บทที่ 25 เมืองซุน
ถ้าหากร้านอาหารต้าฟู่หาวถือเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการจัดเลี้ยงในซานเฉิง งั้นร้านคาราโอเกะเมืองซุนก็ถือเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมบันเทิง ตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1990 จนถึงต้นศตวรรษที่ 21 เมืองซุนถือย่านสถานบันเทิงของเมืองซานเฉิง
ในห้องอิมพีเรียล คาราโอเกะที่หรูหราที่สุดของเมืองซุน จางต้าเผิงและหม่าเหว่ยเป็นเหมือนกับคุณย่าหลิวที่เข้ามาในเมืองเป็นครั้งแรก พวกเขาอยากรู้อยากเห็นในทุกสิ่ง
“ว้าว โต๊ะนี่ใหญ่มาก!”
“ว้าว! โซฟาตัวนี้นุ่มมาก!”
“ชุดสเตอริโอนี่สุดยอดเลย”
อี้จื่อฮวา (ดอกไม้กลางคืน) คนรู้จักเก่าของเขานั่งอยู่ข้างๆ ถานเสี่ยวเทียน เธอพยายามอธิบายบางอย่างกับถานเสี่ยวเทียน “พี่สาวหงษ์บอกว่าเธอจะมาที่นี่ ให้ฉันสร้างความบันเทิงให้คุณก่อน ฉันจะจัดหาเครื่องดื่มให้คุณเดี๋ยวนี้” (หญิงสาวตุ้งติ้งในบทแรก)
ถานเสี่ยวเทียนโบกมือ “อย่าดื่มเลยเรายังเป็นนักเรียนอยู่ เราต้องการแค่เครื่องดื่มเย็นๆ สักสองสามขวดก็พอแล้ว”
ไม่นาน เรือมังกรขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยผลไม้ตามฤดูกาลหลากสีและเครื่องดื่มมากมายสองลำก็ถูกน้ำมาวางอยู่บนโต๊ะ ถานเสี่ยวเทียนหยิบชามะนาวเย็นขึ้นมาดู เขาไม่ได้เห็นบรรจุภัณฑ์ย้อนยุคแบบนี้มาหลายปีแล้ว มันช่างน่าคิดถึงจริงๆ
จางต้าเผิงและหม่าเหว่ยร้อนรนเล็กน้อย พวกเขานั่งอยู่บนโซฟาด้วยความกระสับกระส่าย และส่งสายตาบอกถานเสี่ยวเทียนเป็นระยะ
ถานเสี่ยวเทียนยิ้มในใจแล้วกวักมือเรียกอี้จื่อฮวา “ที่นี่มีผู้หญิงไหม? เพื่อนร่วมชั้นของผมต้องการสองคน”
อี้จื่อฮวายิ้มอย่างประจบประแจง “โชคดีเรามีเด็กใหม่เข้ามาพอดี แถวพวกเธอยังบอกว่าพวกเธอเป็นนักศึกษาวิทยาลัยอีกด้วย รอก่อนนะฉันจะไปเรียกพวกเธอมา”
“อย่าเพิ่ง!” ถานเสี่ยวเทียนรู้เล่ห์เหลี่ยมของสถานที่แบบนี้ดี หญิงสาวที่นี่ส่วนใหญ่จะที่อ้างว่าตัวเองนั้นเป็นนักศึกษาวิทยาลัย แต่จริงๆ แล้วมีเพียงหนึ่งในร้อยคนเท่านั้นที่จะเป็นของจริง
“เพื่อนร่วมชั้นของผมมาที่นี่เป็นครั้งแรก คุณควรจะหาคนที่สามารถพูดคุยและปรับบรรยากาศได้! เอาที่มีอายุหน่อยก็ได้”
อี้จื่อฮวาพาหญิงสาวสองคนมาอย่างรวดเร็ว และพวกเธอเป็นมืออาชีพจริงๆ ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีจางต้าเผิงก็รู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว
“หนุ่มหล่อมาที่นี่ครั้งแรกงั้นเหรอ? มากินองุ่นกันเถอะ”
“เดี๋ยวพี่สาวจะห่อซองสีแดงให้เธอเอง!”
“โอ้ พวกเธอทุกคนจะเป็นนักศึกษาวิทยาลัยในอนาคตงั้นเหรอ! น่าทึ่งมาก!”
ขณะที่เขาดูไข่อ่อนสองฟองกำลังถูกเกลี้ยกล่อม ถานเสี่ยวเทียนรู้สึกอิจฉาในหัวใจขึ้นมา
ความไม่รู้และความเป็นเด็กนั้นช่างดีมากจริงๆ
อี้จื่อฮวานั่งอยู่กับเขาด้วยท่าทางที่อึดอัด ก่อนที่ไห่หงษ์จะมาถึง เธอไม่กล้าที่จะจากไป
ถานเสี่ยวเทียนเองก็รู้สึกเช่นกัน และถามอย่างเป็นกันเองว่า “ลูกสาวของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?”
เธอไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ที่สุด เมื่อถานเสี่ยวเทียนพูดถึงมัน ใบหน้าของอี้จื่อฮวาก็ซีดลงทันที จากนั้นไม่นานเธอก็พูดออกมาอย่างระมัดระวัง “พี่ใหญ่ ฉันไม่มีทางเลือกจริงๆ ฉันถูกจุนเย่บังคับให้ทำ หากฉันไม่ทำก็จะเป็นฉันเองที่ต้องเดือดร้อน”
ถานเสี่ยวเทียนไม่คาดคิดมาก่อนว่าคำถามธรรมดาๆ แบบนี้จะทำให้เธอมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้ได้ “ผมไม่ได้หมายความเป็นอย่างอื่น ผมแค่อย่างรู้ว่าทำไมคุณถึงเปลี่ยนใจมาทำงานให้กับพี่หงษ์?”
อี้จื่อฮวาก้มหน้าลง “เพราะเรื่องในวันนั้นทำให้จุนเย่ไม่พอใจและเขาจะไม่มีทางยกโทษให้ฉันแน่นอน มันจึงทำให้ฉันต้องหนีออกจากเมืองซานเฉิง หลังจากนั้นผู้หญิงคนอื่นๆ ก็บอกให้ฉันมาทำงานกับพี่หงษ์เพราะถ้าฉันอยู่ภายใต้พี่หงส์ จุนเย่จะไม่มีทางทำอะไรฉันได้แน่นอน จากนั้น…”
ทั้งสองเริ่มพูดคุยกัน และคุยถึงเรื่องของไห่หงษ์
ไห่หงษ์แจ้งเกิดในทีมศิลปะการต่อสู้ของโรงเรียนกีฬาซานเฉิง อาจารย์และพี่น้องของเธอล้วนเป็นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ ส่วนใหญ่กระจายอยู่ในกระทรวงรักษาความปลอดภัยสาธารณะ เธอมีทักษะดีและประสบความสำเร็จในซานเฉิงในเวลาเพียงแค่สองปี และเพราะเธอเป็นเหมือนกับวีรสตรีที่คอยให้ความช่วยเหลือเหล่าผู้หญิงที่ถูกรังแกและไม่มีที่ไป จนพวกเธอค่อยๆ ก่อตัวเป็นกลุ่มเล็กๆ ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ไห่หงษ์ซึ่งเป็นเหมือนกับสหพันธ์ผู้หญิงใต้ดิน
ต่อมาทั้งอ่างอบนวด คาราโอเกะและไนท์คลับในซานเฉิงทั้งหมดก็ติดต่อมาหาไห่หงษ์ด้วยสองเหตุผล หนึ่งคือพวกเขาต้องการจะทำธุรกิจร่วมกับเธอเพราะรู้ว่าเธอมีหญิงสาวมากมายอยู่ในมือ และสอง เพื่อที่ในอนาคตพวกเขาจะได้หมดกังวลเรื่องการจัดหาหญิงสาว
ความกระตือรือร้นของไห่หงษ์เพิ่มขึ้นจนเธอกลายเป็นหนึ่งในผู้นำแถวหน้าของเมืองซานเฉิง
ถานเสี่ยวเทียนหยิบแตงโมฝานขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วกินช้าๆ พร้อมกับคิดอย่างรอบคอบในใจ
ชาติก่อนเขาเคยได้ยินแต่ชื่อไห่หงษ์แต่ไม่เคยเจอกันและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย สิ่งเดียวที่ชัดเจนคือชื่อของไห่หงษ์ไม่ปรากฏในคอลัมน์กฎหมายของหนังสือพิมพ์หรือทีวีเลย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอมีโอกาสมากที่จะล้างมือในอ่างทองหรือไม่ก็ตายไปก่อน คุณต้องรู้ว่ามีการปราบปรามครั้งใหญ่หลายครั้งในชีวิตก่อนหน้านี้ มีพวกขอใหญ่มากมายในตอนนั้นและมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เหลือรอด
อย่างไรก็ตาม จากการเจอกันไม่กี่ครั้งที่ผ่านมาก็ทำให้เขาได้รู้ว่า ไห่หงษ์นั้นเป็นคนกล้าหาญและใจกว้าง แม้ว่าเธอจะทำงานในเส้นทางสีเทา แต่เธอก็ยังมีความยุติธรรมอยู่ในใจ เธอเป็นราวกับดอกบัวที่ตกลงไปในโคลน แต่ไม่เปื้อน
เขาต้องการเกลี้ยกล่อมให้เธอเปลี่ยนอาชีพให้เร็วที่สุด
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดมาเป็นเวลานาน อี้จื่อฮวาก็เอนตัวเข้ามา “พี่ใหญ่รู้ไหม พี่หงษ์มีน้องชายที่อายุใกล้เคียงกับคุณซึ่งกำลังเรียนศิลปะการต่อสู้อยู่ในโรงเรียนกีฬาด้วย น่าเสียดายที่เขาป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ครั้งก่อนที่พี่หงษ์เห็นคุณที่โรงเรียน เธอก็เอาแต่พูดว่าคุณเหมือนกับน้องชายของเธอ”
ถานเสี่ยวเทียนพยักหน้าเข้าใจ
ไม่มีความรักใดที่ไม่มีเหตุผลและความเกลียดชังก็เช่นกัน ความใจดีของไห่หงษ์ที่มีต่อเขาทำให้เขาไม่เข้าใจมาถึงตอนนี้ ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของอี้จื่อฮวา มันก็ทำให้เขาเข้าใจขึ้นมา
“พี่หงษ์พูดทางโทรศัพท์ว่าเพื่อนร่วมชั้นของคุณจะทำอะไรก็ได้ แต่คุณทำไม่ได้ เธอไม่อนุญาตให้คุณเรียนรู้สิ่งเลวร้าย”
อี้จื่อฮวาชี้ไปข้างหน้าและหัวเราะเบาๆ
จางต้าเผิงและหม่าเหว่ยกอดหญิงสาวสองคนไว้นานแล้ว
อะแฮ่ม…
ถานเสี่ยวเทียนรู้สึกเสียใจที่พาพวกเขาสองคนมาที่นี่ ตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่ามันจะส่งผลต่อชีวิตในอนาคตของทั้งสองคนนี้หรือไม่
ในตอนนี้เองประตูก็เปิดออกและไห่หงษ์ที่แต่งกายด้วยกางเกงขายาวสีดำและเสื้อเชิ้ตสีขาวก็รีบวิ่งเข้ามา
เธอเข้ามาในห้องและหยิบโค้กเย็นขึ้นมาหนึ่งขวดแล้วดื่มทีเดียวหมด
“ฉันกระหายน้ำมาก เหนื่อยมากด้วย บอลโลกกำลังจะเตะแล้ว ฉันจะต้องนอนหลับฝันดีหลังจากรอบชิงชนะเลิศจบลง”
หัวใจของถานเสี่ยวเทียนเต้นผิดจังหวะไปครู่หนึ่ง
การมาถึงของไห่หงษ์ได้ปลุกเด็กน้อยที่กำลังร้อนรุ่มทั้งสองให้ตื่นจากฝัน จางต้าเผิงและหม่าเหว่ยตื่นขึ้นมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“ไม่เป็นไร พวกเธอคือเพื่อนร่วมชั้นของน้องชายพี่เหรอ? เชิญๆ สนุกต่อเถอะ” ไห่หงษ์แลกเปลี่ยนคำทักทายง่ายๆ กับทั้งสองคนแล้วลากถานเสี่ยวเทียนออกไป
เธอพอใจมากกับความจริงที่ถานเสี่ยวเทียนไม่ได้เรียกหญิงสาวมาเชยชม
ถานเสี่ยวเทียนส่งแตงโมเย็นหนึ่งชิ้นให้ “พี่หงษ์กินแตงโมสักชิ้นก่อน อะไรทำให้พี่รีบขนาดนี้? ฉันเพิ่งได้ยินว่าพี่พูดถึงฟุตบอลโลก ตอนนี้ผมสอบเข้าวิทยาลัยเสร็จแล้วและผมก็ชอบดูบอลเหมือนกัน!”
“งั้นคืนนี้ไปกับพี่นะ” ไห่หงษ์ดูกระหายน้ำจริงๆ เธอกินแตงโมทั้งชิ้นหมดภายในไม่กี่คำ “สองเดือนนี้เป็นฟุตบอลโลกที่ฝรั่งเศสไม่ไหม? พี่มีรุ่นน้องคนหนึ่งที่กำลังรับพนันบอลอยู่ เขามีเงินมากเกินไปและกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา เขาจึงขอให้พี่พาพี่น้องสองสามคนไปช่วย”
ถานเสี่ยวเทียนมีความสุขมาก ตอนที่เขากำลังกังวลว่าจะหาวิธีเข้าไปพนันใต้ดินได้ยังไง ไห่หงษ์ก็นำโอกาสที่จะสร้างโชคลาภมายื่นให้ถึงมือเขา