EP 480
By loop
เติ้งเหวินเซิงเดินทางมาที่โรงพยาบาลหยุนหัวด้วยท่าทางที่ฉุนเฉียวและถือกล้องของเขามาด้วย
เขาต้องการมาหาข่าวเพื่อเตรียมไปรายงานข่าวซึ่งข่าวนั้นเกี่ยวกับโรงพยาบาลซึ่งจะเอามาประกอบในข่าวของเขาด้วย แน่นอนว่ามันจะต้องไม่ใช่ข่าวที่ไม่ดี โรงพยาบาลจะพยายามเข้ามาคัดกรองข่าวก่อนที่จะปล่อยไปถึงสื่อ อย่างไรก็ตามถ้าเป็นเรื่องของการรักษาของแพทย์และค่ารักษาพยาบาลนั้นมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน เลยทำให้การทำข่าวเกี่ยวกับโรงพยาบาลถือเป็นงานที่ยาก ที่จะทำให้ผู้คนสนใจข่าวเกี่ยวกับโรงพยาบาล
อีกทั้งถ้ายกเอาข่าวเกี่ยวกับการฆ่าชิงทรัพย์ หรือ ข่าวความรุนแรงในสังคมมาเปรี่นยเทียบด้วยแล้วนั้น หรือแม้แต่ข่าวสิ่งแวดล้อมที่ผู้คนเริ่มให้คนสนใจมากๆขึ้น มากขึ้นก็ยิ่งจะทำให้ผู้คนหันมาสนใจข่าวเหล่านี้มากกว่าข่าวที่เกี่ยวกับโรงพยาบาลอย่างแน่นอน อีกทั้งข่าวที่พูดไปข้างต้นก็สามารถสร้างชื่อเสียงให้นักข่าวได้มากกว่า ข่าวโรงพยาบาลเสียอีก
การรายงานข่าวเกี่ยวกับโรงพยาบาลถือเป็นเรื่องที่หินมาสำหรับนักข่าวปัจจุบัน
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นการรักษาพยาบาลนั้นเป็นเรื่องของหมอว่าหมอจะสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ไหม หรือการตายของผู้ป่วยก็แทบจะเป็นเรื่องทั่วไปที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว
อีกทั้งเมื่อพูดถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์ใหม่ ๆ … ผู้สื่อข่าวส่วนใหญ่ก็ไม่เข้าใจเทคโนโลยีเหล่านั้นเลย และผู้บริโภคเองก็อาจไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องพวกนี้ด้วย เพราะเรื่องเหล่านี้มันเป็นเรื่องที่เข้าใจยากอีกทั้งมีแต่เหล่าบุคคลากรทางการแพทย์เท่านั้นที่เข้าใจในเทคโนโลยีพวกนี้ ต่อให้เทคโนโลยีจะก้าวไปสู่ความก้าวหน้าขนาดไหนๆก็ตาม ก็อาจจะไม่ได้รับความสนใจใดเลยจากนักอ่านทั้งหลาย นอกเหนือจากข่าวนั้นจะเป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับ การรักษาโรคเอดส์มะเร็งและการปลูกถ่ายศีรษะของมนุษย์ให้เชื่อมต่อกันได้ นั้นก็น่าจะเป็นสิ่งเดียวที่สามารถดึงดูดความสนใจให้เหล่าประชาชนมาสนใจข่าวทางการแพทย์ได้มากขึ้นเล็กน้อย
น่าเสียดายที่ความก้าวหน้าทางการแพทย์เหล่านั้นยังไม่เกิดขึ้นจึงทำให้ประชาชนขาดความสนใจข่าวทางการแพทย์ไป
เติ้งเหวินเฉิงเป็นคนที่เคยอยู่ไปๆมาๆในโรงพยาบาลมาระยะหนึ่งแล้ว ครั้งหนึ่งเขาเคยไปเยี่ยมเยียนร้านอาหารของตระกูลเฉา บ่อยๆ เขาได้รายงานข่าวอาการป่วยเฉียบพลันของเฮียเฉา ถึงสามครั้งมากจนในครั้งสุดท้ายที่เขารายงานข่าวจนผู้อ่านถึงกับตั้งคำถามว่านี้เป็นข่าวปลอมหรือไม่
ตั้งแต่นั้นมาเติ้งเหวินเฉิงแทบไม่มาโรงพยาบาลแห่งนี้อีกเลย
มีเรื่องราวมากมายในโรงพยาบาลเรื่องแปลก ๆ มากมายและหลายสิ่งหลายอย่างที่ผู้คนอาจจะสนใจก็เป็นได้ แต่สิ่งที่นักข่าวถ่ายทอดออกไปนั้นกลับไม่ใช่เรื่องที่ดึงดูดคนได้เลยสักเรื่อง
อย่างไรก็ตามเขายังต้องแสดงความเคารพผู้อำนวยฮวง
เติ้งเหวินเฉิงเดินผ่านที่จอดรถและสุ่มถ่ายรูปสองรูปของโปรไฟล์ด้านข้างของศูนย์การแพทย์ฉุกเฉิน
เติ้งเหวินเฉิงไม่เคยมารายงานเกี่ยวการสร้างก่อสร้างที่เสร็จสมบูรณ์ของศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินหยุนหัวเลย แม้ว่ามันจะเสร็จสิ้นมาสักพักใหญ่แล้วก็ตาม เขาคิดในใจ เขาสามารถขอรูปถ่ายด้านหน้าของศูนย์การแพทย์จากโรงพยาบาลหยุนหัว มันอาจจะดูดีกว่าการถ่ายภาพด้วยตัวเขาเองจากด้านข้างของศูนย์ก็เป็นได้
ขณะที่ถ่ายภาพเติ้งเหวินเฉิงก็มาที่น้ำพุด้านหลังอาคาร มีเสียงบ่นอยู่ตรงนั้น
หงษ์ตัวใหญ่กางปีกออกมาและเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจในขณะที่มันลาดตระเวนในอาณาเขตของตัวเองบริเวณนั่นก็คือ แถวๆน้ำพุ
น้ำในน้ำพุใสและบางครั้งเสาของน้ำจะพุ่งออกมาจากนั้นพ่นน้ำไปทั่วห่านขาวจนเปียกโชกทำให้ เจ้าถิ่นอย่างมันรู้สึกถึงความเย็นสบายจากน้ำ
เมื่อน้ำพุหยุดไหลหงษ์ขาวก็จะวิ่งไล่เด็ก ๆ ไปรอบ ๆ
ซึ่งบริเวณนั้นก็เต็มไปด้วยเด็กที่พยายามจะแกล้งมัน
“ หงษ์ขาวตัวนี้มันตัวใหญ่มาแถมมันยังดูสวยงามมากอีกด้วย.”
“ หงษ์ตัวนั้นชื่อ เจ้าหอม!”
“ แต่ฉันชอบเรียกมันว่าห่านห่าน ถึงแม้มันจะเป็นหงษ์ก็ตาม…”
เด็กอายุแปดถึงเก้าขวบสองคนยืนอยู่ข้างน้ำพุและถกเถียงกันอย่างดุเดือด
ถัดจากพวกเขาคือเด็กอายุหกถึงเจ็ดขวบที่มองไปที่หงษ์สีขาวตัวใหญ่ ที่ชื่อเจ้าหอม อย่างเขินอาย เด็กคนนั้นท้องอาขยันออกมา “ ห่านห่านห่านคองอร้องไปบนฟ้าขนสีขาวลอยอยู่บนน้ำสีเขียว [1] …”
หลังจากที่เขาอ่านจบเสียงปรบมือดังขึ้นจากบริเวณรอบ ๆ ตัวเขา
“ ท่องได้ดี”
“ ดูลูกของเขาสิ!”
“ ลูกชายคุณไม่เคยเรียนอาขยันมาก่อนหรือ”
จากนั้นก็ได้ยินเสียงการท่องอาขยันดังขึ้นอีกครั้งจากบริเวณน้ำพุ“ ห่านห่านห่านคอร้องไปบนฟ้า…”
เสียงของเด็ก ๆ ดังขึ้นและกลบความวุ่นวายได้อย่างรวดเร็ว
หากมีใครบางคนยืนอยู่ท่ามกลางอาคารโรงพยาบาลสีขาวสะอาดได้กลิ่นของโรงพยาบาลโดยรอบมองไปที่ใบหน้าที่ซีดและดุป่วยของผู้คนโดยรอบและใบหน้าที่เศร้าโศก แต่เสียงของเด็ก ๆ ก็เหมือนน้ำพุที่สะอาดที่ช่วยชำระความขุ่นมัวในใจของพวกเขา
เติ้งเหวินเฉิงอดไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้นและถ่ายภาพฝูงชนสองสามภาพก่อนที่เขาจะกดชัตเตอร์อย่างรวดเร็วไปที่หงษ์ขาวตัวใหญ่ตัวนั้น
* สแนปสแนปสแน็ปสแน็ปสแน็ป
ชุดของเสียงชัตเตอร์ดึงดูดความสนใจของผู้ป่วยบางราย มันยังดึงดูดความสนใจของจ้าวด้วย
จ้าวหอมมองไปที่จุดนั้นและไม่ได้เข้าไปใกล้เติ้งเหวินเฉิงในทันที ดูเหมือนว่ามันมึนงง ว่าเขากำลังทำอะไร!
ผู้อำนวยการฮวง ทักทาย เติ้งเหวินเฉิงด้วยการต้อนรับที่อบอุ่น ด้านหลังของเขามีหมอหนุ่มแปดคนที่อยู่ข้างหลังเขาซึ่งดูเหมือนจะเป็นหมอประจำโรงพยาบาลหยุนหัว
แน่นอว่าตอนนี้พวกเขาค่อนข้างว่าง ผู้อำนวยการฮวงนั้นชอบใช้ประโยชน์จากหมอรุ่นน้องเพื่อแสดงความยิ่งใหญ่
เติ้งเหวินเฉิงอยู่ในอารมณ์ทันที เขานึกถึงอีกครั้งถึงสาเหตุที่เขาไปโรงพยาบาลหยุนหัวบ่อยมากในอดีต เมื่อ ผู้อำนวยการฮวง แสดงความเคารพต่อใครบางคนเขาจะแสดงความเคารพอย่างตั้งใจที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เขาเฝ้าดูเขาบรรยายให้คนอื่นฟัง … เขาเป็นตัวอย่างของผู้นำอย่างแท้จริง
“ ผู้อำนวยการฮวง …”
“ เหวินเฉิง คุณมาถึงที่นี้ตั้งแต่เมื่อไรแล้ว…” ผู้อำนวยการฮวงกอดเติ้งเหวินเฉิงเหมือนกับที่เขาเคยทำในช่วงเวลาที่พวกเขาสนิทกันมาก
“ ผู้อำนวยการฮวง …”
“ คุณได้รับการเลื่อนตำแหน่งหรือไม่” ผู้อำนวยการฮวงยิ้มกว้างและชี้ไปที่เติ้งเหวินเฉิง
“ ได้แล้วล่ะ แต่ผมก็ยังเป็นนักข่าวอยู่…”
“ไปกันเถอะ. ฉันจะพาคุณไปดูการผ่าตัดที่เราคุยกันไหว” ผู้อำนวยการฮวงพูดขณะที่เขาดึงเติ้งเหวินเฉินไปที่ชั้นผ่าตัด จากนั้นพวกเขาก็เข้าไปที่ห้องผ่าตัดของแผนกศัลยกรรมตับและตับอ่อน
“ ห้องเต็มแล้ว” นางพยาบาลที่กำลังทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยแพทย์ พูดโดยไม่ได้หันหน้าไปคนที่เดินมา หลังจากได้ยินเสียงจากประตู
เธอพยายามพูดด้วยความเคยชิน ห้องผ่าตัสามารถจุคนได้จำนวน จำกัด และไม่ยินยอมให้ใครก็ตามเข้ามาถ้าไม่ได้รับอนุญาต หากมีคนจำนวนมากเกินไประบบกรองอากาศในห้องผ่าตัดจะไม่สามารถทำงานได้และอัตราการติดเชื้อจะเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามหากผู้ที่มาดูการผ่าตัดเป็นผู้อำนวยการด้านการแพทย์หรือผู้อำนวยการโรงพยาบาลและพยาบาลยังคงบอกว่าห้องผ่าเต็ม เธออาจะตกใจถ้ารู้ว่าคนระดับนั้นเข้ามาดูการผ่าตัดนี้
ดังนั้นเธอจึงตะโกนก่อนที่เธอจะมอง
เมื่อเธอเห็นว่าอยู่กับคนแปลกหน้าพยาบาลผู้ช่วยก็ก็เริ่มกังวลใจทันที แต่ก็รู้สึกโชคดีเช่นเดียวกัน
ตามที่คาดไว้ ผู้อำนวยการฮวงเพียงแค่ยิ้มและส่งสัญญาณด้วยตาของเขา “ คนที่ไม่ใช่แพทย์ไม่ควรได้รับอนุญาตให้เข้ามาห้องผ่าตัด เขาเองควรไปยืนอยู่ที่ห้องสังเกตการ .. ”
แพทย์หนุ่มสองคนที่อยู่ในปัจจุบันอดไม่ได้ที่จะลดศีรษะลงและออกจากห้องผ่าตัด
ผู้อำนวยการฮวง นำเติ้งเหวินเฉิน เคลื่อนผ่านฝูงชนและมาที่ด้านหน้า จากนั้นเขาก็กล่าวว่า“ คุณไม่สามารถใช้แฟลชในโรงห้องผ่าตัดได้ ถ้าคุณต้องการจริงๆฉันจะจัดตำแหน่งให้ เพื่อให้คุณถ่ายภาพได้ในภายหลัง”
“ผมรู้แล้ว.” เติ้งเหวินเฉิงอาจไม่ได้มาที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน แต่เขายังจำกฎนี้ได้
เหอหยวนเจิ้งที่แสร้งทำเป็นหัวหน้าศัลยแพทย์เงยหน้าขึ้นมองเติ้งเหวินเฉิงและแอบอิจฉาเขาอยู่สองสามวินาที
การหานักข่าวและสื่อที่เต็มใจจะหาหมอก็เป็นความสามารถเช่นกัน
เติ้งเหวินเฉิงได้จัดการผู้สื่อข่าวมากกว่าสิบคน แต่ถ้าเหอหยวนเจิ้งไม่รวมผู้ที่เสียชีวิตมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถช่วยเขาได้
นอกจากนี้เหอหยวนเจิ้งยังขาดเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นที่จะมอบให้ผู้สื่อข่าวซึ่งแตกต่างจากแผนกฉุกเฉินที่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นทุกวัน
ในบางครั้งเมื่อหมออย่างหลิงรันปรากฏตัวก็อาจจะช่วยสร้างข่าวที่น่าสนใจให้กับเหล่านักข่าวได้
“ คีม”
“ เพิ่มอีกหน่อย”
ในช่วงเวลาที่เหอหยวนเจิ้งเงยหน้าขึ้นหลิงรันได้เร่งความคืบหน้าของปฏิบัติการและโอนงานไปให้ผู้ช่วยขั้นต่อไป
เขามีประสบการณ์มากมายในการผ่าตัดตับ
ในส่วนของการตัดบาดแผลสำหรับมะเร็งตับนั้นการผ่าตัดเพียงอย่างเดียวนั้นไม่ได้ซับซ้อนเท่ามะเร็งตับ
เหอหยวนเจิ้งได้ค้นพบจุดนี้เมื่อนานมาแล้ว แม้ว่าเขาจะมีตำแหน่งหัวหน้าศัลยแพทย์ แต่เขาก็ได้ส่งมอบการผ่าตัดให้หลิงหรันทำไปแล้ว
เหอหยวนเจิ้งไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับผู้อำนวยการฮวง
เท่าที่ความคิดและความรู้สึกของเขาเกี่ยวข้องเหอหยวนเจิ้งรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก กับผู้อำนวยการฮวง และรวมถึง หลิงรัน กำลังพยายามแสดงพลัง แต่ เหอหยวนเจิ้งเป็นคนที่ชอบบรรยากาศที่เป็นกันเอง เขาค่อนข้างจะซ่อนความรู้สึกและไม่แสดงความคิดของเขา
เติ้งเหวินเฉิงถ่ายภาพสองภาพและกล้องก็โฟกัสไปที่หลิงรันอย่างรวดเร็ว
‘เขาหล่อมาก!‘ เติ้งเหวินเฉิงชมเชยในใจขณะที่เขากดชัตเตอร์และถ่ายภาพสองสามภาพ
หลังจากถ่ายภาพเป็นร้อย ๆ ภาพในการหายใจเดียวเติ้งเหวินเฉิงก็วางกล้องลงแล้วถามฮั่วกงจุนที่อยู่ข้างๆเขาว่า“ ตอนนี้การผ่าตัดถึงขั้นไหนแล้ว”
“ การรักษามะเร็งตับระยะเริ่มต้นมันค่อนข้างร้ายแรง” ผู้อำนวยการฮวงกล่าว
การผ่าตัดร้ายแรง อาจไม่สามารถกำจัดมะเร็งได้อย่างสมบูรณ์ แต่สามารถผ่าตัดเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งให้ได้มากที่สุด
เติ้งเหวินเฉิงมองและถามว่า“ ผู้ป่วยแก่แล้วหรือ?”
“ อายุมากกว่าหกสิบปี คุณต้องการอายุที่จริงของผู้ป่วยหรือไม่?”
“ เปล่าฉันแค่อยากรู้ว่าหงษ์ป่าอยู่บนหมวกของผู้ช่วยคนที่สองหรือเปล่า? ทำไมมันถึงเป็นสีชมพู” เติ้งเหวินเฉิงชี้ไปที่นักเพาะกายอย่างหมอลู่ซึ่งมีแขนที่มีมัดกล้ามนาด 15 นิ้ว
หมอลู่สวมชุดผ่าตัดสีเขียวมาตรฐานในวันนี้ แต่หมวกของเขาเป็นสีชมพูและมีหงษ์อยู่ข้างหมวก
ผู้อำนวยการฮวง ก็ค่อนข้างตื่นตากับมัน เขาส่ายหัวและพูดว่า“ ผู้ช่วยคนที่สองคือผู้ช่วยที่หลิงรันพาตัวเองมา ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่หลิงรัน เป็นผู้ช่วยคนแรก ที่จริงฉันอยากให้คุณให้ความสำคัญกับเขาในวันนี้”
“ ผู้ช่วย ผู้ช่วยอย่างงั้นหรอ” เติ้งเหวินเฉิงเป็นคนที่เคยเห็นหลายสิ่งหลายอย่าง เขามองไปที่ผู้อำนวยการฮวง ด้วยสีหน้าแปลก ๆ
“ หมอหลิงอาจกล่าวได้ว่าเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงในโรงพยาบาลหยุนหัว” ผู้อำนวยการฮวงหัวเราะเบา ๆ “ เขาทำศัลยกรรมตับและกระดูกได้ดีมาก”
“ เขาทำทั้งการผ่าตัดตับและศัลยกรรมกระดูก?” เติ้งเหวินเฉิงพูดซ้ำ
ผู้อำนวยการฮวง พยักหน้าและดึง เติ้งเหวินเฉิง เพื่อดูการผ่าตัดจากทิศทางอื่น
เมื่อเขาดูการผ่าตัดจากมุมแนวตั้งเขาเห็นว่ามีไม้อัดยาวอยู่ใต้ฝ่าเท้าของหลิหรัน
เติ้งเหวินเฉิงตะลึง “ เขากำลังทดสอบวิธีการรักษากระดูกอยู่อย่างงั้นหรอ”
“ เท้าของหมอหลิงได้รับบาดเจ็บ แต่อาการบาดเจ็บไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของเขา!” ผู้อำนวยการฮวงต้องการให้เขารายงานฉากนี้
เติ้งเหวินเฉิงไม่สนใจสิ่งอื่นใด เขานำกล้องของเขาออกมาทันทีและถ่ายภาพต่อเนื่องสิบห้าภาพ
เมื่อเขาหันกลับไปเติ้งเหวินเฉิงก็คิดที่จะถามถึงฝีมือของหลิงรัน แต่เขาก็ถูกดึงดูดด้วยหมวกของหมอลู่โดยไม่รู้ตัว
“ สีชมพู…ให้ความรู้สึกเหมือนสีของดอกท้อ” เติ้งเหวินเฉิงพึมพำกับตัวเอง
ผู้อำนวยการฮวง ฮัมเพลง และงงว่าเติ้งเหวินเฉินมองอะไรอยู่
“ หงษ์ป่าดูเหมือนจะเป็นสัญลักษณ์ของความรัก” เติ้งเหวินเฉิงเป็นคนที่ทำงานในอุตสาหกรรมสื่อและเขาคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างดี
“ โอ้” ผู้อำนวยการฮวงกล่าวและเขาก็แสดงสีหน้าเข้าใจทันที “ ใช่แล้วหมอลู่ก็อายุมากแล้ว…อืมถึงวัยที่จะต้องแต่งงานแล้ว”