EP 513
By loop
เมื่อผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาถึงบรรยากาศของศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินก็ดูตึงเครียดมากขึ้นแต่อย่างไรก็ตามมันก็ดูคึกคักในเวลาเดียวกันด้วย
มันตึงเครียดเพราะแพทย์หลายๆคนดูประหม่าเมื่อต้องมาเจอกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลและต้องทำท่าทางจริงจังเพราะพวกทั้งการแสดงสีหน้าและท่าทาง แต่กลับกันพวกเขาก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นเพราะอาจเป็นจุดเปลี่ยนของตำแหน่งหน้าที่ของพวกแพทย์ก็ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแพทย์ที่ทำงานอยู่ในตอนนี้ พวกเขาดูมีสมาธิมากขึ้นและการกระทำของพวกเขาก็ดูเป็นมืออาชีพราวกับว่าพวกเขากำลังแสดงอยู่ในภาพยนตร์ฮอลลิวูด
ในตอนนั้นก็มีแพทย์อย่าหมอเลย์อยู่ด้วยเขากำลังรักษาชายหนุ่มคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บที่แขน เขาได้สวมถุงมือและหน้ากากก่อนสวมหน้ากากอนามัยก่อนที่เขาจะหยิบเข็มเพื่อทำการดมยาสลบจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนตรงโดยแยกเท้าออกจากกัน เขาพยายามจัดผู้ป่วยให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เขาจริงจังมากราวกับว่าเขากำลังผ่าตัดเคสผ่าตัดหัวใจ
สำหรับนางพยาบาลหวังเจียเมื่อเธอให้การถ่ายของเลือดให้กับผู้ป่วยเสร็จ เธอไม่เพียงถามถึงชื่อผู้ป่วยและประวัติทางการแพทย์เช่นอาการแพ้ เมื่อเธอปรับการถ่ายเลือด เธอยังคงถามผู้ป่วยเกี่ยวกับความรู้สึกของพวกเขาที่มีต่อความเร็วในการฉีดเพื่อที่เธอจะได้ปรับให้เข้ากับความเร็วที่เหมาะสม
หมอโจวก็ยุ่งมาก บางครั้งเขาตรวจสอบการถ่ายเลือดและบันทึกทางการแพทย์ของผู้ป่วยบางครั้ง เขายังตรวจสอบสภาพของผู้ป่วยบางครั้งเขาก็แนะนำแพทย์รุ่นน้องในการเย็บแผล แต่ที่น่าแปลกหมอโจวเองไม่มีผู้ป่วยอยู่ใรการดูแลของเขา และแน่นอนเขาไม่สามารถเล่นมือถือได้อย่างที่ทำๆมา แม้ว่าเขาจะจ้องดูเอกสารการวิจัย แต่หมอโจวก็ยังกลัวว่าคนจะเข้าใจผิดว่าเขาแอบเล่นมือถือ
“ผู้อำนวยการแผนกฮวง ผมจะให้คุณสั่งการ” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลไม่ได้พูดอะไรที่น่ากลัวใดๆอีกทั้งเขายังพูดกันอย่างเป็นกันเอง ตัวจองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเองก็ไม่ต้องการทำให้พวกหมอกังวลมากขนาดนี้
หลังจากให้สิทธิการสั่งการกับแผนกฉุกเฉินอย่างชัดเจนผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็นั่งคนเดียวที่มุมเหมือนญาติของผู้ป่วยทั่วไปคนอื่นๆ
โจวซินเยียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอก เขากังวลมากที่สุดเมื่อผู้อำนวยการโรงพยาบาลถามคำถามตรงประเด็นและขอความเห็น
ด้วยนิสัยของหลิงรัน เขาอาจปฏิเสธและวิพากษ์วิจารณ์ความคิดเห็นของแพทย์บางคน หลิงรันทำแบบนั้นเสมอในระหว่างการให้คำปรึกษากับผู้ป่วยและมันทำให้แพทย์บางคนไม่พอใจ
อย่างไรก็ตามแพทย์ที่เข้ารับคำปรึกษามักจะมีอันดับต่ำกว่าหลิงรันและหลิงรันมีสถานะที่สูงกว่าพวกเขามาก ดังนั้นหลิงรันไม่ได้สนใจคำวิพากษ์วิจารณ์พวกเขาอยู่แล้ว
แต่การวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นในห้องให้คำปรึกษาและการวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นที่แผนกฉุกเฉินต่อหน้าทุกคนจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง บางคนอาจจะเกลียดเขาไปทั้งชีวิตก็เป็นได้
นอกจากนี้ โจวซินเยียนยังกลัวที่จะถูกถามคำถามด้วย มันจะน่าอึดอัดมากถ้าเขาไม่สามารถตอบต่อหน้าทุกคนได้
เป็นเรื่องปกติถ้าคนหนุ่มสาวไม่สามารถตอบคำถามที่เข้ามาอย่างกระทันหันได้ แต่เรื่องนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับแพทย์ที่ทำงานมานานแล้วอย่างหมอโจวซินหยัยน สำหรับชายวัยกลางคนที่อายุสี่สิบเศษสถานการณ์ที่น่าอึดอัดแบบนั้นคงไม่เหมาะกับเขาแน่นอน…
“ รถพยาบาลสามคันรวมเป็นห้าคน การส่งผู้ป่วยสำหรับรถพยาบาลคันแรกคือสามนาที มีผู้ป่วยมีแผลเปิดในช่องท้องและเสียเลือดสูงขึ้นยังมีสติความดันโลหิต 110 จังหวะการเต้นของหัวใจ 111 …” หัวหน้าพยาบาลรีบนำ เหนืองานนี้ต่อหน้างานต้อนรับ เธอฟังในขณะที่เธอรายงาน เธอยังถามแพทย์ในคำถามเกี่ยวกับรถพยาบาล
พยาบาลอาวุโสที่อยู่ในแผนกฉุกเฉินมานานกว่ายี่สิบปีสามารถสังเกตและเข้าใจอาการของผู้ป่วยได้ดีกว่าแพทย์ด้วยซ้ำ เธอแค่อาจไม่มีความรู้พื้นฐานบางเรื่องตอนเรียนเท่านั้น แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าจะต้องรักษาด้วยวิธีการอะไร
พวกหมอเริ่มคิดทันทีเมื่อพวกเขาได้ยินค่าตัวเลขของผู้ป่วย
“มีการยืนยันตัวตนของผู้ป่วยในรถพยาบาลทุกคันหรือไม่” ผู้อำนวยการฮวง กล่าวเสริม
“ได้รับการยืนยันแล้วผู้ป่วยในรถพยาบาลคันแรก ชื่อ จินซู่เจิน ผู้ป่วยอายุยี่สิบเจ็ดปี” หัวหน้าพยาบาลพยักหน้าให้ผู้อำนวยการฮวง ด้วยท่าทางที่แทบจะสังเกตไม่เห็น
ผู้อำนวยการฮวงเองก็เข้าใจเธอดี เขารู้ว่าผู้ป่วยเป็นหลานชายของผู้อำนวยการโรงพยาบาล
“ แล้วรถพยาบาลอีกสองคันล่ะ?”
“รถพยาบาลคันที่สองพาแฟนของ จินซวนเซิน มีอาการกระดูกหักหลายจุดเลือดออกมากและอาการโคม่ารถพยาบาลคันที่สามมีเพื่อนสองคนของ จินซวนเซิน คนหนึ่งมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยอีกคนหนึ่งมีอาการกระดูกหัก … “
“เอาล่ะให้เรามอบหมายหน้าที่ก่อนนะ” ผู้อำนวยการฮงวเข้าสู่โหมดการทำงาน เขาแต่งตั้งแพทย์จากแผนกของเขาในขณะที่เขาเรียกทุกแผนกเพื่อขอคำปรึกษา
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนั่งอยู่คนเดียวที่มุมโดยไม่พูดอะไรสักคำ
หลักการของการตื่นตระหนกเนื่องจากการดูแลเรื่องบางเรื่องมากเกินไปเป็นสิ่งที่แพทย์รู้มากที่สุด แม้ว่าแพทย์มักต้องการให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ครอบครัวของพวกเขา แต่บางครั้งแพทย์ที่ดีที่สุดอาจไม่ใช่แพทย์ที่เหมาะสมที่สุด แพทย์ที่มักต้องการความช่วยเหลือจากผู้บังคับบัญชาอาจไม่เหมาะสมที่จะทำการผ่าตัดให้กับสมาชิกในครอบครัวของผู้นำ หากพวกเขาคิดมากเกินไปพวกเขามักจะชะลอการรักษา
ผู้อำนวยการฮวง พาคนกลุ่มหนึ่งมาคุยกันในห้องประชุมเล็ก สภาพแวดล้อมแบบปิดทำให้ผู้คนเหล่านั้นวิตกกังวลมากขึ้น อย่างไรก็ตามน้ำเสียงของ ผู้อำนวยการฮวงนั้นอ่อนโยนและร้อยเรีนงถ้อยคำไว้ดีมาก และเขาให้ความรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่เรียนรู้และละเอียดอ่อน
“นายพลที่ได้รับการขัดเกลาในสนามรบคือ จางเฟยที่บ้านพักคนชรา” เป็นคำอธิบายที่สมบูรณ์แบบสำหรับแพทย์ทหารเก่าอย่างผู้อำนวยการฮวง
“ ช่วยชีวิตเขาก่อนที่จะรักษาอาการบาดเจ็บจัดลำดับความสำคัญสองเรื่องอย่างแรกควบคุมการตกเลือดประการที่สองป้องกันการไหลเวียนโลหิตที่ล้มเหลว
“ หลังจากแก้ไขอันตรายหลักแล้วให้จัดการกับอาการบาดเจ็บที่อวัยวะและกระดูกหัก
“ ทุกแผนกต้องกระจายกำลังคนให้ดีโดยเฉพาะแผนกออร์โธปิดิกส์และแผนกศัลยกรรมมือพวกนายมีงานต้องทำมากกว่านี้”
ผู้อำนวการฮวงอธิบายการเตรียมการสำหรับการรักษาเป็นครั้งแรกก่อนที่เขาจะมองไปที่หัวหน้าแพทย์ที่ได้รับการส่งมาจากแผนกตับและท่อทางเดินปัสสาวะและการผ่าตัดตับอ่อนและกล่าวว่า “หากจำเป็นต้องผ่าตัดตับเราจะมอบหมายให้หมอหลิง”
ตอนนี้เขาไม่จำเป็นยอมให้ผู้อื่นทำการผ่าตัดแทนแล้ว หลิงรันสามารถผ่าตัดตับได้เร็วขึ้นและดีขึ้น หากเขาพยายามกอบกู้ศักดิ์ศรีของเหอหยวนเจิ้งและให้หัวหน้าแพทย์ผู้ช่วยทำการผ่าตัดตับแทนหลิงรันนั่นหมายความว่าผู้อำนวยการฮวงกำลังเพิกเฉยต่อความปลอดภัยของหลานชายของผู้อำนวยการโรงพยาบาล นอกจากนี้เหอหยวนเจิ้ง ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่ถึงขนาดที่ผู้อำนวยการฮวง จำเป็นต้องรักษาศักดิ์ศรีของเขาไว้
โดยธรรมชาติแล้วเหอหยวนเจิ้งก็รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวดังนั้นเขาจึงใช้เหตุผลที่เขากำลังทำการผ่าตัดเป็นข้ออ้างและไม่ปรากฏตัว เขาส่งหัวหน้าแพทย์ผู้ช่วยแทน
หัวหน้าแพทย์ผู้ช่วยยืนอยู่ท่ามกลางหัวหน้าแพทย์และยิ้มโดยไม่พูดอะไรที่ไร้ประโยชน์ออกมา
เนื่องจากการเป็นแพทย์เป็นอาชีพที่พวกเขาต้องพึ่งพาทักษะการรักษาเป็นอย่างมากทักษะจึงมักจะโดดเด่นกว่าในอาชีพของพวกเขาเมื่อเทียบกับคุณสมบัติของพวกเขาและนั่นเป็นสิ่งที่น่าอึดอัดสำหรับอาชีพของพวกเขา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแพทย์จากแผนกใดแผนกหนึ่งหรือเฉพาะทาง พวกเขาจะต้องเป็นอันดับต้น ๆ ในสาขาของพวกเขาไม่เช่นนั้นแม้ว่าเขาจะเป็นผู้อำนวยการแผนก เองเขาก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากเมื่อทักษะของหลิงรันดีขึ้นจนแพทย์คนอื่นๆพูดถึงเรื่องนี้การหนาหู
ด้วยเหตุนี้ผู้อำนวยการแผนกบางคนในโรงพยาบาลบางแห่งจึงเข้ารับการผ่าตัดใหญ่บางส่วนและไม่อนุญาตให้แพทย์คนอื่นเข้ามามีส่วนร่วมในการผ่าตัดเหล่านั้น
ไม่ว่าแพทย์จะเก่งแค่ไหนถ้าเขาไม่มีโอกาสได้รับการผ่าตัดเขาก็จะไม่สามารถทำการผ่าตัดได้อย่างเป็นธรรมชาติ ดังนั้นการผูกขาดทางเทคโนโลยีจึงกลายเป็นเทคนิคสำหรับแพทย์ในการรักษาตัวเองให้เหนือกว่าคนอื่นในแง่ของทักษะ
อย่างไรก็ตามเมื่อพบแพทย์จากโรงพยาบาลอื่นหรือแพทย์ที่กลับมาจากต่างประเทศการผูกขาดทางเทคโนโลยีแบบนี้ก็ไม่มีความหมาย
เหอหยวนเจิ้งเคยเจอสถานการณ์แบบนี้จริงๆ
เขาเคยคนที่เก่งมาในการผ่าตัดตับให้กับโรงพยาบาลหยุนหัว แต่ถ้าหลิงหรันยังคงได้รับโอกาสผ่าตัดนี้ต่อไป เขาอาจต้องเปลี่ยนความเชี่ยวชาญของเขาไปที่ตับอ่อนแทน
แต่โชคยังดีที่หลิงรันสนใจแต่การผ่าตัดเท่านั้น โดยไม่สนใจเงินที่จะได้ด้วยศ้ำ ดังนั้นเหอหยวนเจิ้งจึงยังพอรับได้กับเรื่องนี้ไม่งั้น เหอหยวนเจิ้งในฐานะผู้อำนวยการแผนกคงจะออกมาประท้วงกับสิ่งที่หลิงรันทำแล้ว
ผู้อำนวยการฮวง เหลือบมองไปรอบ ๆ และเขาก็เตรียมการต่อเมื่อไม่เห็นความคิดเห็นใด ๆ ที่เป็นปฏิปักษ์
สามนาทีผ่านไปในพริบตา
ผู้อำนวยการฮวง ยุติการให้คำปรึกษาตรงเวลา จากนั้นเขาก็พาผู้คนออกไป พวกเขาเปลี่ยนชุดใหม่และสวมถุงมือเพื่อรอให้รถพยาบาลมาถึงบริเวณแผนกต้อนรับ
หลิงรัน เดินตามหลัง ผู้อำนวยการฮวง โดยไม่พูดอะไร
เขาจะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของผู้ป่วยเพื่อที่จะรู้ว่าเขาสามารถทำงานได้หรือไม่
ในตอนนี้เขายังไม่สามารถทำการผ่าตัดทั้งหมดในแผนกศัลยกรรมทั่วไปได้อย่างอิสระ ในความเป็นจริงเขายังห่างไกลจากจุดมุ่งหมายนี้
ก่อนที่เขาจะสามารถครอบคลุมการผ่าตัดทั่วไปทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์เขายังคงต้องทำงานเป็นทีมเพื่อการช่วยชีวิตที่เกี่ยวข้องกับบาดแผลเปิดในช่องท้อง
ในไม่ช้ารถพยาบาลคันแรกก็มาถึง
พยาบาลชายสองคนของแผนกฉุกเฉินพุ่งเข้าหามันทันที
ผู้อำนวยการฮวงก็เดินไปข้างหน้า เขาใช้ไฟฉายขนาดเล็กเพื่อตรวจดูรูม่านตาของผู้ป่วยขณะฟังรายงานของแพทย์ เขาตามพวกเขาไปที่ห้องกู้ชีพในขณะที่เขาสั่งยา
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอดไม่ได้ที่จะยืนขึ้นและเดินไปที่ห้องกู้ชีพ แต่เขาหยุดอยู่ตรงนั้นโดยไม่ได้เดินเข้าไป
ภายในห้องกู้ชีพ ผู้อำนวยการฮวงวางคำสั่งของเขาตามนั้น คนเหล่านั้นที่รู้สึเสียสูญเล็กน้อยในไม่ช้าก็กลับมาทบทวนตัวเอง
“ตับแตก”
“ ม้ามแตก”
“กระเพาะปัสสาวะแตกและกระดูกเชิงกรานหัก”
หัวหน้าแพทย์สองคนรายงานขณะตรวจและรักษาผู้ป่วย การแสดงออกของพวกเขามืดมน
อาการบาดเจ็บนั้นซับซ้อนกว่าที่พวกเขาคาดไว้
“หลิงรันนายจะจัดการกับอาการตับแตก” ผู้อำนวยการฮวง ตะโกนและยอมแพ้ตำแหน่งของเขา
หลิงรันบีบตัวเข้าไปในช่องว่างโดยเอียงร่างของเขา เขายกแขนขึ้นและมองเป็นเวลาสองวินาทีก่อนที่จะสอดมือเข้าไปในช่องท้องของคนไข้โดยไม่ลังเลใด ๆ
ด้วยทักษะการควบคุมเลือดระดับสมบูรณ์แบบ จะเหมาะสมที่สุดในการจัดการกับกรณีที่น่าเบื่อเช่นนี้
ดวงตาของผู้อำนวยการฮวงกระตุก กับผู้อำนวยการโรงพยาบาลในจุดนั้นเขาไม่กล้าขอให้ หลิงรัน ดำเนินการรักษาและทำการควบคุมการตกเลือกด้วยมือเปล่า สำหรับหลิงรันในตอนนี้มีงานมากเกินไป การที่เขาจะต้องทำหน้าที่การควบคุมการตกเลือดด้วยมือเปล่าไม่สามารถหยุดเลือดได้ ถ้าเขาออกคำสั่ง แต่หลิงรันไม่สามารถทำได้มันจะทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ นอกจากนี้การควบคุมการตกเลือดด้วยมือเปล่าสามารถใช้ได้ในบางกรณีเท่านั้นดังนั้นเขาจึงไม่แน่ใจว่าวิธีนี้ใช้ได้ผลกับผู้ป่วยหรือไม่
สิ่งที่ผู้อำนวยการฮวง ไม่คาดคิดคือ หลิงรันจะใช้มันโดยไม่ลังเลใด ๆ
“ เป็นยังไงบ้าง” ผู้อำนวยการฮวง อดไม่ได้ที่จะถาม
“ ผมควบคุมมันได้ เขาต้องผ่าตัดตับและผ่าตัดม้าม” หลิงรันตอบทันที
“ควบคุมการตกเลือด” ผู้อำนวยการฮวง ให้คำสั่งนี้กับเขาก่อนที่เขาจะถามคำถามกับคนอื่น ๆ จากนั้นเขาถอดถุงมือและออกไปจากห้องกู้ชีพเพื่อแจ้งให้ครอบครัวของผู้ป่วยทราบ
หลิงรันพยักหน้าและเริ่มทำแผนที่โครงสร้างทางกายวิภาคของผู้ป่วยตามสิ่งที่เขารู้สึกผ่านนิ้วของเขา