“เมื่อที่ชื่อยูโทเปียแห่งนี้ แทบไม่แตกต่างจากเมืองเล็กแห่งอื่นที่ฉันเคยไปเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อ เชื้อชาติ หรือสถาปัตยกรรม ทุกด้านล้วนอิงตามมาตรฐานของอาณาจักรโลเอ็น”
“ฉันเคยได้ยินว่า ทางทวีปใต้มีธรรมเนียมแปลกประหลาดมากมาย และหวังว่าจะได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองในสักวัน แต่แน่นอน ต้องเป็นหลังจากสันติภาพในไบลัมตะวันออกและตะวันตกถูกฟื้นฟูกลับคืนมา”
“กล่าวถึงยูโทเปีย ความพิเศษของที่นี่คือการมีสภาพอากาศไม่คงที่ มักเกิดพายุบ่อยครั้งจนคนส่วนใหญ่พกร่มและเสื้อกันฝนเคลือบยางไม้ดอนนิงส์แมน บริกรที่โรงแรมบอกกับฉันว่า หากใครมีรายได้มั่นคงและต้องออกไปทำงานบ่อยครั้ง ทุกคนจะซื้อเสื้อกันฝนพกติดตัว ไม่อย่างนั้น หากป่วยขึ้นมาก็ไม่คุ้มกับเงินที่หายไป”
“ที่นี่ไม่มีการพยากรณ์อากาศ ฉันจึงไม่ทราบว่าทำไมละแวกนี้ถึงมีสภาพอากาศแปรปรวน คาดเดาได้เพียงว่า คงเป็นเพราะยูโทเปียอยู่ใกล้กับทะเล อยู่ในเขตพายุเฮอร์ริเคน ใช่แล้ว ยูโทเปียมีท่าเรือน้ำลึกอยู่ห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตร แต่มีเจ้าหน้าที่คอยบริการไม่มากนัก รองรับได้เพียงการดำเนินการขนาดเล็ก”
“พวกเขาไม่มีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น คงเป็นเพราะเมืองแห่งนี้ค่อนข้างเล็ก มีประชากรแค่ไม่กี่พัน เด็กขายหนังสือพิมพ์ที่นี่จึงส่งแค่หนังสือพิมพ์ทัสซอค เดซีย์มิเรอร์ และหนังสือพิมพ์ลมทะเล..”
“อีกหนึ่งเหตุผลที่ฉันชอบที่นี่ก็คือ ชาวยูโทเปียร่าเริงมาก มองโลกในแง่ดี และหลงใหลการใช้ชีวิต”
“ขณะที่ฉันเขียนสิ่งนี้ หน้าโรงแรมมีวงดนตรีเดินผ่าน”
“พวกเขาไม่ใช่วงดนตรีมืออาชีพ เป็นกลุ่มของมือสมัครเล่นโดยแท้จริง มีทั้งข้าราชการ อาสาสมัคร ทนายความ ตำรวจอาชีพ ครูโรงเรียน พนักงานโรงงานขนม เจ้าของร้าน… ในหมู่พวกเขา คนที่มีเงินและมีเวลาจะรับผิดชอบเครื่องเล่นยากๆ อย่างเชลโล่และไวโอลิน ขณะที่ชนชั้นกลางและล่างจะเล่นเครื่องเล่นที่ง่ายกว่า เช่นพิณและฮาร์โมนิก้า”
“ในวันหยุดบางวัน พวกเขาจะเดินไปตามถนน เริ่มจากจัตุรัสเทศบาลและวนไปรอบเมือง จนกระทั่งกลับมายังวิหารพระแม่อาเรียนน่าใกล้กับจัตุรัส พวกเขาเรียกสิ่งนี้ว่า ‘ขบวนแห่ดนตรี’”
“ระหว่างขบวนแห่ ไม่เพียงพวกเขาจะไม่กีดกันให้ชาวเมืองเข้าร่วม แต่ยังเรียกให้ทุกคนเข้าไปร้องรำทำเพลงพลางเดินไปพร้อมกัน จากการเฝ้าสังเกตของฉัน ผู้เข้าร่วมล้วนมีความสุขและพึงพอใจ แต่ละคนแสดงออกถึงอิสระของชีวิตอย่างเต็มที่ พลอยทำให้ฉันได้รับพลังงานไปด้วย”
“ต้องสภาพตามตรงว่า ฉากดังกล่าวยากจะอดใจไหว ฉันจึงตัดสินใจเข้าร่วมขบวนไปพร้อมกับพวกเขา โยนปัญหาด้านความไร้พรสวรรค์เชิงดนตรีทิ้งไป เอาแต่เต้นรำและร้องเพลงอย่างมีความสุขพร้อมกับทุกคน…”
“วันนี้พวกเขาไม่มีขบวนแห่ดนตรี เพราะทุกคนไปรวมตัวที่วิหารเพื่อเป็นสักขีพยานแด่คู่บ่าวสาว”
“พูดถึงงานแต่ง สิ่งที่ฉันไม่เข้าใจเกี่ยวกับยูโทเปียมากที่สุดก็คือ เหตุใดที่นี่ถึงมีเพียงวิหารเทพธิดารัตติกาล ทุกคนคงทราบดี ไม่ว่าจะเป็นเมืองที่เล็กเพียงใดในอาณาจักร แต่ก็ต้องมีวิหารสองแห่งขึ้นไปเสมอ นั่นคือวิหารของเทพธิดารัตติกาลและเทพวายุสลาตัน”
“ก่อนจะมาเที่ยวยูโทเปีย ฉันไม่เคยจินตนาการมาก่อน ว่าจะมีเมืองใดในอาณาจักร สามารถนับถือเทพองค์เดียวโดยสมบูรณ์เช่นนี้”
“แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับฉันสักเท่าไร ก่อนอายุสิบแปด ฉันจำต้องนับถือศาสนาวายุสลาตันตามครอบครัว แต่หลังจากเรียนจบโรงเรียนมัธยม ฉันก็ได้เข้าใจว่า เทพผู้เห็นอกเห็นใจและรักมนุษย์มากที่สุดคือเทพธิดา”
“ย้อนกลับมาที่พิธีแต่งงาน ฉันมีโอกาสได้เข้าร่วมงานแต่งเมื่อสองวันก่อน และพบว่ายูโทเปียมีธรรมเนียมที่ค่อนข้างประหลาด”
“จากบรรดาทั้งหมด จุดที่ฉันชื่นชอบมากที่สุดก็คือ เมื่อหลวงพ่อเรียกคู่บ่าวสาว ชายหญิงจะทำการโค้งคำนับกันและกัน สื่อเป็นนัยว่าไม่มีใครเหนือกว่าใคร เป็นการแสดงเคารพกันจากก้นบึ้ง ในฐานะที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกันไปจนแก่เฒ่า”
“บางที ธรรมเนียมนี้อาจริเริ่มมาจากการยึดหลักความเท่าเทียมของชายหญิงตามคำสอนของเทพธิดา…”
“นอกจากนั้น หลังพิธีแต่งงานยังมีช่วงเวลาพิเศษ เช่น ให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเล่าเรื่องราวความรักของตัวเอง”
“อาจเป็นเรื่องน่าอายสำหรับคู่สมรส แต่เป็นเรื่องน่าสนุกสำหรับแขกร่วมงาน ใช่แล้ว ฉันเองก็คิดแบบนั้น แต่ถ้ามีโอกาสได้แต่งงาน ฉันจะไม่ใส่ส่วนนี้เข้ามาในงานของตัวเองเด็ดขาด”
“ในงานแต่งคราวนั้น ฉันมีโอกาสได้ฟังเรื่องราวความรักที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิต หากมีโอกาส และหากผู้อ่านคอลัมน์นี้ชื่นชอบ ฉันจะเล่าให้ฟังในภายหลัง แน่นอนว่าจะต้องเปลี่ยนชื่อและรายละเอียดบางส่วน เพื่อมิให้กระทบกระเทือนกับบุคคลจริง…”
“สิ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับยูโทเปียมากที่สุดก็คือ อาหารของที่นี่รสชาติดีมาก แถมยังมาตรฐานสูง ถึงจะมีร้านน้อย แต่ทุกร้านล้วนคุณภาพดี และร้านที่ถูกปากมากที่สุดก็คือห้องอาหารโรงแรมดอกไอริชที่ฉันพักอยู่”
“ไม่ว่าจะเป็นอาหารพื้นฐานอย่างสเต๊ก หมู่ทอด เนื้อย่าง ปลาย่าง หรืออาหารซับซ้อนอย่างสตูแกะกับถั่ว ซุปครีม มันฝรั่งบดอบเนย มันฝรั่งอบทั้งเปลือก ทุกจานล้วนอยู่ในระดับพ่อครัวภัตตาคารใหญ่ นอกจากนั้น พ่อครัวที่นี่ยังเชี่ยวชาญการสร้างสรรค์อาหารแปลกใหม่ มีทั้งเมนูที่เพิ่งเคยได้ยินชื่ออย่างเนื้อหั่นเต๋าผัดเปรี้ยวหวาน หรือปลาย่างทาด้วยซอสรสชาติต่างๆ”
“สำหรับอาหารหลักที่ยากแก่การพลิกแพลง พ่อครัวของยูโทเปียก็มิได้ทอดทิ้งพวกมัน ฉันมีโอกาสได้กินขนมปังทุกชนิดในเมืองนี้ครบแล้ว ประกอบไปด้วย: แยม มันบด เนย ครีม และผลไม้ชิ้น… หากต้องการ ฉันจะได้กินขนมปังที่ซ้ำกันเลยในหนึ่งสัปดาห์”
“เหนือสิ่งอื่นใด เมนูเด็ดของที่คือของหวาน”
“พุดดิ้งครีม พุดดิ้งผลไม้ เค้กแบล็กฟอเรสต์ เค้กแคร์รอต เค้กนม มัฟฟิน ทาร์ต…”
“ยิ่งเขียนก็ยิ่งหิว นั่นคือเหตุผลที่อยู่มาเป็นสัปดาห์แล้วยังไม่อยากกลับ สิ่งที่กังวลมากที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่กระเป๋าสตางค์ แต่เป็นน้ำหนัก โชคดีที่โรงแรมไม่มีเครื่องชั่ง แต่ในเวลาเดียวกัน เป็นเพราะไม่มีเครื่องชั่ง น้ำหนักของฉันก็เลยเพิ่มเอาเพิ่มเอา”
“ไวน์แดงของยูโทเปียมีรสชาติค่อนข้างดี ปัญหาเดียวก็คือ ระยะเวลาในการบ่มองุ่นยังน้อยเกินไป ดูเหมือนว่าสวนองุ่นรอบๆ จะยังไม่ทราบจุดอ่อนข้อนี้”
“สำหรับเครื่องดื่มในยูโทเปีย ฉันขอแนะนำ ‘ชาเย็นซ่า’ รสชาติของมันมีเอกลักษณ์โดดเด่นมาก มีดีกว่าความหวานและฟอง…”
“ทุกเย็น ฉันจะไปเดินเล่นที่จัตุรัสเทศบาลซึ่งเป็นจุดพักผ่อนยอดนิยมของชาวยูโทเปีย พวกเขารักนกพิราบขาวมากเป็นพิเศษ”
“ที่นั่น ฉันได้พบกับจิตรกรคนหนึ่ง เขาชื่อแอนเดอร์สัน รูปหล่อและวาดภาพเก่งมาก แต่น่าเสียดายที่เขาเป็นใบ้…”
“ฉันยังได้รู้จักนักเขียนที่ชื่ออัลเซอร์ เป็นชื่อที่แปลกมาก เขาเล่าว่ากำลังเขียนนิยายและอยากให้ฉันติชมปฐมบท”
“ฉันไม่ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเนื้อหา แค่รู้สึกว่ามีชื่อคุ้นหูมากมายในตอนต้น”
“หนึ่งในนั้นรวมถึงแอนเดอร์สันและเวนดี้ เอ่อ เวนดี้คือเจ้าของร้านเบเกอรี่ที่ฉันโปรดปราน…”
“ฉันลองถามกลับไปในประเด็นดังกล่าว และอัลเซอร์ตอบว่า เมื่อนักเขียนคิดชื่อตัวละครไม่ออก เป็นปรกติที่จะนำชื่อคนใกล้ตัวมาแต่ง”
“สมเหตุสมผล!”
“…”
“เนื่องจากพื้นที่มีจำกัด การแบ่งปันประสบการณ์จึงขอจบลงเพียงเท่านี้”
“รัก – ชาร์ล็อตต์ของทุกคน”
โมนิก้าวางปากกาลง อ่านต้นฉบับอย่างละเอียดถึงสองหนเพื่อแก้ไขคำผิดและไวยากรณ์
เธอเป็นนักเขียนที่ในตอนแรกไม่โด่งดังมากนัก หาเลี้ยงชีพด้วยการเขียนนิยายรักน้ำเน่า และหลังจากเปลี่ยนมานับถือเทพธิดารัตติกาล บิดาของเธอก็แทบจะตัดพ่อตัดลูก
แต่เมื่อมิสฟอร์ส·วอลล์ผู้แต่ง ‘คฤหาสน์วายุสลาตัน’ เริ่มเขียนคอลัมน์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงหลังสงคราม โมนิก้าจึงเริ่มเขียนบันทึกการท่องเที่ยวของตัวเองลงหนังสือพิมพ์เบ็คลันด์บ้าง เธอเปลี่ยนงานอดิเรกให้กลายเป็นงานหลัก และเมื่อเป็นสิ่งที่เธอรัก คุณภาพของงานจึงออกมาดี ส่งผลให้เธอกลายเป็นนักเขียนคอลัมน์การเดินทางที่โด่งดัง
ชาร์ล็อตต์คือนามปากกา
หลังจากหมึกปากกาแห้งสนิท โมนิก้าคัดลอกสำเนาไว้อีกหนึ่งฉบับ และยัดมันลงในซองจดหมาย ติดตราไปรษณียากร
เมื่อยืนยันว่าที่อยู่ไม่มีข้อผิดพลาด หญิงสาวเจ้าของผมสีดำหยักศกสไตล์อ่าวเดซีย์ หยิบกระเป๋าถือเดินออกจากโรงแรม ตรงไปยังที่ทำการไปรษณีย์เมืองยูโทเปีย
ที่ทำการไปรษณีย์อยู่ติดกับสำนักงานโทรเลข ทุกครั้งที่โมนิก้าเดินผ่านจะรู้สึกว่า ‘เสียของ’ เสมอ
ตามความเห็นของเธอ ชาวเมืองยูโทเปียแทบไม่ต้องพึ่งพาการส่งโทรเลข การมีสำนักงานโทรเลขเป็นของตัวเองจึงค่อนข้างสิ้นเปลือง
ส่งจดหมายเสร็จ โมนิก้าแหงนมองฟ้าและเดินไปยังจัตุรัสเทศบาล
เมื่อมาถึงหน้าทางเข้าวิหารพระแม่อาเรียนน่า เธอได้พบกับไบลส์
ไบลส์คือตำรวจผู้เคยสอบปากคำโมนิก้าในคดีฆาตกรรมที่โรงแรมดอกไอริช
น่าเสียดายที่โมนิก้าไม่รู้จักกับสุภาพบุรุษนามว่าเวนเดลล์
หลังจากพยักหน้าทักทายกัน โมนิก้าเดินเข้าไปในวิหาร หาที่นั่ง และฟังทัศนาจากบิชอปนามทาวน์เซ่น
อีกฝ่ายเป็นนักบวชที่เหมือนนักบวชที่สุดเท่าที่โมนิก้าเคยพบนับตั้งแต่ย้ายมานับถือเทพธิดารัตติกาล ผมบนหัวกว่าครึ่งมีสีขาว คำพูดคำจาสุขุมนุ่มนวล อารมณ์สงบนิ่ง เนื้อเสียงอ่อนโยน ทำให้จิตใจผู้คนเย็นลงโดยไม่รู้ตัว
โมนิก้าหลับตาลงและตั้งใจฟังธรรม
…
แคว้นเชสเตอร์ตะวันออก ในป่าบนที่ดินตระกูลฮอลล์
อัลเฟรด ฮิบเบิร์ต และออเดรย์ พาสุนัขล่าเนื้อส่วนตัว รวมถึงคนรับใช้อีกจำนวนมาก ปิดล้อมป่าเพื่อล่าเหยื่อ
นี่คือครั้งแรกที่สามพี่น้องได้ล่าสัตว์ร่วมกันนับตั้งแต่เป็นผู้ใหญ่
อัลเฟรดและฮิบเบิร์ตกำลังแสดงฝีมืออย่างโดดเด่นต่อหน้าน้องสาว หรืออย่างน้อยก็เท่าที่ตาเห็น
สำหรับอัลเฟรด ปัญหาใหญ่ที่สุดของมันก็คือ การควบคุมตัวเองมิให้โดดเด่นเกินไป เพราะถ้าผู้วิเศษลำดับ 5 อัศวินวินัย เอาจริงในการล่าสัตว์ พี่น้องคนอื่นก็คงหมดโอกาส
มันทราบว่าน้องสาวเป็นผู้วิเศษ แต่ก็ตระหนักดีว่าลำดับ 7 เส้นทางผู้ชมแทบไม่มีพลังด้านการต่อสู้
ขณะกำลังไล่ตามเหยื่อ พวกมันขี่ม้าออกจากป่าและได้พบกับทุ่งข้าวสาลี
“ที่นี่คือ?” ออเดรย์ซึ่งแต่งกายในชุดล่าสัตว์ ถามอย่างเป็นกันเอง
นี่คือครั้งแรกที่เธอเคยล่าสัตว์ในป่าแห่งนี้ จึงไม่ทราบปลายทางของมัน
ฮิบเบิร์ตเองก็ไม่คุ้น จึงหันไปพูดกับบุรุษรับใช้
“ไปถามใครสักคนมา”
ระหว่างรอ สามที่น้องสนทนาอย่างสนุกสนานพลางหัวเราะขณะพูดคุยเกี่ยวกับผลการล่า ส่วนซูซี่ โกลเดนรีทรีเวอร์ตัวใหญ่ กำลังชำเลืองสายตาไปมองสุนัขตัวผู้ที่พยายามเข้าใกล้เธอ ใช้การข่มขู่ทางจิตทำให้พวกมันรักษาระยะห่าง
ผ่านไปสักพัก บุรุษรับใช้ของฮิบเบิร์ตกลับมารายงาน
“นายท่าน ใกล้ๆ นี้มีหมู่บ้านหนึ่งชื่อฮาร์ตลาร์ค…”
ฮาร์ตลาร์ค… หมู่บ้านบูชามังกร? เรามาถึงที่นี่ได้ยังไง? ออเดรย์ผงะตกใจเมื่อได้ยิน