาษาโลเอ็นที่ไม่ชำนาญ

“คุณไม่จำเป็นต้องเรียกผมว่าท่านเจ้าคุณ แม้คุณจะไม่ใช่อาร์ชบิชอป แต่ก็มีสถานะเทียบเท่า นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณจะถือเป็นนักบวชผู้มีสมณศักดิ์เป็นอาวุโสใหญ่ของโบสถ์ ได้รับมอบหมายให้ดูแลเกี่ยวกับผีดูดเลือดทั้งหมดภายในกรุงเบ็คลันด์”

ลอเรโต้กล่าวต่อทันทีโดยไม่เปิดช่องให้เอ็มลินวิเคราะห์ข้อมูล

“ผมมายังเบ็คลันด์ภายใต้คำสั่งของสันตะสำนัก หลังจากนี้ไปจะเป็นการแจ้งระเบียบสำคัญของศาสนจักร”

“เชิญกล่าว” เอ็มลินตอบอย่างสุภาพพลางยับยั้งความปีติยินดี

สีหน้าลอเรโต้เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

“ประการแรก และเป็นประเด็นสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเป็นนักบวชของโบสถ์หรือสาวกพระแม่ธรณี หากมีใครแจ้งว่าได้รับวิวรณ์ ให้ตีความว่าถูกปีศาจล่อลวงโดยไม่มีข้อยกเว้น… หากคุณได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว หรือได้รับวิวรณ์ด้วยตัวเอง กรุณแจ้งกับบิชอปยูทรอฟสกี้หรือไม่ก็รายงานตรงไปยังศาสนจักร”

หลวงพ่อไม่เคยพูดเรื่องนี้มาก่อน… เป็นระเบียบที่แปลกมาก คล้ายกับพวกเขากำลังสงสัยบางสิ่ง… เอ็มลินขมวดคิ้วก่อนจะมองไปยังบิชอปยูทรอฟสกี้ที่กำลังยืนริมหน้าต่าง:

“ท่านบิชอปไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้มาก่อน…”

ยังไม่ทันจะกล่าวจบประโยค เอ็มลินเพิ่งรู้สึกว่าการพูดเช่นนี้จะทำให้บิชอปยูทรอฟสกี้เดือดร้อน แต่มันแก้ตัวไม่ทันแล้ว

ในเวลาเดียวกัน มันเริ่มตระหนักถึงจุดผิดปรกติในคำพูดอาร์ชบิชอปลอเรโต้เมื่อสักครู่:

คล้ายกับอีกฝ่ายต้องการแจ้งว่า วิวรณ์จากพระแม่ธรณีที่พวกนายได้รับ อาจไม่ได้มาจากพระแม่ธรณีตัวจริง!

ประหนึ่งกำลังบอกว่าวิวรณ์ส่วนใหญ่ที่ผีดูดเลือดได้รับจากท่านบรรพชนเป็นของปลอม เป็นวิวรณ์จากปีศาจหรือเทพมาร… ดวงตาเอ็มลินหรี่ลงเล็กน้อย มันพยายามรักษาความสุขุมอย่างสุดความสามารถ

ลอเรโต้ไม่ถือสา เพียงตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม

“ที่บิชอปยูทรอฟสกี้ไม่ได้บอกเพราะเขาเองก็ไม่ทราบ”

หลวงพ่อก็ไม่ทราบ… ในวินาทีนี้ เอ็มลินรู้สึกเห็นนักหลวงพ่อยูทรอฟสกี้ขึ้นมาเล็กน้อย เนื่องจากกำลังคิดว่า ในฐานะนักบวชหน้าใหม่ชาวฟุซัค หลวงพ่อคงถูกบรรดาเบื้องบนของศาสนจักรเลือกปฏิบัติ

เมื่อสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงทางสายตา ลอเรโต้รีบเสริม

“นั่นเพราะเขาเป็นข้ารับใช้ จึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกปีศาจหรือเทพมารล่อลวง”

บิชอปยูทรอฟสกี้พยักหน้าเสียงขรึม

“วิวรณ์ของพระมารดาคือพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ คือทุกคำสอน นอกเหนือจากนี้ล้วนเป็นสิ่งนอกรีต”

เอ็มลินผงะไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีสิ่งใดจะถามอีกฝ่าย เพียงอืมในลำคอและพูดกับลอเรโต้

“เช่นนั้นแล้ว ระเบียบประการที่สองคือสิ่งใด”

ลอเรโต้เปลี่ยนไปทำหน้าขรึมอีกครั้ง

“หากคุณได้รับวิวรณ์ อย่าเพิ่งปักใจเชื่อในทันที ให้รีบขอคำยืนยันจากบิชอปยูทรอฟสกี้”

“เพราะเหตุใด?” เอ็มลินยิ่งฉงน

นี่ไม่ต่างอะไรกับการบอกว่า ทุกวิวรณ์ที่เอ็มลินได้รับจะต้องมาจากปีศาจหรือเทพมาร

ลอเรโต้เรียบเรียงคำพูดเล็กน้อยก่อนจะเริ่มอธิบาย:

“โลกนี้เต็มไปด้วยตัวตนที่ชั่วร้าย พวกมันแสร้งสวมรอยเป็นเทพ คอยล่อลวงเหล่านักบวช คอยปั่นหัวเหล่าสาวก… เนื่องจากเส้นทางหลักทั้งสองของโบสถ์พระแม่ธรณีล้วนเกี่ยวข้องกับชีวิต ผลกระทบจึงรุนแรงกว่าโบสถ์อื่นมาก ในหลายครั้ง ผู้คนมักหลงทางและทดสอบในขอบเขตเกี่ยวกับชีวิตซึ่งเป็นเรื่องต้องห้าม นั่นคือจุดเริ่มต้นของความเสื่อมทราม… เพื่อระงับแนวโน้มดังกล่าว เมื่อนานมาแล้ว ทางเราได้จัดระเบียบศาสนจักรใหม่ภายใต้การชี้นำของพระมารดา และสร้างระบบคู่ขนานอย่าง ‘คนโปรด’ และ ‘ข้ารับใช้’ ขึ้นมา”

คนโปรดและข้ารับใช้… ความเข้าใจเกี่ยวกับโบสถ์พระแม่ธรณีของเอ็มลินนั้นถูกจำกัดอยู่เพียงในพระคัมภีร์และเอกสารบางชิ้น ส่งผลให้มันสับสนไปพักใหญ่

มันไม่เคยริเริ่มถามข้อมูลของโบสถ์พระแม่ธรณีจากหลวงพ่อยูทรอฟสกี้มาก่อน

ลอเรโต้ชำเลืองเอ็มลินพร้อมกับพยักหน้า

“คนโปรดหมายถึงนักบวชที่ได้รับการโปรดปรานจากพระมารดา และต้องอยู่บนสองเส้นทางหลักอย่างธรณีหรือจันทรา ส่วนข้ารับใช้หมายถึงผู้ที่ได้รับพรจากพระมารดาและต้องอยู่นอกเหนือสองเส้นทางหลัก… รายหลังจะได้รับอิทธิพลจากเทพมารและปีศาจน้อยกว่า สามารถใช้เพื่อแยกแยะความถูกต้องของวิวรณ์จากพระแม่… ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว ถึงแม้จะเป็นคำสั่งจากสันตะสำนักโดยตรง แต่ก็ต้องมี ‘ข้ารับใช้’ อย่างน้อยหนึ่งคนลงนามรับรองความถูกต้อง มิฉะนั้นจะถือว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นโมฆะ”

ขณะกล่าว ลอเรโต้หยิบเอกสารออกมากางให้เอ็มลินอ่าน นอกเหนือจากเนื้อความซึ่งอธิบายให้เอ็มลินฟังไปแล้ว ด้านล่างเป็นรายละเอียดในเรื่องที่ตัวมันตอบรับภารกิจการมาเยือนกรุงเบ็คลันด์ในฐานะทูต

ในส่วนท้ายสุดของเอกสาร มีหลายชื่อถูกเขียนไว้ติดกัน ชื่อแรกเป็นของสันตะปาปาแห่งศาสนจักรพระแม่ธรณี ซิสเตอร์โรแลนด์ ส่วนที่เหลือเป็นชื่อที่เอ็มลินไม่รู้จัก มีเพียงชื่อสุดท้ายที่เกือบไม่รู้จัก คนนั้นคือหลวงพ่อยูทรอฟสกี้

ลายมือหลวงพ่อบัดซบจริงๆ … เอ็มลินพึมพำเงียบ มันค่อนข้างคลางแคลงในระบบคู่คนโปรดและข้ารับใช้

เหตุใดถึงมีเพียงคนโปรดที่สามารถถูกล่อลวงจากเทพมารและปีศาจ?

เหตุใดผู้ที่แยกแยะความถูกต้องได้จึงมีเพียงข้ารับใช้ แต่คนโปรดไม่สามารถ?

ท่ามกลางกระแสความคิด เอ็มลินสังเกตเห็นรายละเอียดหนึ่ง:

ข้ารับใช้จะต้องไม่ได้มาจากเส้นทาง ‘ธรณี’ หรือ ‘จันทรา’ !

หมายความว่าปัญหาไม่ได้มาจากตำแหน่ง แต่เป็นเส้นทาง? เอ็มลินรู้สึกอย่างบอกไม่ถูกว่าการคาดเดาของตนนั้นถูกต้อง

………………………………………………………

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

       เป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป
ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่
     แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา
ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง
ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น
    ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว
หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’
หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม
ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด
หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด
แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป
พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง
แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย
    เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท