“ที่นี่คือ?” ออเดรย์ถามโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า ประหนึ่งกำลังถามว่าคืนนี้มีงานเลี้ยงที่ไหน
เพาลี·เดอราลผู้อ้างตัวว่าเป็นประธานใหญ่ของสมาคมแปรจิต มองออกไปนอกหน้าต่างพลางยิ้ม
“นี่คือเมืองที่อยู่ภายในใจทุกคน… เมื่อมีผู้คน ย่อมมีเมือง”
ออเดรย์พยักหน้าครุ่นคิด
“กล่าวอีกนัยหนึ่ง เราสามารถเข้ามาที่นี่ได้จากทุกซอกมุมของสังคมมนุษย์?”
เดอราลสูบวีลล์แชร์
“ถูกต้อง”
มันมิได้อธิบายเพิ่มเติม เพียงชี้ไปด้านนอกหน้าต่าง
“ทุกสิ่งที่นี่มีสัญลักษณ์ทางจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกัน มันถูกเรียกว่า ‘ประสงค์ของเดรัจฉาน’”
ประสงค์ของเดรัจฉาน… ออเดรย์ทวนคำเงียบโดยยังคงรักษามาดสง่างาม สายตามองไกลออกไป
จากบรรดา ‘คนเดินถนน’ นอกจากมนุษย์หมาป่า ยังมีหมีเดินสองขา แมวทำท่าเกียจคร้าน มนุษย์ประหลาดซึ่งมีใบหน้าเป็นจุดเหมือนแมงมุม หนูยักษ์ตาสีแดง และงูเหลือมแลบลิ้น รวมถึงสุนัขบางตัวที่คอยสอดส่องคนเดินผ่านไปผ่านมาด้วยสายตาเปี่ยมอารมณ์ทางเพศ
พวกมันสวมหมวกทรงสูง บ้างก็เสื้อโค้ตกันลม บ้างสวมเดรสยาวสีเข้มซับซ้อน พยายามเลียนแบบมนุษย์ในทุกรายละเอียด แต่ก็มิอาจเหมือนมนุษย์ได้อย่างแท้จริง
รถม้าแล่นท่ามกลางค่ำคืนมืดสลัว แทรกผ่านระหว่างคนเดินเท้ากับอาคารสไตล์โกธิก เพียงไม่นานก็มาถึงวิหารแห่งหนึ่งใจกลางเมือง
วิหารทั้งหลังสูงราวแปดสิบเมตร มีเสาต้นยักษ์คอยค้ำจุน แต่ละต้นมีกะโหลกจำนวนมากฝังอยู่ บางเป็นกะโหลกมนุษย์ บ้างก็เป็นของสิ่งมีชีวิตอื่น แต่เบ้าตากลวงทั้งหมดกำลังจดจ้องมายังเบื้องล่าง ประหนึ่งคอยสอดส่องผู้มาเยือนวิหาร
เฉกเช่นอาคารส่วนใหญ่ในเมือง รายละเอียดของโบสถ์ช่างวิจิตรงดงาม แต่กลับแฝงไว้ด้วยองค์ประกอบเชิงสยองขวัญ ฝันร้าย และลึกลับ
เมื่อก้าวลงจากรถม้าและเดินผ่านประตูทางเข้าหลัก ออเดรย์มองเห็นห้องโถงซึ่งงดงามแต่ว่างเปล่า
ในส่วนลึกของโถงมีไม้กางเขนยักษ์ รอบกางเขนมีรูปปั้นมังกรสีเทาอ่อนเลื้อยพัน
แตกต่างจากวิหารตามปรกติ ห้องโถงของที่นี่ไม่มีม้านั่งให้สาวก ไม่มีเชิงเทียน มีเพียงโต๊ะยาวตัวเล็กด้านหน้ารูปปั้นมังกร ฝั่งละห้าที่นั่ง หัวท้ายโต๊ะว่างเปล่า
เพาลี·เดอราลบังคับวีลล์แชร์ตรงไปยังโต๊ะยาวพร้อมกับชี้ฝั่งซ้ายมือ
“เชิญนั่ง”
ออเดรย์เดินตามเข้าไปอย่างไม่รีบร้อน ชำเลืองมองซ้ายขวา ดึงเก้าอี้ออกมานั่ง
หญิงสาวมิได้สนิทหรือห่างเหินกับประธานใหญ่แห่งสมาคมแปรจิตมากนัก เธอแสดงความระแวงเล็กน้อย แต่ก็ไม่เกินงาม
เพาลี·เดอราลยกมือขึ้น ประสานมือวางลงบนผิวโต๊ะยาว
“มิสออเดรย์ ผมมีบางสิ่งอยากถามคุณ”
“เชิญค่ะ” ออเดรย์เบือนศีรษะเล็กน้อย ตอบสนองสายตาของอีกฝ่ายด้วยดวงตาสีเขียว
เดอราลพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าว
“ผมอยากทราบว่า คุณเลื่อนเป็นลำดับ 4 จอมบงการได้อย่างไร นำสูตรโอสถและตะกอนพลังมาจากไหน”
ออเดรย์ตอบอย่างใจเย็น
“จากการแลกเปลี่ยนค่ะ… ลูกค้าต้องการความช่วยเหลือจากครึ่งเทพเส้นทางผู้ชม แลกเปลี่ยนกับสูตรโอสถและตะกอนพลังจอมบงการ”
เดอราลหัวเราะ
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ? การแลกเปลี่ยนที่ใจกว้างแบบนี้ ไม่ต่างอะไรกับการมอบของขวัญให้ลูกสาว… รบกวนช่วยบอกได้ไหมว่าคุณเสนอความช่วยเหลืออีกฝ่ายในรูปแบบใด”
“รุมฆ่าครึ่งเทพหนึ่งคน เพื่อจะจัดการกับเป้าหมายรายนี้ จำเป็นต้องพึ่งพาพลังการแทรกซึมจิตใจ” ออเดรย์อธิบายสองประโยคสั้นๆ
สีหน้าแววตาของออเดรย์สงบนิ่งมาก ประหนึ่งกำลังอธิบายการบ้านที่ครูสอนพิเศษมอบให้
คิ้วซึ่งหนาและยาวของเดอราลขยับเล็กน้อย
“สำเร็จไหม?”
“ยังต้องถามด้วยหรือ” ออเดรย์ตอบอ้อมค้อม
เดอราลจดจ้องหญิงสาวขึ้นลงสองสามครั้ง ประหนึ่งอีกฝ่ายคือจอมบงการผู้สังหารครึ่งเทพนิรนามด้วยตัวเอง
ออเดรย์อ่านความคิดอีกฝ่ายออก จึงเสริม
“ดิฉันเป็นแค่หนึ่งในผู้เข้าร่วม”
เดอราลพยักหน้า
“คุณพอจะทราบไหมว่า อีกฝ่ายนำสูตรโอสถและตะกอนพลังมาจากไหน”
“เขาไม่ได้ตอบคำถามนี้มาตรงๆ” ออเดรย์ตอบด้วยประโยคที่คิดเตรียมไว้นานแล้ว
“เขา? บอกได้ไหมว่าเขาที่ว่าเป็นใคร” เดอราลถามหลังจากไตร่ตรอง.ไอรีนโนเวล.
ออเดรย์คอยระวังการโจมตีจากบุคลิกเสมือนของอีกฝ่ายตลอดเวลา แต่ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน ทางนั้นกลับมิได้สร้างความผิดปรกติใดเลย
ส่งผลให้ออเดรย์สงสัยว่า อีกฝ่ายอาจไม่จำเป็นต้องบุกรุกเกาะแห่งจิตโดยตรง แค่คอยสังเกตความเคลื่อนไหวของทะเลจิตใต้สำนึกรวมก็สามารถเข้าใจความคิดที่แท้จริงได้
เธอไม่ปิดบัง ตอบอย่างใจเย็น
“เกรงว่านั่นจะเป็นการผิดข้อตกลงระหว่างดิฉันและเขา… การรักษาสัญญาควรเป็นศีลธรรมพื้นฐานของโลกใบนี้ไม่ใช่หรือ ยิ่งเป็นโลกเหนือธรรมชาติก็ยิ่งสำคัญ”
กล่าวจบ ออเดรย์เป็นฝ่ายเริ่มพูด
“หากคุณไม่เชื่อใจดิฉันเพียงเพราะมิอาจเปิดเผยข้อมูล นั่นไม่เป็นไร… ดิฉันสามารถดำรงตำแหน่งสมาชิกทั่วไปต่อไป และสร้างคะแนนผลงานเพื่อแลกกับงานวิจัยทางจิตวิทยาและวัสดุที่ดิฉันต้องการ”
เดอราลยิ้มเมื่อได้ยิน
“ทุกคนล้วนมีความลับ นั่นเป็นเรื่องปรกติ สิ่งที่ผมต้องการประเมินก็คือ ความลับของคุณจะส่งผลต่อความปลอดภัยของสมาชิกคนอื่นในสมาคมแปรจิตหรือไม่”
มันต้องออเดรย์ด้วยสายตาลุ่มลึก
“คุณพอจะบอกได้ไหมว่ารู้จักกับลูกค้ารายนี้ได้อย่างไร”
“ดินฉันจำได้ว่าเคยส่งรายงานไปแล้ว ก่อนเข้าร่วมสมาคมแปรจิต ดิฉันเคยพบผู้วิเศษจำนวนหนึ่งในแวดวงชุมนุมลับ” ออเดรย์เล่าความจริง ซึ่งจริงกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
ส่วนข้อเท็จจริงและรายละเอียดจะเป็นเช่นไร นั่นมันอีกเรื่อง
นอกจากนั้น ‘การหายตัวไป’ ของเฮอร์วิน·แรมบิสซึ่งมีต้นตอจากการที่เฮอร์วิน·แรมบิสต้องการสืบสวนฟอร์สและซิล ต่างเป็นข้อเท็จจริงที่ทั้งสองฝ่ายรับรู้แต่ไม่ได้พูดออกมา
เดอราลดึงมือออกจากโต๊ะ วางไว้บนหน้าท้อง
“อีกหนึ่งคำถาม คุณได้พบเฮอร์วิน·แรมบิสครั้งสุดท้ายเมื่อไร”
ออเดรย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ดิฉันจำได้ว่าเคยส่งรายงานไปแล้ว”
หลังจากการตายของเฮอร์วิน·แรมบิส หญิงสาวมิได้ขาดการเชื่อมต่อกับสมาคมแปรจิตในทันที ยังคงรักษาสายสัมพันธ์กับเบื้องบนผ่านฮิลเบิร์ต สตีเฟ่น และเอสลันด์ แต่เมื่อสงครามย่างกรายเข้ามาใกล้กรุงเบ็คลันด์ เธอกลับพบว่าตนไม่สามารถติดต่อกับสมาคมแปรจิตด้วยเหตุผลหลากหลายประการ
“ผมอยากยืนยันอีกครั้งด้วยตัวเอง” เดอราลกล่าวอย่างใจเย็น
ออเดรย์พยักหน้า
“ครั้งสุดท้ายที่ดินฉันเห็นท่านกรรมการเฮอร์วิน·แรมบิส คือเมื่อครั้งอยู่ในคฤหาสน์ของไวเคาต์กายลิน ในช่วงเวลาดังกล่าว ดิฉันทำตามคำสั่งของเขาโดยการสะกดจิตเพื่อนผู้วิเศษสองคนและถามว่า เหตุใดพวกเธอถึงสืบสวนไวเคาต์สตาร์ฟอร์ด และใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง… ในเวลานั้น ท่านกรรมการเฮอร์วิน·แรมบิสเองก็อยู่ใกล้ๆ เพื่อยืนยันว่าไม่มีข้อผิดพลาด และเมื่อทราบคำตอบ เขาก็จากไปทันที… หลังจากวันนั้น ดิฉันก็ไม่ได้พบกับเขาอีกเลย”
ขณะตอบ ออเดรย์ยังคงป้องกันเกาะแห่งจิตของตน แต่สุดท้ายก็ผ่านไปอย่างเงียบสงบโดยไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ฉากดังกล่าวไม่เพียงไม่ทำให้ออเดรย์ผ่อนคลาย ตรงกันข้าม เธอยิ่งทวีความหวาดระแวง ไม่กล้าแม้แต่จะคิดเกี่ยวกับมิสเตอร์ฟูลหรือเดอะเวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์
อย่างไรก็ดี มีหนึ่งสิ่งที่หญิงสาวยึดมั่น: หากเธอตกอยู่ในอันตรายเนื่องจากความลับถูกเปิดเผย มิสเตอร์ฟูลจะต้องปกป้องอย่างแน่นอน
“เหมือนกับคำตอบก่อนหน้า…” เดอราลพยักหน้าเชื่องช้า
จากนั้น มันจ้องดวงตาสีเขียวของออเดรย์และกล่าวอย่างใจเย็น
“ผมไม่สามารถใช้การสืบแบบย้อนกลับเพื่อตรวจสอบที่มาของตะกอนพลังในตัวคุณได้ ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่า เบื้องหลังของผู้จัดหาตะกอนพลังให้กับคุณ มีตัวตนที่ยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการคอยสนับสนุนอยู่”
ออเดรย์พยักหน้าเล็กน้อย เป็นนัยว่าไม่ปฏิเสธ
“ผมคงไม่สามารถบังคับมิให้คุณร่วมมือกับใคร หรือทำธุรกิจกับใคร นั่นเป็นไปไม่ได้เลย แต่ผมก็หวังว่าคุณจะให้คำมั่นสัญญาง่ายๆ ว่าจะไม่เปิดเผยข้อมูลของสมาคมแปรจิตให้ใครรับทราบ หรืออย่างน้อย หากคุณต้องการว่าจ้างคนนอก ก็ช่วยทำให้ข้อมูลมีความลับมากที่สุด” เดอราลกล่าวขณะจ้องหน้าหญิงสาว
ออเดรย์ตอบโดยไม่ลังเล
“ดิฉันให้สัญญาว่า จะไม่บอกข้อมูลของสมาคมแปรจิตกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ไม่คู่ควรจะทราบ”
เธอฉวยโอกาสใช้คำว่า ‘สิ่งมีชีวิตทุกชนิด’ เพื่อสร้างช่องโหว่ในคำสัญญา
ทันทีที่สิ้นเสียง หญิงสาวสัมผัสได้ว่ามีมวลความคิดก่อตัวขึ้นบนเกาะแห่งจิตของเธอ
มวลความคิดเหล่านี้ถักสานกันเป็นตาข่ายมายา แทรกซึมเข้าไปในเกาะแห่งจิตของออเดรย์และผสานเข้ากับจิตใต้สำนึก
นี่คือ ‘ตาข่ายยับยั้ง’ ซึ่งเกิดจากพลังวิญญาณของออเดรย์เอง แม้ว่าเธอจะกลายเป็นเทวทูตก็มิอาจปลดมันออก ออเดรย์จะสูญเสียเจตนาในการพูดคุยเรื่องของสมาคมแปรจิตต่อหน้าคนนอกหรือคนที่ไม่คู่ควรจะรับรู้
และเธอก็จะไม่ตระหนักถึงเรื่องนั้น
เขาไม่ได้บุกรุกเกาะแห่งจิต แต่อาศัยคำพูดของเราในการสร้างคำสัญญา… ขณะออเดรย์ตื่นตระหนกภายในใจ ภายนอกของเธอมิได้แสดงออกมากนัก
แต่แน่นอน เธอมิได้ข่มอารมณ์โดยสมบูรณ์ การเผยความประหลาดใจเล็กๆ เป็นปฏิกิริยาที่จอมบงการพึงมี
แต่จากเหตุการณ์เมื่อครู่ เธอเริ่มสงสัยว่าเมืองแห่งจิตใจแห่งนี้อาจไม่ธรรมดา หรือไม่ก็เป็นตัวเดอราลเองที่มีระดับเกินกว่านักบุญไปแล้ว
ได้ยินคำมั่นสัญญาจากออเดรย์ เดอราลชี้ไปทางโต๊ะยาวด้วยสีหน้าพึงพอใจ
“นับแต่นี้ไป คุณคือคณะกรรมการของสมาคมแปรจิต… คุณต้องเลือกหน้ากากบุคลิกเพื่อใช้เป็นโค้ดเนม”
กล่าวจบ หน้ากากมายาสีเทาอ่อนเจือความเย็นชาจำนวนเจ็ดอันปรากฏขึ้นบนโต๊ะยาว โดยห้าจากเจ็ดวางอยู่หน้าเก้าอี้ราวกับมีเจ้าของแล้ว
“หน้ากากบุคลิกเหลืออยู่สองอัน หนึ่งคือ ‘โทสะ’ อีกหนึ่งคือ ‘ทระนง’” เดอราลอธิบาย “พวกมันมาจากพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้สร้างแห่งยุคสมัยที่สาม”
ออเดรย์ไตร่ตรองเพียงครู่เดียว ก่อนจะยื่นมือจับหน้ากากซึ่งปราศจากความโกรธ
“ดิฉันเลือก ‘ทระนง’”
เดอราลชำเลืองสายตา จากนั้นก็กล่าวพลางยิ้ม
“ตัวเลือกเดียวกับเฮอร์วิน·แรมบิส”
…………………………………………