ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1388 : ชุมนุมกะทันหัน

ราชันเร้นลับ 1388 : ชุมนุมกะทันหัน

เทพธิดารัตติกาลพยักหน้ารับ ไม่กล่าวสิ่งใดต่อ เพียงเหยียดฝ่ามือออกมาข้างหน้า จับคว้ามุมหนึ่งของความว่างเปล่าและดึงแผ่วเบา

ชั้น ‘ความมืด’ แผ่นบางร่วงหล่นอย่างอ่อนโยน ปกคลุมร่างไคลน์และซึมเข้าไปอย่างเงียบงัน

ไคลน์ดื่มด่ำพรแห่งความฝันอย่างเงียบงันนานสองวินาที ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมาทาบอก โน้มตัวลงและทำท่าคำนับ

ชายหนุ่มรีบถอยหลังสองก้าวและออกจากโลกดารา

เทพธิดารัตติกาลซึ่งยืนอยู่ ณ ชายขอบอาณาจักรเทพ ทำเพียงเฝ้ามองอีกฝ่ายจากไป

วินาทีถัดมา ไคลน์ตกลงมายังภาพฉายของวังราชาคนยักษ์ภายในซากสมรภูมิแห่งเทพ

จากนั้น เฉกเช่นที่อามุนด์เคยทำ ชายหนุ่มเดินไปยังขอบประตูสีเทาอมน้ำเงินและยกมือขึ้นมาสร้างบานประตูมายาสีน้ำเงินเข้ม

ผ่านประตูดังกล่าว ไคลน์เข้าไปในดินแดนเทพทอดทิ้งและ ‘พเนจร’ ไปยังทอดยอดเทือกเขาแห่งด้วยการชี้นำจากชะตากรรม

ที่นี่มีไม้กางเขนยักษ์ตั้งเด่นสง่า ปกคลุมด้วยแผ่นเงาดำ

ไคลน์ยืนจ้องเงาดำอยู่สักพัก ถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนจะโน้มตัวลงหยิบกระจกเงาโบราณสีเงินที่ถูกวางไว้ใกล้กับไม้กางเขนใหญ่

ถัดมา ชายหนุ่มหันหลังกลับและหายตัวไปจากดินแดนเทพทอดทิ้ง

ในเวลาเดียวกัน หนอนวิญญาณที่ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติงานบนปราสาทต้นกำเนิดแล้วก็ได้ ทำการแจ้งตำแหน่งปัจจุบันของราชินีเงื่อนงำแบร์นาแดตให้ไคลน์ทราบ ทันใดนั้น ชายหนุ่มยกมือขึ้นและนำตะเกียงวิเศษประทานพรออกจากกองขยะ อาศัยความเป็นเจ้าของอย่างชอบธรรมของแบร์นาแดต มันพาตะเกียง ‘พเนจร’ หายไปโผล่ในมรกตนครบนเกาะที่ค่อนข้างลับแห่งหนึ่ง

แบร์นาแดตกำลังพลิกอ่านคอลเลกชันภาพวาดล่าสุดที่ตีพิมพ์โดยอินทิส จนกระทั่งสัมผัสถึงบางสิ่ง จึงหันไปเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์กำลังยื่นตะเกียงวิเศษประทานพรมาทางตน

“ขอบคุณ” ไคลน์กล่าวเสียงเรียบตามปรกติ

แบร์นาแดตเปิดปากราวกับต้องการกล่าวบางสิ่ง แต่ทันใดนั้น ดวงตาของเธอไหววูบราวกับมองเห็นนิมิตบางอย่าง จึงทำเพียงเหยียดแขนออกไปรับตะเกียงวิเศษประทานพรอย่างเงียบงัน

ไคลน์รีบนำกล่องบุหรี่โลหะที่มีร่องรอยการกัดกร่อนบนพื้นผิวออกมา

“รางวัล”

แบร์นาแดตสามารถสัมผัสถึง ‘ความพิเศษ’ ของกล่องโลหะได้โดยไม่ต้องใช้เนตรส่องความลับ และพอจะเดาได้ว่ามันถูกสิ่งใดกัดกร่อน

อย่างไรก็ดี เธอมิได้รับมันไว้ด้วยเหตุผลดังกล่าว เพียงรู้สึกว่าไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธ

หญิงสาวลังเลเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือออกไปรับอย่างใจเย็น

หากไคลน์ยังอยู่ในสถานะเสียสติเหมือนช่วงแรก มันคงฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้เห็นแบร์นาแดตลังเล ตามด้วยกล่าว: “ของขวัญจากลุงเอง รับไว้เถอะนะ!”

แต่ปัจจุบัน สติสัมปชัญญะของมันเลือนรางเต็มที และต้องพยายามอย่างหนักเพื่อไม่ให้ตัวเองหลับ จึงไม่เหลือสมาธิที่จะรับบทตัวตลก

หลังออกจากมรกตนครของแบร์นาแดต ไคลน์พเนจรอีกครั้งไปยังเบ็คลันด์ บ้านนายแพทย์อลัน·คริส

วิล·อัสตินซึ่งนั่งอยู่บนกองของเล่น เงยศีรษะขึ้นมองดอน·ดันเตสตรงหน้า จากนั้นก็ปล่อยโฮและสะอื้นเสียงดัง:

“ในที่สุดข้าก็พบโอกาส”

โอกาสในการปรองดองกับเอกลักษณ์แห่งเส้นทางชะตากรรม

ไคลน์นั่งยองลง กล่าวอย่างไร้อารมณ์

“ข้ามาเพื่อช่วยเจ้าปรองดอง… ข้าจะขโมยวัยเด็กและวัยรุ่นของเจ้า ช่วยให้เจ้าเติบโตในทันที และอาศัยระดับตัวตนของเหนือลำดับที่ยังไม่ไปถึงวันวาน ช่วยเจ้าฝืนปรองดองกับลูกเต๋าแห่งความน่าจะเป็น… แน่นอน ลำพังสิ่งเหล่านี้ยังไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จ แต่ยังต้องใช้การฉกฉวยช่องโหว่จาก ‘ปั่นหัว’ และ ‘บั๊ก’ ร่วมด้วย”

น้ำตาที่พรั่งพรูของวิล·อัสตินหยุดลงกะทันหัน พึมพำบางสิ่งด้วยความประหลาดใจ

“กลับกลายเป็นว่า ทั้งสองตัวเลือกนั้นเหมือนกัน”

เดิมที เพื่อที่จะปรองดองกับเอกลักษณ์ของเส้นทางชะตากรรม มีเพียงต้องเกิดมาพร้อมกับเอกลักษณ์ หรือไม่ก็ขอความช่วยเหลือจากตัวตนระดับวันวาน หรือไม่ก็ประกอบพิธีกรรมที่คล้ายกับพิธีกรรมเลื่อนลำดับฉบับย่อ ไม่มีหนทางอื่นนอกจากสามวิธีนี้

อสรพิษโชคชะตาวิล·อัสตินย่อมไม่ได้เกิดมาพร้อมกับเอกลักษณ์ จึงทำได้เพียงเลือกหนึ่งจากสองวิธีหลัง

แผนเดิมของมันคือการประกอบพิธีกรรมเลื่อนลำดับฉบับย่อ นั่นคือการรอคอยให้โอกาสแห่งชะตากรรมมาถึง แต่ใครจะไปคิดว่า โอกาสดังกล่าวคือการขอความช่วยเหลือจากไคลน์ที่มีระดับตัวตนเกือบถึงวันวาน หรืออาจเรียกได้ว่านี่คือวิธีที่สอง

คิดถึงตรงนี้ วิล·อัสติน เด็กเล็กอวบอ้วนร้องไห้หนักยิ่งกว่าเก่า รู้สึกราวกับตนถูกโชคชะตากลั่นแกล้ง

“บอกให้ครึ่งเทพของโรงเรียนกุหลาบส่งลูกเต๋าความน่าจะเป็นมาได้เลย… แต่ตามปรกติ ในเวลาแบบนี้ ด้วยโชคของเจ้า ลูกเต๋าความน่าจะเป็นควรมาอยู่ข้างกายเจ้าแล้ว” ไคลน์เพิกเฉยเสียงสะอื้นของวิล “ยิ่งเร็วแค่ไหนก็ยิ่งดี ข้ามีเวลาไม่มาก”

วิลหยุดร้อง จ้องไคลน์สักพักก่อนจะพูดเสียงสะอื้น:

“ช่างมันเถอะ… ไว้โอกาสหน้าก็ได้… ด้วยสภาพปัจจุบันของเจ้า การช่วยข้าฝืนปรองดองจะทำให้ร่างกายได้รับภาระหนัก บางทีอาจเลวร้ายถึงขั้นคลุ้มคลั่งคาที่ ข้าไม่อยากเผชิญหน้ากับราชันเร้นลับในระยะประชิด… เอาล่ะ ไว้คราวหน้าเถอะ ข้ามีลางสังหรณ์…”

กล่าวจบ วิลจ้องเข้าไปในดวงตาไคลน์และกล่าว

“ข้ามีลางสังหรณ์ว่า โอกาสหน้าจะดีกว่านี้”

ไคลน์ยังคงทำสีหน้าสะลึมสะลือ กล่าวด้วยเสียงค่อนข้างแผ่วเบา

“นี่คือคำพยากรณ์?”

น้ำตาของวิล·อัสตินไหลออกมาอีกครั้ง

“เปล่า… เป็นการอวยพร”

ไคลน์พยักหน้าอ่อนโยน ลุกขึ้นยืน บรรจงถอยทีละก้าว

ระหว่างนั้น ร่างของมันจางลงและหายไปภายในเวลาไม่นาน

ชายหนุ่มกลับมายังปราสาทต้นกำเนิด นั่งลงบนเก้าอี้พนักสูง ปล่อยให้ผิวกายปกคลุมด้วยหมอกสีเทา

มองไปรอบตัว หลังจากยืนยันสถานะของดาวแดง ไคลน์เอนหลังด้วยความอ่อนเพลียพร้อมกับยกแขนซ้ายขึ้นเล็กน้อย

ในคราวนี้ มันมิได้สร้างอวตาร ‘เดอะเวิร์ล’ ขึ้นมา

สองฝั่งโต๊ะทองแดงยาวลวดลายโบราณ แสงสีแดงเข้มสว่างขึ้นโดยพร้อมเพรียง ก่อนจะก่อตัวกลายเป็นสมาชิกชุมนุมทาโรต์อย่างแฮงแมน เดอะซัน เฮอร์มิท และเมจิกเชี่ยน

เห็นได้ชัดว่าการชุมนุมแบบกะทันหันครั้งนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของจัสติสออเดรย์และคนที่เหลือ ส่งผลให้พวกมันค่อนข้างฉงนและรู้สึกประหลาดใจไปพักใหญ่

ก่อนหน้านี้ แม้พวกมันจะเคยแวะเวียนขึ้นมายังอาณาจักรเทพของมิสเตอร์ฟูลในเวลาอื่นนอกเหนือจากบ่ายวันจันทร์ แต่ทุกครั้งล้วนมีเหตุผลเสมอ แถมยังทราบล่วงหน้า หากไม่ใช่การสมัครขอจัดชุมนุมย่อยด้วยตัวเอง ก็เป็นการหลีกเลี่ยงเสียงเพรียกของมิสเตอร์ประตู หรือไม่ก็เพื่อรักษาอาการทางจิตให้มิสเตอร์เวิร์ล

อาจกล่าวได้ว่านี่คือครั้งที่สองที่พวกมันถูกมิสเตอร์ฟูลอัญเชิญโดยไม่บอกกล่าว ครั้งแรกคือชุมนุมทาโรต์หนแรกสุด

ข้อเท็จจริงดังกล่าวทำให้แม้แต่สมาชิกที่เฉื่อยชาที่สุด ก็ยังสัมผัสถึงกลิ่นอายบรรยากาศที่อึดอัดและกดดัน

เมื่อหวนนึกถึงการมาเยือนครั้งล่าสุดของเดอะเวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์ จัสติสออเดรย์ แฮงแมนอัลเจอร์ และจัดจ์เมนต์ซิล ต่างคิดในสิ่งเดียวกันทันที

“เวลานั้นมาถึงแล้วหรือ?”

ออเดรย์หันไปทางสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวฝั่งด้านล่างตามสัญชาตญาณ และพบว่าที่นั่นไม่มีใครนั่งอยู่

แม้เธอจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะผงะ ภายในใจเปี่ยมไปด้วยความเศร้า

ในหัวใจออเดรย์ เป็นเวลานานแล้วที่ภาพจำของเดอะเวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์ ได้เปลี่ยนจากนักผจญภัยเสียสติสุดแสนอันตราย มาเป็นเพื่อนแสนธรรมดาที่มีบรรยากาศเย็นชาแต่อ่อนโยน แข็งแกร่ง เป็นห่วงเป็นใย มีต้นกำเนิดลึกลับ ค่อนข้างเดียวดาย และต้องแบกรับในหลายสิ่ง

หากไม่นับมิสเตอร์สตาร์ เธอคิดว่าตนน่าจะเป็นคนที่รู้จักมิสเตอร์เวิร์ลดีที่สุดในชุมนุมทาโรต์

แต่ปัจจุบัน ดูเหมือนเพื่อนของเธอคนนี้จะเผชิญกับเคราะห์กรรม จนเหลือเพียงเก้าอี้ที่ว่างเปล่า

เป็นครั้งแรกที่ชุมนุมทาโรต์สูญเสียสมาชิก

ไคลน์ไปไหน… เดอะสตาร์เลียวนาร์ดฉงนทันที

บนโลกใบนี้ อีกฝ่ายเป็นคนเดียวที่มันสามารถเรียกว่าเพื่อนได้เต็มปาก

ก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งไคลน์ปรากฏตัวบนทวีปตะวันออกอย่างกะทันหันและนำเหรียญทองใส่ไว้ในกล่องบริจาคของวิหาร เลียวนาร์ดเกิดลางสังหรณ์บางอย่าง มันรู้สึกว่าอีกฝ่ายเตรียมใจที่จะเผชิญหน้ากับการพิพากษาแห่งชะตากรรม และจึงตระเวนกล่าวคำอำลากับอดีตทีละหนึ่ง

เฉกเช่นในวันที่ไคลน์ยืนหยัดเผชิญหน้ากับเมกูสในเมืองทิงเก็น

พักหลัง ตาแก่เงียบผิดปรกติ… เกิดอะไรขึ้นกับไคลน์กันแน่? ด้วยระดับตัวตนและความแข็งแกร่งของมิสเตอร์ฟูล ตราบใดที่ยังมีโอกาส เขาก็น่าจะพอมีโอกาสรอดไม่ใช่หรือ… เลียวนาร์ดรู้สึกราวกับหัวใจถูกบีบ มันหันหน้าไปทางด้านข้าง มองไปยังมิสเตอร์ฟูลบนสุดขอบโต๊ะทองแดงยาว

ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่รายนี้ยังคงถูกปกคลุมด้วยหมอกสีเทา ส่งผลให้ไม่มีใครมองเห็นสภาพปัจจุบัน

ในเวลาเดียวกัน เดอะมูนเอ็มลิน เฮอร์มิทแคทลียา และเดอะซันเดอร์ริคต่างก็ตระหนักถึงการหายไปของมิสเตอร์เวิร์ล

ผนวกกับการชุมนุมกะทันหัน พวกมันทั้งประหลาดใจและสับสน ไม่มีใครทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็คาดเดาได้อย่างเลือนรางว่าไม่ใช่เรื่องที่ดี

ในฐานะ ‘ผู้หยั่งรู้’ ที่เพิ่งเลือนลำดับ แคทลียาคาดเดาแม้กระทั่งอาจมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับมิสเตอร์ฟูล

มิสเตอร์เวิร์ลไม่ได้มาด้วย… จากที่ซิลเคยเล่าให้ฟัง ดูเหมือนว่ามิสเตอร์ฟูลและเหล่าข้ารับใช้เตรียมเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหญ่ โดยที่ผลลัพธ์อาจลงเอยในทิศทางที่ไม่ดีนัก… เมจิกเชี่ยนฟอร์สเองก็กำลังตื่นตัว และอดไม่ได้ที่จะเกิดความกลัวต่อการเปลี่ยนที่ตนไม่ทราบ

ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดว่าหากมิสเตอร์เวิร์ลหายไป เธอคงโล่งใจไม่น้อย แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น หัวใจของเธอทั้งหนักอึ้งและเปี่ยมไปด้วยความกลัว

หญิงสาวเพิ่งได้ตระหนักเมื่อสายว่า นอกเหนือจากมิสเตอร์ฟูล มิสเตอร์เวิร์ลค่อยๆ กลายเป็นเสาหลักค้ำจุนชุมนุมทาโรต์ที่ไม่ว่าใครได้เห็นเป็นต้องโล่งใจและรู้สึกปลอดภัย

แต่แน่นอน ความกลัวที่มีต่ออีกฝ่ายยังไม่หายไปโดยสมบูรณ์

ขณะจัสติสออเดรย์และคนที่เหลือหันหน้าไปมองสุดขอบโต๊ะทองแดงยาว ไคลน์ที่กลายเป็นเดอะฟูลตัวจริง กล่าวเสียงแผ่ว

“นี่คือการชุมนุมกะทันหัน”

มิสเตอร์ฟูลดูเหนื่อยมาก… จัสติสออเดรย์เริ่มเครียดเมื่อสัมผัสได้

เธอมองไปรอบตัว ก่อนจะลุกขึ้นยืนตามปรกติ

รอจนกระทั่งสมาชิกชุมนุมทาโรต์ลุกขึ้นยืนครบทุกคน ออเดรย์ยกชายกระโปรงขึ้นด้วยหัวใจหนักอึ้ง จากนั้นก็หันไปทางตำแหน่งประธาน:

“ทิวาสวัสดิ์ค่ะ มิสเตอร์ฟูล”

…………………………………………

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

       เป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป
ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่
     แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา
ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง
ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น
    ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว
หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’
หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม
ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด
หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด
แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป
พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง
แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย
    เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท