บทที่ 18 ค่ำคืนกำลังคืบคลาน
“หัวหน้าห้องนี่ มาๆ นั่งลงก่อน” จางต้าเผิงยกเก้าอี้ด้วยรอยยิ้มแบบฮิปปี้และวางลงเพื่อให้ฉู่ถิงนั่งข้างๆ ถานเสี่ยวเทียน
ถานเสี่ยวเทียนกวักมือเรียกพนักงานเสิร์ฟ “เอาเนื้อหม้อไฟขีดฆ่าไปเมื่อกี้มาด้วยนะ แล้วก็เพิ่มเต้าเจี้ยวหิมะมาอีกจาน”
หลังจากสั่งอาหาร เขาก็เอียงศีรษะเข้าไปถามฉู่ถิง “ฉันจำได้ว่าเธอชอบทานอาหารสองอย่างนี้ใช่ไหม?”
การแสดงออกของถานเสี่ยวเทียนผ่อนคลายและเป็นกันเองจนฉู่ถิงรู้สึกโล่งใจและเกือบจะร้องไห้
ตั้งแต่การสอบเข้าวิทยาลัยใกล้เข้ามา แม้ว่าเธอกับเขาจะนั่งเรียนใกล้กัน แต่ถานเสี่ยวเทียนก็ไม่ได้คุยกับเธอมากนัก เขาดูเปลี่ยนไปมาก
ถึงฉู่ถิงจะดูเรียบง่ายและใสซื่อ แต่เธอไม่โง่ ตั้งแต่วันที่ถานเสี่ยวเทียนสอนรหัสมอร์สให้กับเธอ เธอก็พอจะเดาบางอย่างได้แล้ว
ผลการแบ่งที่นั่งสอบเข้าวิทยาลัยออกมาแล้ว และเธอกับถานเสี่ยวเทียนก็ได้สอบในห้องเดียวกันเธอก็รอ… รอให้ถานเสี่ยวเทียนบอกกับเธอ
แต่ตรงกันข้าม ถานเสี่ยวเทียนนั้นไม่ได้มาขอร้องเธอ แต่เขากลับค่อยๆ ห่างเหินจากเธอออกไปแทน
ฉู่ถิงรู้สึกเสียใจมาก
เมื่อเห็นว่าถานเสี่ยวเทียน จางต้าเผิงและหม่าเหว่ยออกไปทานอาหารเย็นด้วยกันสามคน เธอจึงแอบตามหลังมาพวกเขามาด้วย
ฉู่ถิงเป็นเด็กผู้หญิงที่มีความคิดหนักแน่น ถ้าเธอตัดสินใจแล้ว ไม่มีทางที่คนอื่นจะเปลี่ยนเธอได้
เธอได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เธอมาที่นี่ในคืนนี้เพื่อคุยกับถานเสี่ยวเทียนให้ชัดเจน
เนื่องจากการมาโดยไม่ได้บอกก่อนของฉู่ถิงจึงทำให้โต๊ะอาหารค่อนข้างเงียบ จางต้าเผิงผู้ซึ่งเดิมต้องการจะเมาก็หมดอารมณ์ที่จะดื่มไปแล้ว เบียร์หกขวด เขาดื่มไปเพียงสองขวดเท่านั้น
เมื่อเห็นอย่างนี้ ฉู่ถิงก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องดื่มเพื่อที่ตัวเองจะไม่เป็นคนที่ขัดขวางความสนุกของถานเสี่ยวเทียน
สาวโง่ตั้งแต่ยังเด็กเธอไม่เคยดื่มมาก่อน เบียร์เพียงแค่แก้วเดียวก็ทำให้เธอเมามากแล้ว
ฉู่ถิงที่เมามายนั่งอยู่บนเก้าอี้และยิ้มออกมาอย่างโง่เขลา จากนั้นตัวของเธอก็ค่อยๆ ไหลลงจากเก้าอี้เหมือนกับเส้นบะหมี่ที่ค่อยๆ ไหลออกจากชาม
เมื่อถานเสี่ยวเทียนอาหารมื้อนี้ควรจะต้องจบลงแล้ว เขาก็บอกให้จางต้าเผิงเรียกพนักงานเสิร์ฟมาคิดเงิน และแบกฉู่ถิงขึ้นไว้บนหลังของเขาก่อนจะก้าวออกจากร้านอาหาร
หม่าเหว่ยกังวลว่าพวกเขาจะเกิดอันตรายและต้องการจะไปด้วย แต่ก็ถูกจางต้าเผิงรั้งเอาไว้
จางต้าเผิงมองไปที่ด้านหลังของถานเสี่ยวเทียนสักพักก่อนที่จะพูดออกมา “มันก็น่าดีใจที่พี่เทียนได้รักหัวหน้าห้อง แต่… เฮ้อ~ ลืมมันไปเถอะ”
ถานเสี่ยวเทียนไม่ได้กลับไปที่โรงเรียนมัธยมแห่งแรกเมืองซานเฉิง เพราะถ้าหากฉู่ถิงถูกส่งกลับบ้านไปด้วยสภาพนี้ มันจะต้องเกิดความโกลาหลอีกแน่นอน
เขาแบกฉู่ถิงไว้บนหลังและเดินผ่านกำแพงโรงเรียนไป แม้ว่าฉู่ถิงจะตัวสูง แต่เธอไม่หนักเลย เธอทั้งนุ่มและหอมเหมือนกับลูกแมว เธอนอนลงบนหลังของถานเสี่ยวเทียนอย่างเชื่อฟังและหายใจออกส่งทั้งกลิ่นของเบียร์และลมร้อนเข้ามาที่หูของถานเสี่ยวเทียนจนรู้สึกคันและอุ่นเล็กน้อย
ถานเสี่ยวเทียนเดินไปที่สวนเล็กๆ ในชุมชนที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน ตอนนี้ 1 ทุ่มกว่าแล้ว ผู้คนมากมายกำลังเพลิดเพลินกับค่ำคืนที่หนาวเย็น ถานเสี่ยวเทียนเจอบันไดและวางฉู่ถิงลง จากนั้นก็ให้เธอเอนกายนอนพิงเขาที่นั่งอยู่ไปทั้งแบบนี้
ฉู่ถิงไม่ใช่คนที่เมาแล้วโวยวาย เธอทำเพียงนอนพิงไหล่ของถานเสี่ยวเทียนและจมสู่ความฝัน… หลังจากหลับไปครู่หนึ่ง เธอคงจะรู้สึกหนาวขึ้นมาจึงได้ดึงแขนของถานเสี่ยวเทียนไปกอดเอาไว้ในอ้อมแขน
ถานเสี่ยวเทียนทำอะไรไม่ถูก เขาปล่อยให้เธอกอดแขนของเขาไว้และนั่งฟังเสียงลมหายใจอันบอบบางของเธอ ดมกลิ่นหอมบนหัวของเธอและเฝ้ามองค่ำคืนที่กำลังคืบคลานเข้ามา
คืนนี้เป็นคืนที่สงบสุขที่สุดในหัวใจของถานเสี่ยวเทียนตั้งแต่เขาเกิดใหม่
ฉู่ถิงหลับไปนานกว่าสองชั่วโมงและเมื่อลืมตาขึ้นมาก็ 3 ทุ่มแล้ว ในสวนเล็กๆ แห่งนี้เหลือเพียงแค่สองคน
เมื่อเธอพบว่าตัวเองกำลังกอดแขนของถานเสี่ยวเทียนอยู่ ฉู่ถิงก็รู้สึกอายขึ้นมา เธอรีบนั่งตัวตรงหันหลังให้ถานเสี่ยวเทียนทันที
หลังจากเงียบไปนาน ถานเสี่ยวเทียนก็กระแอมไอออกมา “หัวหน้าห้อง เรากลับไปกันเถอะ”
“ไม่!” ฉู่ถิงหันหน้ากลับมาทันที “ตอบฉันมาก่อนว่าทำไมในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ นายถึงทำตัวเหินห่างกับฉันขนาดนั้น?”
“ไม่มีอะไร!”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วทำไมนายถึงสอนรหัสมอร์สให้ฉันตั้งแต่แรก?” ฉู่ถิงโน้มตัวไปข้างหน้าจนเข้าใกล้ถานเสี่ยวเทียนมากขึ้นเรื่อยๆ จนเธอเขินและทนไม่ไหวในที่สุด “นายเป็นผู้ชาย นายต้องพูดก่อนไหม? นายทำให้ฉันรู้สึกถูกมากเลยนะรู้ไหม?”
“ไม่ใช่แบบนั้น” ถานเสี่ยวเทียนเงยหน้าขึ้นด้วยความตื่นตระหนก “ฉันแค่กลัวว่ามันจะส่งผลต่อเธอ การสอบเข้าวิทยาลัยเป็นเรื่องสำคัญ มันคืออนาคตของเรา ฉันยอมให้เธอมาเสี่ยงเพราะฉันไม่ได้”
ฉู่ถิงจ้องมองเข้าไปในดวงตาของถานเสี่ยวเทียน จนกระทั่งยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้โกหกเธอแล้วจึงยิ้มออกมา “ตราบเท่าที่นายต้องการฉันมันก็ไม่ใช่ปัญหา ตราบใดที่เราระมัดระวังมากขึ้น ผู้ควบคุมสอบจะไม่สามารถจับเราได้แน่นอน”
จากนั้น ฉู่ถิงก็พูดถึงแผนของเธอ
ในบรรดาวิชาทั้งหมด วิชาภาษาจีนและวิชาภาษาอังกฤษนั้นไม่จำเป็นต้องโกง มีเพียงคณิตศาสตร์เท่านั้นที่เป็นจุดอ่อนของถานเสี่ยวเทียน
จับเวลาก่อนเข้าห้องสอบเพื่อให้แน่ใจว่าเวลาเท่ากันและจะเริ่มทำตามแผนในครึ่งชั่วโมงก่อนสิ้นสุดการสอบ
ในวันสอบ ฉู่ถิงจงใจทาเล็บสีแดงทั้งสิบนิ้วและติดกิ๊บไว้ที่ด้านหลังศีรษะเพื่อเตรียมพร้อม
และเมื่อถึงเวลา ถานเสี่ยวเทียนก็จะส่งเสียงเล็กน้อยเช่นกันเช่นการทำปากกาตกพื้น เพื่อบอกฉู่ถิงว่าเขาพร้อมแล้ว
คำถามแบบปรนัย 12 ข้อแรกนั้นง่ายมากเพียงแค่ใช้ ABCD ในรหัสมอร์สเท่านั้น แค่คำถามแบบเติมคำในช่องว่าง 4 ข้อถัดไปนั้นค่อนข้างยาก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่ถิงผู้ฉลาด มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
“ฉันสามารถส่งให้นายได้แค่คำตอบเท่านั้น ส่วนวิธีทำนายต้องเขียนด้วยตัวเองโดยอ้างอิงจากคำตอบที่ฉันให้ไป…”
ถานเสี่ยวเทียนหลับตาและฟังฉู่ถิงบอกแผนการของเธอ หลังจากชั่งน้ำหนักซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็เห็นด้วยและคิดว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“แต่หัวหน้าห้อง… เธอสามารถโกงได้จริงๆ งั้นเหรอ?” เขายังคงกังวลกับอนาคตของฉู่ถิง
ฉู่ถิงกะพริบตาอย่างสนุกสนาน “นักเรียนที่ดีใช่ว่าจะไม่โกง เพียงแค่ครูจับไม่ได้ก็เท่านั้น”
ตกลง! ปัญหาสุดท้ายได้รับการแก้ไขแล้ว
ทั้งสองเดินตามกันไป เมื่อผ่านมุมหนึ่ง ฉู่ถิงก็หยุดลงอย่างกะทันหัน ถานเสี่ยวเทียนหยุดเท้าของตัวเองไม่ทันและชนเข้ากับเธอ
ฉู่ถิงหันหน้ากลับมา ตอนนี้ดวงตาของเธอแจ่มใสราวกับดวงดาวที่เปล่งประกายในความมืดมิด
เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองไปที่ถานเสี่ยวเทียนอย่างใสซื่อ
ถานเสี่ยวเทียนรู้สึกราวกับมีกระแสไฟปล่อยออกมาจากหัวใจของเขาและกระจายไปทั่วร่างกาย ความกังวลและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตที่เขามีก่อนนี้ถูกบดขยี้กลายเป็นฝุ่นไปในทันที
ตอนนี้เขาต้องการจะกอดสาวน้อยคนนี้ แม้ว่าจะเป็นแค่คืนนี้ก็ตาม
ฉู่ถิงเริ่มที่จะเหยียดแขนเรียวยาวของเธอออกมาโอบรอบเอวของถานเสี่ยวเทียน ใบหน้าเล็กๆ ของเธอติดอยู่กับหัวใจของถานเสี่ยวเทียน ฟังเสียงหัวใจที่เต้นแรงของเขา
“เสี่ยวเทียน.. มันคงจะดีจริงๆ นะถ้าเราเป็นแบบนี้ตลอดไป!”
ถานเสี่ยวเทียนไม่ได้พูดอะไร เขากอดร่างกายที่เพรียวบางของฉู่ถิงอย่างนุ่มนวล
ในช่วงเวลานี้ ค่ำคืนเป็นราวกับสายน้ำ สายลมยามค่ำคืนพัดโชยมา ความสดใสและความเศร้าโศกในวัยเยาว์ ทั้งหมดอยู่ในอ้อมกอดนี้